ปราย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณชาร์มดึงฉันไปถามใกล้ ๆ ฉันยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน “ไม่เอาน่า บอกพี่มาน้องปราย คราวหน้าเธอเข้ามาในนี้ได้เลยไม่ต้องกังวล เธอเป็นที่ต้อนรับเสมอ น้องทำอะไรกับท่านประธานกันแน่ เขาไม่เคยดีกับใครแบบนี้มาก่อน” คุณชาร์มเลียนเสียงและท่าทางของคนที่อยู่ด้านใน
“ใครไม่เคยดีกับใคร บอสเหรอ” คุณวัลลภถามเมื่อเดินมาหยุดหน้าพวกเรา
“แต่ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันว่าเขาต้องชอบน้อปราย” คุณชาร์มออกความเห็น
“แหงะซะ เมื่อวานเขาแทบจะกินหัวผมตอนที่น้องปรายหนีออกไปจากห้อง” คุณลภเสริม ทำท่ากรอกตามองบน
ฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนินทาเจ้านายอย่างสนุกปากสลับกันไปมา เห็นว่าไม่ควรพาตัวเข้าไปยุ่งจึงคิดถอยออกมาดีกว่า
“ปรายขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ “ฉันพิมพ์ขอความผ่านมือถือ
ฉันกลับมาที่ห้องจดหมาย ความคิดเกี่ยวกับท่านประธานที่ฉันมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เขาดีกับฉันมาก คงจะรู้สึกแย่ที่โมโหใส่ฉัน แต่ว่า...ถ้าหากเขาจะโมโหใส่แล้วปลอบด้วยการจูบแบบวันนี้ละก็...ฉันคงจะยินดี ฉันไม่เคยถูกจูบแบบนั้นมาก่อน ส
“เอาจริงดิครับ!” วัลลภถามเสียงสูง“ทำไม ฉันอยากได้เธอนี่”“คุณจะฟันเธอแล้วทิ้งจริง ๆ เหรอครับ”“ปกติฉันก็ทำแบบนั้นนี่” ผมตอบแบบที่คิด ที่ผมเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดคงเป็นเพราะผมยังไม่ได้เธอนั่นเอง“ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ผมแนะนำว่าไปหาผู้หญิงคนอื่นมาสนุกด้วยดีกว่า อย่าลืมว่าเธอยังเรียนไม่จบนะครับ”“เออก็จริง เธออายุเท่าไหร่นะ ฉันคงไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกมั้ง”“คุณไม่ต้องคิดเรื่องอายุหรอกครับถ้าสนใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ถึงยี่สิบจริง ๆ แต่ก็ทำให้คุณสนใจได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะมีอาการอย่างนี้เหรอ แต่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ น้องปรายอายุยี่สิบสองแล้ว”“ไม่ต้องย้ำได้มั้ย” ผมชักหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความต่างทางอายุระหว่างผมกับปราย“อ้าว ก็คุณพูดเองนี่ครับ”“เออ ๆ งั้นพอได้แล้ว”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำว่าเจ้านายควรจะชวนเธอไปเดท”“แต่ว่าเธอเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันชอบคนเป็นงาน อย่าทำเป็นไม่รู้”“คุณอาจจะเบื่อแบบเดิม ๆ ก็ได้ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องการอะไรที่มากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์ที่คุณ
ปราย“สวัสดีค่ะแม่” ฉันส่งภาษามือทักทายแม่ทันทีที่ลงจากรถ“เป็นไงบ้างลูก” แม่ถามกลับด้วยภาษามือเช่นเดียวกัน แล้วเราสองคนเดินก็กอดกันเข้าบ้าน“ลูกพ่อกลับมาแล้ว มาให้พ่อดูหน่อย” พ่อส่งภาษามือทัก ยิ้มกว้างพร้อมกางแขนออกต้อนรับ ฉันรีบกระโจนเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลก“ลูกดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เจอกันครั้งก่อนอีกแล้ว” พ่อมักจะทักฉันเป็นเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ทุกครั้ง แล้วพวกเราก็ได้แต่หัวเราะเพราะอายุเท่านี้ส่วนสูงไม่เพิ่มขึ้นแล้วพ่อออกไปช่วยฉันขนกระเป๋าเข้าบ้านแล้วถามขึ้นทันทีเมื่อเดินกลับเข้ามา “สติ๊กเกอร์ติดรถลูกไปไหน” พ่อหมายถึงสติ๊กเกอร์ที่บอกว่าคนขับรถคันนี้หูหนวก“หนูทำหายค่ะ เดี๋ยวหนูหาอันใหม่มาติด” ตอบเสร็จก็ทำเป็นเดินหนีเพราะไม่อยากเห็นพ่อบ่นอีก ฉันรู้ว่าท่านเป็นห่วงความปลอดภัยแล้วก็ลงทุนเรื่องอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในรถฉันไปมาก ซึ่งแต่ละอย่างค่อนข้างมีราคา ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากกว่านี้ ท่านควรเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณดีกว่า“ตัวแสบไปไหนคะแม่” ฉันถามหาน้องชาย“ขลุกอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ลูกไปล
“เดี๋ยวก่อนพี่ปราย พี่ชอบใครอะ พี่ตูนเหรอ”“ถามอะไรนักหนา ไม่ใช่ตูน เขาแก่กว่าพี่ตั้งเยอะ”“อืม...ให้ผมเดา พี่แอบชอบอาจารย์เหรอ”ฉันเลิกคิ้วมอง “ทำไมถึงคิดว่าพี่แอบชอบอาจารย์”“ก็พี่บอกว่าเขาแก่กว่า แล้วเหมือนพี่จะเคยพูดถึงอาจารย์คนหนึ่งให้ผมฟังว่าพี่ปลื้มเขามาก”“ไม่ใช่!”“ถ้างั้น แล้วใครล่ะ”ฉันถอนใจอีกรอบ “เจ้านายพี่เอง”“หา!”“แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่แบบว่าแอบปลื้มเขาเฉย ๆ ไรงี้ เขาหล่อรวย มีแต่คนชอบเขา คนอย่างเขาไม่มีทางขาดแคลนผู้หญิง เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางมาชายตาแลพี่หรอก” พูดเองแล้วทำไมถึงรู้สึกแอบเศร้านะ“ผมจะบอกอะไรให้นะ ใครได้พี่เป็นแฟนอะโครตโชคดี ถ้าใครปฏิเสธพี่แม่งก็โง่เต็มที”“โห น้อย ๆ หน่อย พูดอย่างนี้อยากได้อะไรเนี่ย”“เปล่าซะหน่อย ผมพูดจริง พี่สาวผมออกจะสวยเพอร์เฟกต์ราวกับนางฟ้ามาจุติซะขนาดนี้”“เวอร์!” ฉันพยายามกลั้นยิ้มกับคำชม “พอ ๆ ออกไปได้แล้ว พี่จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”โชคดีที่เจ้าเปรมไม่เซ้าซี้ต่อ ยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี แต่ฉันเนี่ยสิ ทำยังไงก็นอนไม่หล
“ว่าไงไอ้น้องชาย มีอะไรถึงได้โทรตามฉันมา” พี่ชายผมเดินถือเบียร์มาสมทบที่โต๊ะพูล“คิดถึงพี่มั้ง” ผมตอบส่ง ๆถ้าจะมีใครทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องผู้หญิงได้ก็มีแต่กฤตฤณพี่ชายผมคนเดียวนี่แหละ เป็นคนที่รู้ไส้รู้พุงผมถึงแก่นจนนึกอยากเกลียด“เอาละ บอกมามีเรื่องอะไร”ผมไหวไหล่ กระดกเบียร์ไปทีหนึ่ง โดยมีสายตาของพี่ชายจ้องเขม็ง“คือผมเจอผู้หญิงคนนึง”“ผู้หญิง” พี่เลิกคิ้วมอง“ผมเพิ่งเจอเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ว่าหยุดคิดถึงเธอไม่ได้เลย”“แล้วนายได้ขอเบอร์เธอไว้รึเปล่า”“เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัท”“นักศึกษาฝึกงาน!”ผมเห็นหน้าพี่ชายแล้วอยากขำแต่ขำไม่ออก เขาอึ้งไปพักแล้วพูดต่อ“เออดี งั้นก็ง่ายขึ้นหน่อย ลองชวนเธอไปเดทสิ”“ถ้าง่ายขนาดนี้ก็ดีสิ ผมไม่อยากให้เธอปฏิเสธ”“อะไรกันวะ กวิน นายมีทั้งเงินทั้งอำนาจ หน้าตาก็หล่อถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าฉันก็ตาม ยังจะมัวคิดมากอะไรอยู่อีก ผู้หญิงที่ไหนเห็นนายมีแต่จะวิ่งตาม”“แต่ไม่ใช่กับเธอน่ะสิ”พี่ชายทำหน้าประหลาดใจอีกรอบพลางใช้ความคิด สัก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสมตาผมเข้าพอดี เธอจ้องผมตาค้าง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมองปากที่อ้าออกแทบน้ำลายหกเพราะอยากกลืนกินเธอ ผมเห็นว่าเธอหายใจติดขัดขึ้นเล็กน้อย รีบยิ้มให้เพื่อบอกว่าผมมาดี เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันมองไปรอบห้องเหมือนกำลังหาตัวช่วยหรือไม่ก็ทางหนีทีไล่ ผมไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนั้นจึงเดินรุกเข้าหา“ปภาดา” ผมเรียกเมื่อเข้าใกล้ในระยะที่คิดว่าเธอสามารถอ่านปากได้ “ฉันอยากขอโทษเธออีกครั้งสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งสุดท้าย”เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เล่นเอาผมประหม่าคิดว่าเธอไม่อยากคุยด้วย แต่ในที่สุดผมก็รู้เหตุผล เธอต้องการหาเครื่องมือสื่อสาร คงคิดว่าระหว่างนั่งแยกจดหมายไม่จำเป็นต้องใช้มือถือจึงไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย ผมสามารถถามแล้วให้เธอพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้ แต่ถ้าเธอปฏิเสธผมก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากไปกับผม สุดท้ายเธอได้กระดาษโน้ตกับปากกามาด้ามหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”ผมพยักหน้า เงียบไปสักพัก จู่ ๆ ก็รู้สึกติดขัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจุดประสงค์จริง ๆ ที่มาอยู่ตรงนี้ยังไงดีพูดไปสิวะ กล้า ๆ หน่
กวินศร คนขับรถและผู้ช่วยส่วนตัวเลี้ยวรถเข้าจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพักของปภาดา ตอนแรกผมกะว่าจะขับรถมาเอง แต่คิดอีกทีน่าจะยุ่งยากน่าดูตอนที่สื่อสารกับเธอเลยให้สอนขับรถให้ในขณะที่ผมจะได้โฟกัสกับเธอได้เต็มที่ หวังว่าเธอจะไม่เกร็งเวลาที่อยู่กับผมนายทำได้น่ากวิน แค่คืนเดียวเอง ปกปิดดอมที่อยู่ในตัวนายซะ วานิลลาก็ไม่ได้แย่ คืนนี้นายต้องเป็นผู้ชายปกติที่กำลังไปเดทกับผู้หญิงปกติ พูดคุย ยิ้ม หัวเราะ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติลื่นไหล อย่าแม้แต่จะคิดควบคุมอะไร แล้วอย่าลืมว่านายไม่ได้รับอนุญาตให้ทำโทษเธอผมย้ำกับตัวเองระหว่างเดินไปหาปภาดาที่ห้อง ผมกดกริ่ง สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเธอจะรู้ได้ไงว่ามีคนมาหา รอไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันเปิดประตูออกมาทัก“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเหมือนฝัน เป็นรูมเมทของปราย” หล่อนพูดเสียงเรียบเป็นโทนเดียวแต่ก็สามารถเข้าใจได้ เธอยิ้มให้เหมือนว่ารู้จักผมมาก่อน แต่อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนผมเคยอยู่ในวงการบันเทิง ผมมั่นใจว่าไม่เคยเจอเธอมาก่อนผมเดินเข้าด้านในตามคำเชิญ มองสำรวจรอบ ๆ ไม่ต่างจากที่
ผมไม่ได้พาเธอไปห้องอาหารตามโรงแรมหรู แต่เป็นร้านอาหารริมน้ำที่บรรยากาศเป็นส่วนตัว เมื่อไปถึงพนักงานก็เดินนำไปยังโต๊ะส่วนตัวที่จองไว้ เป็นโต๊ะประจำของผม พอนั่งลงแล้วปรายมองไปรอบ ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อย ๆ เหมือนกำลังรำลึกถึงอะไรสักอย่าง ผมนึกสงสัยว่าจะเป็นยังไงหากต้องการซึมซับบรรยากาศและทำความคุ้นเคยกับสถานที่หนึ่งโดยที่ต้องพึ่งพาแค่ประสาทสัมผัสทางสายตาอย่างเดียว ไม่รู้ว่าหากเป็นผม จะทนได้ยังไงถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมเอื้อมมือไปแตะมือเธอเพื่อดึงความสนใจ เธอหันกลับมาสบตา“เธอเคยมาที่นี่มาก่อนเหรอ” ผมเดาจากท่าทางที่เห็น“ค่ะ พ่อเคยพามาฉลองตอนที่ฉันเข้ามหาลัย”“เธอชอบมหาลัยมั้ย” ผมอยากรู้จริง ๆ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ผมตั้งใจก่อตั้งสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ ในทุกชั้นเรียนและหลักสูตรการศึกษาถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกส่งเสริมให้กับนักศึกษาพิการทุกประเภท ถึงผมจะงี่เง่าแค่ไหนแต่ผมอยากให้คนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสในสังคม“ฉันชอบมากค่ะ พอนึกว่ากำลังจะเรียนจบฉันก็อดคิดถึงไม่ได้ ขอบคุณนะคะที่ก่อตั้งมหาลัยนี้ขึ้นมา”ในฐานะคนก่อตั้งพอได้รับฟีดแบ็กแบบนี้ก็
ผมเห็นเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยแล้วมีความสุข ไม่เหมือนพวกดารานางแบบที่ผมเจอที่มักจะกัดคำสองคำเพราะกลัวอ้วนทั้งที่ตัวผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีไม่เห็นจะสวยตรงไหนเธอทำมือบอกว่าอาหารอร่อยและเธอชอบ ส่วนที่ผมชอบก็คือท่าทางตอนเธอเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ แต่น่าเสียดายที่อาหารมื้อนี้จบลงเร็วไปหน่อยแต่ผมยังอยากใช้เวลากับเธอต่ออีกสักนิด“ไปเดินเล่นริมน้ำกันมั้ย” ผมชวนหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วปรายพยักหน้าเห็นด้วย ผมลุกขึ้น เดินอ้อมไปด้านหลังเธอเพื่อช่วยดึงเก้าอี้ให้ เธอส่งยิ้มเป็นประกายที่เล่นเอาผู้ตาลายผมจูงมือเธอเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเรียบริมน้ำที่ทำเป็นสวนสาธารณะแล้วนั่งลงที่ม้านั่งหันหน้าเข้าแม่น้ำเพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน“คุณเล่าเรื่องครอบครัวคุณให้ฟังได้มั้ยคะ”“ครอบครัวฉันเธอ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”“ยังไงคะ ฉันชักสงสัยแล้วเนี่ย”ผมไม่ได้รังเกียจที่เธอถามและจะเล่าเรื่องที่คิดว่าเป็นส่วนตัวแบบเรื่องครอบครัวให้เธอฟัง ว่ามีพี่ชายที่แก่กว่าห้าปีแต่ไม่รู้จักโตอย่างพี่ตฤณหนึ่งคน มิรา น้องสาวสุดรักแต่น่ารำคาญไปพร้อมกันซึ่งเป็นล
กวินตอนที่กลับขึ้นห้องผมหยิบเอาสัญญาหนึ่งในหลาย ๆ ฉบับที่ร่างไว้มาด้วย ที่ร่างไว้หลายฉบับเพราะต้องมีอันใดอันหนึ่งที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ผมมองปรายอ่านสัญญาและรู้ว่าเธอไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วผมแม่งเป็นอะไรวะ แค่มองก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอยู่ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพียงคนเดียวซึ่งก็นานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วก็คิดถึงมันมากแค่ไหน“ปรายว่ามันรัดกุมมากไปหน่อยมั้ยคะ” เว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ดูเย็นชาไม่เหมือนเป็นคุณเลย”ผมได้แต่ยิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูด สัญญาที่แสนรัดกุมและเย็นชานี่แหละตัวผม ตัวผมก่อนที่จะเจอกับเธอ“แบบนี้ก็เหมือนแค่ปรายเป็นหุ่นที่รอฟังคำสั่งคุณอย่างเดียวเท่านั้น ไหนคุณว่าไม่ให้ปรายหยุดพูดกับคุณไงคะ”“ใช่ ฉันชอบที่เธอมีชีวิตชีวาและหัวรั้นแบบนี้”เธอเป็นส่วนผสมของผู้หญิงขี้อายที่ถูกผมไล่ตะเพิดออกจากห้องทำงานกับผู้หญิงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ ที่จริงแล้วกับเธอไม่จำเป็นต้องทำสัญญาใด ๆ เลย แต่ว่าดอ
กวินผมกดปิดนาฬิกาปลุกด้วยความรำคาญเพราะขัดจังหวะการนอน แล้วความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อเห็นปรายนอนซุกอยู่ข้างกาย มือเธอยังคงอยู่ในมือผม ยอมรับว่าผมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเท่านี้มาก่อนตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเพราะจะต้องเก็บเธอมาฝันทุกคืน ฝันว่ามีเธออยู่ข้างกาย และเมื่อคืนในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงผมควรจะปล่อยมือเธอได้แล้วและขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ให้ชัดเจน แต่แทนที่จะทำแบบนั้นผมกลับจับมือเธอแน่นขึ้น สอดประสานนิ้วกันไว้ ใช้หัวแม่มือไล้วนที่ผิวนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผมกำลังเล่นเกมซึ่งอันตรายมาก ๆ ที่สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยการที่พังกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่รู้ดีแต่ไม่สามารถหยุดได้ปรายลืมตาขึ้นช้า ๆ เมื่อสายตาเราสบกันก็ยิ้มให้ ริมฝีปากที่คลี่ออกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากตัวเองลงไป เธอคล้อยตามในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเวลาก็ครวญออกมาก่อนจะล้มตัวนอนตามเดิม เรียกเอาผมหัวเราะ ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า“เธอนอนต่อเถอะ ฉันจะไปออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินมื้อเช้ากัน”ปรายพยักหน้า ซุกตัวกลับเข้าในผ้า
ปรายฉันตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคยแต่เตียงหลังนี้หลับสบายเป็นบ้า คุณกวินกำลังหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ผ้าห่มร่นลงมาอยู่ที่เอว ทำให้สามารถลอบชื่นชมร่างกายได้อย่างเปิดเผยคุณกวินในตอนนี้ช่างดูสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผมสีดำสนิทที่ยุ่งเล็กน้อย โครงหน้าที่เห็นสันกรามเป็นรูปชัดเจน แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แขนล่ำสันกำยำรองรับช่วงไหล่กว้างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายมาก ฉันเอื้อมมือออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติลงมาถึงลำคอที่ไหล่มีรอยสักรูปเด็กผู้ชายน่ารักที่หน้าตาเหมือนกับคุณกวินเปี๊ยบ เข้าใจว่าเขาน่าจะสักรูปตัวเองตอนเด็ก ไม่รู้ทำไมแต่ฉันก็ลูบผิวบริเวณรอยสักพลางหัวเราะที่คิดว่ามันดูน่ารัก หากคุณกวินรู้คงไม่ชอบเท่าไหร่ ฉันเลื่อนสายตาลงมาจ้องที่ยอดอกสีเข้ม นึกอยากจะไล้ลิ้นวนรอบ ๆ และกัดดู ไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตให้ซับทำแบบนั้นหรือไม่ ฉันคิดเกี่ยวกับคุณกวินเพลินจนไม่รู้ตัวและไม่ทันสังเกตว่าคุณกวินตื่นนอนแล้วจนกระทั่งเขายึดข้อมือฉันไว้ ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาและเห็นร่องรอยกรุ
“ค่ะ” ปรายยิ้มผมจรดริมฝีปากลงบนจุดชีพจรบนมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งแทนของหัวใจ“ดีมาก”ปรายยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจที่ถูกจับหมุนตัวหันหลัง ผมรูดซิปชุดด้านหลังลง ปลดแขนทั้งสองข้างออก จูบหลังคอ แล้วจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผมคุกเข่า ดึงชุดหนังรัดรูปที่ติดอยู่ที่สะโพกลงมาอยู่แทบเท้า ปรายจับบ่าผมเพื่อทรงตัวขณะก้าวเท้าออกจากชุด จากนั้นผมก็หยิบมันโยนทิ้งให้พ้นทางพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ ไล่จูบตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาตามขาเรียว ใช้นิ้วเกี่ยวแพนตี้ รูดออกจากเรียวขาคู่สวยเพื่อเปิดเปลือยสิ่งที่สวยยิ่งกว่า ผมลุกขึ้นยืน ถอยหลังหนึ่งก้าว ใช้สายตากวาดสำรวจความงดงามเบื้องหน้า ปรายยืนเปลือยเปล่า ปล่อยแขนลงข้างลำตัว สวยราวกับภาพวาดในบทกวี“เธอสวยมาก”ปรายยิ้มรับ“และจงรู้ไว้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”ผมไล้มือไปตามกรอบหน้าสวย เชยคางขึ้น จูบแผ่วเบาที่เปลือกตาก่อนที่ไล้จมูกสูดกลิ่นแก้มนวลแล้วจูบปาก“ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน”ไล่จูบต่ำลงมาถึงเนินอก แล้วอ้าปากงับเม็ดทับทิมสีหวานดูดแรง ๆ จนแข็งเป็นไตกระทั่งปรายบิดตัวไ
“ไม่ใช่แค่กับคุณค่ะ ฉันไม่พูดกับใครเลย”“ทำไมล่ะ”“ฉันไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไงตั้งแต่อายุสิบหน้า ที่ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่ตอนนี้และคุณดูเหมือนจะเข้าใจดี แต่ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ”“แปลกยังไง”“เหมือนกับตอนที่สวมหูฟังเปิดเสียงดังจนสุดทำให้ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ก็เลยพูดเสียงดังเกินกว่าปกติแล้วคนอื่นหันมามอง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพูดดังหรือเบา ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไง เปลี่ยนไปรึเปล่า ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเสียงฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองฉันแปลก ๆ และกลายเป็นตัวตลก”“เด็กดีเสียงเธอไม่มีตรงไหนผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย”ผมบอกเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว อยากจะดึงเธอมากอด อะไรทำให้เกิดอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาได้ขนาดนี้เนี่ย เหมือนไม่ใช่ตัวผมเธอเพิ่งให้ของขวัญล้ำค่ากับนายซึ่งก็คือเสียงพูดของเธอ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้วไอ้กวิน ทำให้เธอรู้สิว่ามันมีค่ากับนายมากแค่ไหนผมรั้งเอวบางเข้าใกล้ ใช้มือประคองหน้าสวย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อสื่อความหมายให้เธอเข้าใจมากที่สุด
ศรวนรถมาส่งเราที่หน้าประตูบ้านแล้วค่อยขับไปจอดที่โรงรถ ผมจับมือปรายเดินนำไปที่ประตูพร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกสามเม็ด ผมดันร่างบางชิดกำแพงก่อนที่ประตูจะปิดสนิท โน้มหน้าลงจูบไซ้ลำคอขาวผ่องปรายยินยอมพร้อมใจเหมือนครั้งก่อน เบียดกายเข้าหาตอบสนองยอมรับสิ่งที่ผมเสนอและเรียกร้องในสิ่งที่มากขึ้นไปอีก ผมหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอากาศเย็นที่แทรกผ่านรอยแยกประตูเข้ามา ทำให้ปรายได้เลื่อนการถูกลงโทษออกไปอีกสักระยะผมคว้ามือเธอมาจับอีกครั้ง เดินมาถึงห้องนั่งเล่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสำรวจรอบบ้านและสะดุดลงที่เปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ผมยิ้มให้ตัวเอง พาเธอไปนั่งที่โซฟา ตาเธอยังคงมองที่เปียโนอยู่ ถ้ารู้ว่าผมคิดจะทำอะไรกับเธอบนเปียโนเธอจะทำหน้ายังไง“เธอกินข้าวรึยัง”ปรายพยักหน้า“เธอดื่มไปกี่แก้ว “เธอชูสองนิ้วผมไปรินน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอแค่จิบแล้วจะวางแก้วลงแต่ยังไม่ทันที่แก้วจะสัมผัสโต๊ะผมก็สั่งเสียงเข้ม“ดื่มให้หมด”ปรายทำตาม ดื่มน้ำจนหมดแก้ว“ไอ้หน้าอ่อนที่อยู่กับเธอเป็นดอมของเธอใช่มั้ย”
ปรายการออกมาเที่ยวคืนนี้ทำฉันเซ็งหนักกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้เป็นพวกโง่เง่าอ่อนด้อยโดยแท้ ให้พยายามแทบตายก็ไม่มีทางทำให้ฉันยอมจำนนได้หรอกเพราะไม่มีลักษณะของความเป็นดอมเลยสักนิด ผิดกับคุณกวิน ดูจากนิสัยเขาที่ชอบควบคุมทุกอย่างในที่ทำงานแล้วเขามีความเป็นดอมอยู่เต็มเปี่ยม ทำไมเขาถึงไม่ใช่ ฉันเคยคิดว่าถ้าบอกรสนิยมความชอบส่วนตัวให้เขารู้เขาอาจจะชอบก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นดอมแต่เขาอาจอยากลองอะไรแปลกใหม่ เขาอาจจะชอบควบคุมฉันบนเตียง แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาเป็นใคร มีแต่จะคิดว่าฉันบ้าจิตไม่ปกติน่ะสิฉันคาดหวังเกินไป การได้ไปเดทกับคุณกวินสักครั้งนับว่าฉันทำบุญมาดีแค่ไหนแล้ว ฉันไม่ใช่เป็นคนที่มีผู้ชายในสต็อก ทั้งชีวิตฉันเคยมีแฟนแค่คนเดียว และไม่ต้องพูดถึง ทันทีที่ฉันหูหนวก เพื่อน ๆ เริ่มทำตัวแปลก ๆ กับฉัน และไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งนั่นก็ทิ้งฉันทันที โดยให้เหตุผลปัญญาอ่อนว่าไม่รู้จะสื่อสารกันยังไงฉันถอนหายใจพลางคิดว่าถ้าปาฏิหาริย์มีจริงแล้วคุณกวินชวนฉันไปเดทอีกครั้งฉันจะตอบตกลงถึงแม้ว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้เจอเลยก็ตาม เห็นได้จา
ปราย“เจอที่ถูกใจรึยัง” ฝันทำมือถามหลังจากที่นำบรั่นดีโอลด์แฟชั่นแก้วที่สองมาวางตรงหน้า“นอกจากแก้วนี้แล้วก็ยัง” ฉันทำมือตอบ เสร็จแล้วก็ดึงชุดหนังเกาะอกให้สูงขึ้นเพื่อปิดเนินอกที่ทะลักออกมา“เธอน่ะเลือกมาก ลองลดมาตรฐานตัวเองลงหน่อย”ฉันหมุนแก้วในมือมองก้อนน้ำแข็งกลิ้งไปมาเล่น ฉันจะทำแบบที่ว่าได้ยังไงในเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ให้เกียรติกันในฐานะคนรัก ดูแลเอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนฝันไม่ชอบให้ผู้ชายมาดูแล ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รายนั้นชอบเป็นผู้นำ เป็นดอม ส่วนฉันเลือกที่จะมองหาคนที่ใช่ ไม่งั้นก็เลือกที่จะอยู่คนเดียวเสียดีกว่าฉันคิดว่าคุณกวินมีทุกอย่างที่ฉันมองหาในผู้ชายคนหนึ่ง วิธีการที่เขาใช้ควบคุมให้ฉันตกอยู่ใต้อำนาจตอนที่ตกใจกลัวทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นแบบที่คิด ตอนนั้นฉันรู้สึกยอมจำนนอย่างเต็มตัวเต็มใจ ฉันคิดว่าเขาต้องเป็นดอมแน่ แต่หลังจากที่ไปเดท ปรากฏว่าฉันคิดผิด หลังเวลางานเขาเป็นผู้ชายปกติธรรมดาคนหนึ่ง น่าจะถูกของฝัน ฉันช่างเลือกเกินไป คงถึงเวลาที่จะ
สองสัปดาห์ถัดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงปรายและคิดว่าเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เมื่อวันอังคารเห็นเธอเดินออกมาจากร้านข้าวตรงข้างตึก ผมจึงรีบหลบข้างหลังเสาไฟก่อนที่เธอจะเห็น ทุเรศตัวเองฉิบหาย ผมทำเหมือนทุกครั้งที่ฟันผู้หญิงแล้วทิ้งแล้วไม่อยากให้พวกหล่อนเหล่านั้นตามตอแยหรือได้พบเจอกันอีก แต่กับปรายผมยังไม่ได้ฟันเธอเลยด้วยซ้ำ ผมหายเงียบไม่ชวนเธอไปเดทอีก ไม่แม้แต่จะโทรหา พยายามห้ามตัวเองและทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงเธอ สงสัยว่าเธอจะรู้สึกอะไรบ้างรึเปล่า แต่ดูจากท่าเดินแกว่งมือไปมาตาดูของข้างทางอย่างสบายใจเฉิบไม่ทุกข์ไม่ร้อนแล้วเธอคงไม่เก็บเรื่องผมมาใส่ใจแม้แต่นิด หรือว่าเธอกำลังคบกับใครอยู่ มีผู้ชายคนอื่นมาจีบเธอรึเปล่า เป็นอีกครั้งที่ผมต้องบังคับตัวเองไม่ให้ตามสืบดูนับตั้งแต่วันนั้นผมก็หงุดหงิดมาตลอด นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของพวกพนักงานที่โดนระเบิดลงแทบจะทุกวัน คนไหนที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะโดนผมขู่ว่าจะไล่ออก ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันศุกร์แล้วแต่ผมไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง เห็นทีคงต้องพาตัว