ทั้งความร่วมมือกับตระกูลหวัง และตำแหน่งรองประธาน จู่ ๆ ทั้งหมดมันก็หายไปภายในพริบตาเดียว แล้วตำแหน่งของกู้ซิ่งเหว่ยในบริษัทก็จะตกต่ำลงด้วย!สุดท้ายคุณท่านกู้ก็พ่นลมออกอย่างเย็นชา และตะโกนว่า "พอได้แล้ว! เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อเซ็นสัญญาขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปให้สำเร็จ แกก็ต้องเก็บอารมณ์ของแกด้วย และต้องช่วยหยุนหลานให้มาก ๆ เข้าใจไหม?”หลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็หันหลังกลับเดินออกไปกู้หยุนหลานมองดูกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังโกรธด้วยสายตาเย็นชา เธอหันหลังกลับและพาหลี่โม่ออกไปดวงตาของกู้ซิ่งเหว่ยแดงก่ำ เขาทุบโต๊ะประชุมด้วยความโกรธ และตะโกนด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "กู้หยุนหลาน หลี่โม่ ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!"อีกด้าน กู้หยุนหลานพาหลี่โม่ออกจากบริษัท ที่หน้าประตูบริษัท เธอก็หยุด และหันกลับมาถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า "หลี่โม่ บอกฉันมาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับคุณไหม?"หลี่โม่รู้ว่ากู้หยุนหลานจะต้องถามแบบนี้ เขายักไหล่ และยิ้มอย่างแผ่วเบา "ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ?"กู้หยุนหลานตอบว่า "เมื่อกี้ไม่มีใครสังเกตเห็นคุณ
กู้หยุนหลานเงียบ เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงมีความคิดแบบนี้หากคิดตามที่จินช่านน่าบอกว่า ในเมืองฮั่นมีบัตรเชิญสีทองเพียงสิบใบเท่านั้น!ถ้าฉวีเทียนไห่ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญ แล้วทำไมหลี่โม่ถึงได้รับล่ะ?จินช่านน่ายิ้ม เธอเหลือบมองด้านหลังของหลี่โม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างเย็นชา รู้สึกรังเกียจมาก และพูดว่า "ไม่เอาน่าหยุนหลาน ฉันรู้ว่าเธอหวังเสมอว่า หลี่โม่จะประสบความสำเร็จ แต่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิง ทำไมเธอถึงเพ้อฝันว่าเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น? ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วสิ่งที่เขาทำที่ซีซาร์พาเลซจะดีมาก แต่มันก็เป็นเพียงความภาคภูมิใจของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนอื่น”ทันใดนั้น หลี่โม่ก็เดินมาถึงพร้อมกับจานผลไม้ที่หั่นแล้ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพิ่งปอกสด ๆ เลย”จินช่านน่าเหลือบมองหลี่โม่ เธอยกบัตรเชิญในมือขึ้น แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า "หลี่โม่ ฉันขอถามนายหน่อย นายได้รับบัตรเชิญใบนี้มาหรือเปล่า?"หลี่โม่หัวเราะคิกคัก เขาไม่ได้ตอบ แต่มองไปที่กู้หยุนหลาน แล้วพูดว่า "ไปเถอะ โอกาสดี ๆ แบบนี้หายาก อย่าถามผมเลย"กู้หยุนหลานตัวสั่นเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วพลางมองไปที่หลี่โม่
จากนั้น ทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องแสดงดนตรีพร้อมกับบัตรเชิญแน่นอนว่าฉวีเทียนไห่ไม่ได้สังเกตเห็นบัตรเชิญสีทองในมือของกู้หยุนหลาน เขาคุยโอ้อวดต่อหน้าพวกเธอ และบอกว่าคราวนี้เขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะได้รับบัตรเชิญนี้มา และยังบอกว่าหลังจากจบคอนเสิร์ต เขามีเซอร์ไพรส์ให้กู้หยุนหลานด้วยกู้หยุนหลานและจินช่านน่าเดินตามหลังฉวีเทียนไห่ไป หลายครั้งที่จินช่านน่าที่อยู่ข้างหลังทำท่าทางตามการกระทำของฉวีเทียนไห่ และพูดย้ำคำพูดของเขาสิ่งนี้ทำให้ฉวีเทียนไห่รู้สึกปวดหัว และหลายครั้ง ๆ แทบจะอดกลั้นไว้ไม่ไหวโชคดีที่กู้หยุนหลานพูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า "พวกเราอยู่แถวแรก"กู้หยุนหลานเหลือบมองไปรอบ ๆ เพื่อหาตำแหน่งแถวแรก และเธอก็เห็นว่าตำแหน่งที่นั่งของเธอมีวิวสวยมาก และมีเพียงสิบที่นั่งเท่านั้นซึ่งมันห่างจากแถวที่สองด้านหลังออกไปสองเมตรมันเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นมากที่สุดของกลุ่มผู้ชมฉวีเทียนไห่มองไปที่กู้หยุนหลาน และจินช่านน่า แล้วถามด้วยความสงสัยว่า "พวกคุณอยู่แถวแรกเหรอ?"จากนั้นเขาก็ก้มดู แล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในแถวที่สี่ แต่ทำไมกู้หยุนหลานถึงได้อยู่แถวแรก?นี่มันหมายความว่าอะไร?จากน
ฉวีเทียนไห่รีบใช้โอกาสนี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หยุนหลาน แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ผมส่งให้คุณ แล้วยังเซอร์ไพรส์อีกอย่างให้ด้วยนะ แต่คาดไม่ถึงว่าผู้จัดการหลินจะมาที่นี่ด้วย”ขณะพูด เขามองหลินชิงหานอย่างซาบซึ้งและพูดว่า “ผู้จัดการหลิน คุณสุภาพเกินไปแล้วนะครับ”ใบหน้าของหลินชิงหานเรียบเฉย เธอเหลือบมองฉวีเทียนไห่และถามว่า “บัตรเชิญนี่ คุณเป็นคนส่งมาเหรอคะ?”ฉวีเทียนไห่ตกใจเล็กน้อย จึงถามว่า “จะไม่ใช่ผมได้ยังไงล่ะครับ? ผู้จัดการหลิน คุณต้องล้อเล่นแน่ ๆ ผมน่ะจ่ายเงินเพิ่มตั้งสองเท่านะ!”หลินชิงหานหัวเราะขณะเดียวกัน มีเสียงหอบดังมาจากด้านหลัง จนทุกคนหันหลังมาดู “ผู้จัดการหลินครับ บัตรเชิญจากคุณฉวีเทียนไห่ไม่ได้รับการส่งครับ เนื่องจากที่อยู่ไม่ถูกต้อง”พนักงานชายในชุดทำงานวิ่งเหยาะ ๆ มา พร้อมถือบัตรเชิญสีขาวธรรมดา ๆ ในมือฉวีเทียนไห่ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “คุณพูดอะไรน่ะ? บัตรเชิญนี่เป็นของผมไม่ใช่เหรอ?”เมื่อพนักงานเห็นว่า ฉวีเทียนไห่อยู่ตรงนั้น เขาก็ขอโทษทันทีและพูดว่า “คุณชายฉวี ผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่ว่าที่อยู่ที่คุณทิ้งไว้ไม่ถูกต้องจริง ๆ บัตรเชิญนี้จึงไม่ได้ถูกส่งออกไปครับ”ความเงียบงั
“แน่นอนครับ คุณกู้หยุนหลานมีความสามารถ ฉลาด และยังมีความชื่นชอบเรื่องเปียโน ผมจึงอยากรับคุณเอาไว้ เพื่อมาเป็นลูกศิษย์น่ะครับ” คุณโจ ฮิซาอิชิกล่าวด้วยรอยยิ้มกู้หยุนหลานมีความสุขจนแทบจะเป็นลมคุณโจ ฮิซาอิชิต้องการรับเธอเป็นลูกศิษย์!จนกระทั่งออกมาจากห้องรับรอง กู้หยุนหลานยังคงรู้สึกเหมือนฝันไป เธอจึงพูดกับจินช่านน่าว่า “นาน่า ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม? ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนของคุณโจ ฮิซาอิชิแล้ว”จินช่านน่ายังพูดด้วยความอิจฉา “ไม่เลย ไม่เลยสักนิด นี่เป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ? คุณโจ ฮิซาอิชิ ไม่รับนักเรียนมาห้าปีแล้วนะ ทำไมเขาถึงรับเธอเป็นนักเรียนเอาตอนนี้ล่ะ? ยังไม่รวมเรื่องบัตรเชิญนั่นอีก จะอธิบายยังไงล่ะ?”เมื่อกู้หยุนหลานคิดตามคำถามนี้เท่านั้น การแสดงออกของเธอก็ต่างไปจากเดิมทันที เธอกลับมาสงสัยมาก พร้อมส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้ามันไม่ได้มาจากฉวีเทียนไห่ แล้วใครเป็นคนส่งมาล่ะ?”“นี่ กู้หยุนหลาน เธอบอกฉันมานะว่า เธอแอบไปไปมีกิ๊กกับคนรวยที่ไหนหรือเปล่า?” จินช่านน่าแกล้งถามเชิงล้อทำให้กู้หยุนหลานเขินจนหน้าแดง เธอพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระสิ ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”ทั้งสองเง
บรรยากาศเงียบสงัด!กู้หยุนหลานเหยียบรองเท้าส้นสูงและเดินไปจนสุดทาง สายตาของเธอจ้องไปที่หลินชิงหาน พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ขอโทษนะคะ ผู้จัดการหลิน ฉันขอรบกวนคุณสักครู่ค่ะ พอดีมีเรื่องจะถามนิดหน่อยค่ะ”หลินชิงหานรู้สึกสงสัย ใบหน้าของเธอก็ดูงง ๆ ไปด้วย ทำไมคุณกู้ถึงกลับมาอย่างกะทันหันแบบนี้?หรือว่าจะเป็นเรื่องคุณหลี่...เมื่อหันไปมอง หลินชิงหานก็ประหลาดใจ ด้านหลังของเธอไม่มีหลี่โม่แล้ว มีแค่หน้าต่างและม่านที่เปิดอยู่ นอกจากนั้น เฉียวเจิ้งหลงก็กำลังยืนชื่นชม คุณโจ ฮิซาอิชิด้วยใบหน้าที่แสดงความรู้สึกทึ่งกู้หยุนหลานหันกลับมา และยิ้มให้ คุณโจ ฮิซาอิชิเล็กน้อย “อาจารย์คะ”คุณโจ ฮิซาอิชิโล่งใจ เขาหันหน้าไปยิ้มให้กู้หยุนหลาน“ท่าน… ท่านเฉียว” กู้หยุนหลานเห็นเฉียวเจิ้งหลงยืนอยู่ข้าง ๆ และวันนี้เธอก็ได้พบเขาที่นี่เฉียวเจิ้งหลงก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า แล้วหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาพูดว่า “พวกคุณคุยกันไปนะครับ ผมขอตัวไปสูบบุหรี่สักหน่อย”พูดจบ เขาก็เดินไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ มองลงไป ก็เห็นผู้ชายรูปหล่อหันมายิ้มให้หวาดเสียวมาก!ทักษะของคุณหลี่นี่ ช่างน่าหวาดเสียวจริง ๆ !นี่ชั้น 3 ข
หลี่โม่ผงะ เขายิ้มมุมปาก พร้อมแตะที่หน้าผากของกู้หยุนหลาน แล้วพูดว่า “ก็ไม่มีไข้นะ ทำไมจู่ ๆ ถึงมาถามอะไรแบบนี้ล่ะ บัตรนั่นไม่ใช่ของฉวีเทียนไห่หรอกเหรอ?”อารมณ์ร้อนของกู้หยุนหลายก็ถูกระบายออกมา ดวงตาของเธอค่อย ๆ หรี่ลง และเธอก็ปล่อยมือของหลี่โม่นั่นน่ะสิ นี่เธอคิดอะไรอยู่?จะเป็นหลี่โม่ได้อย่างไร?กู้หยุนหลานดูเหม่อลอย และเหนื่อยล้า เธอพูดว่า "ไม่เป็นไร ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ฉันไปพักผ่อนก่อนนะ"หลี่โม่มองตามหลังของกู้หยุนหลาน และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้‘หยุนหลาน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกคุณนะ เพียงแต่ว่าผมมีเรื่องที่พูดไม่ได้เหมือนกัน’‘แดนมังกร ปัญหาทั้งภายในและภายนอก ผมไม่อยากจะลากคุณเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้’‘เมื่อผมมีกำลังอำนาจพอที่จะปกป้องคุณและซีซี ผมจะบอกคุณทุกอย่างเอง’วันรุ่งขึ้น หวังฟางนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น และพูดคุยกับกู้เจี้ยนหมินเรื่องการนัดบอดให้กู้หยุนหลานบนโต๊ะกาแฟ มีรูปถ่ายมากมายที่เธอได้มาจากบริษัทจัดหาคู่ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีฐานะในเมืองฮั่น“นี่ คุณดูรูปพวกนี้สิ พวกเขาทั้งหล่อ ทั้งมีความสามารถมาก มาจากครอบครัวที่ดี และพวกเขาก็มีฐานะการเงินดีด้วย”“ยังม
ใบหน้าของกู้หยุนหลานเริ่มชา เมื่อได้ยินเรื่องนี้และพูดอย่างกังวลว่า “แม่คะ นี่แม่พูดอะไร? ทำไมถึงได้มีอคติกับหลี่โม่นัก?”ขณะพูด กู้หยุนหลานถือของเข้าไป เธอเหลือบมองหลี่โม่พร้อมส่งสายตาทำทีว่าอย่าโกรธเลยนะหวังฟางโกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่กับพี่สาวคนโตในทุกวันนี้ เธอรู้สึกอึดอัดมากทุกครั้งที่ถูกล้อเลียนเรื่องหลี่โม่ทำไมเธอต้องทนกับเรื่องคนที่ไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ด้วย!พูดง่าย ๆ คือ เธอไม่เคยทำดีกับหลี่โม่ เธอทั้งตวาดใส่เขา ทั้งสบถด้วยแววตาที่ดุร้าย “ดูมันสิ มองดูกี่ที ก็ทำหน้าอย่างกับคนตาย แบบนี้จะให้ฉันรับได้ยังไง?”หลังจากนั้น เธอก็พูดกับกู้หยุนหลาน “ลูกสาว ทำไมแกไม่ฟังแม่บ้าง? หลี่โม่สภาพแบบนี้ แกก็ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วจะทนอยู่กับเขาไปทำไมกัน อยากเสียเวลาไปทั้งชีวิตเหรอ? ฟังนะ ทั้งหมดนี่เป็นนัดบอดที่แม่หามาให้ พรุ่งนี้ลองไปดู ถ้าไม่ดีจริง ๆ ฉวีเทียนไห่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลี่โม่ก็เต้นแรงมากทีเดียว เขาแอบกำหมัด และสีหน้าของเขาก็เย็นชาเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม หวังฟางก็ไม่สนใจเลยสักนิด แถมยังพูดว่า “หยุนหลาน แกฟังฉันบ้างได้ไหม? รีบตัดความสัมพันธ