ในตอนนั้นกู้หยุนหลานก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย น้ำตาไหลออกมา เธอตะโกนโวยวายอยากจะรีบพุ่งเข้าไปแต่ก็โดนขัดขวางไว้ “ฮ่าฮ่า ตบได้ดี! ตบให้มันตาย!” หวังเมิ่งเหยายังคงหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ข้างนอก และตื่นเต้นอย่างมาก เหลือบมองอย่างภูมิใจแล้วพูดว่า “กู้หยุนหลาน เธอได้ยินไหม สามีที่ไร้ประโยชน์ของเธอกำลังถูกสั่งสอน!” หลายคนก็เริ่มส่ายหัว ตอนนี้หลี่โม่ชายคนนั้นจบสิ้นแล้ว ผิดใจกับหวังฮั่นเชาก็ถือว่าช่างเถอะ แต่ยังผิดใจกับเฉียวเย่อีก นั่นเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองชัด ๆ ในห้องสำนักงาน หวังฮั่นเชามึนไปทั้งศรีษะแล้วก็ได้ยินเสียงวิ๊ง ๆ ในหูเขา เขาจับหน้าแล้วมองด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ มองไปที่เฉียวเจิ้งหลงที่โกรธจัด และถามอย่างสั่นเทา“เฉียว...เฉียวเย่ ท่านตบผิดคนหรือเปล่า? ผมคือหวังฮั่นเชานะ คนต่ำช้านั้น...คนต่ำช้านั้นไม่เคารพคุณนะ” “หุบปาก!” เฉียวเจิ้งหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ จากนั้นในสายตาของหวังฮั่นเชาที่แทบไม่อาจเชื่อเลยตลอดชีวิตของเขา เฉียวเจิ้งหลงหันตัวกลับแล้วยืนนิ่ง และก้มหน้าแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “คุณชายหลี่ ผมต้องขอโทษด้วย เป็นเพราะผมสอนไม่ดี ปล่อยให้ลูกน้องทำร้ายท่าน โปรดท่านลงโ
ตอนนี้สมองของกู้หยุนหลานว่างเปล่า พยักหน้ารับอืม อืม แล้วปล่อยให้หลี่โม่กุมมือออกไป เพียงแต่ว่าหวังเมิ่งเหยาที่อยู่ด้านข้างรีบออกมา และตรงเข้าไปขวางทางหลี่โม่กับกู่หยุนหลาน เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า "แกออกมาได้ยังไง ทำไมแกถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ? เมิ่อกี้ใครเป็นคนถูกทุบตี?" เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่โม่เดินออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ หลี่โม่หันศีรษะจ้องไปที่หวังเมิ่งเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา และเตือนว่า "หลีกไป!" คำพูดง่าย ๆ สองคำทำให้หวังเมิ่งเหยาตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ช่างเป็นแววตาและแรงโกรธที่น่ากลัว! นี่คือสิ่งที่คนไร้ประโยชน์สามารถแสดงได้หรือ? สิ่งนี้ทำให้หวังเมิ่งเหยาทั้งหวาดกลัวและเกลียดชังในใจ เธอตรงเข้าไปตบหน้าหลี่โม่ทันที และตะโกนว่า "แกกล้าดุฉัน? พี่ชายของฉัน และเฉียวเย่ต่างก็อยู่ที่นี่ แกยังกล้าที่จะดุฉัน?" เพี๊ยะ! แต่ตบรอบนี้กลับลอยค้างอยู่กลางอากาศเพราะมันถูกจับไว้อย่างแน่น หลี่โม่ตรงเข้าไปบีบข้อมือของเธอด้วยแรงเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้หวังเมิ่งเหยากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “อย่าบังคับให้ฉันลงมือ!” หลี่โมพูดอย่างเย็นชาแล้วสะบัดมือหวังเมิ่งเหยาทิ้ง และกำลังจะจา
เห็นได้ชัดว่าหวังฮั่นเชาเป็นคนของเฉียวเย่ แต่ทำไมคนที่ออกมาสุดท้ายอย่างหวังฮั่นเชาถึงเต็มไปด้วยบาดแผล หรือว่าหลี่โม่มีความลับที่ซ่อนไม่ให้เธอรู้? หลี่โม่คิดอยู่ครู่หนึ่ง และยิ้มเบา ๆ ว่า “ผมก็ไม่รู้ หลังจากเข้าไป เฉียวเย่ก็มีข้อขัดแย้งกับหวังฮั่นเชาดูเหมือนว่ามีบางอย่างไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ผมแค่ยืนดูไปเรื่อย ๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตูคืออะไร ทำไมล่ะ คุณคงไม่คิดหรอกนะว่าเฉียวเย่ผู้นั้นรู้จักผมแล้วช่วยผมออกแรง”เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ความสงสัยของกู้หยุนหลานก็หายไป “ก็ได้ แต่เรื่องนี้ต้องลำบากแน่ ๆ หวังเมิ่งเหยาเป็นนักลงทุนในบริษัทของเรา กู้ซิ่งเหว่ยต้องพูดจาไร้สาระต่อหน้าคุณปู่แน่” กู้หยุนหลานดูเคร่งขรึม หลี่โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ก็แค่เปลี่ยนนักลงทุนรายอื่น นอกจากนี้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความผิดของหวังเมิ่งเหยา ไม่ต้องกังลเกินไป" “ทำไมถึงไม่กังวลล่ะ ล่วงเกินนักลงทุน แล้วฉันก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองประธาน ถ้าคุณปู่จะลงโทษ เขาอาจจะถอดตำแหน่งรองประธานของฉัน จากนั้นกู้ซิ่งเหว่ยก็สามารถกลับมาเป็นคนร้ายได้อีกครั้ง” กู้หยุนหลานดูเป็นกังวลมาก หลี่โม
จากนั้นทั้งผู้นำตระกูลหวัง และลูก ๆ ของเขาก็ออกจากบ้านเหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนในเมืองฮั่นต่างพากันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันทีเนื่องจากตระกูลหวังนั้นถือได้ว่า เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับสองในเมืองฮั่น และสถานะของพวกเขาในเมืองฮั่นนั้นเมื่อเทียบกับตระกูลกู้แล้วก็ถือว่าสูงกว่าไม่น้อยเลยในบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม ประเด็นของกู้หยุนหลานและสามีของเธอที่ได้ตบหวังฮั่นเชา และหวังเมิ่งเหยาแรง ถูกเผยแพร่ไปทั่วเมืองฮั่นราวกับไฟลามทุ่ง ทุกคนต่างตะลึง เมื่อได้ดูวิดีโอนั่นจากกลุ่มไลน์ พวกเขาทุกคนต่างพูดไม่ออก“โอ้โห! หลี่โม่นี่ช่างป่าเถื่อนจริง ๆ ไม่เหมือนคนกระจอกเลย แม้แต่เสือสาวอย่างหวังเมิ่งเหยายังถูกเขาตบเลย”“ฮ่าฮ่า มันก็เป็นแค่คนไม่เอาถ่าน จะไปทำอะไรได้ นี่ไม่ใช่ว่าตระกูลหวังกำลังจะไปที่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมเพื่อขอคำอธิบายเรื่องนี่หรอกเหรอ”“ใช่ คราวนี้กู้หยุนหลานแย่แน่ เพราะเธอมีสามีที่ไร้สมองแบบนี้ไง”ทุกคนพูดคุยกันในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ นานา ด้วยคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม และเย้ยหยันเกือบทุกคนเชื่อว่า คราวนี้ผู้นำตระกูลหวังพาลูกชายและลูกสาวไปที่ประตูเพื่อขอคำอธิบายส่วนทางนี
กู้หยุนหลานเลิกคิ้วขึ้น และมองไปที่หลี่โม่ด้วยสีหน้ากังวล "ทำยังไงดีหลี่โม่ ครั้งนี้เราเจอหายนะครั้งใหญ่แน่"ในใจของเธอเป็นกังวลมาก กู้ซิ่งเหว่ยจะต้องพูดใส่ร้ายเธอ และเป่าหูคุณปู่แน่ ไม่อย่างนั้นคุณปู่คงจะไม่โกรธมากขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้น หวังฉางเห้อผู้นำของตระกูลหวัง ยังขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องครอบครัวแบบเอาเป็นเอาตาย และครั้งนี้เธอกับหลี่โม่จัดการหวังเมิ่งเหยา ซึ่งตามนิสัยของหวังฉางเห้อ เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เรื่องนี้อย่างแน่นอนหลี่โม่มองดูท่าทีที่กังวลใจของกู้หยุนหลาน และเขายิ้มออกมาเล็กน้อย "ไม่เป็นไร ไปก็ไปสิ บางทีเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาอาจจะมาหาเราเพื่อขอโทษก็ได้"ตึกตักเมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจของกู้หยุนหลานก็สั่นระรัว เธอขมวดคิ้วพลางมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลี่โม่ และมองเขาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว และพูดว่า "ในเวลาแบบนี้ คุณยังจะเล่นตลกอีกนะ!"หลังจากนั้น เธอก็หยิบกระเป๋า และพูดคุยกับซีซีสองสามคำ แล้วเธอก็เดินหันหลังเดินออกไปเมื่อเห็นหลี่โม่เดินตามมา กู้หยุนหลานก็หันไปทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณอยู่ที่นี่กับซีซีเถอะ ฉันจะไปเอง"หลี่โม่ตัวสั่น และเขาก็เข้าใจความหมายเบื้องหล
ทันใดนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มพูดคุยกัน และทุกคนในห้องต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือเห็นด้วยกับคุณท่านกู้เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยเห็นฉากนี้ ในใจของเขาก็มีความสุขมาก สถานการณ์ตอนนี้ถูกตัดสินแล้ว!ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็มาถึงประตูของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมในขณะที่กู้หยุนหลานรีบเร่งฝีเท้า แต่หลี่โม่ที่เดินอยู่ข้างหลังก็ก้าวเดินอย่างช้า ๆ โดยไม่ตื่นตระหนกเลยแต่ก่อนที่กู้หยุนหลานจะได้เข้าไปในบริษัท เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนขวางทางไว้โดยไม่มีเหตุผล“รองประธานกู้ ผมขอโทษด้วย คุณไม่ได้เป็นสมาชิกของบริษัทอีกต่อไปแล้ว เมื่อกี้การประชุมของท่านประธานได้มีการตัดสินใจถอดคุณออกจากตำแหน่งรองประธาน คุณถูกไล่ออกแล้ว” การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชานี่มันอันตรายจริง ๆ และตอนนี้บริษัทก็อยู่ในภาวะตื่นตระหนกถ้าตระกูลหวังมาจริง ๆ พวกเขาคงจะซวยมากแน่เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ สีหน้าหน้าของเธอดูไม่เชื่อ และตะโกนว่า "คุณปู่ทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเข้าไป!"พูดจบ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปแต่การ์ดก็ผลักเธอออก และตะโกนว่า "ถ้าคุณบุกเข้ามาอีก พวกเราจะไม่เกรงใ
แต่เธอรู้ว่าหลี่โม่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ภายใต้เสื้อของเขาก็มีกล้ามหน้าท้องที่แข็งแรง และมีรอยแผลเป็นมากมายบนร่างกายของเขากู้หยุนหลานเคยถามหลี่โม่ แต่เขาก็เอาแต่ยิ้ม และอธิบายว่าเขาเคยทำงานในไซต์ก่อสร้างมาก่อน ส่วนรอยแผลเป็นบนร่างกายของเขา ทั้งหมดเป็นร่องรอยที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กกู้หยุนหลานรีบตะโกนว่า "หลี่โม่ พอแล้ว อย่าสร้างปัญหาอีก"หลี่โม่ก็ระงับความโกรธของเขาไว้ และถอยกลับไปยืนข้างกู้หยุนหลานอย่างเงียบ ๆขณะนี้ผู้ช่วยวิ่งเข้าไปในห้องประชุม และพูดกับคุณท่านกู้ว่า "ท่านประธานครับ กู้หยุนหลานกับหลี่โม่อยู่ที่ชั้นล่าง แต่..."“แต่อะไร?” กู้ซิ่งเหว่ยถาม“แต่หลี่โม่ก็จัดการกับการ์ดทั้งสามคนหมดเลยครับ เขาช่างอวดดีจริง ๆ” ผู้ช่วยพูดอย่างยุยงเพราะเขาเป็นคนของกู้ซิ่งเหว่ยเมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ทุบประชุมด้วยความโกรธ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า "คุณปู่ครับ ดูหลี่โม่นี่สิครับ ตอนนี้เขาจองหองแค่ไหน เขาไม่ได้ให้ความเคารพคุณปู่ ไม่เห็นบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมอยู่ในสายตาเลย เขาคงคิดว่า สุดท้ายเราก็ต้องยอมก้มหัวให้กับกู้หยุนหลาน และทำอะไรเขาไม
หวังฉางเห้อนำลูกสาวลูกชายวิ่งไปที่ประตูทันทีกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังโต้เถียงกับกู้หยุนหลานก็เลิกคิ้วขึ้น ทันทีที่เห็นคนที่วิ่งเข้ามา ความโกรธบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สุภาพในทันที และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย "คุณลุงหวัง มาแล้วเหรอครับ"หลังจากทักทายเสร็จ กู้ซิ่งเหว่ยก็เหลือบไปที่กู้หยุนหลาน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันหวังฉางเห้อมาแล้ว หลังจากนี้กู้หยุนหลานกับหลี่โม่จบเห่แน่!กู้ซิ่งเหว่ยเหยียดมือออกอย่างกระตือรือร้นเพื่อที่จะจับมือทักทายกับหวังฉางเห้อ หวังฉางเห้อหัวหน้าตระกูลหวัง ซึ่งถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยระดับสองในเมืองฮั่น เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลกู้ สถานะของพวกเขานั้นสูงกว่าหลายเท่านอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ลงทุนของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม ดังนั้นกู้ซิ่งเหว่ยจึงต้องระมัดระวังมากแต่ในวินาทีต่อมา กู้ซิ่งเหว่ยก็ต้องตกตะลึงเพราะหวังฉางเห้อเมินเขา และเดินตรงผ่านเขาไป หวังฉางเห้อรีบวิ่งไปหาหลี่โม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และยื่นมือออกมา แล้วพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ๆ ว่า "คุณชายหลี่ครับ ผมขอโทษครับ ผมมาที่นี่เพื่อชดใช้ความผิดของผมด้วยตัวเองครับ"ฉากนี้ทำให้ทั้งกู้ซ