ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่ได้เอ่ยอะไร เขาหยุดนิ่งๆ เพื่อให้วันเมษาขยับตัวก่อน จะได้เลี่ยงไปคนละทางกับเธอ
“ขอบคุณ” คนที่พึ่งอกหักเอ่ยขอบคุณทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าอยู่ ก่อนจะก้าวไปยังประตูห้องน้ำตรงหน้า และความที่ชุลมุนกันอยู่นานสองนาน ทำให้วันเมษาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองป้ายห้องน้ำให้ดี “คุณ! เดี๋ยว” เสียงของชายหนุ่มคนดังกล่าวเอ่ยทักขึ้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้วันเมษามายืนซึมกะทือ ก้มหน้าก้มตามองอ่างล้างมืออยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นห้องน้ำหญิงเรียบร้อย ส่วนผู้ชายที่กำลังยืนปัสสาวะอยู่ด้านหลัง ด้านข้างก็ต่างพากันยืนสงบนิ่ง ราวกับกำลังยืนเคารพธงชาติก็ไม่ปาน นั่นเพราะตอนนี้มีสุภาพสตรีผู้ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่นั่นเอง ธาวิน คือคนที่เอ่ยเรียกวันเมษาเมื่อครู่ แทนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปตามเธอให้ออกมาจากห้องน้ำชาย แต่กลับยืนอมยิ้ม กอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอเล่น รวมทั้งอยากเห็นหน้าของเธอเมื่อรู้ว่าเข้าห้องน้ำผิด จะเป็นยังไง ตอนนี้ภายในห้องน้ำชายดูจะเงียบผิดปรกติ กระทั่งเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เพราะเขาทนยืนนิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวแล้วนั่นเอง “คุณๆ…นี่มันห้องน้ำชาย คุณเข้ามาได้ยังไง” เสียงนั่นทำให้วันเมษาเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนในห้องน้ำ “อ้าวเหรอ ขอโทษทีนะคะ พอดีฉันไม่ได้มองป้าย” วันเมษาไม่ได้สะทกสะท้านกับการเดินเข้าห้องน้ำผิดแต่อย่างใด แม้จะเห็นก้นหรืออะไรต่อมิอะไรของบุรุษที่สะท้อนอยู่บนกระจกก็ตามที ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางเซ็งๆ เช่นเดิม “เข้าไปทำหน้ายังไง ออกมาก็ยังทำหน้าเดิมซะอย่างนั้น” ท่าทางของเธอทำให้ธาวินพลอยเซ็งไปด้วยอีกคน ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะอาหารที่ตอนนี้มีเพื่อนๆ รออยู่สองคน ปล่อยให้วันเมษายืนก้มหน้าก้มตามองพื้น สลับถอนหายใจเฮือกๆ พร้อมกับบ่นประโยคเดิมว่า ‘ไม่ใช่สเปค’ ต่อไป วันเมษาแทบไม่อยากกลับไปที่โต๊ะ แต่เพราะตอนที่ลุกมานั้นไม่ได้หยิบกระเป๋ามาด้วย ทำให้เธอต้องปั้นหน้าให้เหมือนกับไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ใจนั้นรู้สึกเหมือนถูกฉีก ก่อนจะก้าวยาวๆ กลับไปยังโต๊ะที่ตอนนี้ปรวีณ์คงนั่งรออยู่อีกครั้ง แต่เดินยังไม่ถึงโต๊ะ เท้าของเธอก็หยุดชะงักเสียแล้ว เพราะสายตามองเห็นภาพของปรวีณ์กำลังนั่งคลอเคลียกับหญิงสาวคนหนึ่งเข้า มองยังไงผู้หญิงคนนั้นก็สวยและหุ่นดีกว่าเธอเป็นไหนๆ โดยเฉพาะหน้าอกที่แสนจะดูมๆ ของเจ้าหล่อน แต่พอเห็นหน้า วันเมษาก็แทบยืนไม่อยู่ เพราะผู้หญิงคนนี้ ต่อให้จะฉีดโบท็อกซ์ เหลาคาง ทำวีเชฟ เสริมดั้ง หรือกินกลูต้ามาทั้งโรงงานจนตัวแทบจะเรืองแสงได้ในที่มืด เธอก็จำได้ดี โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ดูมๆ จนได้รับฉายาในวงการนางแบบว่า แม่สาวหน้าอกภูเขาไฟ ที่มีสัดส่วนขยี้ใจชาย 40-25-35 แถมตอนนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงนางแบบชุดชั้นในที่กำลังมาแรงที่สุดคนหนึ่งของวงการ “เอวา” วันเมษาเอ่ยชื่อเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยของเธอ ต่อให้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปยังไง แต่มันคงเปลี่ยนนิสัยของคนไม่ได้ เอวาคอยแต่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งวันเมษาก็ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรเอวาถึงต้องทำแบบนั้นด้วย โดยเฉพาะการที่อยู่ๆ ก็เห็นเอวากับปรวีณ์แทบจะสิงกันอยู่อย่างเมื่อครู่ ก็ยิ่งไม่เข้าใจ “ขอโทษนะคะที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะ” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยขึ้น พร้อมกับสีหน้านิ่งๆ แต่ทว่าภายในคือพายุลูกขนาดย่อมที่กำลังก่อตัว “ษา!” ปรวีณ์แทบจะผลักคนบนตักให้ออกห่าง แต่เอวากลับคล้องคอชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนจะทำท่าทางตกอกตกใจ “อุ๊ย!” “นี่ใช่ไหมคะ เหตุผลที่บอกว่าษาไม่ใช่สเปคของพี่วีณ์” คำพูดนี้ของวันเมษา รวมทั้งท่าทางเสียอกเสียใจคล้ายจะร้องไห้ที่ได้เห็น ทำให้เอวาสะใจมาก น้ำเสียงและประโยคคุ้นหูนี้ ทำให้ธาวินที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปหันไปมองมายังต้นเสียง ก่อนจะเห็นว่าใครกันที่เป็นคนพูด รวมถึงเห็นเหตุการณ์ศึกสามเศร้า เราสามคน “ใช่…พี่วีณ์ของฉันเขาชอบความดูม ไม่ใช่แบนเป็นไม้กระดานแบบเธอ” เอวาจงใจก้มมองหน้าอกตัวเองที่มันล้นชุดเกาะอกของเธออย่างน่าอิจฉา ก่อนจะมองมายังหน้าอกของวันเมษาด้วยสีหน้าและแววตาเย้ยหยัน “หึ๋ย ยัยนมโต เป็นผีขอส่วนบุญหรือไง ถึงตามเธอไม่เลิกราแบบนี้” ประโยคนี้วันเมษาได้แต่เอ่ยอยู่ในใจเท่านั้น “ษา คือว่าพี่” ปรวีณ์ดูจะอึกอักอยู่ในที เพราะเขาไม่อยากให้วันเมษามาเห็นภาพเมื่อครู่สักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อาจขัดใจคนรักใหม่อย่างเอวาได้ “ษาเข้าใจแล้วค่ะ ขอให้พี่วีณ์มีความสุขกับรักที่พี่ได้เลือกแล้วนะคะ”วันเมษาจงใจเน้นคำว่าเลือก เมื่อพูดจบก็คว้ากระเป๋า ก่อนจะเดินกลับออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรอีกอย่าง ก็จำต้องกลับมาโต๊ะตัวเดิมอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อยากโยนลงถังขยะใจจะขาด “อ้าว! กลับมาอีกทำไมจ๊ะ หรือว่าลืมอะไร” ประโยคที่ได้ยินทำเอาวันเมษาอยากกระโดดข่วนหน้าเอวาเสียจริง แต่ก็ยังเก็บอาการไว้ “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ท่องไว้ยัยษา ท่องไว้” แต่ที่ทำให้ความอดทนของวันเมษาชักจะลดลงจนเกือบขาดสะบั้น นั่นคือฉากที่เอวาจงใจคว้าปรวีณ์มาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้นต่อหน้าต่อตาเธออยู่ตอนนี้ต่างหาก “อืม ปากพี่วีณ์ทำไมหวานแบบนี้นะ” คำพูดของเอวาทำเอาวันเมษาหน้าแดง เพราะอายแทนเอวาที่กล้าทำตัวก๋ากั่นแบบนี้ ส่วนปรวีณ์ก็นั่งเคลิ้มกับจูบจนไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น หึ๋ย! ผู้ชายแบบนี้เธอหลงชอบมาตั้งหลายปีได้ยังไง เสียเวลา วันเมษารีบวางเสื้อสูทของปรวีณ์ไว้บนพนักเก้าอี้ แล้วหมุนตัวกลับออกไป จังหวะนั้นเอวาก็ไม่วายที่จะเอ่ยตามหลัง “กลับบ้านดีๆ นะจ๊ะษา” แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้วันเมษารู้สึกดีขึ้นมาได้เอวายักไหล่ให้เพื่อนร่วมรุ่นที่เธอแสนจะชัง ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันเมษาได้รับเลือกให้เป็นดาวคณะแทนที่จะเป็นเธอ น้องใหม่ของคณะที่ใครต่อใครก็ต่างชื่นชมในความน่ารัก แค่ผิวจะคล้ำๆ หน่อย หน้าไม่ได้สวยเป็นวีเชฟอย่างตอนนี้ก็เท่านั้น แต่คนอย่างเธอกลับต้องมาแพ้ให้ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ที่มองยังไงก็หาความสวยไม่พบสักนิด ตัวก็เตี้ยกว่าเธอเป็นไหนๆ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่วันเมษาขาว ดูเป็นคุณหนูผู้อ่อนแอ ยิ่งคิดย้อนกลับไปก็ยิ่งเจ็บใจ เพราะเธอเคยถูกคนรักหักหลัง ด้วยการปันใจไปให้วันเมษา คู่อริหมายเลขหนึ่ง “ไปตายซะ” นี่คือประโยคที่เธอบอกกับอดีตคนเคยรักในวันที่ถูกเขาหักอก และยิ่งเจ็บใจเมื่อเห็นเขาเอาดอกไม้ช่อโตไปมอบให้วันเมษา ทั้งๆ ที่ตอนเช้าพึ่งจะบอกเลิกกับเธอไปหยกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เอวาเริ่มพัฒนาตัวเองเพื่อให้สวยทุกวิถีทาง แต่ก่อนจะสวยได้ดั่งใจ เธอก็ถูกปฏิเสธความรักจากชายที่หมายปองอยู่เรื่อยมา โดยเหตุผลเดิมๆ นั่นคือพวกเขากำลังหลงรักสาวร่างเล็ก บอบบางน่าทะนุถนอมอย่างวันเมษามากกว่าเธอ เมื่อหมั่นไส้หนักเข้า เอวาจึงกุเรื่องว่าวันเมษาเป็นดี้ พวกผู้ชายตาต่ำเหล่านั้นถึงได้เปลี่ยนใจ ถอยห่างไปทีละคนสองคน แต่เอวาคนเก่าได้ตายไปแล้ว ตอนนี้เธอสวยและมีเสน่ห์ไม่เป็นสองรองใคร เธอเลือกได้ว่าจะคบหรือจะทิ้งใคร “ที่นี่หนาวจังเลยค่ะพี่วีณ์ กอดเอวาแน่นๆ หน่อยสิคะ” น้ำเสียงออดอ้อนที่ฟังดูน่าหมั่นไส้ดังขึ้น ซึ่งดังพอจนวันเมษาได้ยิน เธอกำหมัดแน่นแล้วรีบจ้ำออกไปจากร้าน เอวาหย่อนตัวลงนั่งบนตักของปรวีณ์ ชายหนุ่มที่เธอใช้มารยาล่อหลอก ให้เขามาตกหลุมรักจนบอกเลิกกับวันเมษาได้สำเร็จ ทุกอย่างที่เป็นของวันเมษา หากเธอแย่งชิงมาได้เธอก็จะทำ เพื่อสนองความสะใจของตัวเองหลังจากถูกบอกเลิกตั้งแต่ดินเนอร์ครั้งแรก อาหารอร่อยๆ ที่กินลงไปดูจะแสลงท้อง พะอืดพะอมจนวันเมษาต้องเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน พอจอดรถได้เท่านั้นแหละ เธอก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำ โก่งคออาเจียนออกมาจนหมดท้อง ก่อนจะกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย“เอ้านี่นังหนู ดมยาดมหน่อย แพ้ท้องหนักแบบนี้ผัวเอ็งไปไหนเสียล่ะ”“หืม…ป้าจ๊ะคือว่า…”“ดึกๆ ดื่นๆ แทนที่จะให้คนท้องพักผ่อน นี่กระไร”“เอ่อ…คือหนูไม่ได้…”“ยาดมนั่นเอาไปเถอะ ป้าให้” พูดจบป้าใจดีที่พูดเองเออเองก็เดินกลับออกไปจากห้องน้ำ “เออเนอะ แค่อ้วกแตกเพราะอาหารไม่ย่อย คนอื่นดันคิดว่าเราท้องซะนี่” บ่นจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำเช่นเดียวกัน “เฮ้อ! เอาไงดีล่ะทีนี้” วันเมษาที่ตอนนี้กลับมานั่งในรถแล้วกำลังขบคิด ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เมื่อคิดไม่ออกจึงนั่งฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในรถเสียเลย ‘เอาผัวไปเทิน เอาผัวไปเทิน’ เสียงเพลงที่ได้ยินทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะออกมา เพราะนึกตลกเนื้อเพลงที่กำลังฟัง “ยังไม่มีผัว แล้วจะเอาอะไรไปเทิน โฮ้! แต่งเพลงอะไร ไม่สงสารคนไม่มีคู่บ้างเลย หึ๋ย!” คิดแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง ตั้งแต่โตมาจนอายุเล
ที่มาของเสียงโครมใหญ่เมื่อครู่ คือรถสองคันเกิดชนกันขึ้น ก่อนที่ผู้เสียหายจะเปิดประตูรถลงมามองหน้ารถตัวเองที่ตอนนี้ไฟหน้าแตกเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรอยบุ๋มขนาดใหญ่อีกหนึ่งรอยที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกบนรถยุโรปคันสวย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขับรถอีโก้คาร์คันเล็กสีเขียวตอง ตอนนี้ก็กำลังก้าวลงมาดูเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่รถเธอนั้นแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลยแม้แต่น้อย “ขอโทษนะคะ พอดีตะกี้ฉันมองไม่เห็นรถของคุณ ก็เลยชนเข้าไป”วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ทักทายไปก่อน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ธาวินถึงกับลอบยิ้มให้กับคำว่าโลกกลม“เรียกประกันมาเคลมสิคุณ”“อ้อค่ะๆ” เพราะตนเป็นคนผิดที่ถอยรถมาชนรถของชายหนุ่มเข้าวันเมษาจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ประกันให้มาดูแล แต่ที่ไม่ชอบใจคือประโยคคำสั่งของผู้เสียหายนี่แหละ ดูวางอำนาจชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ เรียกประกันจะได้จบๆ วันเมษาหายไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาดูแล เมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จเธอก็กลับมาหาผู้เสียหาย ที่ยืนกอดอกมองรถตัวเองตาละห้อย “นี่รถยุโรปเซินเจิ้นหรือเปล่า ทำไมไฟแตก กันชนยุบได้ง่ายแท้” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เธอคิดได้ยั
ตึก ตัก ตึกๆ ตักๆ ตึกๆๆ ตักๆๆๆ!!! เสียงเต้นของหัวใจที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เจ้าของหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในชุดเดรสยีนส์คอปกแบบแขนกุด เพิ่มความหวานของชุดด้วยการตัดต่อผ้าชีฟองสีขาวเป็นกระโปรง มีเข็มขัดเล็กๆ คาดตรงเอวที่หัวเข็มขัดออกแบบคล้ายกับกระดุมหน้าของตัวเสื้อ ส่งให้คนสวมใส่ยิ่งดูเอวบางขึ้นไปอีกแต่เพราะอุณหภูมิในร้านอาหารที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะจากชายหนุ่มที่นั่งหล่ออยู่ตรงหน้ากันแน่ ถึงทำให้เธอเริ่มจะนั่งไม่ติดที่ มือที่กุมกันอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ คอเริ่มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดับกระหาย“หนาวหรือครับน้องษา” เสียงทุ้มน่าฟังของชายที่เอ่ยเรียกชื่อเล่นของวันเมษา ดังขึ้น เจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เอาแต่มอง เพื่อสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะมีแว่นสายตาของชายหนุ่มเป็นเกราะกำบังอีกชั้นก็ตามที “นิดหน่อยน่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนี้ ปรวีณ์ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่มนของวันเมษาอย่างอ่อนโยน การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่วันเมษาจะมองใบหน้าของปรวีณ์ด้วยสายตาของ
ที่มาของเสียงโครมใหญ่เมื่อครู่ คือรถสองคันเกิดชนกันขึ้น ก่อนที่ผู้เสียหายจะเปิดประตูรถลงมามองหน้ารถตัวเองที่ตอนนี้ไฟหน้าแตกเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรอยบุ๋มขนาดใหญ่อีกหนึ่งรอยที่ฝากไว้เป็นที่ระลึกบนรถยุโรปคันสวย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขับรถอีโก้คาร์คันเล็กสีเขียวตอง ตอนนี้ก็กำลังก้าวลงมาดูเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่รถเธอนั้นแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลยแม้แต่น้อย “ขอโทษนะคะ พอดีตะกี้ฉันมองไม่เห็นรถของคุณ ก็เลยชนเข้าไป”วันเมษาส่งยิ้มแห้งๆ ทักทายไปก่อน แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ธาวินถึงกับลอบยิ้มให้กับคำว่าโลกกลม“เรียกประกันมาเคลมสิคุณ”“อ้อค่ะๆ” เพราะตนเป็นคนผิดที่ถอยรถมาชนรถของชายหนุ่มเข้าวันเมษาจึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ประกันให้มาดูแล แต่ที่ไม่ชอบใจคือประโยคคำสั่งของผู้เสียหายนี่แหละ ดูวางอำนาจชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ เรียกประกันจะได้จบๆ วันเมษาหายไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาดูแล เมื่อแจ้งข้อมูลเสร็จเธอก็กลับมาหาผู้เสียหาย ที่ยืนกอดอกมองรถตัวเองตาละห้อย “นี่รถยุโรปเซินเจิ้นหรือเปล่า ทำไมไฟแตก กันชนยุบได้ง่ายแท้” คำพูดของวันเมษาทำเอาคนฟังกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เธอคิดได้ยั
หลังจากถูกบอกเลิกตั้งแต่ดินเนอร์ครั้งแรก อาหารอร่อยๆ ที่กินลงไปดูจะแสลงท้อง พะอืดพะอมจนวันเมษาต้องเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน พอจอดรถได้เท่านั้นแหละ เธอก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งแจ้นไปยังห้องน้ำ โก่งคออาเจียนออกมาจนหมดท้อง ก่อนจะกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย“เอ้านี่นังหนู ดมยาดมหน่อย แพ้ท้องหนักแบบนี้ผัวเอ็งไปไหนเสียล่ะ”“หืม…ป้าจ๊ะคือว่า…”“ดึกๆ ดื่นๆ แทนที่จะให้คนท้องพักผ่อน นี่กระไร”“เอ่อ…คือหนูไม่ได้…”“ยาดมนั่นเอาไปเถอะ ป้าให้” พูดจบป้าใจดีที่พูดเองเออเองก็เดินกลับออกไปจากห้องน้ำ “เออเนอะ แค่อ้วกแตกเพราะอาหารไม่ย่อย คนอื่นดันคิดว่าเราท้องซะนี่” บ่นจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำเช่นเดียวกัน “เฮ้อ! เอาไงดีล่ะทีนี้” วันเมษาที่ตอนนี้กลับมานั่งในรถแล้วกำลังขบคิด ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เมื่อคิดไม่ออกจึงนั่งฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในรถเสียเลย ‘เอาผัวไปเทิน เอาผัวไปเทิน’ เสียงเพลงที่ได้ยินทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะออกมา เพราะนึกตลกเนื้อเพลงที่กำลังฟัง “ยังไม่มีผัว แล้วจะเอาอะไรไปเทิน โฮ้! แต่งเพลงอะไร ไม่สงสารคนไม่มีคู่บ้างเลย หึ๋ย!” คิดแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง ตั้งแต่โตมาจนอายุเล
ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่ได้เอ่ยอะไร เขาหยุดนิ่งๆ เพื่อให้วันเมษาขยับตัวก่อน จะได้เลี่ยงไปคนละทางกับเธอ “ขอบคุณ” คนที่พึ่งอกหักเอ่ยขอบคุณทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าอยู่ ก่อนจะก้าวไปยังประตูห้องน้ำตรงหน้า และความที่ชุลมุนกันอยู่นานสองนาน ทำให้วันเมษาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองป้ายห้องน้ำให้ดี“คุณ! เดี๋ยว” เสียงของชายหนุ่มคนดังกล่าวเอ่ยทักขึ้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้วันเมษามายืนซึมกะทือ ก้มหน้าก้มตามองอ่างล้างมืออยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นห้องน้ำหญิงเรียบร้อย ส่วนผู้ชายที่กำลังยืนปัสสาวะอยู่ด้านหลัง ด้านข้างก็ต่างพากันยืนสงบนิ่ง ราวกับกำลังยืนเคารพธงชาติก็ไม่ปาน นั่นเพราะตอนนี้มีสุภาพสตรีผู้ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่นั่นเอง ธาวิน คือคนที่เอ่ยเรียกวันเมษาเมื่อครู่ แทนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปตามเธอให้ออกมาจากห้องน้ำชาย แต่กลับยืนอมยิ้ม กอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอเล่น รวมทั้งอยากเห็นหน้าของเธอเมื่อรู้ว่าเข้าห้องน้ำผิด จะเป็นยังไง ตอนนี้ภายในห้องน้ำชายดูจะเงียบผิดปรกติ กระทั่งเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เพราะเขาทนยืนนิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว
ตึก ตัก ตึกๆ ตักๆ ตึกๆๆ ตักๆๆๆ!!! เสียงเต้นของหัวใจที่ดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เจ้าของหัวใจที่ตอนนี้อยู่ในชุดเดรสยีนส์คอปกแบบแขนกุด เพิ่มความหวานของชุดด้วยการตัดต่อผ้าชีฟองสีขาวเป็นกระโปรง มีเข็มขัดเล็กๆ คาดตรงเอวที่หัวเข็มขัดออกแบบคล้ายกับกระดุมหน้าของตัวเสื้อ ส่งให้คนสวมใส่ยิ่งดูเอวบางขึ้นไปอีกแต่เพราะอุณหภูมิในร้านอาหารที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะจากชายหนุ่มที่นั่งหล่ออยู่ตรงหน้ากันแน่ ถึงทำให้เธอเริ่มจะนั่งไม่ติดที่ มือที่กุมกันอยู่ตอนนี้เย็นเฉียบ คอเริ่มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดับกระหาย“หนาวหรือครับน้องษา” เสียงทุ้มน่าฟังของชายที่เอ่ยเรียกชื่อเล่นของวันเมษา ดังขึ้น เจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เอาแต่มอง เพื่อสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะมีแว่นสายตาของชายหนุ่มเป็นเกราะกำบังอีกชั้นก็ตามที “นิดหน่อยน่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนี้ ปรวีณ์ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่มนของวันเมษาอย่างอ่อนโยน การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่วันเมษาจะมองใบหน้าของปรวีณ์ด้วยสายตาของ