ปราย
ฉันถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อพี่จุ๋มบอกว่าคุณปลาโทรมาขอโทษที่สื่อสารผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้หวังว่าท่านประธานคงไม่เอาเรื่อง
วันถัดมาฉันมาทำงานตามปกติ หลังจากตอกบัตรเข้างานก็ไปนั่งแยกจดหมายซึ่งเป็นงานหลักของฉัน เห็นซองที่จ่าหน้าถึงผู้บริหารก็รู้ทันทีว่าความสงบในการทำงานของฉันได้ถูกทำลายลงแล้ว พอตรวจเช็กดูว่าครบไม่มีอะไรตกหล่นแล้วฉันก็หยิบซองจดหมายที่ว่าตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุด
ฉันใช้นิ้วชี้ไปที่ซองจดหมายในมือ แล้วชี้ไปที่ประตูห้องทำงานท่านประธานที่อยู่ด้านหลังคุณชาร์มเพื่อบอกจุดประสงค์ คุณชาร์มบอกให้ฉันนำไปส่งถึงมือท่านประธานได้เลย พอเห็นว่าฉันลังเลเธอก็เลยขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อวาน ฉันพยักหน้าเข้าใจ สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้าถึงค่อยเปิดประตูเข้าไป
ฉันไม่เห็นคุณกวินที่โต๊ะทำงานจึงกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อมองหา เห็นเขายืนอยู่ริมหน้าต่างเหมือนกำลังมองดูอะไรอยู่ ไม่ได้สนใจว่ามีคนเดินเข้ามาเพราะเขาไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ฉันเรียกความกล้าตัวเอง แล้วทำเสียงที่คิดว่าดังพอเพื่อเรียกความสนใจของเขา เมื่อฉันเดินไปจนถึงหน้าโต๊ะทำงานเขาถึงเพิ่งจะหันมา
ดูจากคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันแน่นอนเลยว่าที่ฉันเพิ่งทำไปไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ฉันถอยหลังกลับเพราะคิดว่าเขาไม่พอใจแต่ร่างสูงใหญ่ก้าวสุ่มเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ฉันรีบหันหลังโกยแน่บตรงไปที่ประตู วินาทีนั้นฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ประตูกลับเปิดไม่ออก ฉันหยุด เงยหน้าขึ้นมอง เห็นฝ่ามือใหญ่ดันไว้อยู่
ฉันตกใจค้างทำอะไรไม่ถูก เป็นเวลาเดียวกับที่มือใหญ่ละจากบานประตูมาจับที่เอวฉัน หมุนให้หันกลับไปเผชิญหน้า ฉันผลักร่างสูงใหญ่ออกตามสัญชาตญาณแต่กลับถูกผลักจนหลังชิดบานประตู มือแกร่งรวบแขนฉันยกขึ้นเหนือศีรษะ เบียดกายเข้ามาทำให้ฉันถูกกักไว้ภายใต้ร่างแกร่ง ฉันใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดต่อต้านแต่ไร้ประโยชน์ เขายิ่งกำชับมือให้แน่นกว่าเดิมจนฉันรู้สึกเจ็บ หลังที่ถูกดันไปชนประตูก็ยังเจ็บไม่หาย แต่นั่นกลับทำให้อะดรีนาลีนและเลือดในกายฉันเริ่มเดือดพล่าน
เขาจะทำอะไรน่ะ เขาเหมือนปีศาจร้ายทำกำลังจัดการเหยื่อ ซึ่งเหยื่อนั่นก็คือฉันเอง
กวิน
ปภาดากำลังตามหลอกหลอนผม และให้ตายเหอะ มันเลวร้ายยิ่งกว่าที่กวีทำกับผมซะอีก เพราะว่าผมพอใจน่ะสิ ผมเหมือนติดกับเธอเข้าให้แล้วทั้งที่เพิ่งเจอเธอได้ไม่ถึงห้านาทีตอนที่เธอโผล่เข้ามาในห้องทำงานเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เล่นเอาผมเริ่มหวั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ผมไม่เคยหวั่นไหวกับผู้หญิงคนไหน แต่ทำไมความรู้สึกนี้ถึงเกิดขึ้นกับนักศึกษาตัวเล็ก ๆ คนนี้
ปราย…เธอจะรู้ตัวมั้ยว่าเป็นต้นเหตุทำให้ผมช่วยตัวเองจนนับครั้งไม่ถ้วน แม้กระนั้นความต้องการอันอัดอั้นก็ไม่สามารถระบายออกไปได้เลย มิหนำซ้ำยังมีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ กลางกายของผมแข็งขึงจนปวดหนึบทุกครั้งที่นึกถึงหน้าเธอ ผมจินตนาการว่าได้ร่วมรักกับเธอในทุกท่า ทุกห้องให้บ้าน จากห้องกินข้าวไปถึงห้องรับแขก จับเธอขึงกับทีวีจอยักษ์ในห้องดูหนัง ขึงเธอบนเปียโนในห้องนั่งเล่น จบลงที่เธอขย่มผมบนเตียง
ถ้าเหล่านี้เป็นแค่เซ็กซ์ผมจะไม่คิดมากเลย ภาพใจจินตนาการของผมคือผมกับเธอทำรักกันอย่างหนักเสร็จแล้วก็นอนคลอเคลียกัน มันคือการร่วมรัก และถ้าผมจะไม่มีความสุขมากขนาดนี้ละก็ นี่แหละที่ทำให้ผมกังวล
ทุเรศสิ้นดี!นี่ผมต้องช่วยตัวเองและจินตนาการว่าร่วมรักกับพนักงานคนหนึ่ง ผมไม่อาจยอมรับได้เลย ผมไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ไม่เคยช่วยตัวเองและจินตนาการถึงใครตั้งแต่อายุสิบแปด มีแต่พวกผู้หญิงที่เป็นฝ่ายจินตนาการถึงผม นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าผมต้องผ่อนคลายโดยด่วนเพราะไม่ได้ปลดปล่อยกับผู้หญิงมานานเกินไปแล้ว
ผมมาถึงที่ทำงาน แฟ้มประวัติของปภาดายังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ผมโยนมันส่ง ๆ ไปรวมกับของที่ต้องนำไปทิ้ง ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกำจัดเธอออกไปจากสมองให้ได้“แม่ง!” ผมหยิบมันขึ้นมาใหม่ เอารูปถ่ายของเธอออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารผมเป็นอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับผมกันแน่หลังจากพยายามตั้งสมาธิเพื่อเริ่มงานถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ผมเลยหยิบมือถือมาเล่นเกม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างสังเกตเห็นว่าคนมีเรื่องกัน จึงดึงดูดความสนใจของผม เหมือนว่าคนข้างล่างกำลังแย่งที่จอดรถกันอยู่ที่หน้าตึก คนขับลงจากรถมาด่ากันกลางถนนโดยไม่สนใจคนอื่นทำให้รถติดยาวเป็นพรวน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ๆ จึงหันกลับไปดู สงสัยว่าใครกล้ามารบกวนแต่เช้า แต่ทว่ากลับกลายเป็นเธอแววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมรู้ตัวทันทีว่าทำให้เธอตกใจกลัวอีกแล้ว เธอเดินถอยหลัง ทำให้อยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านปากผมได้ ผมจึงรีบรั้งเธอไว้ก่อนที่จะหนีเตลิดไปอีก แต่เธอไวมาก แป๊บเดียวก็ไปถึงที่ประตูแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเผลอตะโกนเรียกแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินก็ตาม“ปภาดาเดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”ผมหยุดเธอได้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกจากห้อง ร่างเ
ปราย“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนี้ต่อหน้าคุณ แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่มารวบกวนคุณ” ฉันทำมือบอกท่านประธานริมฝีปากฉันยังร้อนวูบวาบจากจูบเมื่อครู่ วิธีการที่เขาใช้ควบคุมคนไม่ให้ตกใจกลัวช่างดีจริง ๆ และโชคดีมาก ๆ ที่เขารู้จักภาษามือ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงอิหลักอิเหลื่อน่าดู แต่ว่าเขารู้จักภาษามือได้ยังไง เมื่อเห็นเขายกมือขึ้นห้าม ฉันจึงค่อยรู้ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการบอกเลยสักนิด“เธออ่านปากได้มั้ย” เขาถามและฉันพยักหน้าท่าทางโล่งอกของท่านประธานทำให้ฉันอยากหัวเราะ เดาว่าอันที่จริงแล้วเขาคงไม่ได้รู้ภาษามือจริง ๆ หรอก แต่อดแอบคิดไม่ได้ว่าเขาไปเรียนภาษามือเพื่อคุยกับฉันโดยเฉพาะ แล้วก็ต้องสั่งให้ตัวเองหยุดคิด ฉันไม่ใช่คนหูหนวกคนเดียวซะหน่อยที่อยู่ในโครงการเขา แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้เพื่อ…เอ่อ…แสดงความสุภาพฉันอยากคุยกับเขาแต่ไม่รู้ว่ามือถือหายไปไหน แล้วก็เห็นมันตกอยู่ที่พื้นข้าง ๆ กับจดหมายของท่านประธานจึงหยิบมันขึ้นมา ฉันสำรวจดูมือถือ โล่งอกที่ไม่มีส่วนไหนแตกหักหรือเสียหาย รีบพิมพ์สิ่งที่ฉันต้อง
ปราย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณชาร์มดึงฉันไปถามใกล้ ๆ ฉันยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน “ไม่เอาน่า บอกพี่มาน้องปราย คราวหน้าเธอเข้ามาในนี้ได้เลยไม่ต้องกังวล เธอเป็นที่ต้อนรับเสมอ น้องทำอะไรกับท่านประธานกันแน่ เขาไม่เคยดีกับใครแบบนี้มาก่อน” คุณชาร์มเลียนเสียงและท่าทางของคนที่อยู่ด้านใน“ใครไม่เคยดีกับใคร บอสเหรอ” คุณวัลลภถามเมื่อเดินมาหยุดหน้าพวกเรา“แต่ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันว่าเขาต้องชอบน้อปราย” คุณชาร์มออกความเห็น“แหงะซะ เมื่อวานเขาแทบจะกินหัวผมตอนที่น้องปรายหนีออกไปจากห้อง” คุณลภเสริม ทำท่ากรอกตามองบนฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนินทาเจ้านายอย่างสนุกปากสลับกันไปมา เห็นว่าไม่ควรพาตัวเข้าไปยุ่งจึงคิดถอยออกมาดีกว่า“ปรายขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ “ฉันพิมพ์ขอความผ่านมือถือฉันกลับมาที่ห้องจดหมาย ความคิดเกี่ยวกับท่านประธานที่ฉันมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เขาดีกับฉันมาก คงจะรู้สึกแย่ที่โมโหใส่ฉัน แต่ว่า...ถ้าหากเขาจะโมโหใส่แล้วปลอบด้วยการจูบแบบวันนี้ละก็...ฉันคงจะยินดี ฉันไม่เคยถูกจูบแบบนั้นมาก่อน ส
“เอาจริงดิครับ!” วัลลภถามเสียงสูง“ทำไม ฉันอยากได้เธอนี่”“คุณจะฟันเธอแล้วทิ้งจริง ๆ เหรอครับ”“ปกติฉันก็ทำแบบนั้นนี่” ผมตอบแบบที่คิด ที่ผมเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดคงเป็นเพราะผมยังไม่ได้เธอนั่นเอง“ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ผมแนะนำว่าไปหาผู้หญิงคนอื่นมาสนุกด้วยดีกว่า อย่าลืมว่าเธอยังเรียนไม่จบนะครับ”“เออก็จริง เธออายุเท่าไหร่นะ ฉันคงไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกมั้ง”“คุณไม่ต้องคิดเรื่องอายุหรอกครับถ้าสนใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ถึงยี่สิบจริง ๆ แต่ก็ทำให้คุณสนใจได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะมีอาการอย่างนี้เหรอ แต่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ น้องปรายอายุยี่สิบสองแล้ว”“ไม่ต้องย้ำได้มั้ย” ผมชักหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความต่างทางอายุระหว่างผมกับปราย“อ้าว ก็คุณพูดเองนี่ครับ”“เออ ๆ งั้นพอได้แล้ว”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำว่าเจ้านายควรจะชวนเธอไปเดท”“แต่ว่าเธอเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันชอบคนเป็นงาน อย่าทำเป็นไม่รู้”“คุณอาจจะเบื่อแบบเดิม ๆ ก็ได้ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องการอะไรที่มากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์ที่คุณ
ปราย“สวัสดีค่ะแม่” ฉันส่งภาษามือทักทายแม่ทันทีที่ลงจากรถ“เป็นไงบ้างลูก” แม่ถามกลับด้วยภาษามือเช่นเดียวกัน แล้วเราสองคนเดินก็กอดกันเข้าบ้าน“ลูกพ่อกลับมาแล้ว มาให้พ่อดูหน่อย” พ่อส่งภาษามือทัก ยิ้มกว้างพร้อมกางแขนออกต้อนรับ ฉันรีบกระโจนเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลก“ลูกดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เจอกันครั้งก่อนอีกแล้ว” พ่อมักจะทักฉันเป็นเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ทุกครั้ง แล้วพวกเราก็ได้แต่หัวเราะเพราะอายุเท่านี้ส่วนสูงไม่เพิ่มขึ้นแล้วพ่อออกไปช่วยฉันขนกระเป๋าเข้าบ้านแล้วถามขึ้นทันทีเมื่อเดินกลับเข้ามา “สติ๊กเกอร์ติดรถลูกไปไหน” พ่อหมายถึงสติ๊กเกอร์ที่บอกว่าคนขับรถคันนี้หูหนวก“หนูทำหายค่ะ เดี๋ยวหนูหาอันใหม่มาติด” ตอบเสร็จก็ทำเป็นเดินหนีเพราะไม่อยากเห็นพ่อบ่นอีก ฉันรู้ว่าท่านเป็นห่วงความปลอดภัยแล้วก็ลงทุนเรื่องอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในรถฉันไปมาก ซึ่งแต่ละอย่างค่อนข้างมีราคา ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากกว่านี้ ท่านควรเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณดีกว่า“ตัวแสบไปไหนคะแม่” ฉันถามหาน้องชาย“ขลุกอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ลูกไปล
กวินในวันฝนตก ผมติดอยู่ในรถกับแม่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด แม่ดูนาฬิกาสลับเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถเป็นจังหวะกลัวว่าจะไปรับน้องชายที่ซ้อมบอลหลังเลิกเรียนไม่ทัน ปกติน้องชายผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับเอง และถ้าวันไหนฝนตกการฝึกซ้อมจะเลิกเร็วกว่าปกติ อย่างเช่นในวันนี้ซึ่งฝนตกแรงมาก แม่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเลยมารับ“ขอให้ไปทันทีเถอะ” แม่พูดพลางสอดส่ายสายตาไปข้างทาง“แม่!!!” ผมร้องเสียงดังทำให้แม่เหยียบเบรกกะทันหัน“เป็นอะไรกวิน” แม่หันหน้ามาถาม หน้าตื่นตกใจเพราะผมร้องเสียงดังมาก“เจ็บ ผมเจ็บ”ผมวางมือลงที่หน้าท้อง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงนั้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บแค่ตรงท้องแต่เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว ปวดมากจนแทบทนไม่ไหว ขดตัวจนตัวงอเป็นกุ้ง แม่หันมาดูแต่เสียงแตรจากรถคันหลังทำให้แม่ชักสายตากลับเพื่อขับรถต่อ“ไหวมั้ยกวิน อดทนหน่อยนะลูก”แม่หันมาถามขณะมองไปข้างทางเพื่อหาที่จอด แต่ยังไม่ทันไรจู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายเมื่อครู่ก็หายไปซะเฉย ๆ ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากความว่างเปล่าที่วูบเข้ามาคล้าย ๆ กับว่าตัวเองได้ตายไปแล้วทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าความตายเป็นอย่า
วันดีคืนดีความทรงจำเรื่องกวียังคงตามหลอกหลอนผมไม่หาย ผมโคตรมั่นใจเลยว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาที่ได้ไปเจอหน้ากันอีกครั้ง จะต้องไล่เตะก้นมันเป็นอย่างแรกวันนี้ผมเข้าบริษัทด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่กับการที่ตัวเองเป็นข่าวบนหน้าเพจซุบซิบแล้วกระจายว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ หลังกลับจากพักเที่ยงยังไม่ทันจะได้นั่งก็มีคนโทรเข้ามา ผมล้วงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู เมื่อเห็นว่าแม่โทรมา จึงวางมันไว้ลงบนโต๊ะโดยไม่คิดจะกดรับ ผมไม่อยากให้แม่เป็นที่รองรับอารมณ์ที่พร้อมระเบิดเต็มที่ในตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดเวลานี้คือลากตัวเจ้เชอร์รี่มาบีบคอให้ตายคามือ เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานผมไปปลดปล่อยอารมณ์ที่คลับลับของหล่อน ที่นั่นเป็นคลับที่ต้อนรับเฉพาะสมาชิกและลูกค้าวีไอพี ด้านบนเป็นสถานบันเทิงธรรมดา แต่ด้านล่างเป็นซ่องสำหรับพวกไฮโซเงินหนาที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากปกติ หรือที่เรียกว่า BDSM และเจ้เชอร์รี่เรียกง่าย ๆ ว่าคือแม่เล้านั่นเอง นังกะหรี่ที่ผมเอาเมื่อวานคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าเอาผมไปขาย ถ้าคิดจะจับผมด้วยวิธีนี้คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว“คุณชาร์มเรียกคุณลภมาหาผมหน่อย” ผมกดอินเทอร์คอมสั่งเลขาฯ“คุณ
ปรายเลขาฯ หน้าห้องท่านประธานลุกขึ้นมองเหมือนจะถามเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ฉันก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมา แต่ฉันไม่ได้หยุดคุยกับหล่อน ได้แต่คิดในใจว่าคราวนี้ซวยแน่แล้ว จึงรีบจ้ำเท้ากลับไปยังห้องจดหมายก่อนที่จะก่อเรื่องให้กับตัวเองมากไปกว่านี้นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับมอบหมายให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านประธาน ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามามากพอสมควร ซึ่งออกไปในทางค่อนข้างน่าหวาดกลัว คนในบริษัทต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านประธานเขี้ยวมาก ถ้าใครทำงานพลาดอาจถูกไล่ออกในทันที ฉันเคยคิดว่านี่ออกจะเกินจริงไปซะหน่อย ท่านประธานคงไม่ได้เลวร้ายขนาดที่คนเขาพูดกันหรอก เขาเป็นทั้งมหาเศรษฐี ดารา และโปรดิวเซอร์รายการดังที่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง แถมรายการนั้นเป็นรายการโปรดของฉันด้วย เขาจะไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนด้อยโอกาสทางสังคม แล้วยังโครงการให้โอกาสฝึกงานกับผู้พิการอีกสำหรับฉันที่หูหนวก ใช้วิธีการสื่อสารด้วยการพิมพ์ใส่มือถือแล้วให้แอพฯ ออกเสียงแทน ฉันทำอย่างนี้กับเพื่อนร่วมงานในแผนก แต่ว่าฉันไม่ได้หยิบมือถือติดตัวมาด้วยเพราะนอกแผนกไม่มีใครพูดอะไรกับฉันนอกจากคุณลภกับคุณชาร์มเท่านั้น แต่ถึงฉันจ