ขอคำอธิบายให้กับกู้หยุนหลาน?คุณท่านกู้ตกตะลึง เขาไม่รู้เลยว่าหวังฉางเห้อกำลังพูดถึงอะไร“ประธานหวัง คุณหมายความว่ายังไง?” คุณท่านกู้ถามด้วยความงุนงงหวังฉางเห้อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และพูดว่า “คุณเป็นคนถอดตำแหน่งรองประธานของกู้หยุนหลาน และไล่เธอออกจากบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมใช่ไหม?”“นี่เป็นเพราะหยุนหลานรังแกเมิ่งเหยา ผมเป็นคนรักษาความยุติธรรมแม้เธอจะเป็นคนในครอบครัว ประธานหวัง คุณไม่ต้องกังวลเลยครับ ถ้าคุณคิดว่า การลงโทษครั้งนี้ยังไม่เพียงพอ บอกผมมาได้เลย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองตระกูล และเพื่อไม่ให้กระทบต่อการลงทุนด้วยครับ"คุณท่านกู้ยิ้ม สีหน้าของเขานั้นช่างดูไร้ยางอาย และไม่มีความละอายแก่ใจเลยแต่ว่าสีหน้าของหวังฉางเห้อแย่ลง และเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ผมหมายถึง ต้องการให้คืนตำแหน่งของกู้หยุนหลานในฐานะรองประธาน ส่วนเรื่องความร่วมมือในการลงทุนระหว่างตระกูลหวังของผมกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม จากนี้ไปจะต้องให้รองประธานกู้เป็นคนดูแล"ซี้ดด!ทุกคนในห้องประชุมสูดหายใจเข้า!นี่ แบบนี้มันหมายความว่าอะไร?หวังฉางเห้อบ้าไปแล้วเหรอ?ลูก
ทั้งความร่วมมือกับตระกูลหวัง และตำแหน่งรองประธาน จู่ ๆ ทั้งหมดมันก็หายไปภายในพริบตาเดียว แล้วตำแหน่งของกู้ซิ่งเหว่ยในบริษัทก็จะตกต่ำลงด้วย!สุดท้ายคุณท่านกู้ก็พ่นลมออกอย่างเย็นชา และตะโกนว่า "พอได้แล้ว! เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อเซ็นสัญญาขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปให้สำเร็จ แกก็ต้องเก็บอารมณ์ของแกด้วย และต้องช่วยหยุนหลานให้มาก ๆ เข้าใจไหม?”หลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็หันหลังกลับเดินออกไปกู้หยุนหลานมองดูกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังโกรธด้วยสายตาเย็นชา เธอหันหลังกลับและพาหลี่โม่ออกไปดวงตาของกู้ซิ่งเหว่ยแดงก่ำ เขาทุบโต๊ะประชุมด้วยความโกรธ และตะโกนด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "กู้หยุนหลาน หลี่โม่ ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!"อีกด้าน กู้หยุนหลานพาหลี่โม่ออกจากบริษัท ที่หน้าประตูบริษัท เธอก็หยุด และหันกลับมาถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า "หลี่โม่ บอกฉันมาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับคุณไหม?"หลี่โม่รู้ว่ากู้หยุนหลานจะต้องถามแบบนี้ เขายักไหล่ และยิ้มอย่างแผ่วเบา "ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ?"กู้หยุนหลานตอบว่า "เมื่อกี้ไม่มีใครสังเกตเห็นคุณ
กู้หยุนหลานเงียบ เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงมีความคิดแบบนี้หากคิดตามที่จินช่านน่าบอกว่า ในเมืองฮั่นมีบัตรเชิญสีทองเพียงสิบใบเท่านั้น!ถ้าฉวีเทียนไห่ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญ แล้วทำไมหลี่โม่ถึงได้รับล่ะ?จินช่านน่ายิ้ม เธอเหลือบมองด้านหลังของหลี่โม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างเย็นชา รู้สึกรังเกียจมาก และพูดว่า "ไม่เอาน่าหยุนหลาน ฉันรู้ว่าเธอหวังเสมอว่า หลี่โม่จะประสบความสำเร็จ แต่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิง ทำไมเธอถึงเพ้อฝันว่าเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น? ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วสิ่งที่เขาทำที่ซีซาร์พาเลซจะดีมาก แต่มันก็เป็นเพียงความภาคภูมิใจของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนอื่น”ทันใดนั้น หลี่โม่ก็เดินมาถึงพร้อมกับจานผลไม้ที่หั่นแล้ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพิ่งปอกสด ๆ เลย”จินช่านน่าเหลือบมองหลี่โม่ เธอยกบัตรเชิญในมือขึ้น แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า "หลี่โม่ ฉันขอถามนายหน่อย นายได้รับบัตรเชิญใบนี้มาหรือเปล่า?"หลี่โม่หัวเราะคิกคัก เขาไม่ได้ตอบ แต่มองไปที่กู้หยุนหลาน แล้วพูดว่า "ไปเถอะ โอกาสดี ๆ แบบนี้หายาก อย่าถามผมเลย"กู้หยุนหลานตัวสั่นเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วพลางมองไปที่หลี่โม่
จากนั้น ทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องแสดงดนตรีพร้อมกับบัตรเชิญแน่นอนว่าฉวีเทียนไห่ไม่ได้สังเกตเห็นบัตรเชิญสีทองในมือของกู้หยุนหลาน เขาคุยโอ้อวดต่อหน้าพวกเธอ และบอกว่าคราวนี้เขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะได้รับบัตรเชิญนี้มา และยังบอกว่าหลังจากจบคอนเสิร์ต เขามีเซอร์ไพรส์ให้กู้หยุนหลานด้วยกู้หยุนหลานและจินช่านน่าเดินตามหลังฉวีเทียนไห่ไป หลายครั้งที่จินช่านน่าที่อยู่ข้างหลังทำท่าทางตามการกระทำของฉวีเทียนไห่ และพูดย้ำคำพูดของเขาสิ่งนี้ทำให้ฉวีเทียนไห่รู้สึกปวดหัว และหลายครั้ง ๆ แทบจะอดกลั้นไว้ไม่ไหวโชคดีที่กู้หยุนหลานพูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า "พวกเราอยู่แถวแรก"กู้หยุนหลานเหลือบมองไปรอบ ๆ เพื่อหาตำแหน่งแถวแรก และเธอก็เห็นว่าตำแหน่งที่นั่งของเธอมีวิวสวยมาก และมีเพียงสิบที่นั่งเท่านั้นซึ่งมันห่างจากแถวที่สองด้านหลังออกไปสองเมตรมันเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นมากที่สุดของกลุ่มผู้ชมฉวีเทียนไห่มองไปที่กู้หยุนหลาน และจินช่านน่า แล้วถามด้วยความสงสัยว่า "พวกคุณอยู่แถวแรกเหรอ?"จากนั้นเขาก็ก้มดู แล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในแถวที่สี่ แต่ทำไมกู้หยุนหลานถึงได้อยู่แถวแรก?นี่มันหมายความว่าอะไร?จากน
ฉวีเทียนไห่รีบใช้โอกาสนี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หยุนหลาน แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ผมส่งให้คุณ แล้วยังเซอร์ไพรส์อีกอย่างให้ด้วยนะ แต่คาดไม่ถึงว่าผู้จัดการหลินจะมาที่นี่ด้วย”ขณะพูด เขามองหลินชิงหานอย่างซาบซึ้งและพูดว่า “ผู้จัดการหลิน คุณสุภาพเกินไปแล้วนะครับ”ใบหน้าของหลินชิงหานเรียบเฉย เธอเหลือบมองฉวีเทียนไห่และถามว่า “บัตรเชิญนี่ คุณเป็นคนส่งมาเหรอคะ?”ฉวีเทียนไห่ตกใจเล็กน้อย จึงถามว่า “จะไม่ใช่ผมได้ยังไงล่ะครับ? ผู้จัดการหลิน คุณต้องล้อเล่นแน่ ๆ ผมน่ะจ่ายเงินเพิ่มตั้งสองเท่านะ!”หลินชิงหานหัวเราะขณะเดียวกัน มีเสียงหอบดังมาจากด้านหลัง จนทุกคนหันหลังมาดู “ผู้จัดการหลินครับ บัตรเชิญจากคุณฉวีเทียนไห่ไม่ได้รับการส่งครับ เนื่องจากที่อยู่ไม่ถูกต้อง”พนักงานชายในชุดทำงานวิ่งเหยาะ ๆ มา พร้อมถือบัตรเชิญสีขาวธรรมดา ๆ ในมือฉวีเทียนไห่ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “คุณพูดอะไรน่ะ? บัตรเชิญนี่เป็นของผมไม่ใช่เหรอ?”เมื่อพนักงานเห็นว่า ฉวีเทียนไห่อยู่ตรงนั้น เขาก็ขอโทษทันทีและพูดว่า “คุณชายฉวี ผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่ว่าที่อยู่ที่คุณทิ้งไว้ไม่ถูกต้องจริง ๆ บัตรเชิญนี้จึงไม่ได้ถูกส่งออกไปครับ”ความเงียบงั
“แน่นอนครับ คุณกู้หยุนหลานมีความสามารถ ฉลาด และยังมีความชื่นชอบเรื่องเปียโน ผมจึงอยากรับคุณเอาไว้ เพื่อมาเป็นลูกศิษย์น่ะครับ” คุณโจ ฮิซาอิชิกล่าวด้วยรอยยิ้มกู้หยุนหลานมีความสุขจนแทบจะเป็นลมคุณโจ ฮิซาอิชิต้องการรับเธอเป็นลูกศิษย์!จนกระทั่งออกมาจากห้องรับรอง กู้หยุนหลานยังคงรู้สึกเหมือนฝันไป เธอจึงพูดกับจินช่านน่าว่า “นาน่า ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม? ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนของคุณโจ ฮิซาอิชิแล้ว”จินช่านน่ายังพูดด้วยความอิจฉา “ไม่เลย ไม่เลยสักนิด นี่เป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ? คุณโจ ฮิซาอิชิ ไม่รับนักเรียนมาห้าปีแล้วนะ ทำไมเขาถึงรับเธอเป็นนักเรียนเอาตอนนี้ล่ะ? ยังไม่รวมเรื่องบัตรเชิญนั่นอีก จะอธิบายยังไงล่ะ?”เมื่อกู้หยุนหลานคิดตามคำถามนี้เท่านั้น การแสดงออกของเธอก็ต่างไปจากเดิมทันที เธอกลับมาสงสัยมาก พร้อมส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้ามันไม่ได้มาจากฉวีเทียนไห่ แล้วใครเป็นคนส่งมาล่ะ?”“นี่ กู้หยุนหลาน เธอบอกฉันมานะว่า เธอแอบไปไปมีกิ๊กกับคนรวยที่ไหนหรือเปล่า?” จินช่านน่าแกล้งถามเชิงล้อทำให้กู้หยุนหลานเขินจนหน้าแดง เธอพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระสิ ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”ทั้งสองเง
บรรยากาศเงียบสงัด!กู้หยุนหลานเหยียบรองเท้าส้นสูงและเดินไปจนสุดทาง สายตาของเธอจ้องไปที่หลินชิงหาน พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ขอโทษนะคะ ผู้จัดการหลิน ฉันขอรบกวนคุณสักครู่ค่ะ พอดีมีเรื่องจะถามนิดหน่อยค่ะ”หลินชิงหานรู้สึกสงสัย ใบหน้าของเธอก็ดูงง ๆ ไปด้วย ทำไมคุณกู้ถึงกลับมาอย่างกะทันหันแบบนี้?หรือว่าจะเป็นเรื่องคุณหลี่...เมื่อหันไปมอง หลินชิงหานก็ประหลาดใจ ด้านหลังของเธอไม่มีหลี่โม่แล้ว มีแค่หน้าต่างและม่านที่เปิดอยู่ นอกจากนั้น เฉียวเจิ้งหลงก็กำลังยืนชื่นชม คุณโจ ฮิซาอิชิด้วยใบหน้าที่แสดงความรู้สึกทึ่งกู้หยุนหลานหันกลับมา และยิ้มให้ คุณโจ ฮิซาอิชิเล็กน้อย “อาจารย์คะ”คุณโจ ฮิซาอิชิโล่งใจ เขาหันหน้าไปยิ้มให้กู้หยุนหลาน“ท่าน… ท่านเฉียว” กู้หยุนหลานเห็นเฉียวเจิ้งหลงยืนอยู่ข้าง ๆ และวันนี้เธอก็ได้พบเขาที่นี่เฉียวเจิ้งหลงก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า แล้วหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาพูดว่า “พวกคุณคุยกันไปนะครับ ผมขอตัวไปสูบบุหรี่สักหน่อย”พูดจบ เขาก็เดินไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ มองลงไป ก็เห็นผู้ชายรูปหล่อหันมายิ้มให้หวาดเสียวมาก!ทักษะของคุณหลี่นี่ ช่างน่าหวาดเสียวจริง ๆ !นี่ชั้น 3 ข
หลี่โม่ผงะ เขายิ้มมุมปาก พร้อมแตะที่หน้าผากของกู้หยุนหลาน แล้วพูดว่า “ก็ไม่มีไข้นะ ทำไมจู่ ๆ ถึงมาถามอะไรแบบนี้ล่ะ บัตรนั่นไม่ใช่ของฉวีเทียนไห่หรอกเหรอ?”อารมณ์ร้อนของกู้หยุนหลายก็ถูกระบายออกมา ดวงตาของเธอค่อย ๆ หรี่ลง และเธอก็ปล่อยมือของหลี่โม่นั่นน่ะสิ นี่เธอคิดอะไรอยู่?จะเป็นหลี่โม่ได้อย่างไร?กู้หยุนหลานดูเหม่อลอย และเหนื่อยล้า เธอพูดว่า "ไม่เป็นไร ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ฉันไปพักผ่อนก่อนนะ"หลี่โม่มองตามหลังของกู้หยุนหลาน และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้‘หยุนหลาน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกคุณนะ เพียงแต่ว่าผมมีเรื่องที่พูดไม่ได้เหมือนกัน’‘แดนมังกร ปัญหาทั้งภายในและภายนอก ผมไม่อยากจะลากคุณเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้’‘เมื่อผมมีกำลังอำนาจพอที่จะปกป้องคุณและซีซี ผมจะบอกคุณทุกอย่างเอง’วันรุ่งขึ้น หวังฟางนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น และพูดคุยกับกู้เจี้ยนหมินเรื่องการนัดบอดให้กู้หยุนหลานบนโต๊ะกาแฟ มีรูปถ่ายมากมายที่เธอได้มาจากบริษัทจัดหาคู่ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีฐานะในเมืองฮั่น“นี่ คุณดูรูปพวกนี้สิ พวกเขาทั้งหล่อ ทั้งมีความสามารถมาก มาจากครอบครัวที่ดี และพวกเขาก็มีฐานะการเงินดีด้วย”“ยังม
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา