กวิน
“คุณปล่อยให้เด็กฝึกงานเข้ามาตอนผมกำลังคุยเรื่องสำคัญกับวัลลภได้ยังไง ผมสั่งไว้แล้วนี่ว่าห้ามใครรบกวน” ผมเดินออกมาตวาดใส่ผู้ช่วยเลขาฯ หน้าห้อง เจ้าหล่อนก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ขอโทษค่ะ คุณชาร์มบอกแค่ว่าคุณเรียกคุณวัลลภเข้าพบเฉย ๆ ดิฉันเลยคิดว่าไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรเหรอ เธอใช้อะไรคิด” ผมถามเสียงเย็นบังคับตัวเองไม่ให้ตวาดออกไปอีกรอบ
“คือดิฉันคิดว่าหมายถึงแขก...เอ่อ...”
คำตอบที่ได้เล่นเอาผมอึ้ง แขก คนทั่วไปจะมาหาผมได้ยังไงถ้าไม่ได้นัดหมายล่วงหน้ามาก่อน นั่นหมายความว่าผมรับรู้และอนุญาตแล้ว ยกเว้นแค่คนในครอบครัวผมเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้หญิงบื้อตรงหน้า
“โทรไปหาคุณจุ๋มหัวหน้าห้องจดหมายแล้วขอโทษสำหรับความผิดพลาดของคุณซะ” ผมรวบรัด เบื่อจะฟังคำแก้ตัวงี่เง่า
“ค่ะท่าน”
“คุณปลา แล้วกรุณาจำไว้ด้วยว่าเวลาที่ผมคุยธุระส่วนตัวอยู่ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามารบกวนเป็นอันขาด เข้าใจมั้ยครับ”
“ทราบแล้วค่ะท่าน” หล่อนรับคำแล้วหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาปฏิบัติตามคำสั่ง
นี่คือผลของการที่ผมยอมใจอ่อนรับเพื่อนน้องสาวเข้าทำงาน พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หัวสมองกลวง เอาแต่นั่งแต่งหน้าทาปากไปวัน ๆ แล้วผมจะไล่ออกก็ไม่ได้ด้วย
ผมเดินกลับเข้าห้องทำงาน พยายามสลัดเรื่องวุ่นวายนี่ออกแต่ไม่สามารถจดจ่ออะไรได้เลย ในหัวดันมีแต่ภาพนัยน์ตาสีน้ำตาลที่แฝงแววตื่นกลัวขณะจ้องผมอยู่ ปกติแล้วผมไม่เคยคิดใส่ใจ เรียกง่าย ๆ ว่าไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น แต่กับเด็กสาวคนนั้นกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจผมอยู่
ไม่เอาน่ากวิน แกแค่รู้สึกแย่ที่ไปตะคอกใส่คนพิการ
ผมพยายามให้เหตุผลกับตัวเอง แต่ว่ามันไม่สามารถอธิบายถึงปฏิกิริยาที่ในเป้ากางเกงผมแข็งโป๊กตอนคิดถึงใบหน้าสวยหวานนั้นได้
“สัส!” ผมสบถตัวเองเมื่อในหัวปรากฏภาพของเธอถูกมัดและกำลังอ้อนวอนให้ผมปลดปล่อยให้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมอยากรู้เรื่องราวของเธอมากขึ้น จึงไม่รอช้ากดโทรศัพท์ต่อสายหาบีมฝ่ายไอที เพราะรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการแผนกบุคคลไม่สามารถให้ได้ เขารับสายผมตั้งแต่สัญญาณแรกดัง
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับท่านประธาน” เสียงทุ้มออกจะติดกวนเอ่ยขึ้น ผมคิดว่าลูกน้องผมเป็นพวกชอบกวนประสาทแทบทุกคน
“ผมต้องการประวัติส่วนตัวโดยละเอียดของนักศึกษาฝึกงานชื่อปภาดาที่อยู่ห้องจดหมาย ด่วน คุณเข้าใจมั้ยว่าผมหมายถึงอะไร”
“ครับท่าน” ปลายสายตอบรับพร้อมเสียงรัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดดังขึ้น “ท่านต้องการข้อมูลส่วนตั๊วส่วนตัวแบบที่หาทั่วไปไม่ได้ใช่มั้ยครับ ให้เวลาผมสิบห้านาที”
ผมวางสาย หัวเราะพอใจที่ลูกน้องคนนี้ไม่เสียเวลาคิดเรื่องหลักจรรยาบรรณใด ๆ เลยสักนิด
สิบห้านาทีพอดีเป๊ะหนุ่มหน้าตี๋ใส่แว่นก็มาปรากฏตัวตรงหน้า ยื่นแฟ้มส่งให้
“ได้แล้วครับ”
“ชาร์มอยู่ข้างนอกรึเปล่า”
“อยู่ครับ” เขาตอบ แอบอมยิ้มเมื่อพูดถึงเลขาฯ ผม ไม่ปิดบังว่าแอบชอบหล่อนอยู่ แต่ผมมั่นใจว่าหล่อนไม่ชายตาแลลูกน้องผมคนนี้แน่ ดูสิว่าแต่งตัวยังไง แว่นหนาเตอะ ผมไม่หวี เสื้อยับ ๆ อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดพูดให้เสียกำลังใจ แต่ก็แอบเอาใจช่วยอยู่เหมือนกัน
“ผมรับรองว่าท่านจะได้ข้อมูลทุกอย่างที่ท่านต้องการในแฟ้มนี้ มีอะไรให้ผมรับใช้อีกมั้ยครับ”
“นายลองออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างก็ดี อย่ามัวแต่หมกตัวอยู่กับหน้าจอคอมฯ ทั้งวัน “ผมแนะนำ
“ครับท่าน” บีมรับคำอย่างรวดเร็วแต่ผมรู้ว่าไม่ทำตามหรอก
คล้อยหลังบีมผมจึงเปิดแฟ้มออกดู ตาลุกวาวเมื่อเห็นภาพถ่ายส่วนตัวของปภาดา ลูกน้องคนนี้ช่างรู้ในผมเสียจริง เห็นทีควรจะขึ้นเงินเดือนให้ซะหน่อย แต่ก็แอบสงสัยว่าหมอนี่จะรู้รึเปล่าว่าผมสนใจเธออยู่ ผมสลัดความคิดนั้นทิ้ง อย่างเจ้านั้นคงคิดว่าผมไม่พอใจเธอย่างมากและต้องการไล่เธอออกมากกว่า
ผมเพ่งสายตาดูรูปถ่ายของเด็กสาวในแฟ้ม เธอเกล้าผมเป็นมวยไว้ด้านหลังหมือนกับวันนี้ สายตาหลุบต่ำกำลังอ่านหนังสือที่อยู่ในมือ ทำให้ดูเหมือนเป็นซับเชื่อง ๆ แม้กระนั้นผมก็ยังเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วคู่นั้นได้ชัดเจน เธอไม่ได้แต่งหน้า แต่ผิวขาวเนียนไม่มีจุดด่างดำเลยสักจุด ผมไล้นิ้วผ่านรูปเธอ อยากจะสัมผัสเธอจริง ๆ
ความต้องการผมอัดแน่นจนกลางกายที่แข็งขึงอยู่แล้วเริ่มมีน้ำซึมออกมา จึงเปิดผ่านเพื่ออ่านประวัติของเธอเพื่อเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็น ปภาดา ชื่อเล่นว่าปราย ชื่อเพราะหมาะสมกับตัวเธอ แล้วผมก็สะดุดเมื่ออ่านถึงที่ว่าเธอย้ายมาเรียนโรงเรียนสำหรับคนหูหนวกโดยเฉพาะเมื่อตอนอายุสิบห้า แสดงว่าไม่ได้หูหนวกตั้งแต่เกิด อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แต่ก็ยั้งตัวเองไม่ให้สั่งให้บีมแฮ็กประวัติทางการแพทย์เธอมาให้ดู
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอนะปราย”
ปรายฉันถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อพี่จุ๋มบอกว่าคุณปลาโทรมาขอโทษที่สื่อสารผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้หวังว่าท่านประธานคงไม่เอาเรื่องวันถัดมาฉันมาทำงานตามปกติ หลังจากตอกบัตรเข้างานก็ไปนั่งแยกจดหมายซึ่งเป็นงานหลักของฉัน เห็นซองที่จ่าหน้าถึงผู้บริหารก็รู้ทันทีว่าความสงบในการทำงานของฉันได้ถูกทำลายลงแล้ว พอตรวจเช็กดูว่าครบไม่มีอะไรตกหล่นแล้วฉันก็หยิบซองจดหมายที่ว่าตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุดฉันใช้นิ้วชี้ไปที่ซองจดหมายในมือ แล้วชี้ไปที่ประตูห้องทำงานท่านประธานที่อยู่ด้านหลังคุณชาร์มเพื่อบอกจุดประสงค์ คุณชาร์มบอกให้ฉันนำไปส่งถึงมือท่านประธานได้เลย พอเห็นว่าฉันลังเลเธอก็เลยขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อวาน ฉันพยักหน้าเข้าใจ สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้าถึงค่อยเปิดประตูเข้าไปฉันไม่เห็นคุณกวินที่โต๊ะทำงานจึงกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อมองหา เห็นเขายืนอยู่ริมหน้าต่างเหมือนกำลังมองดูอะไรอยู่ ไม่ได้สนใจว่ามีคนเดินเข้ามาเพราะเขาไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ฉันเรียกความกล้าตัวเอง แล้วทำเสียงที่คิดว่าดังพอเพื่อเรียกความสนใจของเขา เมื่อฉันเดินไปจนถึงหน้าโต๊ะทำงานเขาถึงเพิ่งจะหันมาดูจากคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันแน่นอนเลยว่าที่ฉันเ
ผมมาถึงที่ทำงาน แฟ้มประวัติของปภาดายังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ผมโยนมันส่ง ๆ ไปรวมกับของที่ต้องนำไปทิ้ง ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกำจัดเธอออกไปจากสมองให้ได้“แม่ง!” ผมหยิบมันขึ้นมาใหม่ เอารูปถ่ายของเธอออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารผมเป็นอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับผมกันแน่หลังจากพยายามตั้งสมาธิเพื่อเริ่มงานถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ผมเลยหยิบมือถือมาเล่นเกม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างสังเกตเห็นว่าคนมีเรื่องกัน จึงดึงดูดความสนใจของผม เหมือนว่าคนข้างล่างกำลังแย่งที่จอดรถกันอยู่ที่หน้าตึก คนขับลงจากรถมาด่ากันกลางถนนโดยไม่สนใจคนอื่นทำให้รถติดยาวเป็นพรวน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ๆ จึงหันกลับไปดู สงสัยว่าใครกล้ามารบกวนแต่เช้า แต่ทว่ากลับกลายเป็นเธอแววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมรู้ตัวทันทีว่าทำให้เธอตกใจกลัวอีกแล้ว เธอเดินถอยหลัง ทำให้อยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านปากผมได้ ผมจึงรีบรั้งเธอไว้ก่อนที่จะหนีเตลิดไปอีก แต่เธอไวมาก แป๊บเดียวก็ไปถึงที่ประตูแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเผลอตะโกนเรียกแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินก็ตาม“ปภาดาเดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”ผมหยุดเธอได้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกจากห้อง ร่างเ
ปราย“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนี้ต่อหน้าคุณ แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่มารวบกวนคุณ” ฉันทำมือบอกท่านประธานริมฝีปากฉันยังร้อนวูบวาบจากจูบเมื่อครู่ วิธีการที่เขาใช้ควบคุมคนไม่ให้ตกใจกลัวช่างดีจริง ๆ และโชคดีมาก ๆ ที่เขารู้จักภาษามือ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงอิหลักอิเหลื่อน่าดู แต่ว่าเขารู้จักภาษามือได้ยังไง เมื่อเห็นเขายกมือขึ้นห้าม ฉันจึงค่อยรู้ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการบอกเลยสักนิด“เธออ่านปากได้มั้ย” เขาถามและฉันพยักหน้าท่าทางโล่งอกของท่านประธานทำให้ฉันอยากหัวเราะ เดาว่าอันที่จริงแล้วเขาคงไม่ได้รู้ภาษามือจริง ๆ หรอก แต่อดแอบคิดไม่ได้ว่าเขาไปเรียนภาษามือเพื่อคุยกับฉันโดยเฉพาะ แล้วก็ต้องสั่งให้ตัวเองหยุดคิด ฉันไม่ใช่คนหูหนวกคนเดียวซะหน่อยที่อยู่ในโครงการเขา แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้เพื่อ…เอ่อ…แสดงความสุภาพฉันอยากคุยกับเขาแต่ไม่รู้ว่ามือถือหายไปไหน แล้วก็เห็นมันตกอยู่ที่พื้นข้าง ๆ กับจดหมายของท่านประธานจึงหยิบมันขึ้นมา ฉันสำรวจดูมือถือ โล่งอกที่ไม่มีส่วนไหนแตกหักหรือเสียหาย รีบพิมพ์สิ่งที่ฉันต้อง
ปราย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณชาร์มดึงฉันไปถามใกล้ ๆ ฉันยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน “ไม่เอาน่า บอกพี่มาน้องปราย คราวหน้าเธอเข้ามาในนี้ได้เลยไม่ต้องกังวล เธอเป็นที่ต้อนรับเสมอ น้องทำอะไรกับท่านประธานกันแน่ เขาไม่เคยดีกับใครแบบนี้มาก่อน” คุณชาร์มเลียนเสียงและท่าทางของคนที่อยู่ด้านใน“ใครไม่เคยดีกับใคร บอสเหรอ” คุณวัลลภถามเมื่อเดินมาหยุดหน้าพวกเรา“แต่ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันว่าเขาต้องชอบน้อปราย” คุณชาร์มออกความเห็น“แหงะซะ เมื่อวานเขาแทบจะกินหัวผมตอนที่น้องปรายหนีออกไปจากห้อง” คุณลภเสริม ทำท่ากรอกตามองบนฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนินทาเจ้านายอย่างสนุกปากสลับกันไปมา เห็นว่าไม่ควรพาตัวเข้าไปยุ่งจึงคิดถอยออกมาดีกว่า“ปรายขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ “ฉันพิมพ์ขอความผ่านมือถือฉันกลับมาที่ห้องจดหมาย ความคิดเกี่ยวกับท่านประธานที่ฉันมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เขาดีกับฉันมาก คงจะรู้สึกแย่ที่โมโหใส่ฉัน แต่ว่า...ถ้าหากเขาจะโมโหใส่แล้วปลอบด้วยการจูบแบบวันนี้ละก็...ฉันคงจะยินดี ฉันไม่เคยถูกจูบแบบนั้นมาก่อน ส
“เอาจริงดิครับ!” วัลลภถามเสียงสูง“ทำไม ฉันอยากได้เธอนี่”“คุณจะฟันเธอแล้วทิ้งจริง ๆ เหรอครับ”“ปกติฉันก็ทำแบบนั้นนี่” ผมตอบแบบที่คิด ที่ผมเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดคงเป็นเพราะผมยังไม่ได้เธอนั่นเอง“ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ผมแนะนำว่าไปหาผู้หญิงคนอื่นมาสนุกด้วยดีกว่า อย่าลืมว่าเธอยังเรียนไม่จบนะครับ”“เออก็จริง เธออายุเท่าไหร่นะ ฉันคงไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกมั้ง”“คุณไม่ต้องคิดเรื่องอายุหรอกครับถ้าสนใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ถึงยี่สิบจริง ๆ แต่ก็ทำให้คุณสนใจได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะมีอาการอย่างนี้เหรอ แต่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ น้องปรายอายุยี่สิบสองแล้ว”“ไม่ต้องย้ำได้มั้ย” ผมชักหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความต่างทางอายุระหว่างผมกับปราย“อ้าว ก็คุณพูดเองนี่ครับ”“เออ ๆ งั้นพอได้แล้ว”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำว่าเจ้านายควรจะชวนเธอไปเดท”“แต่ว่าเธอเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันชอบคนเป็นงาน อย่าทำเป็นไม่รู้”“คุณอาจจะเบื่อแบบเดิม ๆ ก็ได้ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องการอะไรที่มากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์ที่คุณ
ปราย“สวัสดีค่ะแม่” ฉันส่งภาษามือทักทายแม่ทันทีที่ลงจากรถ“เป็นไงบ้างลูก” แม่ถามกลับด้วยภาษามือเช่นเดียวกัน แล้วเราสองคนเดินก็กอดกันเข้าบ้าน“ลูกพ่อกลับมาแล้ว มาให้พ่อดูหน่อย” พ่อส่งภาษามือทัก ยิ้มกว้างพร้อมกางแขนออกต้อนรับ ฉันรีบกระโจนเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลก“ลูกดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เจอกันครั้งก่อนอีกแล้ว” พ่อมักจะทักฉันเป็นเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ทุกครั้ง แล้วพวกเราก็ได้แต่หัวเราะเพราะอายุเท่านี้ส่วนสูงไม่เพิ่มขึ้นแล้วพ่อออกไปช่วยฉันขนกระเป๋าเข้าบ้านแล้วถามขึ้นทันทีเมื่อเดินกลับเข้ามา “สติ๊กเกอร์ติดรถลูกไปไหน” พ่อหมายถึงสติ๊กเกอร์ที่บอกว่าคนขับรถคันนี้หูหนวก“หนูทำหายค่ะ เดี๋ยวหนูหาอันใหม่มาติด” ตอบเสร็จก็ทำเป็นเดินหนีเพราะไม่อยากเห็นพ่อบ่นอีก ฉันรู้ว่าท่านเป็นห่วงความปลอดภัยแล้วก็ลงทุนเรื่องอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในรถฉันไปมาก ซึ่งแต่ละอย่างค่อนข้างมีราคา ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากกว่านี้ ท่านควรเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณดีกว่า“ตัวแสบไปไหนคะแม่” ฉันถามหาน้องชาย“ขลุกอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ลูกไปล
กวินในวันฝนตก ผมติดอยู่ในรถกับแม่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด แม่ดูนาฬิกาสลับเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถเป็นจังหวะกลัวว่าจะไปรับน้องชายที่ซ้อมบอลหลังเลิกเรียนไม่ทัน ปกติน้องชายผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับเอง และถ้าวันไหนฝนตกการฝึกซ้อมจะเลิกเร็วกว่าปกติ อย่างเช่นในวันนี้ซึ่งฝนตกแรงมาก แม่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเลยมารับ“ขอให้ไปทันทีเถอะ” แม่พูดพลางสอดส่ายสายตาไปข้างทาง“แม่!!!” ผมร้องเสียงดังทำให้แม่เหยียบเบรกกะทันหัน“เป็นอะไรกวิน” แม่หันหน้ามาถาม หน้าตื่นตกใจเพราะผมร้องเสียงดังมาก“เจ็บ ผมเจ็บ”ผมวางมือลงที่หน้าท้อง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงนั้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บแค่ตรงท้องแต่เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว ปวดมากจนแทบทนไม่ไหว ขดตัวจนตัวงอเป็นกุ้ง แม่หันมาดูแต่เสียงแตรจากรถคันหลังทำให้แม่ชักสายตากลับเพื่อขับรถต่อ“ไหวมั้ยกวิน อดทนหน่อยนะลูก”แม่หันมาถามขณะมองไปข้างทางเพื่อหาที่จอด แต่ยังไม่ทันไรจู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายเมื่อครู่ก็หายไปซะเฉย ๆ ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากความว่างเปล่าที่วูบเข้ามาคล้าย ๆ กับว่าตัวเองได้ตายไปแล้วทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าความตายเป็นอย่า
วันดีคืนดีความทรงจำเรื่องกวียังคงตามหลอกหลอนผมไม่หาย ผมโคตรมั่นใจเลยว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาที่ได้ไปเจอหน้ากันอีกครั้ง จะต้องไล่เตะก้นมันเป็นอย่างแรกวันนี้ผมเข้าบริษัทด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่กับการที่ตัวเองเป็นข่าวบนหน้าเพจซุบซิบแล้วกระจายว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ หลังกลับจากพักเที่ยงยังไม่ทันจะได้นั่งก็มีคนโทรเข้ามา ผมล้วงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู เมื่อเห็นว่าแม่โทรมา จึงวางมันไว้ลงบนโต๊ะโดยไม่คิดจะกดรับ ผมไม่อยากให้แม่เป็นที่รองรับอารมณ์ที่พร้อมระเบิดเต็มที่ในตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดเวลานี้คือลากตัวเจ้เชอร์รี่มาบีบคอให้ตายคามือ เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานผมไปปลดปล่อยอารมณ์ที่คลับลับของหล่อน ที่นั่นเป็นคลับที่ต้อนรับเฉพาะสมาชิกและลูกค้าวีไอพี ด้านบนเป็นสถานบันเทิงธรรมดา แต่ด้านล่างเป็นซ่องสำหรับพวกไฮโซเงินหนาที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากปกติ หรือที่เรียกว่า BDSM และเจ้เชอร์รี่เรียกง่าย ๆ ว่าคือแม่เล้านั่นเอง นังกะหรี่ที่ผมเอาเมื่อวานคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าเอาผมไปขาย ถ้าคิดจะจับผมด้วยวิธีนี้คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว“คุณชาร์มเรียกคุณลภมาหาผมหน่อย” ผมกดอินเทอร์คอมสั่งเลขาฯ“คุณ