กวิน
ในวันฝนตก ผมติดอยู่ในรถกับแม่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด แม่ดูนาฬิกาสลับเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถเป็นจังหวะกลัวว่าจะไปรับน้องชายที่ซ้อมบอลหลังเลิกเรียนไม่ทัน ปกติน้องชายผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับเอง และถ้าวันไหนฝนตกการฝึกซ้อมจะเลิกเร็วกว่าปกติ อย่างเช่นในวันนี้ซึ่งฝนตกแรงมาก แม่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเลยมารับ
“ขอให้ไปทันทีเถอะ” แม่พูดพลางสอดส่ายสายตาไปข้างทาง
“แม่!!!” ผมร้องเสียงดังทำให้แม่เหยียบเบรกกะทันหัน
“เป็นอะไรกวิน” แม่หันหน้ามาถาม หน้าตื่นตกใจเพราะผมร้องเสียงดังมาก
“เจ็บ ผมเจ็บ”
ผมวางมือลงที่หน้าท้อง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงนั้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บแค่ตรงท้องแต่เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว ปวดมากจนแทบทนไม่ไหว ขดตัวจนตัวงอเป็นกุ้ง แม่หันมาดูแต่เสียงแตรจากรถคันหลังทำให้แม่ชักสายตากลับเพื่อขับรถต่อ
“ไหวมั้ยกวิน อดทนหน่อยนะลูก”
แม่หันมาถามขณะมองไปข้างทางเพื่อหาที่จอด แต่ยังไม่ทันไรจู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายเมื่อครู่ก็หายไปซะเฉย ๆ ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากความว่างเปล่าที่วูบเข้ามาคล้าย ๆ กับว่าตัวเองได้ตายไปแล้วทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าความตายเป็นอย่างไร
รถเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า และแล้วก็ได้รู้ถึงสาเหตุที่ว่านอกจากฝนตกแล้วทำไมวันนี้รถถึงติดแอกขนาดนี้ เพราะว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนั่นเอง สายตาผมเห็นรถมอเตอร์ไซค์คุ้นตาล้มอยู่กลางสี่แยก ไม่ไกลกันนักมีร่างหนึ่งนอนเลือดท่วมตัวอยู่
“มะมะแม่...”
เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิวเหมือนกระซิบ แต่รู้ว่าแม่ได้ยินและเห็นสิ่งเดียวกัน แม่รีบเปิดประตูรถวิ่งไปยังจุดนั้นทันทีโดยไม่สนว่ารถจะติดตามหลัง เมื่อไปถึงก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างไร้ลมหายใจนั้น
“ไม่ ไม่จริง! เรียกรถพยาบาลที ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้หน่อย” แม่ตะโกนน้ำตาอาบหน้า
“รถพยาบาลกำลังมา” เสียงใครบางคนบอก แล้วก็มีคนมาดึงตัวแม่ให้ลุกขึ้นเมื่อรถพยาบาลมาถึง
“นี่ลูกฉัน ให้ฉันไปด้วย” แม่ร้องบอกแต่ถูกห้ามไว้ ผมที่เพิ่งได้สติก็เปิดประตูลงมาจากรถ
“ผมขอโทษ ผมไม่เห็นเขาจริง ๆ ผมขอโทษ” ผู้ชายคนหนึ่งพูดกับแม่
แสงไฟสีแดงจากสัญญาณรถกู้ชีพสะท้อนไปทั่วบริเวณทำให้ดูเหมือนถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงฉาน ผมวิ่งผ่านหน้าแม่ฝ่ากลุ่มคนที่ออกมาดูและช่วยเหลือตามร่างที่ถูกหามไป มีใครบางคนพยายามรั้งตัวผมไว้ไม่ให้มองภาพตรงหน้า แต่สายไปเสียแล้ว ผมเห็นกวีนอนนอนอยู่บนเปลหาม ยังอยู่ในชุดซ้อมบอล หมวกใบโปรด และรองเท้าสตั๊ดที่แอบขโมยของผมไปใส่ เขาเหมือนคนนอนหลับธรรมดา ผมแอบคิดและภาวนาว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง นี่เป็นแค่เรื่องล้อเล่นตามนิสัยขี้เล่นของกวี
“ไม่เอาน่ากวี เลิกเล่นได้แล้ว ลุกขึ้นมาเร็ว ๆ แล้วกลับบ้านกัน” ผมบอก
ฝนเริ่มตกอีกครั้ง หยดน้ำไหลผ่านใบหน้ารวมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบ ๆ นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมดีใจเพื่อที่จะได้ไม่มีใครเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ ผมมองน้ำฝนที่หยดลงบนใบหน้าของกวีชะเอาเลือดจากบาดแผลที่แตกบนศีรษะออกเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด แต่กวีไม่แม้แต่จะลืมตาหรือกะพริบตาขึ้นมามอง เอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง เขาได้จากไปแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงช่วงเวลานั้น ความตายได้พรากเขาจากผมไปตลอดกาล
“กวิน” เสียงแม่สั่น ดึงผมเข้าไปกอด
“แม่ กวี...ตายแล้ว” ผมไม่อยากจะยอมรับแต่พูดสิ่งที่เป็นความจริงออกมา
“แม่รู้แล้ว แม่รู้” แม่กอดผมร้องไห้ไปด้วยกัน
วันดีคืนดีความทรงจำเรื่องกวียังคงตามหลอกหลอนผมไม่หาย ผมโคตรมั่นใจเลยว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาที่ได้ไปเจอหน้ากันอีกครั้ง จะต้องไล่เตะก้นมันเป็นอย่างแรกวันนี้ผมเข้าบริษัทด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่กับการที่ตัวเองเป็นข่าวบนหน้าเพจซุบซิบแล้วกระจายว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ หลังกลับจากพักเที่ยงยังไม่ทันจะได้นั่งก็มีคนโทรเข้ามา ผมล้วงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู เมื่อเห็นว่าแม่โทรมา จึงวางมันไว้ลงบนโต๊ะโดยไม่คิดจะกดรับ ผมไม่อยากให้แม่เป็นที่รองรับอารมณ์ที่พร้อมระเบิดเต็มที่ในตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดเวลานี้คือลากตัวเจ้เชอร์รี่มาบีบคอให้ตายคามือ เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานผมไปปลดปล่อยอารมณ์ที่คลับลับของหล่อน ที่นั่นเป็นคลับที่ต้อนรับเฉพาะสมาชิกและลูกค้าวีไอพี ด้านบนเป็นสถานบันเทิงธรรมดา แต่ด้านล่างเป็นซ่องสำหรับพวกไฮโซเงินหนาที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากปกติ หรือที่เรียกว่า BDSM และเจ้เชอร์รี่เรียกง่าย ๆ ว่าคือแม่เล้านั่นเอง นังกะหรี่ที่ผมเอาเมื่อวานคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าเอาผมไปขาย ถ้าคิดจะจับผมด้วยวิธีนี้คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว“คุณชาร์มเรียกคุณลภมาหาผมหน่อย” ผมกดอินเทอร์คอมสั่งเลขาฯ“คุณ
ปรายเลขาฯ หน้าห้องท่านประธานลุกขึ้นมองเหมือนจะถามเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ฉันก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมา แต่ฉันไม่ได้หยุดคุยกับหล่อน ได้แต่คิดในใจว่าคราวนี้ซวยแน่แล้ว จึงรีบจ้ำเท้ากลับไปยังห้องจดหมายก่อนที่จะก่อเรื่องให้กับตัวเองมากไปกว่านี้นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับมอบหมายให้นำจดหมายมาส่งให้ท่านประธาน ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามามากพอสมควร ซึ่งออกไปในทางค่อนข้างน่าหวาดกลัว คนในบริษัทต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านประธานเขี้ยวมาก ถ้าใครทำงานพลาดอาจถูกไล่ออกในทันที ฉันเคยคิดว่านี่ออกจะเกินจริงไปซะหน่อย ท่านประธานคงไม่ได้เลวร้ายขนาดที่คนเขาพูดกันหรอก เขาเป็นทั้งมหาเศรษฐี ดารา และโปรดิวเซอร์รายการดังที่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง แถมรายการนั้นเป็นรายการโปรดของฉันด้วย เขาจะไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนด้อยโอกาสทางสังคม แล้วยังโครงการให้โอกาสฝึกงานกับผู้พิการอีกสำหรับฉันที่หูหนวก ใช้วิธีการสื่อสารด้วยการพิมพ์ใส่มือถือแล้วให้แอพฯ ออกเสียงแทน ฉันทำอย่างนี้กับเพื่อนร่วมงานในแผนก แต่ว่าฉันไม่ได้หยิบมือถือติดตัวมาด้วยเพราะนอกแผนกไม่มีใครพูดอะไรกับฉันนอกจากคุณลภกับคุณชาร์มเท่านั้น แต่ถึงฉันจ
กวิน“คุณปล่อยให้เด็กฝึกงานเข้ามาตอนผมกำลังคุยเรื่องสำคัญกับวัลลภได้ยังไง ผมสั่งไว้แล้วนี่ว่าห้ามใครรบกวน” ผมเดินออกมาตวาดใส่ผู้ช่วยเลขาฯ หน้าห้อง เจ้าหล่อนก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ขอโทษค่ะ คุณชาร์มบอกแค่ว่าคุณเรียกคุณวัลลภเข้าพบเฉย ๆ ดิฉันเลยคิดว่าไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรเหรอ เธอใช้อะไรคิด” ผมถามเสียงเย็นบังคับตัวเองไม่ให้ตวาดออกไปอีกรอบ“คือดิฉันคิดว่าหมายถึงแขก...เอ่อ...”คำตอบที่ได้เล่นเอาผมอึ้ง แขก คนทั่วไปจะมาหาผมได้ยังไงถ้าไม่ได้นัดหมายล่วงหน้ามาก่อน นั่นหมายความว่าผมรับรู้และอนุญาตแล้ว ยกเว้นแค่คนในครอบครัวผมเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้หญิงบื้อตรงหน้า“โทรไปหาคุณจุ๋มหัวหน้าห้องจดหมายแล้วขอโทษสำหรับความผิดพลาดของคุณซะ” ผมรวบรัด เบื่อจะฟังคำแก้ตัวงี่เง่า“ค่ะท่าน”“คุณปลา แล้วกรุณาจำไว้ด้วยว่าเวลาที่ผมคุยธุระส่วนตัวอยู่ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามารบกวนเป็นอันขาด เข้าใจมั้ยครับ”“ทราบแล้วค่ะท่าน” หล่อนรับคำแล้วหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาปฏิบัติตามคำสั่งนี่คือผลของการที่ผมยอมใจอ่อนรับเพื่อนน้องสาวเข้าทำงาน พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หัวสมองกลวง เอาแต
ปรายฉันถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อพี่จุ๋มบอกว่าคุณปลาโทรมาขอโทษที่สื่อสารผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้หวังว่าท่านประธานคงไม่เอาเรื่องวันถัดมาฉันมาทำงานตามปกติ หลังจากตอกบัตรเข้างานก็ไปนั่งแยกจดหมายซึ่งเป็นงานหลักของฉัน เห็นซองที่จ่าหน้าถึงผู้บริหารก็รู้ทันทีว่าความสงบในการทำงานของฉันได้ถูกทำลายลงแล้ว พอตรวจเช็กดูว่าครบไม่มีอะไรตกหล่นแล้วฉันก็หยิบซองจดหมายที่ว่าตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุดฉันใช้นิ้วชี้ไปที่ซองจดหมายในมือ แล้วชี้ไปที่ประตูห้องทำงานท่านประธานที่อยู่ด้านหลังคุณชาร์มเพื่อบอกจุดประสงค์ คุณชาร์มบอกให้ฉันนำไปส่งถึงมือท่านประธานได้เลย พอเห็นว่าฉันลังเลเธอก็เลยขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อวาน ฉันพยักหน้าเข้าใจ สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้าถึงค่อยเปิดประตูเข้าไปฉันไม่เห็นคุณกวินที่โต๊ะทำงานจึงกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อมองหา เห็นเขายืนอยู่ริมหน้าต่างเหมือนกำลังมองดูอะไรอยู่ ไม่ได้สนใจว่ามีคนเดินเข้ามาเพราะเขาไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ฉันเรียกความกล้าตัวเอง แล้วทำเสียงที่คิดว่าดังพอเพื่อเรียกความสนใจของเขา เมื่อฉันเดินไปจนถึงหน้าโต๊ะทำงานเขาถึงเพิ่งจะหันมาดูจากคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันแน่นอนเลยว่าที่ฉันเ
ผมมาถึงที่ทำงาน แฟ้มประวัติของปภาดายังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ผมโยนมันส่ง ๆ ไปรวมกับของที่ต้องนำไปทิ้ง ตั้งใจว่ายังไงก็ต้องกำจัดเธอออกไปจากสมองให้ได้“แม่ง!” ผมหยิบมันขึ้นมาใหม่ เอารูปถ่ายของเธอออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารผมเป็นอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับผมกันแน่หลังจากพยายามตั้งสมาธิเพื่อเริ่มงานถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ผมเลยหยิบมือถือมาเล่นเกม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างสังเกตเห็นว่าคนมีเรื่องกัน จึงดึงดูดความสนใจของผม เหมือนว่าคนข้างล่างกำลังแย่งที่จอดรถกันอยู่ที่หน้าตึก คนขับลงจากรถมาด่ากันกลางถนนโดยไม่สนใจคนอื่นทำให้รถติดยาวเป็นพรวน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ๆ จึงหันกลับไปดู สงสัยว่าใครกล้ามารบกวนแต่เช้า แต่ทว่ากลับกลายเป็นเธอแววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมรู้ตัวทันทีว่าทำให้เธอตกใจกลัวอีกแล้ว เธอเดินถอยหลัง ทำให้อยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านปากผมได้ ผมจึงรีบรั้งเธอไว้ก่อนที่จะหนีเตลิดไปอีก แต่เธอไวมาก แป๊บเดียวก็ไปถึงที่ประตูแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเผลอตะโกนเรียกแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินก็ตาม“ปภาดาเดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”ผมหยุดเธอได้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกจากห้อง ร่างเ
ปราย“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนี้ต่อหน้าคุณ แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่มารวบกวนคุณ” ฉันทำมือบอกท่านประธานริมฝีปากฉันยังร้อนวูบวาบจากจูบเมื่อครู่ วิธีการที่เขาใช้ควบคุมคนไม่ให้ตกใจกลัวช่างดีจริง ๆ และโชคดีมาก ๆ ที่เขารู้จักภาษามือ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงอิหลักอิเหลื่อน่าดู แต่ว่าเขารู้จักภาษามือได้ยังไง เมื่อเห็นเขายกมือขึ้นห้าม ฉันจึงค่อยรู้ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการบอกเลยสักนิด“เธออ่านปากได้มั้ย” เขาถามและฉันพยักหน้าท่าทางโล่งอกของท่านประธานทำให้ฉันอยากหัวเราะ เดาว่าอันที่จริงแล้วเขาคงไม่ได้รู้ภาษามือจริง ๆ หรอก แต่อดแอบคิดไม่ได้ว่าเขาไปเรียนภาษามือเพื่อคุยกับฉันโดยเฉพาะ แล้วก็ต้องสั่งให้ตัวเองหยุดคิด ฉันไม่ใช่คนหูหนวกคนเดียวซะหน่อยที่อยู่ในโครงการเขา แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ไว้เพื่อ…เอ่อ…แสดงความสุภาพฉันอยากคุยกับเขาแต่ไม่รู้ว่ามือถือหายไปไหน แล้วก็เห็นมันตกอยู่ที่พื้นข้าง ๆ กับจดหมายของท่านประธานจึงหยิบมันขึ้นมา ฉันสำรวจดูมือถือ โล่งอกที่ไม่มีส่วนไหนแตกหักหรือเสียหาย รีบพิมพ์สิ่งที่ฉันต้อง
ปราย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณชาร์มดึงฉันไปถามใกล้ ๆ ฉันยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน “ไม่เอาน่า บอกพี่มาน้องปราย คราวหน้าเธอเข้ามาในนี้ได้เลยไม่ต้องกังวล เธอเป็นที่ต้อนรับเสมอ น้องทำอะไรกับท่านประธานกันแน่ เขาไม่เคยดีกับใครแบบนี้มาก่อน” คุณชาร์มเลียนเสียงและท่าทางของคนที่อยู่ด้านใน“ใครไม่เคยดีกับใคร บอสเหรอ” คุณวัลลภถามเมื่อเดินมาหยุดหน้าพวกเรา“แต่ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันว่าเขาต้องชอบน้อปราย” คุณชาร์มออกความเห็น“แหงะซะ เมื่อวานเขาแทบจะกินหัวผมตอนที่น้องปรายหนีออกไปจากห้อง” คุณลภเสริม ทำท่ากรอกตามองบนฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนินทาเจ้านายอย่างสนุกปากสลับกันไปมา เห็นว่าไม่ควรพาตัวเข้าไปยุ่งจึงคิดถอยออกมาดีกว่า“ปรายขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ “ฉันพิมพ์ขอความผ่านมือถือฉันกลับมาที่ห้องจดหมาย ความคิดเกี่ยวกับท่านประธานที่ฉันมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เขาดีกับฉันมาก คงจะรู้สึกแย่ที่โมโหใส่ฉัน แต่ว่า...ถ้าหากเขาจะโมโหใส่แล้วปลอบด้วยการจูบแบบวันนี้ละก็...ฉันคงจะยินดี ฉันไม่เคยถูกจูบแบบนั้นมาก่อน ส
“เอาจริงดิครับ!” วัลลภถามเสียงสูง“ทำไม ฉันอยากได้เธอนี่”“คุณจะฟันเธอแล้วทิ้งจริง ๆ เหรอครับ”“ปกติฉันก็ทำแบบนั้นนี่” ผมตอบแบบที่คิด ที่ผมเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดคงเป็นเพราะผมยังไม่ได้เธอนั่นเอง“ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ผมแนะนำว่าไปหาผู้หญิงคนอื่นมาสนุกด้วยดีกว่า อย่าลืมว่าเธอยังเรียนไม่จบนะครับ”“เออก็จริง เธออายุเท่าไหร่นะ ฉันคงไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกมั้ง”“คุณไม่ต้องคิดเรื่องอายุหรอกครับถ้าสนใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ถึงยี่สิบจริง ๆ แต่ก็ทำให้คุณสนใจได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะมีอาการอย่างนี้เหรอ แต่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ น้องปรายอายุยี่สิบสองแล้ว”“ไม่ต้องย้ำได้มั้ย” ผมชักหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องความต่างทางอายุระหว่างผมกับปราย“อ้าว ก็คุณพูดเองนี่ครับ”“เออ ๆ งั้นพอได้แล้ว”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำว่าเจ้านายควรจะชวนเธอไปเดท”“แต่ว่าเธอเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันชอบคนเป็นงาน อย่าทำเป็นไม่รู้”“คุณอาจจะเบื่อแบบเดิม ๆ ก็ได้ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องการอะไรที่มากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์ที่คุณ
ปรายเขาชอบ ฉันมั่นใจ แต่ฉันอาจจะย่ามใจเกินไปหน่อยที่ไปกัดเขา แต่อย่างน้อยก็เห็นอยู่ว่าทำให้เขามีอารมณ์ ร่างกายเขาตอบสนองฉัน แต่ถ้าความจริงแล้วเขาไม่ชอบล่ะ ฉันกังวลไปหมดระหว่างรอคุณกวินเตรียมน้ำ กลิ่นลาเวนเดอร์ลอยขึ้นพร้อมกับไอน้ำกระจายไปทั่วห้องน้ำช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อคุณกวินกวักมือเรียกฉันก็เดินเข้าไปหา เขาจับมือช่วยพยุงให้ฉันก้าวลงอ่างแล้วตัวเองก็ตามลงมานั่งพิงขอบอ่าง ฉันจึงเอนหลังพิงซบอกแกร่ง น้ำค่อนข้างร้อนแต่ไม่ได้ลวกผิว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า“คุณไม่ชอบใช่มั้ยคะ” ฉันหันไปถาม เห็นเขาส่ายหน้า “คุณไม่ชอบจริง ๆ ด้วย คุณถึงไม่พูด”“ไม่ใช่เลย เธอก็เห็นว่าฉันมีอารมณ์ขนาดไหน”“ค่ะ” ฉันยิ้มรับอย่างเต็มภาคภูมิ “ปรายไม่ได้ตั้งจะใจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดเลยนะคะ”“ฉันรู้”คุณกวินจูบข้างขมับแล้วเอาฟองน้ำถูตัวให้“ขอปรายถูหลังให้คุณบ้างนะคะ”เขาตอบรับด้วยการหันหลังให้ สงสัยจังว่าเขาเว้นระยะห่างกับทุกคนหรือกับแค่ผู้หญิงที่มีอะไรกันด้วย ฉันอยากถามเขาถึงเรื่องความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแต่ยังไ
กวินเมื่อเดินเข้ามาในห้องความรู้สึกบางอย่างได้หลั่งไหลท่วมท้นขึ้นมา ปกติแล้วผมจะตื่นเต้นเวลาที่กำลังจะเล่นซีน แต่พอเห็นปรายที่ดูเปราะบางไร้การป้องกัน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอม ดึงเอาความสงบนิ่งของผมออกมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งมันขัดแย้งกับร่างกายที่กำลังตื่นตัวอย่างถึงที่สุดผมยืนอยู่กลางห้อง เรียกปรายให้มาใกล้ ๆ เธอลุกจากเตียงอย่างเชื่อฟัง หยุดยืนต่อหน้าผม ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มหน้ารอคำสั่ง ผมโน้มหน้าเข้าหา ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเธอ ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอออกก่อนที่จะประทับจูบที่หน้าผากมน“เซฟเวิร์ดเธอคืออะไร”“เปรี้ยวค่ะนายท่าน”“เด็กดี ห้ามเสร็จจนกว่าฉันจะบีบหัวนมข้างขวาเธอเข้าใจมั้ย”“ค่ะนายท่าน”“ฉันกำลังจะปิดตาเธอ”“ค่ะนายท่าน”หลังจากใช้ผ้าปิดตาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปล่อยให้ปรายยืนรออยู่กลางห้องเพื่อไปเอาของที่ต้องการ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขนมทุกอย่างที่ต้องการได้ จึงค่อย ๆ เลือกพิจารณาดูของเล่นชิ้นต่าง ๆ ทั้งที่มีชิ้นที่อยู่ในใจเป
กวินตอนที่กลับขึ้นห้องผมหยิบเอาสัญญาหนึ่งในหลาย ๆ ฉบับที่ร่างไว้มาด้วย ที่ร่างไว้หลายฉบับเพราะต้องมีอันใดอันหนึ่งที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ผมมองปรายอ่านสัญญาและรู้ว่าเธอไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วผมแม่งเป็นอะไรวะ แค่มองก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอยู่ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพียงคนเดียวซึ่งก็นานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วก็คิดถึงมันมากแค่ไหน“ปรายว่ามันรัดกุมมากไปหน่อยมั้ยคะ” เว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ดูเย็นชาไม่เหมือนเป็นคุณเลย”ผมได้แต่ยิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูด สัญญาที่แสนรัดกุมและเย็นชานี่แหละตัวผม ตัวผมก่อนที่จะเจอกับเธอ“แบบนี้ก็เหมือนแค่ปรายเป็นหุ่นที่รอฟังคำสั่งคุณอย่างเดียวเท่านั้น ไหนคุณว่าไม่ให้ปรายหยุดพูดกับคุณไงคะ”“ใช่ ฉันชอบที่เธอมีชีวิตชีวาและหัวรั้นแบบนี้”เธอเป็นส่วนผสมของผู้หญิงขี้อายที่ถูกผมไล่ตะเพิดออกจากห้องทำงานกับผู้หญิงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ ที่จริงแล้วกับเธอไม่จำเป็นต้องทำสัญญาใด ๆ เลย แต่ว่าดอ
กวินผมกดปิดนาฬิกาปลุกด้วยความรำคาญเพราะขัดจังหวะการนอน แล้วความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อเห็นปรายนอนซุกอยู่ข้างกาย มือเธอยังคงอยู่ในมือผม ยอมรับว่าผมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเท่านี้มาก่อนตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเพราะจะต้องเก็บเธอมาฝันทุกคืน ฝันว่ามีเธออยู่ข้างกาย และเมื่อคืนในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงผมควรจะปล่อยมือเธอได้แล้วและขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ให้ชัดเจน แต่แทนที่จะทำแบบนั้นผมกลับจับมือเธอแน่นขึ้น สอดประสานนิ้วกันไว้ ใช้หัวแม่มือไล้วนที่ผิวนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผมกำลังเล่นเกมซึ่งอันตรายมาก ๆ ที่สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยการที่พังกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่รู้ดีแต่ไม่สามารถหยุดได้ปรายลืมตาขึ้นช้า ๆ เมื่อสายตาเราสบกันก็ยิ้มให้ ริมฝีปากที่คลี่ออกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากตัวเองลงไป เธอคล้อยตามในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเวลาก็ครวญออกมาก่อนจะล้มตัวนอนตามเดิม เรียกเอาผมหัวเราะ ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า“เธอนอนต่อเถอะ ฉันจะไปออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินมื้อเช้ากัน”ปรายพยักหน้า ซุกตัวกลับเข้าในผ้า
ปรายฉันตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคยแต่เตียงหลังนี้หลับสบายเป็นบ้า คุณกวินกำลังหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ผ้าห่มร่นลงมาอยู่ที่เอว ทำให้สามารถลอบชื่นชมร่างกายได้อย่างเปิดเผยคุณกวินในตอนนี้ช่างดูสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผมสีดำสนิทที่ยุ่งเล็กน้อย โครงหน้าที่เห็นสันกรามเป็นรูปชัดเจน แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แขนล่ำสันกำยำรองรับช่วงไหล่กว้างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายมาก ฉันเอื้อมมือออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติลงมาถึงลำคอที่ไหล่มีรอยสักรูปเด็กผู้ชายน่ารักที่หน้าตาเหมือนกับคุณกวินเปี๊ยบ เข้าใจว่าเขาน่าจะสักรูปตัวเองตอนเด็ก ไม่รู้ทำไมแต่ฉันก็ลูบผิวบริเวณรอยสักพลางหัวเราะที่คิดว่ามันดูน่ารัก หากคุณกวินรู้คงไม่ชอบเท่าไหร่ ฉันเลื่อนสายตาลงมาจ้องที่ยอดอกสีเข้ม นึกอยากจะไล้ลิ้นวนรอบ ๆ และกัดดู ไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตให้ซับทำแบบนั้นหรือไม่ ฉันคิดเกี่ยวกับคุณกวินเพลินจนไม่รู้ตัวและไม่ทันสังเกตว่าคุณกวินตื่นนอนแล้วจนกระทั่งเขายึดข้อมือฉันไว้ ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาและเห็นร่องรอยกรุ
“ค่ะ” ปรายยิ้มผมจรดริมฝีปากลงบนจุดชีพจรบนมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งแทนของหัวใจ“ดีมาก”ปรายยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจที่ถูกจับหมุนตัวหันหลัง ผมรูดซิปชุดด้านหลังลง ปลดแขนทั้งสองข้างออก จูบหลังคอ แล้วจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผมคุกเข่า ดึงชุดหนังรัดรูปที่ติดอยู่ที่สะโพกลงมาอยู่แทบเท้า ปรายจับบ่าผมเพื่อทรงตัวขณะก้าวเท้าออกจากชุด จากนั้นผมก็หยิบมันโยนทิ้งให้พ้นทางพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ ไล่จูบตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาตามขาเรียว ใช้นิ้วเกี่ยวแพนตี้ รูดออกจากเรียวขาคู่สวยเพื่อเปิดเปลือยสิ่งที่สวยยิ่งกว่า ผมลุกขึ้นยืน ถอยหลังหนึ่งก้าว ใช้สายตากวาดสำรวจความงดงามเบื้องหน้า ปรายยืนเปลือยเปล่า ปล่อยแขนลงข้างลำตัว สวยราวกับภาพวาดในบทกวี“เธอสวยมาก”ปรายยิ้มรับ“และจงรู้ไว้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”ผมไล้มือไปตามกรอบหน้าสวย เชยคางขึ้น จูบแผ่วเบาที่เปลือกตาก่อนที่ไล้จมูกสูดกลิ่นแก้มนวลแล้วจูบปาก“ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน”ไล่จูบต่ำลงมาถึงเนินอก แล้วอ้าปากงับเม็ดทับทิมสีหวานดูดแรง ๆ จนแข็งเป็นไตกระทั่งปรายบิดตัวไ
“ไม่ใช่แค่กับคุณค่ะ ฉันไม่พูดกับใครเลย”“ทำไมล่ะ”“ฉันไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไงตั้งแต่อายุสิบหน้า ที่ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่ตอนนี้และคุณดูเหมือนจะเข้าใจดี แต่ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ”“แปลกยังไง”“เหมือนกับตอนที่สวมหูฟังเปิดเสียงดังจนสุดทำให้ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ก็เลยพูดเสียงดังเกินกว่าปกติแล้วคนอื่นหันมามอง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพูดดังหรือเบา ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไง เปลี่ยนไปรึเปล่า ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเสียงฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองฉันแปลก ๆ และกลายเป็นตัวตลก”“เด็กดีเสียงเธอไม่มีตรงไหนผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย”ผมบอกเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว อยากจะดึงเธอมากอด อะไรทำให้เกิดอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาได้ขนาดนี้เนี่ย เหมือนไม่ใช่ตัวผมเธอเพิ่งให้ของขวัญล้ำค่ากับนายซึ่งก็คือเสียงพูดของเธอ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้วไอ้กวิน ทำให้เธอรู้สิว่ามันมีค่ากับนายมากแค่ไหนผมรั้งเอวบางเข้าใกล้ ใช้มือประคองหน้าสวย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อสื่อความหมายให้เธอเข้าใจมากที่สุด
ศรวนรถมาส่งเราที่หน้าประตูบ้านแล้วค่อยขับไปจอดที่โรงรถ ผมจับมือปรายเดินนำไปที่ประตูพร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกสามเม็ด ผมดันร่างบางชิดกำแพงก่อนที่ประตูจะปิดสนิท โน้มหน้าลงจูบไซ้ลำคอขาวผ่องปรายยินยอมพร้อมใจเหมือนครั้งก่อน เบียดกายเข้าหาตอบสนองยอมรับสิ่งที่ผมเสนอและเรียกร้องในสิ่งที่มากขึ้นไปอีก ผมหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอากาศเย็นที่แทรกผ่านรอยแยกประตูเข้ามา ทำให้ปรายได้เลื่อนการถูกลงโทษออกไปอีกสักระยะผมคว้ามือเธอมาจับอีกครั้ง เดินมาถึงห้องนั่งเล่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสำรวจรอบบ้านและสะดุดลงที่เปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ผมยิ้มให้ตัวเอง พาเธอไปนั่งที่โซฟา ตาเธอยังคงมองที่เปียโนอยู่ ถ้ารู้ว่าผมคิดจะทำอะไรกับเธอบนเปียโนเธอจะทำหน้ายังไง“เธอกินข้าวรึยัง”ปรายพยักหน้า“เธอดื่มไปกี่แก้ว “เธอชูสองนิ้วผมไปรินน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอแค่จิบแล้วจะวางแก้วลงแต่ยังไม่ทันที่แก้วจะสัมผัสโต๊ะผมก็สั่งเสียงเข้ม“ดื่มให้หมด”ปรายทำตาม ดื่มน้ำจนหมดแก้ว“ไอ้หน้าอ่อนที่อยู่กับเธอเป็นดอมของเธอใช่มั้ย”
ปรายการออกมาเที่ยวคืนนี้ทำฉันเซ็งหนักกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้เป็นพวกโง่เง่าอ่อนด้อยโดยแท้ ให้พยายามแทบตายก็ไม่มีทางทำให้ฉันยอมจำนนได้หรอกเพราะไม่มีลักษณะของความเป็นดอมเลยสักนิด ผิดกับคุณกวิน ดูจากนิสัยเขาที่ชอบควบคุมทุกอย่างในที่ทำงานแล้วเขามีความเป็นดอมอยู่เต็มเปี่ยม ทำไมเขาถึงไม่ใช่ ฉันเคยคิดว่าถ้าบอกรสนิยมความชอบส่วนตัวให้เขารู้เขาอาจจะชอบก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นดอมแต่เขาอาจอยากลองอะไรแปลกใหม่ เขาอาจจะชอบควบคุมฉันบนเตียง แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาเป็นใคร มีแต่จะคิดว่าฉันบ้าจิตไม่ปกติน่ะสิฉันคาดหวังเกินไป การได้ไปเดทกับคุณกวินสักครั้งนับว่าฉันทำบุญมาดีแค่ไหนแล้ว ฉันไม่ใช่เป็นคนที่มีผู้ชายในสต็อก ทั้งชีวิตฉันเคยมีแฟนแค่คนเดียว และไม่ต้องพูดถึง ทันทีที่ฉันหูหนวก เพื่อน ๆ เริ่มทำตัวแปลก ๆ กับฉัน และไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งนั่นก็ทิ้งฉันทันที โดยให้เหตุผลปัญญาอ่อนว่าไม่รู้จะสื่อสารกันยังไงฉันถอนหายใจพลางคิดว่าถ้าปาฏิหาริย์มีจริงแล้วคุณกวินชวนฉันไปเดทอีกครั้งฉันจะตอบตกลงถึงแม้ว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้เจอเลยก็ตาม เห็นได้จา