“เดี๋ยวก่อนพี่ปราย พี่ชอบใครอะ พี่ตูนเหรอ”
“ถามอะไรนักหนา ไม่ใช่ตูน เขาแก่กว่าพี่ตั้งเยอะ”
“อืม...ให้ผมเดา พี่แอบชอบอาจารย์เหรอ”
ฉันเลิกคิ้วมอง “ทำไมถึงคิดว่าพี่แอบชอบอาจารย์”
“ก็พี่บอกว่าเขาแก่กว่า แล้วเหมือนพี่จะเคยพูดถึงอาจารย์คนหนึ่งให้ผมฟังว่าพี่ปลื้มเขามาก”
“ไม่ใช่!”
“ถ้างั้น แล้วใครล่ะ”
ฉันถอนใจอีกรอบ “เจ้านายพี่เอง”
“หา!”
“แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่แบบว่าแอบปลื้มเขาเฉย ๆ ไรงี้ เขาหล่อรวย มีแต่คนชอบเขา คนอย่างเขาไม่มีทางขาดแคลนผู้หญิง เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางมาชายตาแลพี่หรอก” พูดเองแล้วทำไมถึงรู้สึกแอบเศร้านะ
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ใครได้พี่เป็นแฟนอะโครตโชคดี ถ้าใครปฏิเสธพี่แม่งก็โง่เต็มที”
“โห น้อย ๆ หน่อย พูดอย่างนี้อยากได้อะไรเนี่ย”
“เปล่าซะหน่อย ผมพูดจริง พี่สาวผมออกจะสวยเพอร์เฟกต์ราวกับนางฟ้ามาจุติซะขนาดนี้”
“เวอร์!” ฉันพยายามกลั้นยิ้มกับคำชม “พอ ๆ ออกไปได้แล้ว พี่จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
โชคดีที่เจ้าเปรมไม่เซ้าซี้ต่อ ยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี แต่ฉันเนี่ยสิ ทำยังไงก็นอนไม่หล
“ว่าไงไอ้น้องชาย มีอะไรถึงได้โทรตามฉันมา” พี่ชายผมเดินถือเบียร์มาสมทบที่โต๊ะพูล“คิดถึงพี่มั้ง” ผมตอบส่ง ๆถ้าจะมีใครทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องผู้หญิงได้ก็มีแต่กฤตฤณพี่ชายผมคนเดียวนี่แหละ เป็นคนที่รู้ไส้รู้พุงผมถึงแก่นจนนึกอยากเกลียด“เอาละ บอกมามีเรื่องอะไร”ผมไหวไหล่ กระดกเบียร์ไปทีหนึ่ง โดยมีสายตาของพี่ชายจ้องเขม็ง“คือผมเจอผู้หญิงคนนึง”“ผู้หญิง” พี่เลิกคิ้วมอง“ผมเพิ่งเจอเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ว่าหยุดคิดถึงเธอไม่ได้เลย”“แล้วนายได้ขอเบอร์เธอไว้รึเปล่า”“เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัท”“นักศึกษาฝึกงาน!”ผมเห็นหน้าพี่ชายแล้วอยากขำแต่ขำไม่ออก เขาอึ้งไปพักแล้วพูดต่อ“เออดี งั้นก็ง่ายขึ้นหน่อย ลองชวนเธอไปเดทสิ”“ถ้าง่ายขนาดนี้ก็ดีสิ ผมไม่อยากให้เธอปฏิเสธ”“อะไรกันวะ กวิน นายมีทั้งเงินทั้งอำนาจ หน้าตาก็หล่อถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าฉันก็ตาม ยังจะมัวคิดมากอะไรอยู่อีก ผู้หญิงที่ไหนเห็นนายมีแต่จะวิ่งตาม”“แต่ไม่ใช่กับเธอน่ะสิ”พี่ชายทำหน้าประหลาดใจอีกรอบพลางใช้ความคิด สัก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสมตาผมเข้าพอดี เธอจ้องผมตาค้าง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมองปากที่อ้าออกแทบน้ำลายหกเพราะอยากกลืนกินเธอ ผมเห็นว่าเธอหายใจติดขัดขึ้นเล็กน้อย รีบยิ้มให้เพื่อบอกว่าผมมาดี เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันมองไปรอบห้องเหมือนกำลังหาตัวช่วยหรือไม่ก็ทางหนีทีไล่ ผมไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนั้นจึงเดินรุกเข้าหา“ปภาดา” ผมเรียกเมื่อเข้าใกล้ในระยะที่คิดว่าเธอสามารถอ่านปากได้ “ฉันอยากขอโทษเธออีกครั้งสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งสุดท้าย”เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เล่นเอาผมประหม่าคิดว่าเธอไม่อยากคุยด้วย แต่ในที่สุดผมก็รู้เหตุผล เธอต้องการหาเครื่องมือสื่อสาร คงคิดว่าระหว่างนั่งแยกจดหมายไม่จำเป็นต้องใช้มือถือจึงไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย ผมสามารถถามแล้วให้เธอพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้ แต่ถ้าเธอปฏิเสธผมก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากไปกับผม สุดท้ายเธอได้กระดาษโน้ตกับปากกามาด้ามหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”ผมพยักหน้า เงียบไปสักพัก จู่ ๆ ก็รู้สึกติดขัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจุดประสงค์จริง ๆ ที่มาอยู่ตรงนี้ยังไงดีพูดไปสิวะ กล้า ๆ หน่
กวินศร คนขับรถและผู้ช่วยส่วนตัวเลี้ยวรถเข้าจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพักของปภาดา ตอนแรกผมกะว่าจะขับรถมาเอง แต่คิดอีกทีน่าจะยุ่งยากน่าดูตอนที่สื่อสารกับเธอเลยให้สอนขับรถให้ในขณะที่ผมจะได้โฟกัสกับเธอได้เต็มที่ หวังว่าเธอจะไม่เกร็งเวลาที่อยู่กับผมนายทำได้น่ากวิน แค่คืนเดียวเอง ปกปิดดอมที่อยู่ในตัวนายซะ วานิลลาก็ไม่ได้แย่ คืนนี้นายต้องเป็นผู้ชายปกติที่กำลังไปเดทกับผู้หญิงปกติ พูดคุย ยิ้ม หัวเราะ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติลื่นไหล อย่าแม้แต่จะคิดควบคุมอะไร แล้วอย่าลืมว่านายไม่ได้รับอนุญาตให้ทำโทษเธอผมย้ำกับตัวเองระหว่างเดินไปหาปภาดาที่ห้อง ผมกดกริ่ง สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเธอจะรู้ได้ไงว่ามีคนมาหา รอไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันเปิดประตูออกมาทัก“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเหมือนฝัน เป็นรูมเมทของปราย” หล่อนพูดเสียงเรียบเป็นโทนเดียวแต่ก็สามารถเข้าใจได้ เธอยิ้มให้เหมือนว่ารู้จักผมมาก่อน แต่อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนผมเคยอยู่ในวงการบันเทิง ผมมั่นใจว่าไม่เคยเจอเธอมาก่อนผมเดินเข้าด้านในตามคำเชิญ มองสำรวจรอบ ๆ ไม่ต่างจากที่
ผมไม่ได้พาเธอไปห้องอาหารตามโรงแรมหรู แต่เป็นร้านอาหารริมน้ำที่บรรยากาศเป็นส่วนตัว เมื่อไปถึงพนักงานก็เดินนำไปยังโต๊ะส่วนตัวที่จองไว้ เป็นโต๊ะประจำของผม พอนั่งลงแล้วปรายมองไปรอบ ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อย ๆ เหมือนกำลังรำลึกถึงอะไรสักอย่าง ผมนึกสงสัยว่าจะเป็นยังไงหากต้องการซึมซับบรรยากาศและทำความคุ้นเคยกับสถานที่หนึ่งโดยที่ต้องพึ่งพาแค่ประสาทสัมผัสทางสายตาอย่างเดียว ไม่รู้ว่าหากเป็นผม จะทนได้ยังไงถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมเอื้อมมือไปแตะมือเธอเพื่อดึงความสนใจ เธอหันกลับมาสบตา“เธอเคยมาที่นี่มาก่อนเหรอ” ผมเดาจากท่าทางที่เห็น“ค่ะ พ่อเคยพามาฉลองตอนที่ฉันเข้ามหาลัย”“เธอชอบมหาลัยมั้ย” ผมอยากรู้จริง ๆ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ผมตั้งใจก่อตั้งสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ ในทุกชั้นเรียนและหลักสูตรการศึกษาถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกส่งเสริมให้กับนักศึกษาพิการทุกประเภท ถึงผมจะงี่เง่าแค่ไหนแต่ผมอยากให้คนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสในสังคม“ฉันชอบมากค่ะ พอนึกว่ากำลังจะเรียนจบฉันก็อดคิดถึงไม่ได้ ขอบคุณนะคะที่ก่อตั้งมหาลัยนี้ขึ้นมา”ในฐานะคนก่อตั้งพอได้รับฟีดแบ็กแบบนี้ก็
ผมเห็นเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยแล้วมีความสุข ไม่เหมือนพวกดารานางแบบที่ผมเจอที่มักจะกัดคำสองคำเพราะกลัวอ้วนทั้งที่ตัวผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีไม่เห็นจะสวยตรงไหนเธอทำมือบอกว่าอาหารอร่อยและเธอชอบ ส่วนที่ผมชอบก็คือท่าทางตอนเธอเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ แต่น่าเสียดายที่อาหารมื้อนี้จบลงเร็วไปหน่อยแต่ผมยังอยากใช้เวลากับเธอต่ออีกสักนิด“ไปเดินเล่นริมน้ำกันมั้ย” ผมชวนหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วปรายพยักหน้าเห็นด้วย ผมลุกขึ้น เดินอ้อมไปด้านหลังเธอเพื่อช่วยดึงเก้าอี้ให้ เธอส่งยิ้มเป็นประกายที่เล่นเอาผู้ตาลายผมจูงมือเธอเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเรียบริมน้ำที่ทำเป็นสวนสาธารณะแล้วนั่งลงที่ม้านั่งหันหน้าเข้าแม่น้ำเพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน“คุณเล่าเรื่องครอบครัวคุณให้ฟังได้มั้ยคะ”“ครอบครัวฉันเธอ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”“ยังไงคะ ฉันชักสงสัยแล้วเนี่ย”ผมไม่ได้รังเกียจที่เธอถามและจะเล่าเรื่องที่คิดว่าเป็นส่วนตัวแบบเรื่องครอบครัวให้เธอฟัง ว่ามีพี่ชายที่แก่กว่าห้าปีแต่ไม่รู้จักโตอย่างพี่ตฤณหนึ่งคน มิรา น้องสาวสุดรักแต่น่ารำคาญไปพร้อมกันซึ่งเป็นล
กวินเดทครั้งนี้เป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ ผมรับไม่ได้อย่างแรงเพราะมันเป็นแบบผู้ชายธรรมดาไปออกเดทกับผู้หญิงธรรมดา มันคือวานิลลา! เอาน่า อย่างน้อยก็ได้ลองแล้ว ทำให้รู้ว่ามันไม่เวิร์ค เพราะฉะนั้นควรมูฟออนได้แล้วแต่ตอนที่ได้ใกล้ชิดกัน ตอนที่เธอนั่งซบ ให้ความรู้สึกดีมาก ๆ ทุกอย่างมันถูกต้องเหมาะสมไปซะหมดเหมือนว่าเธอถูกกำหนดให้เป็นของผม แต่ถ้าเธอจะสามารถรองรับความต้องการรุนแรงของผมได้แล้วละก็ ผมจะนับว่าเป็นผู้ชายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ ทว่าความจริงไม่เป็นแบบนั้น เธอสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าที่ผมจะเสนอให้นรกเหอะ! ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเสนออะไรให้เธอ ก่อนหน้านี้ผมยังมีความตั้งใจที่จะค่อย ๆ เรียนรู้ไปพร้อมกับเธอ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าตัวเองจะต้องทำทุกอย่างพัง ผมพยายามอย่างมากที่จะแสร้งทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษ มันยากมาก ผมเกือบจะหลุดแสดงความเป็นตัวตนตั้งหลายหน ปรายบริสุทธิ์อ่อนหวานเกินกว่าที่จะมาเสียเวลากับคนอย่างผมอย่างที่บอก ผมจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ว่าก็ยังอยากได้เธออยู่ อยากครอบครองเป็นเจ้าของ จับเธอฟา
ปราย“เจอที่ถูกใจรึยัง” ฝันทำมือถามหลังจากที่นำบรั่นดีโอลด์แฟชั่นแก้วที่สองมาวางตรงหน้า“นอกจากแก้วนี้แล้วก็ยัง” ฉันทำมือตอบ เสร็จแล้วก็ดึงชุดหนังเกาะอกให้สูงขึ้นเพื่อปิดเนินอกที่ทะลักออกมา“เธอน่ะเลือกมาก ลองลดมาตรฐานตัวเองลงหน่อย”ฉันหมุนแก้วในมือมองก้อนน้ำแข็งกลิ้งไปมาเล่น ฉันจะทำแบบที่ว่าได้ยังไงในเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ให้เกียรติกันในฐานะคนรัก ดูแลเอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนฝันไม่ชอบให้ผู้ชายมาดูแล ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รายนั้นชอบเป็นผู้นำ เป็นดอม ส่วนฉันเลือกที่จะมองหาคนที่ใช่ ไม่งั้นก็เลือกที่จะอยู่คนเดียวเสียดีกว่าฉันคิดว่าคุณกวินมีทุกอย่างที่ฉันมองหาในผู้ชายคนหนึ่ง วิธีการที่เขาใช้ควบคุมให้ฉันตกอยู่ใต้อำนาจตอนที่ตกใจกลัวทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นแบบที่คิด ตอนนั้นฉันรู้สึกยอมจำนนอย่างเต็มตัวเต็มใจ ฉันคิดว่าเขาต้องเป็นดอมแน่ แต่หลังจากที่ไปเดท ปรากฏว่าฉันคิดผิด หลังเวลางานเขาเป็นผู้ชายปกติธรรมดาคนหนึ่ง น่าจะถูกของฝ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสมตาผมเข้าพอดี เธอจ้องผมตาค้าง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมองปากที่อ้าออกแทบน้ำลายหกเพราะอยากกลืนกินเธอ ผมเห็นว่าเธอหายใจติดขัดขึ้นเล็กน้อย รีบยิ้มให้เพื่อบอกว่าผมมาดี เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันมองไปรอบห้องเหมือนกำลังหาตัวช่วยหรือไม่ก็ทางหนีทีไล่ ผมไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนั้นจึงเดินรุกเข้าหา“ปภาดา” ผมเรียกเมื่อเข้าใกล้ในระยะที่คิดว่าเธอสามารถอ่านปากได้ “ฉันอยากขอโทษเธออีกครั้งสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งสุดท้าย”เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เล่นเอาผมประหม่าคิดว่าเธอไม่อยากคุยด้วย แต่ในที่สุดผมก็รู้เหตุผล เธอต้องการหาเครื่องมือสื่อสาร คงคิดว่าระหว่างนั่งแยกจดหมายไม่จำเป็นต้องใช้มือถือจึงไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย ผมสามารถถามแล้วให้เธอพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้ แต่ถ้าเธอปฏิเสธผมก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากไปกับผม สุดท้ายเธอได้กระดาษโน้ตกับปากกามาด้ามหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”ผมพยักหน้า เงียบไปสักพัก จู่ ๆ ก็รู้สึกติดขัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจุดประสงค์จริง ๆ ที่มาอยู่ตรงนี้ยังไงดีพูดไปสิวะ กล้า ๆ หน่อยกวิน“เย็นนี้เธอว่างไปกินข้าวกับฉันมั้ย”เธออ้าปากค้า
กวินผมเรียกวัลลภเข้ามาคุยงานขณะที่กินมื้อกลางวันไปด้วย ปรายสั่งสปาเก็ตตี้ไข่กุ้งฝากให้ศรนำมาให้ ทำไมเธอถึงได้รู้ใจผมแบบนี้“สรุปว่าคุณกับปรายกำลัง...” วัลลภพูดลากเสียงตอนท้าย“นายรู้ได้ไง” ผมจ้อง คิดว่านี่คงไม่พ้นหลุดมาจากปากคู่หูหมอนี่ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตเลขาฯ ผมในไม่ช้าถ้าหล่อนเม้าเรื่องที่ปรายขึ้นมาหาผมก่อนหน้าให้ฟัง“คุณเล่นค่อย ๆ ละเลียดทีละคำแล้วก็กินไปยิ้มไปแบบนี้ มีแต่คนที่มีแฟนเขามีอาการแบบนี้ แล้วผมเห็นปรายสั่งเมนูเดียวกันเปี๊ยบที่ร้านข้างล่าง”“นายก็เลยเดาว่าเธอเป็นแฟนฉันงั้นสิ แล้วไม่คิดว่าเป็นแค่คู่นอนหรือซับเลยหรือไง”“ผมก็สงสัยอยู่” ว่าแล้วก็หัวเราะ“มีอะไร”“คุณกำลังอินเลิฟ แล้วก็...”“ไม่มีทาง” ผมรีบเอ่ยแทรก “ฉันไม่เคยรักใครนอกจากคนในครอบครัว”วัลลภส่ายหัว “ก่อนที่ปรายจะก้าวเข้ามาในห้องนี้คุณไม่เคยคบกับใครเหมือนกัน แต่ผมดูออกตั้งแต่ตอนที่คุณมองเธอแล้ว”“ไร้สาระ” ผมปฏิเสธ หมอนี่จะมารู้ใจผมได้ยังไง ผมเองยังไม่รู้เลยตัวซ้ำ ครั้งแรกที่เจอปรายผมออกจะหงุดหงิดเธอ
ปรายฉันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกที่ในที่สุดก็จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและร่ำเรียนมาสี่ปีเต็ม“พี่จะพาไปส่ง”ฉันตามคุณวรรณไปที่แผนกออกแบบ ในใจยังตื่นเต้นไม่หาย อยากเห็นว่านักออกแบบมืออาชีพเขาทำงานกันอย่างไร เมื่อไปถึงก็พาไปพบกับหัวหน้าทีมออกแบบ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง“ปรายนี่คุณเจนศิลป์เป็นหัวหน้าทีมออกแบบ คุณเจ นี่ปรายนักศึกษาฝึกงานแต่คาดว่าน่าจะกลายมาเป็นพนักงานที่นี่หลังเรียนจบ” คุณวรรณแนะนำฉันยกมือไหว้ คุณเจนศิลป์ยิ้มให้ ดูเป็นมิตร“สวัส...ดี...ทีม...ออก...แบบ...ยิน...ดี...ต้อน...รับ...สมา...ชิก...ใหม่...” คุณเจนศิลป์คงจะได้รับแจ้งเรื่องที่ฉันหูหนวกแต่อ่านปากได้แล้วจึงพูดช้ากว่าปกติ ฉันหงุดหงิดแต่ต้องเก็บอารมณ์เพราะเข้าใจได้ถึงเจตนาดี ฉันไม่ได้เพิ่งจะหูหนวกและเริ่มอ่านปาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดช้า ๆ ขืนคุยกันแบบนี้ทั้งวันคงไม่ต้องทำอะไร“คุณเจพูดปกติก็ได้ค่ะ” คุณวรรณบอกแทน ที่จริงหน้าที่ของคุณวรรณนอกจากเป็นผู้ประสานงานแล้วคือล่าม คิดว่าเธอคงรำคาญแทนฉันยิ้มให้ คิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจล้อเลียนให้ฉั
“สัญญามาก่อนนะคะว่าคุณจะไม่ลงมาหาปรายที่ห้องจดหมาย” เธอบอกขณะที่ผมเดินไปส่งที่หอ“ทำไม ฉันอยากเจอเธอไม่ได้เหรอ”“ปรายไม่รู้จะทำตัวยังไงถ้าคนอื่นรู้”“งั้นฉันเรียกเธอมาหาที่ห้องทำงานดีมั้ย”ปรายชะงักค้าง คงไม่คิดว่าผมจะมาไม้นี้ เราเดินมาใกล้ถึงหน้าประตูห้องแต่ประตูถูกเปิดออกมาก่อน เหมือนฝันโผล่หน้าออกมา ด้านหลังมีผู้หญิงอีกสองคนยืนฉีกยิ้มกว้าง“สวัสดีค่ะ” เหมือนฝันทักผมมองปราย สงสัยว่าพวกเพื่อนเธอรู้ได้ยังไง เธอชี้ไปที่ช่องตาแมวบนประตู ก่อนหน้าเธอส่งข้อความบอกเหมือนฝันว่ากำลังกลับ ผมเดาว่าบรรดาเพื่อน ๆ ของเธอเลยต่างมารอต้อนรับ“ขอลายเซ็นคุณหน่อยได้มั้ยคะ” เพื่อนเธอคนหนึ่งถาม น้ำเสียงและจังหวะการพูดคล้ายกับเหมือนฝัน“ได้สิ เธอชื่ออะไร” ผมรับปากกาและสมุดโน้ตมา“แพรวค่ะ เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ” ถามแล้วแอบหัวเราะคิกคักมือผมหยุดชะงัก เงยหน้ามองเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย“ไอ้แพรว ถามแบบนี้เอาไว้ไปถามแฟนแกโน่น” เหมือนฝันสะกิดไหล่ว่า“ไม่เป็นไรหรอกน่า”ปรายทนไม่ไหวดึงปากกากับสมุดออกจากมือผม ปิดประตูใส่
ระหว่างนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา ผมหันไปมองเห็นปรายทำมือเหมือนกำลังกินอยู่เพื่อบอกว่าเตรียมอาหารเสร็จแล้ว“ดีเลย หิวแทบตายแล้ว”พี่ตฤณลุกขึ้น บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินนำหน้าไป ยิ่งใกล้ถึงครัวยิ่งได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ผมโคตรโชคดีที่เธอทำอาหารเป็น“โห อร่อยมาก”พี่ตฤณชมเมื่อตักอาหารคำแรกเข้ามาก หมูนุ่มผัดพริกไทยดำที่เนื้อหมูนุ่มสมชื่อ กัดทีแทบละลายในปาก มีรสชุ่มฉ่ำของเนื้อ รสชาติเผ็ดร้อนของพริกไทยดำทำให้ไม่รู้สึกมันเลี่ยนใครจะว่าอะไรที่เราดื่มเบียร์กันแต่หัววัน อาหารที่ปรายทำเหมือนกับจะรู้ นอกจากจานหลักแล้วยังมีกับแกล้มด้วย เราจึงกินข้าวกลางวันไปด้วยจิบเบียร์คุยกันไปด้วย ปรายสามารถคุยร่วมวงกับพวกเราได้โดยไม่ติดขัด เธอทำมือเป็นท่าทางง่าย ๆ ที่เราสามารถเดากันได้แล้วพูดคุยโต้ตอบกับเธอ พี่ตฤณเล่าเกี่ยวกับหน้าที่ตัวเองที่เป็นหัวหน่ายฝ่ายวิศวะกรออกแบบให้ฟัง ปรายดูสนใจมาก จนกระทั่งมาถึงคำถามที่ปรายอยากรู้คำตอบมากถึงขั้นขอยืมมือถือผมไปพิมพ์ถาม“คุณเป็นคนบอกให้คุณกวินชวนปรายออกเดทจริง ๆ เหรอคะ”ผมอ่านแล้วส่ายหัว นี่ไม่ต่างอะไรกับ
“เอ๊ะ! แปลก ๆ นะ” พี่ตฤณยอมแพ้ เลิกสนใจตู้เย็น เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ครัว “ว่าแต่นายได้ไปคุยกับเธอคนนั้นรึยัง”“อืม”“แล้วเป็นไงมั่ง ไหนเล่ามาซิ” ทำหน้าอยากรู้เต็มที่“เธอยู่ข้างบน” ผมบุ้ยหน้าไปตามทิศทาง“เฮ้ย…อย่าบอกนะว่านายกับเธอมาขังไว้” ทำเสียงตกใจก่อนจะยิ้มกริ่ม“หุบปากไปเลย” ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้บาร์ “ผมอยากให้พี่เจอเธอ แต่ว่าต้องบอกอะไรให้พี่รู้ก่อน”พี่ตฤณมองข้ามไปด้านหลังผม ทำหน้าตะลึง ผมรู้เลยว่าปรายกำลังเดินเข้ามา ผมหมุนเก้าอี้กลับไป เห็นปรายหยุดยืนรักษาระยะห่างด้วยท่าทางเคารพ“ปราย นี่พี่ตฤณ พี่ชายฉัน” ผมแนะนำปรายยกมือไหว้เฉย ๆ ไม่เอ่ยปากทัก“ดีใจที่ได้เจอเธอนะ” พี่ตฤณทักทายปรายยิ้มบาง แต่แล้วก็รีบก้มหน้าสงบเสงี่ยมไม่กล้าสบตาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นปฏิกิริยาของซับเวลาที่เข้าใกล้ดอม ให้ตายเถอะ! พี่ตฤณตรึงเธอได้ในขณะที่ผมยังทำไม่ได้ แต่ก็แหงละ ภายใต้ท่าทีขี้เล่นพี่ตฤณเปล่งรัศมีความเป็นดอมอยู่ทุกขณะแม้จะหงุดหงิดแต่สุดท้ายเป็นผมที่คิดมากและเข้าใจผิดไปเอง ปรายเป็นของผม เธอไม่ได้ก้มหัวให้พี่ตฤณ แต่เป
ปรายเขาชอบ ฉันมั่นใจ แต่ฉันอาจจะย่ามใจเกินไปหน่อยที่ไปกัดเขา แต่อย่างน้อยก็เห็นอยู่ว่าทำให้เขามีอารมณ์ ร่างกายเขาตอบสนองฉัน แต่ถ้าความจริงแล้วเขาไม่ชอบล่ะ ฉันกังวลไปหมดระหว่างรอคุณกวินเตรียมน้ำ กลิ่นลาเวนเดอร์ลอยขึ้นพร้อมกับไอน้ำกระจายไปทั่วห้องน้ำช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อคุณกวินกวักมือเรียกฉันก็เดินเข้าไปหา เขาจับมือช่วยพยุงให้ฉันก้าวลงอ่างแล้วตัวเองก็ตามลงมานั่งพิงขอบอ่าง ฉันจึงเอนหลังพิงซบอกแกร่ง น้ำค่อนข้างร้อนแต่ไม่ได้ลวกผิว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า“คุณไม่ชอบใช่มั้ยคะ” ฉันหันไปถาม เห็นเขาส่ายหน้า “คุณไม่ชอบจริง ๆ ด้วย คุณถึงไม่พูด”“ไม่ใช่เลย เธอก็เห็นว่าฉันมีอารมณ์ขนาดไหน”“ค่ะ” ฉันยิ้มรับอย่างเต็มภาคภูมิ “ปรายไม่ได้ตั้งจะใจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดเลยนะคะ”“ฉันรู้”คุณกวินจูบข้างขมับแล้วเอาฟองน้ำถูตัวให้“ขอปรายถูหลังให้คุณบ้างนะคะ”เขาตอบรับด้วยการหันหลังให้ สงสัยจังว่าเขาเว้นระยะห่างกับทุกคนหรือกับแค่ผู้หญิงที่มีอะไรกันด้วย ฉันอยากถามเขาถึงเรื่องความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแต่ยังไ
กวินเมื่อเดินเข้ามาในห้องความรู้สึกบางอย่างได้หลั่งไหลท่วมท้นขึ้นมา ปกติแล้วผมจะตื่นเต้นเวลาที่กำลังจะเล่นซีน แต่พอเห็นปรายที่ดูเปราะบางไร้การป้องกัน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอม ดึงเอาความสงบนิ่งของผมออกมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งมันขัดแย้งกับร่างกายที่กำลังตื่นตัวอย่างถึงที่สุดผมยืนอยู่กลางห้อง เรียกปรายให้มาใกล้ ๆ เธอลุกจากเตียงอย่างเชื่อฟัง หยุดยืนต่อหน้าผม ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มหน้ารอคำสั่ง ผมโน้มหน้าเข้าหา ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเธอ ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอออกก่อนที่จะประทับจูบที่หน้าผากมน“เซฟเวิร์ดเธอคืออะไร”“เปรี้ยวค่ะนายท่าน”“เด็กดี ห้ามเสร็จจนกว่าฉันจะบีบหัวนมข้างขวาเธอเข้าใจมั้ย”“ค่ะนายท่าน”“ฉันกำลังจะปิดตาเธอ”“ค่ะนายท่าน”หลังจากใช้ผ้าปิดตาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปล่อยให้ปรายยืนรออยู่กลางห้องเพื่อไปเอาของที่ต้องการ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขนมทุกอย่างที่ต้องการได้ จึงค่อย ๆ เลือกพิจารณาดูของเล่นชิ้นต่าง ๆ ทั้งที่มีชิ้นที่อยู่ในใจเป
กวินตอนที่กลับขึ้นห้องผมหยิบเอาสัญญาหนึ่งในหลาย ๆ ฉบับที่ร่างไว้มาด้วย ที่ร่างไว้หลายฉบับเพราะต้องมีอันใดอันหนึ่งที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ผมมองปรายอ่านสัญญาและรู้ว่าเธอไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วผมแม่งเป็นอะไรวะ แค่มองก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอยู่ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพียงคนเดียวซึ่งก็นานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วก็คิดถึงมันมากแค่ไหน“ปรายว่ามันรัดกุมมากไปหน่อยมั้ยคะ” เว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ดูเย็นชาไม่เหมือนเป็นคุณเลย”ผมได้แต่ยิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูด สัญญาที่แสนรัดกุมและเย็นชานี่แหละตัวผม ตัวผมก่อนที่จะเจอกับเธอ“แบบนี้ก็เหมือนแค่ปรายเป็นหุ่นที่รอฟังคำสั่งคุณอย่างเดียวเท่านั้น ไหนคุณว่าไม่ให้ปรายหยุดพูดกับคุณไงคะ”“ใช่ ฉันชอบที่เธอมีชีวิตชีวาและหัวรั้นแบบนี้”เธอเป็นส่วนผสมของผู้หญิงขี้อายที่ถูกผมไล่ตะเพิดออกจากห้องทำงานกับผู้หญิงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ ที่จริงแล้วกับเธอไม่จำเป็นต้องทำสัญญาใด ๆ เลย แต่ว่าดอ
กวินผมกดปิดนาฬิกาปลุกด้วยความรำคาญเพราะขัดจังหวะการนอน แล้วความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อเห็นปรายนอนซุกอยู่ข้างกาย มือเธอยังคงอยู่ในมือผม ยอมรับว่าผมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเท่านี้มาก่อนตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเพราะจะต้องเก็บเธอมาฝันทุกคืน ฝันว่ามีเธออยู่ข้างกาย และเมื่อคืนในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงผมควรจะปล่อยมือเธอได้แล้วและขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ให้ชัดเจน แต่แทนที่จะทำแบบนั้นผมกลับจับมือเธอแน่นขึ้น สอดประสานนิ้วกันไว้ ใช้หัวแม่มือไล้วนที่ผิวนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผมกำลังเล่นเกมซึ่งอันตรายมาก ๆ ที่สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยการที่พังกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่รู้ดีแต่ไม่สามารถหยุดได้ปรายลืมตาขึ้นช้า ๆ เมื่อสายตาเราสบกันก็ยิ้มให้ ริมฝีปากที่คลี่ออกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากตัวเองลงไป เธอคล้อยตามในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเวลาก็ครวญออกมาก่อนจะล้มตัวนอนตามเดิม เรียกเอาผมหัวเราะ ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า“เธอนอนต่อเถอะ ฉันจะไปออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินมื้อเช้ากัน”ปรายพยักหน้า ซุกตัวกลับเข้าในผ้า