หลังจากนั้นก็โม่ไป๋ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับเธออีก เพราะเขาสามารถพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมาก็ตาม เขาทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเธอแท้ๆ แต่ท่าทางของเขากลับดูเหมือนหวังดีกับเธอ ไม่ว่าเสิ่นหยินอู้จะโกรธหรือพูดอะไรที่รุนแรงแค่ไหน โม่ไป๋ก็ดูไม่สะทกสะท้านเลย ซึ่งมันทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่าถึงเธอจะต่อว่าอะไรเขาเพิ่มอีก มันก็ไม่มีความหมาย เธอจึงพาเด็กทั้งสองคนออกไป หลังจากกลับไปถึงที่ห้อง เสิ่นหยินอู้ยืนอยู่ริมหน้าต่าง หลังจากนั้นประมาณห้านาที เธอก็เห็นโม่ไป๋ขึ้นรถคันหนึ่งแล้วรถก็ขับออกไป และไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เสิ่นหยินอู้ยังสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนที่ปกติจะล้อมคฤหาสน์เอาไว้ได้ถูกย้ายออกไปกว่าครึ่งหนึ่ง เธอตกใจเล็กน้อย ผู้ช่วยเฉินรู้สินะว่าวันนี้เขาจะทำอะไรเช่นนี้? แต่เธอก็สงสัยเล็กน้อย เดิมทีโม่ไป๋คิดที่จะกักขังเธอไว้ที่นี่ แล้วในตอนนี้เขาย้ายคนตั้งมากมายขนาดนี้ออกไปทำไมกัน? หรือว่ามีคนหาเธอพบแล้วงั้นเหรอ? แต่ถ้ามีใครหาเธอพบ เขาก็ควรมาช่วยเธอออกไปไม่ใช่หรอ? "ก๊อกก๊อก" ความคิดของเสิ่นหยินอู้ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู เธอรีบเดินไปเปิดประตู และเ
“ไม่ต้องห่วงนะ อีกเดี๋ยวถ้าได้ออกไปก็ไม่เป็นไรแล้ว” เสิ่นเหมิงเหมิงพยักหน้าเบาๆเป็นการบอกว่าเธอเข้าใจ เมื่อเห็นพวกเธอนอนหมอบลงไปแล้ว ผู้ช่วยเฉินก็รู้ว่าเสิ่นหยินอู้ได้ตัดสินใจแล้ว จึงพูดว่า "คุณหนูเสิ่น งั้นก็นั่งดีๆนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ รถก็เริ่มเคลื่อนตัว สายตาของผู้ช่วยเฉินมองไปทึ่ด้านหน้า เขาพูดขณะขับรถว่า: "เราจะไปถึงประตูในอีกประมาณสองนาที ถึงที่ประตูหลักจะย้ายคนออกไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังเหลือคนอยู่อีกเยอะ ผมคนเดียวจัดการพวกเขาไม่ไหว ถ้าโชคดีพวกเขาจะปล่อยผมออกไป แล้วผมจะไปส่งพวกคุณที่อีกที่หมายหนึ่งแล้วค่อยกลับมา ถ้าโชคร้ายแล้วพวกเขาอยากตรวจรถขึ้นมา ผมจะขับออกไปเลย และจะเร่งความเร็วรถ ถึงตอนนั้นพวกคุณคาดเข็มขัดแล้วดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับ” เสิ่นหยินอู้ฟังสิ่งที่เขาพูดทีละคำ และในที่สุดเธอก็ตอบกลับไปเพียงสองคำเท่านั้น: "ขอบคุณ" ผู้ช่วยเฉินเปิดริมฝีปากของเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก สองนาทีต่อมา รถก็มาถึงประตูหลัก มันแตกต่างไปจากตอนที่โม่ไป๋นั่งรถออกไป ผู้ช่วยเฉินถูกขวางเอาไว้ก่อนจะได้ออกไปข้างนอ หลังจากที่หยุดรถ ลมหายใจของเสิ่นหยินอู้เริ่มถี่ขึ้น เธอมองไปที่เด็
“แต่ว่า เมื่อกี้นี้ผู้ช่วยเฉินดูโกรธมาก ผมกลัวจะไปทำให้เขาไม่พอใจ ก็เลย...” เมื่อชายคนนั้นได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที: "ชิบหายละ รีบขับรถตามไปซะ แล้วก็ให้คนไปที่ห้องของคุณหนูเสิ่นเพื่อดูว่าเธอยังอยู่ที่นั่นหรือเปล่าด้วย" ทุกคนต่างทำเรื่องของตนเอง บางคนก็วิ่งไปขับรถ ขณะที่คนอื่นๆ ก็วิ่งไปตรวจสอบ “แย่แล้ว คุณหนูเสิ่นไม่อยู่” “ไอ้ผู้ช่วยเฉิน! ตามเขาไปเร็ว ส่งรถไปหลายๆคันเลย แล้วก็แจ้งเรื่องนี้ให้ประธานโม่ทราบด้วย” ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งคฤหาสน์ก็เริ่มวุ่นวายอลม่าน - ผู้ช่วยเฉินที่หลบหนีได้สำเร็จขับรถเร็วมาก เสิ่นหยินอู้กับลูกๆทั้งสองลุกขึ้นมานั่ง เมื่อคิดว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นกับพวกเขาในภายหลังได้ พวกเขาทั้งสามจึงคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้ช่วยเฉินไม่กล้าลดความเร็วรถ เขามองดูกระจกหลังและพูดกับเสิ่นหยินอู้ว่า: "พวกเขาน่าจะรู้ตัวเร็วๆนี้ ที่เลวร้ายที่สุดคือพวกเขากำลังน่าจะกำลังตามเรามาแล้ว คุณหนูเสิ่น ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาตามมา ผมจะหาที่สักที่เพื่อส่งคุณลง พวกคุณเข้าไปซ่อนในนั้นให้ดีๆ ไม่งั้นถ้าอยู่ในรถตลอดก็จะตกเป็นเป้าหมายได้”เสิ่นหยินอู้พยักหน้า "ได้ค่ะ" “หลังจากนั้นผ
เนื่องจากไม่มีใครอยู่ในรถ ผู้ช่วยเฉินจึงลดความเร็วรถลง เขาช่วยเสิ่นหยินอู้ได้แค่นี้ สำหรับสิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ต่อจากนี้ เขาไม่รู้เลย หากถามว่าเขาเสียใจหรือไม่ เรื่องบางเรื่อง ในเมื่อทำลงไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะเสียใจหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด …… หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้ช่วยเฉินก็ถูกไล่ตามมาจนทัน เขาถูกพาตัวไปหาโม่ไป๋ สีหน้าของเขาดูสิ้นหวัง ราวกับว่าเขาได้มองเห็นจุดจบของตัวเองล่วงหน้าแล้ว และเขาก็ไม่มีเจตนาที่จะขอความเมตตา “เธออยู่ที่ไหน?” เสียงของโม่ไป๋ยังคงเบามาก แต่ผู้ช่วยเฉินรู้ดีว่านี่อาจเป็นความสงบก่อนจะเกิดหายนะ เขาเปิดริมฝีปากแล้วยิ้ม เงยหน้าขึ้นสบตากับโม่ไป๋ “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน ผมแยกกับพวกเขาระหว่างทาง” เมื่อได้ยิน หางตาของโม่ไป๋ก็กระตุก "ทำไม?" ผู้ช่วยเฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาแล้วพูดว่า "ไม่มีเหตุผล ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ" “เพราะผมลงโทษคุณเหรอ?” โม่ไป๋ดันแว่นตาของเขาขึ้น “คุณก็เลยปล่อยพวกเขาหนีไปเพื่อแก้แค้นผมสินะ?” "ไม่ใช่" ผู้ช่วยเฉินส่ายหัว "พูดตรงๆนะครับมประธานโมใ่มีบุณคุณกับผม ต่อให้ประธานโม่จะลงโทษผม ผมก็ไม่สามารถแก้แค้นคุณได้หรอกครับ" เม
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่ตอบก็วิ่งถามเพิ่มอย่างไม่ยอมแพ้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง มีหลายคนที่อยากได้ตำแหน่งของผู้ช่วยเฉินมาตั้งนานแล้ว แต่ผู้ช่วยเฉินกลับทำงานของเขาได้อย่างไร้ที่ติมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้พวกเขาจีงไม่สามารถที่จะหาโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้ง่ายๆ ในที่สุดพวกเขาก็ได้โอกาสแล้ว ก็ควรจะรีบกดผู้ช่วยเฉินลงมาไม่ใช่หรอ? “ไปหาเธอให้เจอก่อน” อย่างไรก็ตาม โม่ไป๋ตอบเพียงแค่นี้เท่านั้น ชายคนนั้นยังคงไม่ยอมแพ้: "แล้วผู้ช่วยเฉิน..." “ในสายตาคุณมีแค่ผู้ช่วยเฉินงั้นเหรอ?” โม่ไป๋เปลี่ยนคำพูด สายตาเย็นชาขึ้นมา จากนั้นความเย็นยะเยือกก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ชายคนนั้นตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาทำได้เพียงพูดอย่างว่านอนสอนง่ายว่า "งั้นผมจะพาคนไปตามหาคุณหนูเสิ่นก่อน" หลังจากที่คนๆนั้นออกไป โม่ไป๋ก็หยิบบุหรี่หนึ่งซองออกมาจากกระเป๋าของด้วยความหงุดหงิดและจุดมัน ในอดีต เขาไม่สูบบุหรี่ แต่... เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ หยินอู้…ไม่อยากอยู่กับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? เมื่อเทียบกับฉินเย่ เขาไม่รู้ว่าเขาแพ้ฉินเย่ตรงไหนกันแน่ เขามีเธอแค่เ
ทั้งสองคุยกันไปเรื่อย จากนั้นเจ้าของโรงแรมก็บอกว่าเธอมีอย่างอื่นที่ยังต้องไปทำ ก่อนออกไป เจ้าของโรงแรมบอกให้เธอล็อคประตูให้ดีๆในตอนที่จะเข้านอน หากมีคนมาเคาะประตูก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ เสิ่นหยินอู้ตอบว่าโอเค เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เธอก็เรียกเจ้าของโรงแรม “ขอโทษนะคะ ตอนที่ฉันมา…ฉันถูกขโมยไป โทรศัพท์ของฉันก็ไม่มี ฉันขอยืมโทรศัพท์ของคุณก่อนได้ไหมคะ?” เจ้าของโรงแรมอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า "แน่นอนค่ะ" “ที่ชั้นล่างมีโทรศัพท์สาธารณะ หลังทานข้าวเสร็จคุณลงไปใช้ก็ได้นะคะ” โทรศัพท์สาธารณะงั้นเหรอ?เสิ่นหยินอู้พยักหน้า: "ขอบคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันลงไป" จากนั้นเธอก็ปิดประตูและนำอาหารแบ่งให้กับเด็กๆทั้งสองคน “ลูกรัก กินข้าวอะไรสักหน่อยก่อนนะ เดี๋ยวเรากลับไปแล้ว หม่ามี๊จะทำอาหารให้พวกหนูกินเยอะๆเลย” "ขอบคุณนะคะหม่ามี๊" เมื่อเห็นเด็กๆทั้งสองคนกินอาหาร เสิ่นหยินอู้ก็นึกถึงเรื่องโทรศัพท์ขึ้นมาได้ ดังนั้นเธอจึงออกไปเพื่อโทร การทิ้งเด็กๆทั้งสองไว้ที่นี่ มันดูจะไม่ค่อยปลอดภัย ถ้าหากว่ามีคนเข้ามาหลังจากที่เธอออกไปล่ะ? ถ้าหาก…… หลังจากคิดไปคิดมา ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจรอจนกว่
ในขณะนี้โจวชวงชวงกำลังทานอาหารอยู่ จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงขั้นกดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรมาเลยด้วยซ้ำ "ฮัลโหล?" "ตู๊ดๆๆ——" เธอคาดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอรับสาย เสียงวางสายจะดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเธอในทันทีแปลกจัง โจวชวงชวงเลิกคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู สิ่งที่เธอเห็นคือเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก “โทรผิดงั้นเหรอ?” เธอพึมพำอะไรเล็กน้อย เผยจ้าวเหิงที่อยู่ตรงหน้าได้ยินเข้าพอดี จึงเงยหน้าขึ้นมองเธอ: "มีอะไรหรอ?" “มีเบอร์แปลกโทรมาหาฉัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอฉันรับสายปุ๊บ อีกฝ่ายก็วางสายไปเลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เผยจ้าวเหิงทำสายตาเคร่งขรึม “เบอร์แปลกหรอ?” เขารีบเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของโจวชวงชวงเพื่อมาตรวจดู “นี่เป็นเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่” หลังจากที่โจวชวงชวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็สับสนมากยิ่งขึ้น “ทำไมเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่ถึงโทรมาหาฉัน...” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเผยจ้าวเหิงในทันที สองวินาทีต่อมา เผยจ้าวเหิงก็กดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น โจวชวงชวงเห็นเช่นนั้น เธอก็รออย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ห
ใครจะรู้ว่าเมิ่อโทรศัพท์ดังขึ้นได้เพียงวินาทีเดียว ฉินเย่ก็รับสายทันที "ฮัลโหล" เมื่อเธอได้ยินเสียงผู้ชายที่เย็นยะเยือก โจวชวงชวงก็ทำอะไรไม่ถูก เธอนิ่งอยู่กับที่ “คุณโจว?” ความเงียบของเธอทำให้ชายที่รับสายต้องเรียกเธอด้วยความสงสัยอีกครั้ง จากนั้นโจวชวงชวงจึงตอบสนองได้ เธอบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อีกครั้งและบอกที่อยู่ของโรงแรมให้เขาทราบ "ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเธอ ถึงจะจะไม่ใช่ เราก็ปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นเธอจริงๆล่ะ?" "ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้" โจวชวงชวงได้ยินเขาบอกให้คนขับกลับรถและเปลี่ยนเส้นทาง หลังจากที่ออกคำสั่งกับคนขับแล้ว เขาก็พูดกับเธอว่า "ส่งเบอร์นั้นมาให้ผมที" "โอเค" หลังจากวางสายแล้ว โจวชวงชวงก็ส่งเบอร์ท้องถิ่นเมื่อครู่นี้ไปให้ฉินเย่ทางข้อความ ในเวลานี้ เผยจ้าวเหิงก็เข้ามา "เรียบร้อยแล้วเหรอ?" โจวชวงชวงกัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้า เผยจ้าวเหิงมองเธอ แล้วจึงถามคนที่เฝ้าประตูว่า "มีรถที่สามารถขับรถออกไปได้ไหม?" ชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า "มีครับ" "เราขอยืมใช้ได้ไหมครับ?" “แน่นอนครับ คุณเป็นแขกของประธานฉิน หาก
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ