แชร์

- 2 -

วันดีคืนดีความทรงจำเรื่องกวียังคงตามหลอกหลอนผมไม่หาย ผมโคตรมั่นใจเลยว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาที่ได้ไปเจอหน้ากันอีกครั้ง จะต้องไล่เตะก้นมันเป็นอย่างแรก

วันนี้ผมเข้าบริษัทด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่กับการที่ตัวเองเป็นข่าวบนหน้าเพจซุบซิบแล้วกระจายว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ หลังกลับจากพักเที่ยงยังไม่ทันจะได้นั่งก็มีคนโทรเข้ามา ผมล้วงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู เมื่อเห็นว่าแม่โทรมา จึงวางมันไว้ลงบนโต๊ะโดยไม่คิดจะกดรับ ผมไม่อยากให้แม่เป็นที่รองรับอารมณ์ที่พร้อมระเบิดเต็มที่ในตอนนี้

สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดเวลานี้คือลากตัวเจ้เชอร์รี่มาบีบคอให้ตายคามือ เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานผมไปปลดปล่อยอารมณ์ที่คลับลับของหล่อน ที่นั่นเป็นคลับที่ต้อนรับเฉพาะสมาชิกและลูกค้าวีไอพี ด้านบนเป็นสถานบันเทิงธรรมดา แต่ด้านล่างเป็นซ่องสำหรับพวกไฮโซเงินหนาที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากปกติ หรือที่เรียกว่า BDSM และเจ้เชอร์รี่เรียกง่าย ๆ ว่าคือแม่เล้านั่นเอง นังกะหรี่ที่ผมเอาเมื่อวานคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าเอาผมไปขาย ถ้าคิดจะจับผมด้วยวิธีนี้คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว

“คุณชาร์มเรียกคุณลภมาหาผมหน่อย” ผมกดอินเทอร์คอมสั่งเลขาฯ

“คุณลภกับกำลังมาค่ะท่าน” เลขาฯ รีบรายงานก่อนที่จะพูดต่อ “ดิฉันกำลังจะไปพักเที่ยง แต่ปลาจะมาแทนระหว่างนี้ค่ะ”

“ถ้างั้นอย่าลืมเตือนด้วยว่าผมไม่ชอบให้ใครรบกวน “

“ค่ะท่าน”

ผมนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะ ไม่ถึงห้านาทีวัลลภ ผู้จัดการส่วนตัวด้านพีอาร์ก็เดินนวยนาดเข้ามา ผมไม่รีรอที่จะระเบิดอารมณ์ใส่ ผมมองคนที่นั่งลงอย่างสบายใจเฉิบโดยไม่คิดขออนุญาต

“ผมว่าเจ้านายไม่ต้องไปใส่ใจข่าวเล็กน้อยแค่นี้หรอก นักข่าวก็อยากขายข่าว คุณจะไปเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ทำไมครับ” วัลลภเริ่มพูดรู้ดีถึงสาเหตุของการถูกตามตัวมา

“แต่มันจงใจทำลายชื่อเสียงฉันรวมถึงดิสเครดิตบริษัทฉันด้วย นายไม่เห็นรึไง” ผมหยิบไอแพดโยนใส่หน้าไอ้ผู้จัดการที่นับวันยิ่งไร้ประโยชน์

“รู้หน้าไม่รู้ใจ มหาเศรษฐีเจ้าของอู่ต่อเรือคนดัง ขึ้นชื่อว่าเป็นเซเล็บใจบุญ แท้จริงแล้วเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงทางเพศ ใครมั่นใจว่าจะเช่าเรือยอร์ชสุดหรูระวังให้ดี อย่าลืมสวมเสื้อชูชีพให้ดีด้วยล่ะ” วัลลภหยิบขึ้นมาอ่านออกเสียง จริตในน้ำเสียงชวนให้อยากหาอะไรเขวี้ยงใส่

“ไม่มีหลักฐานซะหน่อยว่าเป็นคุณ”

“ทำอย่างกับคนอ่านแล้วไม่รู้เลยนะว่าเป็นฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะเสียเวลาสร้างภาพไปทำไม ฉันต้องการฟ้องทั้งคนเขียนข่าวและสำนักข่าวให้หมดตัว แล้วฉันจะซื้อกิจการมันซะ”

อะแฮ่ม! วัลลภกระแอม เปลี่ยนท่ามานั่งไขว่ห้าง ทำแบบนี้เพื่อเตือนผมกลาย ๆ ว่าอย่าหุนหันทำอะไรที่จะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ที่ตัวเองอุตส่าห์ปั้นขึ้นมา

“มีอะไร” ผมถามเสียงห้วนไม่สบอารณ์

“เปล่าครับ ผมแค่รอให้คุณใจเย็นก่อน”

ไอ้นี่! ผมชักทนไม่ไหว ใครกันแน่ที่เป็นนายจ้าง นับวันยิ่งกวนประสาท ในเมื่อผมจ่ายเงินเดือนให้ตั้งแพง ก็ต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือนสิ

ทันใดนั้นจู่ ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามา ผมหันไปมองทันที อยากรู้ว่าใครหน้าไหนกล้าเข้ามารบกวนเวลานี้ ผมเกือบจะตะคอกออกไปแต่ทุกย่างกลับหยุดนิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวที่ดูแล้วไม่น่าจะถึงยี่สิบยืนอยู่ที่ประตู ผมสีดำสนิทเป็นเงาของเธอเป็นสิ่งแรกที่สะดุดสายตาผม เธอเกล้าผมเป็นมวยต่ำไว้ด้านหลังทำให้ไม่รู้ว่ายาวแค่ไหน เมื่อคิดได้ว่าเธอเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต ความชื่นชมก็เปลี่ยนเป็นโมโห

“เธอเป็นใคร ใครให้เธอเข้ามา”

หญิงสาวตาโตอ้าปากค้างเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ขณะเดียวกันผมก็สงสัยว่าเธอมาทำอะไร ดูแล้วน่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่

“ปลาหายหัวไปไหน” ผมถามต่อเพราะเป็นหน้าที่ของหล่อนที่ต้องห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามารบกวน แล้วปล่อยให้เด็กคนนี้เข้ามาได้ยังไง ดูแล้วเหมือนเธอคงเป็นพนักงานทั่วไปในบริษัทที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก “เธอได้ยินอะไรไปบ้าง”

อาการยืนเฉยไม่ตอบคำถามยิ่งกระตุ้นโทสะในตัวผม ผมลุกขึ้นจากโต๊ะเดินตรงจะไปเอาเรื่อง ระหว่างนั้นซองจดหมายสีขาวได้ถูกยื่นมาตรงหน้า

“คุณกวินเดี๋ยวก่อนครับ” วัลลภรั้งผมไว้

พอผมฉวยซองจดหมายมาเจ้าหล่อนก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ” ผมหันไปใส่วัลลภ

“เธอชื่อปภาดา”

“แล้วไง”

“เธอเป็นเด็กฝึกงาน”

“แล้ว...”

“เธอเป็นเด็กที่อยู่ในโครงการสร้างโอกาสให้ผู้พิการที่คุณริเริ่มเมื่อปีที่แล้วไงครับ”

โครงการที่ว่าผมตั้งใจอุทิศให้กับกวี มีจุดประสงค์ช่วยเหลือผู้พิการทั้งทางร่างกายหรือทางสมองเพื่อให้ได้รับการฝึกงานและมีโอกาสจ้างงานต่อไป ได้ยินดังนั้นผมค่อนข้างประหลาดใจ

“แต่ว่าเด็กคนนั้นกูดูปกติดีนี่”

“เธอหูหนวกครับ” วัลลภยิ้มแห้งให้

แม่ง!!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status