ผมมาถึงที่ทำงาน แฟ้มประวัติของปภาดายังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ผมโยนมันส่ง ๆ ไปรวมกับของที่ต้องนำไปทิ้ง ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกำจัดเธอออกไปจากสมองให้ได้
“แม่ง!” ผมหยิบมันขึ้นมาใหม่ เอารูปถ่ายของเธอออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสาร
ผมเป็นอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับผมกันแน่
หลังจากพยายามตั้งสมาธิเพื่อเริ่มงานถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ผมเลยหยิบมือถือมาเล่นเกม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างสังเกตเห็นว่าคนมีเรื่องกัน จึงดึงดูดความสนใจของผม เหมือนว่าคนข้างล่างกำลังแย่งที่จอดรถกันอยู่ที่หน้าตึก คนขับลงจากรถมาด่ากันกลางถนนโดยไม่สนใจคนอื่นทำให้รถติดยาวเป็นพรวน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ๆ จึงหันกลับไปดู สงสัยว่าใครกล้ามารบกวนแต่เช้า แต่ทว่ากลับกลายเป็นเธอ
แววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมรู้ตัวทันทีว่าทำให้เธอตกใจกลัวอีกแล้ว เธอเดินถอยหลัง ทำให้อยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านปากผมได้ ผมจึงรีบรั้งเธอไว้ก่อนที่จะหนีเตลิดไปอีก แต่เธอไวมาก แป๊บเดียวก็ไปถึงที่ประตูแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเผลอตะโกนเรียกแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินก็ตาม
“ปภาดาเดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”
ผมหยุดเธอได้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกจากห้อง ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อตัวสั่นน้อย ๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังหวาดกลัว ผมหมุนตัวเธอกลับมาเพื่อมองชัด ๆ เธอคงกลัวผมมากจนทำจดหมายและมือถือร่วงจากมือ ผมรวบเอวบางและตรึงเธอไว้กับกำแพงเพื่อให้เธอหยุดต่อต้านและมองหน้าผมชัด ๆ จะได้รู้ว่าผมไม่ได้ไม่พอใจเธออยู่ แต่มาคิดได้เมื่อสายไปเสียแล้วว่านี่ยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเธอไม่สามารถได้ยินผมพูดยิ่งแล้วใหญ่
จะเอาไงดีวะ!
ผมควรปล่อยเธอไป แต่หากทำแบบนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้เจอเธออีกเลยในเมื่อเธอแสดงออกว่ากลัวผมซะขนาดนี้ ทว่าในขณะเดียวกันมันกลับปลุกความเป็นดอมในตัวผม สุดท้ายผมตัดสินใจปิดปากเธอด้วยปากผมเพื่อให้เธอสงบลง กลายเป็นว่ากลับทำให้เธอตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน ยกเว้นเสียแต่ริมฝีปากนุ่มที่ขยับตอบสนองจูบผม ผมครางด้วยความพึงพอใจกับสัมผัสอ่อนนุ่ม เธอถอนจูบเพื่อหยุดหายใจแล้วเริ่มจูบกันใหม่ ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าจูบตอบผม และผมบอกได้คำเดียวว่าโคตรรู้สึกดี
แต่เมื่อคิดถึงสถานะของเธอ เธอไม่ใช่ซับแต่เป็นพนักงานคนหนึ่งซึ่งสามารถฟ้องร้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศได้ ทำให้ผมต้องหยุดการกระทำทุกอย่างด้วยความเสียดาย ผมถอยหลังออกมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้เธอไปได้ แต่เจ้าหล่อนยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มือสองคู่ยังอยู่ในท่าเดิมที่ถูกผมยึดไว้ก่อนหน้า ท่าทางอ่อนน้อมเชื่อฟังยิ่งกระตุ้นความเป็นดอมของผม และผมจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้เธอหยุดทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นซับก่อนที่ผมจะจับเธอขึงพืดบนโต๊ะทำงานแล้วทำรักกับเธออย่างถึงใจ
ผมทำมือเป็นสัญญาณให้เธอเอาแขนลงได้ มองจนกระทั่งแขนทั้งสองข้างตกลงแนบลำตัว เธอก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ให้ตายเถอะ! เธอกำลังรอฟังคำสั่งจากผมเหรอ หยุดเลยนะ อย่าทำแบบนั้น ผมต้องการให้เธอไป ผมพยายามกรอกหูตัวเองว่าเธอแค่กำลังกลัวผม เธอไม่ใช่ซับ!
เมื่อคืนผมลองเรียนภาษามือตอนที่คิดเรื่องเธอ ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมพยายามสื่อสารภาษามือกับเธอว่าผมขอโทษ ผมเป็นคนหยิ่งไม่เคยเอ่ยปากขอโทษใคร แต่ถ้าคำนี้จะทำให้เธอเลิกตอบสนองผมแบบที่ทำอยู่ผมก็ยินดี
ไหล่ที่แข็งเกร็งตรงหน้าผ่อนคลายลง ใบหน้าสวยหวานปรากฏรอยยิ้มบาง เธอใช้ภาษามือโต้ตอบกับผมแต่เธอขยับมือเร็วเกินไปจนผมตาลายเพราะในคลิปยูทูปที่สอนภาษามือไม่ได้ขยับเร็วแบบนี้ สุดท้ายจึงไม่รู้ว่าเธอต้องการพูดอะไรด้วยอยู่ดี
ปราย“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนี้ต่อหน้าคุณ แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่มารวบกวนคุณ” ฉันทำมือบอกท่านประธานริมฝีปากฉันยังร้อนวูบวาบจากจูบเมื่อครู่ วิธีการที่เขาใช้ควบคุมคนไม่ให้ตกใจกลัวช่างดีจริง ๆ และโชคดีมาก ๆ ที่เขารู้จักภาษามือ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงอิหลักอิเหลื่อน่าดู แต่ว่าเขารู้จักภาษามือได้ยังไง เมื่อเห็นเขายกมือขึ้นห้าม ฉันจึงค่อยรู้ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการบอกเลยสักนิด“เธออ่านปากได้มั้ย” เขาถามและฉันพยักหน้าท่าทางโล่งอกของท่านประธานทำให้ฉันอยากหัวเราะ เดาว่าอันที่จริงแล้วเขาคงไม่ได้รู้ภาษามือจริง ๆ หรอก แต่อดแอบคิดไม่ได้ว่าเขาไปเรียนภาษามือเพื่อคุยกับฉันโดยเฉพาะ แล้วก็ต้องสั่งให้ตัวเองหยุดคิด ฉันไม่ใช่คนหูหนวกคนเดียวซะหน่อยที่อยู่ในโครงการเขา แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้เพื่อ…เอ่อ…แสดงความสุภาพฉันอยากคุยกับเขาแต่ไม่รู้ว่ามือถือหายไปไหน แล้วก็เห็นมันตกอยู่ที่พื้นข้าง ๆ กับจดหมายของท่านประธานจึงหยิบมันขึ้นมา ฉันสำรวจดูมือถือ โล่งอกที่ไม่มีส่วนไหนแตกหักหรือเสียหาย รีบพิมพ์สิ่งที่ฉันต้อง
ปราย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณชาร์มดึงฉันไปถามใกล้ ๆ ฉันยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน “ไม่เอาน่า บอกพี่มาน้องปราย คราวหน้าเธอเข้ามาในนี้ได้เลยไม่ต้องกังวล เธอเป็นที่ต้อนรับเสมอ น้องทำอะไรกับท่านประธานกันแน่ เขาไม่เคยดีกับใครแบบนี้มาก่อน” คุณชาร์มเลียนเสียงและท่าทางของคนที่อยู่ด้านใน“ใครไม่เคยดีกับใคร บอสเหรอ” คุณวัลลภถามเมื่อเดินมาหยุดหน้าพวกเรา“แต่ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันว่าเขาต้องชอบน้อปราย” คุณชาร์มออกความเห็น“แหงะซะ เมื่อวานเขาแทบจะกินหัวผมตอนที่น้องปรายหนีออกไปจากห้อง” คุณลภเสริม ทำท่ากรอกตามองบนฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนินทาเจ้านายอย่างสนุกปากสลับกันไปมา เห็นว่าไม่ควรพาตัวเข้าไปยุ่งจึงคิดถอยออกมาดีกว่า“ปรายขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ “ฉันพิมพ์ขอความผ่านมือถือฉันกลับมาที่ห้องจดหมาย ความคิดเกี่ยวกับท่านประธานที่ฉันมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เขาดีกับฉันมาก คงจะรู้สึกแย่ที่โมโหใส่ฉัน แต่ว่า...ถ้าหากเขาจะโมโหใส่แล้วปลอบด้วยการจูบแบบวันนี้ละก็...ฉันคงจะยินดี ฉันไม่เคยถูกจูบแบบนั้นมาก่อน ส
“เอาจริงดิครับ!” วัลลภถามเสียงสูง“ทำไม ฉันอยากได้เธอนี่”“คุณจะฟันเธอแล้วทิ้งจริง ๆ เหรอครับ”“ปกติฉันก็ทำแบบนั้นนี่” ผมตอบแบบที่คิด ที่ผมเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดคงเป็นเพราะผมยังไม่ได้เธอนั่นเอง“ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ผมแนะนำว่าไปหาผู้หญิงคนอื่นมาสนุกด้วยดีกว่า อย่าลืมว่าเธอยังเรียนไม่จบนะครับ”“เออก็จริง เธออายุเท่าไหร่นะ ฉันคงไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกมั้ง”“คุณไม่ต้องคิดเรื่องอายุหรอกครับถ้าสนใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ถึงยี่สิบจริง ๆ แต่ก็ทำให้คุณสนใจได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะมีอาการอย่างนี้เหรอ แต่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ น้องปรายอายุยี่สิบสองแล้ว”“ไม่ต้องย้ำได้มั้ย” ผมชักหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความต่างทางอายุระหว่างผมกับปราย“อ้าว ก็คุณพูดเองนี่ครับ”“เออ ๆ งั้นพอได้แล้ว”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำว่าเจ้านายควรจะชวนเธอไปเดท”“แต่ว่าเธอเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันชอบคนเป็นงาน อย่าทำเป็นไม่รู้”“คุณอาจจะเบื่อแบบเดิม ๆ ก็ได้ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องการอะไรที่มากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์ที่คุณ
ปราย“สวัสดีค่ะแม่” ฉันส่งภาษามือทักทายแม่ทันทีที่ลงจากรถ“เป็นไงบ้างลูก” แม่ถามกลับด้วยภาษามือเช่นเดียวกัน แล้วเราสองคนเดินก็กอดกันเข้าบ้าน“ลูกพ่อกลับมาแล้ว มาให้พ่อดูหน่อย” พ่อส่งภาษามือทัก ยิ้มกว้างพร้อมกางแขนออกต้อนรับ ฉันรีบกระโจนเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลก“ลูกดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เจอกันครั้งก่อนอีกแล้ว” พ่อมักจะทักฉันเป็นเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ทุกครั้ง แล้วพวกเราก็ได้แต่หัวเราะเพราะอายุเท่านี้ส่วนสูงไม่เพิ่มขึ้นแล้วพ่อออกไปช่วยฉันขนกระเป๋าเข้าบ้านแล้วถามขึ้นทันทีเมื่อเดินกลับเข้ามา “สติ๊กเกอร์ติดรถลูกไปไหน” พ่อหมายถึงสติ๊กเกอร์ที่บอกว่าคนขับรถคันนี้หูหนวก“หนูทำหายค่ะ เดี๋ยวหนูหาอันใหม่มาติด” ตอบเสร็จก็ทำเป็นเดินหนีเพราะไม่อยากเห็นพ่อบ่นอีก ฉันรู้ว่าท่านเป็นห่วงความปลอดภัยแล้วก็ลงทุนเรื่องอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในรถฉันไปมาก ซึ่งแต่ละอย่างค่อนข้างมีราคา ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากกว่านี้ ท่านควรเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณดีกว่า“ตัวแสบไปไหนคะแม่” ฉันถามหาน้องชาย“ขลุกอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ลูกไปล
“เดี๋ยวก่อนพี่ปราย พี่ชอบใครอะ พี่ตูนเหรอ”“ถามอะไรนักหนา ไม่ใช่ตูน เขาแก่กว่าพี่ตั้งเยอะ”“อืม...ให้ผมเดา พี่แอบชอบอาจารย์เหรอ”ฉันเลิกคิ้วมอง “ทำไมถึงคิดว่าพี่แอบชอบอาจารย์”“ก็พี่บอกว่าเขาแก่กว่า แล้วเหมือนพี่จะเคยพูดถึงอาจารย์คนหนึ่งให้ผมฟังว่าพี่ปลื้มเขามาก”“ไม่ใช่!”“ถ้างั้น แล้วใครล่ะ”ฉันถอนใจอีกรอบ “เจ้านายพี่เอง”“หา!”“แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่แบบว่าแอบปลื้มเขาเฉย ๆ ไรงี้ เขาหล่อรวย มีแต่คนชอบเขา คนอย่างเขาไม่มีทางขาดแคลนผู้หญิง เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางมาชายตาแลพี่หรอก” พูดเองแล้วทำไมถึงรู้สึกแอบเศร้านะ“ผมจะบอกอะไรให้นะ ใครได้พี่เป็นแฟนอะโครตโชคดี ถ้าใครปฏิเสธพี่แม่งก็โง่เต็มที”“โห น้อย ๆ หน่อย พูดอย่างนี้อยากได้อะไรเนี่ย”“เปล่าซะหน่อย ผมพูดจริง พี่สาวผมออกจะสวยเพอร์เฟกต์ราวกับนางฟ้ามาจุติซะขนาดนี้”“เวอร์!” ฉันพยายามกลั้นยิ้มกับคำชม “พอ ๆ ออกไปได้แล้ว พี่จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”โชคดีที่เจ้าเปรมไม่เซ้าซี้ต่อ ยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี แต่ฉันเนี่ยสิ ทำยังไงก็นอนไม่หล
“ว่าไงไอ้น้องชาย มีอะไรถึงได้โทรตามฉันมา” พี่ชายผมเดินถือเบียร์มาสมทบที่โต๊ะพูล“คิดถึงพี่มั้ง” ผมตอบส่ง ๆถ้าจะมีใครทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องผู้หญิงได้ก็มีแต่กฤตฤณพี่ชายผมคนเดียวนี่แหละ เป็นคนที่รู้ไส้รู้พุงผมถึงแก่นจนนึกอยากเกลียด“เอาละ บอกมามีเรื่องอะไร”ผมไหวไหล่ กระดกเบียร์ไปทีหนึ่ง โดยมีสายตาของพี่ชายจ้องเขม็ง“คือผมเจอผู้หญิงคนนึง”“ผู้หญิง” พี่เลิกคิ้วมอง“ผมเพิ่งเจอเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ว่าหยุดคิดถึงเธอไม่ได้เลย”“แล้วนายได้ขอเบอร์เธอไว้รึเปล่า”“เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัท”“นักศึกษาฝึกงาน!”ผมเห็นหน้าพี่ชายแล้วอยากขำแต่ขำไม่ออก เขาอึ้งไปพักแล้วพูดต่อ“เออดี งั้นก็ง่ายขึ้นหน่อย ลองชวนเธอไปเดทสิ”“ถ้าง่ายขนาดนี้ก็ดีสิ ผมไม่อยากให้เธอปฏิเสธ”“อะไรกันวะ กวิน นายมีทั้งเงินทั้งอำนาจ หน้าตาก็หล่อถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าฉันก็ตาม ยังจะมัวคิดมากอะไรอยู่อีก ผู้หญิงที่ไหนเห็นนายมีแต่จะวิ่งตาม”“แต่ไม่ใช่กับเธอน่ะสิ”พี่ชายทำหน้าประหลาดใจอีกรอบพลางใช้ความคิด สัก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสมตาผมเข้าพอดี เธอจ้องผมตาค้าง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมองปากที่อ้าออกแทบน้ำลายหกเพราะอยากกลืนกินเธอ ผมเห็นว่าเธอหายใจติดขัดขึ้นเล็กน้อย รีบยิ้มให้เพื่อบอกว่าผมมาดี เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันมองไปรอบห้องเหมือนกำลังหาตัวช่วยหรือไม่ก็ทางหนีทีไล่ ผมไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนั้นจึงเดินรุกเข้าหา“ปภาดา” ผมเรียกเมื่อเข้าใกล้ในระยะที่คิดว่าเธอสามารถอ่านปากได้ “ฉันอยากขอโทษเธออีกครั้งสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งสุดท้าย”เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เล่นเอาผมประหม่าคิดว่าเธอไม่อยากคุยด้วย แต่ในที่สุดผมก็รู้เหตุผล เธอต้องการหาเครื่องมือสื่อสาร คงคิดว่าระหว่างนั่งแยกจดหมายไม่จำเป็นต้องใช้มือถือจึงไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย ผมสามารถถามแล้วให้เธอพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้ แต่ถ้าเธอปฏิเสธผมก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากไปกับผม สุดท้ายเธอได้กระดาษโน้ตกับปากกามาด้ามหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”ผมพยักหน้า เงียบไปสักพัก จู่ ๆ ก็รู้สึกติดขัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจุดประสงค์จริง ๆ ที่มาอยู่ตรงนี้ยังไงดีพูดไปสิวะ กล้า ๆ หน่
กวินศร คนขับรถและผู้ช่วยส่วนตัวเลี้ยวรถเข้าจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพักของปภาดา ตอนแรกผมกะว่าจะขับรถมาเอง แต่คิดอีกทีน่าจะยุ่งยากน่าดูตอนที่สื่อสารกับเธอเลยให้สอนขับรถให้ในขณะที่ผมจะได้โฟกัสกับเธอได้เต็มที่ หวังว่าเธอจะไม่เกร็งเวลาที่อยู่กับผมนายทำได้น่ากวิน แค่คืนเดียวเอง ปกปิดดอมที่อยู่ในตัวนายซะ วานิลลาก็ไม่ได้แย่ คืนนี้นายต้องเป็นผู้ชายปกติที่กำลังไปเดทกับผู้หญิงปกติ พูดคุย ยิ้ม หัวเราะ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติลื่นไหล อย่าแม้แต่จะคิดควบคุมอะไร แล้วอย่าลืมว่านายไม่ได้รับอนุญาตให้ทำโทษเธอผมย้ำกับตัวเองระหว่างเดินไปหาปภาดาที่ห้อง ผมกดกริ่ง สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเธอจะรู้ได้ไงว่ามีคนมาหา รอไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันเปิดประตูออกมาทัก“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเหมือนฝัน เป็นรูมเมทของปราย” หล่อนพูดเสียงเรียบเป็นโทนเดียวแต่ก็สามารถเข้าใจได้ เธอยิ้มให้เหมือนว่ารู้จักผมมาก่อน แต่อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนผมเคยอยู่ในวงการบันเทิง ผมมั่นใจว่าไม่เคยเจอเธอมาก่อนผมเดินเข้าด้านในตามคำเชิญ มองสำรวจรอบ ๆ ไม่ต่างจากที่
ระหว่างนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา ผมหันไปมองเห็นปรายทำมือเหมือนกำลังกินอยู่เพื่อบอกว่าเตรียมอาหารเสร็จแล้ว“ดีเลย หิวแทบตายแล้ว”พี่ตฤณลุกขึ้น บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินนำหน้าไป ยิ่งใกล้ถึงครัวยิ่งได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ผมโคตรโชคดีที่เธอทำอาหารเป็น“โห อร่อยมาก”พี่ตฤณชมเมื่อตักอาหารคำแรกเข้ามาก หมูนุ่มผัดพริกไทยดำที่เนื้อหมูนุ่มสมชื่อ กัดทีแทบละลายในปาก มีรสชุ่มฉ่ำของเนื้อ รสชาติเผ็ดร้อนของพริกไทยดำทำให้ไม่รู้สึกมันเลี่ยนใครจะว่าอะไรที่เราดื่มเบียร์กันแต่หัววัน อาหารที่ปรายทำเหมือนกับจะรู้ นอกจากจานหลักแล้วยังมีกับแกล้มด้วย เราจึงกินข้าวกลางวันไปด้วยจิบเบียร์คุยกันไปด้วย ปรายสามารถคุยร่วมวงกับพวกเราได้โดยไม่ติดขัด เธอทำมือเป็นท่าทางง่าย ๆ ที่เราสามารถเดากันได้แล้วพูดคุยโต้ตอบกับเธอ พี่ตฤณเล่าเกี่ยวกับหน้าที่ตัวเองที่เป็นหัวหน่ายฝ่ายวิศวะกรออกแบบให้ฟัง ปรายดูสนใจมาก จนกระทั่งมาถึงคำถามที่ปรายอยากรู้คำตอบมากถึงขั้นขอยืมมือถือผมไปพิมพ์ถาม“คุณเป็นคนบอกให้คุณกวินชวนปรายออกเดทจริง ๆ เหรอคะ”ผมอ่านแล้วส่ายหัว นี่ไม่ต่างอะไรกับ
“เอ๊ะ! แปลก ๆ นะ” พี่ตฤณยอมแพ้ เลิกสนใจตู้เย็น เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ครัว “ว่าแต่นายได้ไปคุยกับเธอคนนั้นรึยัง”“อืม”“แล้วเป็นไงมั่ง ไหนเล่ามาซิ” ทำหน้าอยากรู้เต็มที่“เธอยู่ข้างบน” ผมบุ้ยหน้าไปตามทิศทาง“เฮ้ย…อย่าบอกนะว่านายกับเธอมาขังไว้” ทำเสียงตกใจก่อนจะยิ้มกริ่ม“หุบปากไปเลย” ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้บาร์ “ผมอยากให้พี่เจอเธอ แต่ว่าต้องบอกอะไรให้พี่รู้ก่อน”พี่ตฤณมองข้ามไปด้านหลังผม ทำหน้าตะลึง ผมรู้เลยว่าปรายกำลังเดินเข้ามา ผมหมุนเก้าอี้กลับไป เห็นปรายหยุดยืนรักษาระยะห่างด้วยท่าทางเคารพ“ปราย นี่พี่ตฤณ พี่ชายฉัน” ผมแนะนำปรายยกมือไหว้เฉย ๆ ไม่เอ่ยปากทัก“ดีใจที่ได้เจอเธอนะ” พี่ตฤณทักทายปรายยิ้มบาง แต่แล้วก็รีบก้มหน้าสงบเสงี่ยมไม่กล้าสบตาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นปฏิกิริยาของซับเวลาที่เข้าใกล้ดอม ให้ตายเถอะ! พี่ตฤณตรึงเธอได้ในขณะที่ผมยังทำไม่ได้ แต่ก็แหงละ ภายใต้ท่าทีขี้เล่นพี่ตฤณเปล่งรัศมีความเป็นดอมอยู่ทุกขณะแม้จะหงุดหงิดแต่สุดท้ายเป็นผมที่คิดมากและเข้าใจผิดไปเอง ปรายเป็นของผม เธอไม่ได้ก้มหัวให้พี่ตฤณ แต่เป
ปรายเขาชอบ ฉันมั่นใจ แต่ฉันอาจจะย่ามใจเกินไปหน่อยที่ไปกัดเขา แต่อย่างน้อยก็เห็นอยู่ว่าทำให้เขามีอารมณ์ ร่างกายเขาตอบสนองฉัน แต่ถ้าความจริงแล้วเขาไม่ชอบล่ะ ฉันกังวลไปหมดระหว่างรอคุณกวินเตรียมน้ำ กลิ่นลาเวนเดอร์ลอยขึ้นพร้อมกับไอน้ำกระจายไปทั่วห้องน้ำช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อคุณกวินกวักมือเรียกฉันก็เดินเข้าไปหา เขาจับมือช่วยพยุงให้ฉันก้าวลงอ่างแล้วตัวเองก็ตามลงมานั่งพิงขอบอ่าง ฉันจึงเอนหลังพิงซบอกแกร่ง น้ำค่อนข้างร้อนแต่ไม่ได้ลวกผิว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า“คุณไม่ชอบใช่มั้ยคะ” ฉันหันไปถาม เห็นเขาส่ายหน้า “คุณไม่ชอบจริง ๆ ด้วย คุณถึงไม่พูด”“ไม่ใช่เลย เธอก็เห็นว่าฉันมีอารมณ์ขนาดไหน”“ค่ะ” ฉันยิ้มรับอย่างเต็มภาคภูมิ “ปรายไม่ได้ตั้งจะใจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดเลยนะคะ”“ฉันรู้”คุณกวินจูบข้างขมับแล้วเอาฟองน้ำถูตัวให้“ขอปรายถูหลังให้คุณบ้างนะคะ”เขาตอบรับด้วยการหันหลังให้ สงสัยจังว่าเขาเว้นระยะห่างกับทุกคนหรือกับแค่ผู้หญิงที่มีอะไรกันด้วย ฉันอยากถามเขาถึงเรื่องความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแต่ยังไ
กวินเมื่อเดินเข้ามาในห้องความรู้สึกบางอย่างได้หลั่งไหลท่วมท้นขึ้นมา ปกติแล้วผมจะตื่นเต้นเวลาที่กำลังจะเล่นซีน แต่พอเห็นปรายที่ดูเปราะบางไร้การป้องกัน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอม ดึงเอาความสงบนิ่งของผมออกมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งมันขัดแย้งกับร่างกายที่กำลังตื่นตัวอย่างถึงที่สุดผมยืนอยู่กลางห้อง เรียกปรายให้มาใกล้ ๆ เธอลุกจากเตียงอย่างเชื่อฟัง หยุดยืนต่อหน้าผม ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มหน้ารอคำสั่ง ผมโน้มหน้าเข้าหา ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเธอ ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอออกก่อนที่จะประทับจูบที่หน้าผากมน“เซฟเวิร์ดเธอคืออะไร”“เปรี้ยวค่ะนายท่าน”“เด็กดี ห้ามเสร็จจนกว่าฉันจะบีบหัวนมข้างขวาเธอเข้าใจมั้ย”“ค่ะนายท่าน”“ฉันกำลังจะปิดตาเธอ”“ค่ะนายท่าน”หลังจากใช้ผ้าปิดตาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปล่อยให้ปรายยืนรออยู่กลางห้องเพื่อไปเอาของที่ต้องการ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขนมทุกอย่างที่ต้องการได้ จึงค่อย ๆ เลือกพิจารณาดูของเล่นชิ้นต่าง ๆ ทั้งที่มีชิ้นที่อยู่ในใจเป
กวินตอนที่กลับขึ้นห้องผมหยิบเอาสัญญาหนึ่งในหลาย ๆ ฉบับที่ร่างไว้มาด้วย ที่ร่างไว้หลายฉบับเพราะต้องมีอันใดอันหนึ่งที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ผมมองปรายอ่านสัญญาและรู้ว่าเธอไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วผมแม่งเป็นอะไรวะ แค่มองก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอยู่ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพียงคนเดียวซึ่งก็นานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วก็คิดถึงมันมากแค่ไหน“ปรายว่ามันรัดกุมมากไปหน่อยมั้ยคะ” เว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ดูเย็นชาไม่เหมือนเป็นคุณเลย”ผมได้แต่ยิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูด สัญญาที่แสนรัดกุมและเย็นชานี่แหละตัวผม ตัวผมก่อนที่จะเจอกับเธอ“แบบนี้ก็เหมือนแค่ปรายเป็นหุ่นที่รอฟังคำสั่งคุณอย่างเดียวเท่านั้น ไหนคุณว่าไม่ให้ปรายหยุดพูดกับคุณไงคะ”“ใช่ ฉันชอบที่เธอมีชีวิตชีวาและหัวรั้นแบบนี้”เธอเป็นส่วนผสมของผู้หญิงขี้อายที่ถูกผมไล่ตะเพิดออกจากห้องทำงานกับผู้หญิงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ ที่จริงแล้วกับเธอไม่จำเป็นต้องทำสัญญาใด ๆ เลย แต่ว่าดอ
กวินผมกดปิดนาฬิกาปลุกด้วยความรำคาญเพราะขัดจังหวะการนอน แล้วความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อเห็นปรายนอนซุกอยู่ข้างกาย มือเธอยังคงอยู่ในมือผม ยอมรับว่าผมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเท่านี้มาก่อนตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเพราะจะต้องเก็บเธอมาฝันทุกคืน ฝันว่ามีเธออยู่ข้างกาย และเมื่อคืนในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงผมควรจะปล่อยมือเธอได้แล้วและขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ให้ชัดเจน แต่แทนที่จะทำแบบนั้นผมกลับจับมือเธอแน่นขึ้น สอดประสานนิ้วกันไว้ ใช้หัวแม่มือไล้วนที่ผิวนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผมกำลังเล่นเกมซึ่งอันตรายมาก ๆ ที่สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยการที่พังกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่รู้ดีแต่ไม่สามารถหยุดได้ปรายลืมตาขึ้นช้า ๆ เมื่อสายตาเราสบกันก็ยิ้มให้ ริมฝีปากที่คลี่ออกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากตัวเองลงไป เธอคล้อยตามในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเวลาก็ครวญออกมาก่อนจะล้มตัวนอนตามเดิม เรียกเอาผมหัวเราะ ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า“เธอนอนต่อเถอะ ฉันจะไปออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินมื้อเช้ากัน”ปรายพยักหน้า ซุกตัวกลับเข้าในผ้า
ปรายฉันตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคยแต่เตียงหลังนี้หลับสบายเป็นบ้า คุณกวินกำลังหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ผ้าห่มร่นลงมาอยู่ที่เอว ทำให้สามารถลอบชื่นชมร่างกายได้อย่างเปิดเผยคุณกวินในตอนนี้ช่างดูสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผมสีดำสนิทที่ยุ่งเล็กน้อย โครงหน้าที่เห็นสันกรามเป็นรูปชัดเจน แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แขนล่ำสันกำยำรองรับช่วงไหล่กว้างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายมาก ฉันเอื้อมมือออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติลงมาถึงลำคอที่ไหล่มีรอยสักรูปเด็กผู้ชายน่ารักที่หน้าตาเหมือนกับคุณกวินเปี๊ยบ เข้าใจว่าเขาน่าจะสักรูปตัวเองตอนเด็ก ไม่รู้ทำไมแต่ฉันก็ลูบผิวบริเวณรอยสักพลางหัวเราะที่คิดว่ามันดูน่ารัก หากคุณกวินรู้คงไม่ชอบเท่าไหร่ ฉันเลื่อนสายตาลงมาจ้องที่ยอดอกสีเข้ม นึกอยากจะไล้ลิ้นวนรอบ ๆ และกัดดู ไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตให้ซับทำแบบนั้นหรือไม่ ฉันคิดเกี่ยวกับคุณกวินเพลินจนไม่รู้ตัวและไม่ทันสังเกตว่าคุณกวินตื่นนอนแล้วจนกระทั่งเขายึดข้อมือฉันไว้ ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาและเห็นร่องรอยกรุ
“ค่ะ” ปรายยิ้มผมจรดริมฝีปากลงบนจุดชีพจรบนมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งแทนของหัวใจ“ดีมาก”ปรายยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจที่ถูกจับหมุนตัวหันหลัง ผมรูดซิปชุดด้านหลังลง ปลดแขนทั้งสองข้างออก จูบหลังคอ แล้วจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผมคุกเข่า ดึงชุดหนังรัดรูปที่ติดอยู่ที่สะโพกลงมาอยู่แทบเท้า ปรายจับบ่าผมเพื่อทรงตัวขณะก้าวเท้าออกจากชุด จากนั้นผมก็หยิบมันโยนทิ้งให้พ้นทางพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ ไล่จูบตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาตามขาเรียว ใช้นิ้วเกี่ยวแพนตี้ รูดออกจากเรียวขาคู่สวยเพื่อเปิดเปลือยสิ่งที่สวยยิ่งกว่า ผมลุกขึ้นยืน ถอยหลังหนึ่งก้าว ใช้สายตากวาดสำรวจความงดงามเบื้องหน้า ปรายยืนเปลือยเปล่า ปล่อยแขนลงข้างลำตัว สวยราวกับภาพวาดในบทกวี“เธอสวยมาก”ปรายยิ้มรับ“และจงรู้ไว้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”ผมไล้มือไปตามกรอบหน้าสวย เชยคางขึ้น จูบแผ่วเบาที่เปลือกตาก่อนที่ไล้จมูกสูดกลิ่นแก้มนวลแล้วจูบปาก“ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน”ไล่จูบต่ำลงมาถึงเนินอก แล้วอ้าปากงับเม็ดทับทิมสีหวานดูดแรง ๆ จนแข็งเป็นไตกระทั่งปรายบิดตัวไ
“ไม่ใช่แค่กับคุณค่ะ ฉันไม่พูดกับใครเลย”“ทำไมล่ะ”“ฉันไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไงตั้งแต่อายุสิบหน้า ที่ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่ตอนนี้และคุณดูเหมือนจะเข้าใจดี แต่ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ”“แปลกยังไง”“เหมือนกับตอนที่สวมหูฟังเปิดเสียงดังจนสุดทำให้ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ก็เลยพูดเสียงดังเกินกว่าปกติแล้วคนอื่นหันมามอง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพูดดังหรือเบา ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไง เปลี่ยนไปรึเปล่า ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเสียงฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองฉันแปลก ๆ และกลายเป็นตัวตลก”“เด็กดีเสียงเธอไม่มีตรงไหนผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย”ผมบอกเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว อยากจะดึงเธอมากอด อะไรทำให้เกิดอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาได้ขนาดนี้เนี่ย เหมือนไม่ใช่ตัวผมเธอเพิ่งให้ของขวัญล้ำค่ากับนายซึ่งก็คือเสียงพูดของเธอ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้วไอ้กวิน ทำให้เธอรู้สิว่ามันมีค่ากับนายมากแค่ไหนผมรั้งเอวบางเข้าใกล้ ใช้มือประคองหน้าสวย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อสื่อความหมายให้เธอเข้าใจมากที่สุด