“แต่ว่า เมื่อกี้นี้ผู้ช่วยเฉินดูโกรธมาก ผมกลัวจะไปทำให้เขาไม่พอใจ ก็เลย...” เมื่อชายคนนั้นได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที: "ชิบหายละ รีบขับรถตามไปซะ แล้วก็ให้คนไปที่ห้องของคุณหนูเสิ่นเพื่อดูว่าเธอยังอยู่ที่นั่นหรือเปล่าด้วย" ทุกคนต่างทำเรื่องของตนเอง บางคนก็วิ่งไปขับรถ ขณะที่คนอื่นๆ ก็วิ่งไปตรวจสอบ “แย่แล้ว คุณหนูเสิ่นไม่อยู่” “ไอ้ผู้ช่วยเฉิน! ตามเขาไปเร็ว ส่งรถไปหลายๆคันเลย แล้วก็แจ้งเรื่องนี้ให้ประธานโม่ทราบด้วย” ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งคฤหาสน์ก็เริ่มวุ่นวายอลม่าน - ผู้ช่วยเฉินที่หลบหนีได้สำเร็จขับรถเร็วมาก เสิ่นหยินอู้กับลูกๆทั้งสองลุกขึ้นมานั่ง เมื่อคิดว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นกับพวกเขาในภายหลังได้ พวกเขาทั้งสามจึงคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้ช่วยเฉินไม่กล้าลดความเร็วรถ เขามองดูกระจกหลังและพูดกับเสิ่นหยินอู้ว่า: "พวกเขาน่าจะรู้ตัวเร็วๆนี้ ที่เลวร้ายที่สุดคือพวกเขากำลังน่าจะกำลังตามเรามาแล้ว คุณหนูเสิ่น ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาตามมา ผมจะหาที่สักที่เพื่อส่งคุณลง พวกคุณเข้าไปซ่อนในนั้นให้ดีๆ ไม่งั้นถ้าอยู่ในรถตลอดก็จะตกเป็นเป้าหมายได้”เสิ่นหยินอู้พยักหน้า "ได้ค่ะ" “หลังจากนั้นผ
เนื่องจากไม่มีใครอยู่ในรถ ผู้ช่วยเฉินจึงลดความเร็วรถลง เขาช่วยเสิ่นหยินอู้ได้แค่นี้ สำหรับสิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ต่อจากนี้ เขาไม่รู้เลย หากถามว่าเขาเสียใจหรือไม่ เรื่องบางเรื่อง ในเมื่อทำลงไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะเสียใจหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด …… หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้ช่วยเฉินก็ถูกไล่ตามมาจนทัน เขาถูกพาตัวไปหาโม่ไป๋ สีหน้าของเขาดูสิ้นหวัง ราวกับว่าเขาได้มองเห็นจุดจบของตัวเองล่วงหน้าแล้ว และเขาก็ไม่มีเจตนาที่จะขอความเมตตา “เธออยู่ที่ไหน?” เสียงของโม่ไป๋ยังคงเบามาก แต่ผู้ช่วยเฉินรู้ดีว่านี่อาจเป็นความสงบก่อนจะเกิดหายนะ เขาเปิดริมฝีปากแล้วยิ้ม เงยหน้าขึ้นสบตากับโม่ไป๋ “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน ผมแยกกับพวกเขาระหว่างทาง” เมื่อได้ยิน หางตาของโม่ไป๋ก็กระตุก "ทำไม?" ผู้ช่วยเฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาแล้วพูดว่า "ไม่มีเหตุผล ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ" “เพราะผมลงโทษคุณเหรอ?” โม่ไป๋ดันแว่นตาของเขาขึ้น “คุณก็เลยปล่อยพวกเขาหนีไปเพื่อแก้แค้นผมสินะ?” "ไม่ใช่" ผู้ช่วยเฉินส่ายหัว "พูดตรงๆนะครับมประธานโมใ่มีบุณคุณกับผม ต่อให้ประธานโม่จะลงโทษผม ผมก็ไม่สามารถแก้แค้นคุณได้หรอกครับ" เม
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่ตอบก็วิ่งถามเพิ่มอย่างไม่ยอมแพ้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง มีหลายคนที่อยากได้ตำแหน่งของผู้ช่วยเฉินมาตั้งนานแล้ว แต่ผู้ช่วยเฉินกลับทำงานของเขาได้อย่างไร้ที่ติมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้พวกเขาจีงไม่สามารถที่จะหาโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้ง่ายๆ ในที่สุดพวกเขาก็ได้โอกาสแล้ว ก็ควรจะรีบกดผู้ช่วยเฉินลงมาไม่ใช่หรอ? “ไปหาเธอให้เจอก่อน” อย่างไรก็ตาม โม่ไป๋ตอบเพียงแค่นี้เท่านั้น ชายคนนั้นยังคงไม่ยอมแพ้: "แล้วผู้ช่วยเฉิน..." “ในสายตาคุณมีแค่ผู้ช่วยเฉินงั้นเหรอ?” โม่ไป๋เปลี่ยนคำพูด สายตาเย็นชาขึ้นมา จากนั้นความเย็นยะเยือกก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ชายคนนั้นตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาทำได้เพียงพูดอย่างว่านอนสอนง่ายว่า "งั้นผมจะพาคนไปตามหาคุณหนูเสิ่นก่อน" หลังจากที่คนๆนั้นออกไป โม่ไป๋ก็หยิบบุหรี่หนึ่งซองออกมาจากกระเป๋าของด้วยความหงุดหงิดและจุดมัน ในอดีต เขาไม่สูบบุหรี่ แต่... เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ หยินอู้…ไม่อยากอยู่กับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? เมื่อเทียบกับฉินเย่ เขาไม่รู้ว่าเขาแพ้ฉินเย่ตรงไหนกันแน่ เขามีเธอแค่เ
ทั้งสองคุยกันไปเรื่อย จากนั้นเจ้าของโรงแรมก็บอกว่าเธอมีอย่างอื่นที่ยังต้องไปทำ ก่อนออกไป เจ้าของโรงแรมบอกให้เธอล็อคประตูให้ดีๆในตอนที่จะเข้านอน หากมีคนมาเคาะประตูก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ เสิ่นหยินอู้ตอบว่าโอเค เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เธอก็เรียกเจ้าของโรงแรม “ขอโทษนะคะ ตอนที่ฉันมา…ฉันถูกขโมยไป โทรศัพท์ของฉันก็ไม่มี ฉันขอยืมโทรศัพท์ของคุณก่อนได้ไหมคะ?” เจ้าของโรงแรมอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า "แน่นอนค่ะ" “ที่ชั้นล่างมีโทรศัพท์สาธารณะ หลังทานข้าวเสร็จคุณลงไปใช้ก็ได้นะคะ” โทรศัพท์สาธารณะงั้นเหรอ?เสิ่นหยินอู้พยักหน้า: "ขอบคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันลงไป" จากนั้นเธอก็ปิดประตูและนำอาหารแบ่งให้กับเด็กๆทั้งสองคน “ลูกรัก กินข้าวอะไรสักหน่อยก่อนนะ เดี๋ยวเรากลับไปแล้ว หม่ามี๊จะทำอาหารให้พวกหนูกินเยอะๆเลย” "ขอบคุณนะคะหม่ามี๊" เมื่อเห็นเด็กๆทั้งสองคนกินอาหาร เสิ่นหยินอู้ก็นึกถึงเรื่องโทรศัพท์ขึ้นมาได้ ดังนั้นเธอจึงออกไปเพื่อโทร การทิ้งเด็กๆทั้งสองไว้ที่นี่ มันดูจะไม่ค่อยปลอดภัย ถ้าหากว่ามีคนเข้ามาหลังจากที่เธอออกไปล่ะ? ถ้าหาก…… หลังจากคิดไปคิดมา ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจรอจนกว่
ในขณะนี้โจวชวงชวงกำลังทานอาหารอยู่ จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงขั้นกดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรมาเลยด้วยซ้ำ "ฮัลโหล?" "ตู๊ดๆๆ——" เธอคาดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอรับสาย เสียงวางสายจะดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเธอในทันทีแปลกจัง โจวชวงชวงเลิกคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู สิ่งที่เธอเห็นคือเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก “โทรผิดงั้นเหรอ?” เธอพึมพำอะไรเล็กน้อย เผยจ้าวเหิงที่อยู่ตรงหน้าได้ยินเข้าพอดี จึงเงยหน้าขึ้นมองเธอ: "มีอะไรหรอ?" “มีเบอร์แปลกโทรมาหาฉัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอฉันรับสายปุ๊บ อีกฝ่ายก็วางสายไปเลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เผยจ้าวเหิงทำสายตาเคร่งขรึม “เบอร์แปลกหรอ?” เขารีบเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของโจวชวงชวงเพื่อมาตรวจดู “นี่เป็นเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่” หลังจากที่โจวชวงชวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็สับสนมากยิ่งขึ้น “ทำไมเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่ถึงโทรมาหาฉัน...” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเผยจ้าวเหิงในทันที สองวินาทีต่อมา เผยจ้าวเหิงก็กดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น โจวชวงชวงเห็นเช่นนั้น เธอก็รออย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ห
ใครจะรู้ว่าเมิ่อโทรศัพท์ดังขึ้นได้เพียงวินาทีเดียว ฉินเย่ก็รับสายทันที "ฮัลโหล" เมื่อเธอได้ยินเสียงผู้ชายที่เย็นยะเยือก โจวชวงชวงก็ทำอะไรไม่ถูก เธอนิ่งอยู่กับที่ “คุณโจว?” ความเงียบของเธอทำให้ชายที่รับสายต้องเรียกเธอด้วยความสงสัยอีกครั้ง จากนั้นโจวชวงชวงจึงตอบสนองได้ เธอบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อีกครั้งและบอกที่อยู่ของโรงแรมให้เขาทราบ "ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเธอ ถึงจะจะไม่ใช่ เราก็ปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นเธอจริงๆล่ะ?" "ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้" โจวชวงชวงได้ยินเขาบอกให้คนขับกลับรถและเปลี่ยนเส้นทาง หลังจากที่ออกคำสั่งกับคนขับแล้ว เขาก็พูดกับเธอว่า "ส่งเบอร์นั้นมาให้ผมที" "โอเค" หลังจากวางสายแล้ว โจวชวงชวงก็ส่งเบอร์ท้องถิ่นเมื่อครู่นี้ไปให้ฉินเย่ทางข้อความ ในเวลานี้ เผยจ้าวเหิงก็เข้ามา "เรียบร้อยแล้วเหรอ?" โจวชวงชวงกัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้า เผยจ้าวเหิงมองเธอ แล้วจึงถามคนที่เฝ้าประตูว่า "มีรถที่สามารถขับรถออกไปได้ไหม?" ชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า "มีครับ" "เราขอยืมใช้ได้ไหมครับ?" “แน่นอนครับ คุณเป็นแขกของประธานฉิน หาก
เมื่อเธอได้ยินเรื่องชื่อเล่น สีหน้าของโจวชวงชวงก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันที ในอดีต เธอจะมักจะแอบเรียกเขาเป็นการส่วนตัว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งที่แล้วเธอกลับพลั้งปากออกไปต่อหน้าเขา และถึงกับเรียกเขาเช่นนั้นซึ่งๆหน้าด้วยซ้ำ แค่คิดถึงตอนนั้นมันก็ทำให้โจวชวงชวงรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วตัวของเธอ ในช่วงที่ผ่านมานี้ เผยจ้าวเหิงไม่ได้พูดอะไรกับเธอ อาจเป็นเพราะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ตอนนี้เขาพูดถึงมันขึ้นมา มันทำให้โจวชวงชวงประหม่าจนเท้าจิกกับพื้น เธอเกาหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่เรียกคุณว่าโจวเปาผีอีก" เผยจ้าวเหิงกล่าวต่อว่า: "ชื่อเล่นอื่นก็ไม่ได้" โจวชวงชวง: "...ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้เราออกเดินทางกันได้แล้วใช่ไหม?" หลังจากพูดจบ เขาก็ขับรถออกไป โจวชวงชวงเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก - หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ออกจากโรงแรม เธอก็พาลูกๆสองคนมุ่งไปข้างหน้า เนื่องจากเธอกลัวว่าจะถูกไล่ตามทัน เธอจึงทำได้เพียงพยายามไปยังสถานที่ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมากเท่านั้น โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มืดและยังมีผู้คนสันจรอยู่บนถนนจำนวนมาก เธอจูงลูกๆและเดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
"รู้แล้วๆ" ในที่สุดเด็กผู้หญิงก็วางสายด้วยความเหลืออดอย่างถึงที่สุด ขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านหน้าหยินอู้ ทันใดนั้นเสิ่นหยินอู้ก็ยื่นมือออกไปเพื่อรั้งเธอไว้ "สวัสดีจ๊ะ" เด็กสาวตัวเล็กตกใจเมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้ ด้วยความที่เป็นคนแปลกหน้า ความโกรธของเธอก็ลดลง นอกจากนี้เสิ่นหยินอู้ก็มีใบหน้าแบบคนเอเชีย ดังนั้นเธอจึงมองหยินอู้ด้วยความสงสัย: "มีอะไรหรอคะ?" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีจ๊ะหนู ป้าขอยืมโทรศัพท์โทรหาใครสักคนได้ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กสาวตัวเล็กก็ย่นจมูก “ไม่ได้ค่ะ ผู้ใหญ่แบบคุณต่างก็มีโทรศัพท์เป็นของตัวเองกันหมดไม่ใช่หรอ? คุณกำลังคิดจะหลอกฉันสินะ?” แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอยืมโทรศัพท์ของใครสักคนเพื่อโทรออก เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปากล่าง ขณะที่กำลังจะอธิบาย เหมิงเหมิงที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วจับมือของเด็กสาวคนนั้นเบาๆ “พี่สาวคะ โทรศัพท์ของหม่ามี๊หนูโดนขโมยไป ตอนนี้เราไม่มีเงินก็เลยอยากโทรหาพ่อ ให้เขามารับเราน่ะค่ะ” ขณะที่เหมิงเหมิงพูดกับเธอ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ นอกจากนี้เธอยังมีหน้าตาที่ดูดี มีผิวขาวและดวงตาที่โตราวกับตุ๊กตาที่งดงาม
“ซือเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของซือเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เขาถามว่ามีคุณสมบัติมากพอหรือไม่ ไม่ใช่ยินยอมหรือไม่ แม้ว่าเสิ่นซือเหนียนจะยังเด็ก แต่ความรู้ที่เขาได้เรียนมาก็มากมายพอสมควร ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของคำพูดที่ฉินเย่พูดได้อย่างรวดเร็ว เขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "เอ่อ...ต้องดูว่าหม่ามี๊จะยอมหรือไม่ยอมครับ" “ลุงเย่มู่หมายความว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับหม่ามี๊ เอาแค่ความเห็นของเหนียนเหนียนเองที่เป็นความคิดที่จากใจจริงที่สุด เหนียนเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เสิ่นซือเหนียน: "..." "ไม่ต้องกลัว" มือใหญ่ของฉินเย่วางลงบนไหล่ของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "แค่พูดความจริงก็พอ" สิ่งที่ซือเหนียนต้องการจะพูดอาจทำให้ฉินเย่ไม่พอใจจริงๆ แม้ว่าลุงเย่มู่จะทำอะไรให้พวกเขามากมายในช่วงที่ผ่านมานี้ บวกกับที่ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาดูพวกเขาในห้องไลฟ์สดเสมอ ความยิ่งใหญ่ของชื่อ 'ลุงเย่มู่เฉิน' ยังคงทรงพลังมากสำหรับเด็กน้อยสองคน ตัวอย่างเช่น คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นพ่อแท้ๆของพวกเขา แต่หากไม่มีฉา
จากคำอธิบายของเสิ่นหยินอู้ เด็กน้อยทั้งสองเชื่อว่าตอนนี้โม่ไป๋กำลังป่วยอยู่ และจะดีขึ้นในอนาคต จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะยังคงเป็นลุงโม่ไป๋ของพวกเขา หลังจากได้รู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลานี้ฉินเย่เข้ามาพอดี ทั้งสองจึงเข้าไปเกาะแกะเขา แน่นอนว่าเด็กน้อยทั้งสองยังคงเรียกเขาว่าลุงเย่มู่ เสิ่นซือเหนียนน่ะไม่เท่าไร แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับไม่คิดอะไรเลย เธอถึงกับเอื้อมมือไปทางฉินเย่เพื่อที่จะให้เขาอุ้ม ฉินเย่ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นว่าเธอต้องการให้เขาอุ้ม เขาก็คุกเข่าลงไปหาเธอ เสิ่นหยินอู้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไป “เหมิงเหมิง ลุงเย่มู่ยังบาดเจ็บอยู่” เพียงประโยคเดียวมันก็ทำให้เหมิงเหมิงหยุดการกระทำของเธอลง และมองไปที่ฉินเย่อย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงรีบดึงมือของเธอกลับมา จู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็หยุดพูด และถึงกับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อเลี่ยงไม่ให้ฉินเย่แตะต้องเธอได้ การกระทำของเธอทำให้ฉินเย่ตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "มันเป็นแค่แผลเล็กๆน้อยๆเอง อีกอย่าง เธอยังตัวเล็กขนาดนี้ คงไม่ทำให้แผลของผมแย่ลงหรอกมั้ง?" เ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็พูดเสริมในทันที: "ใช่ครับ คุณหนูเสิ่น ประธานฉินพูดถูก การไม่มีข่าวอะไรเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สบายใจเถอะครับ เราจะตรวจสอบต่อไป ถ้ามีโอกาสช่วยเขาออกมา เราก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลอบใจเธออย่างเต็มที่ แต่อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอเอนตัวพิงไปกับหน้าต่างและมองไปในที่ไกลๆด้วยความสงบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่จู่ๆเรื่องก็กลับร้ายแรงขึ้นมาเช่นนี้“หม่ามี๊ เป็นอะไรไปหรอคะ?” เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังมาจากด้านหลัง ดึงเสิ่นหยินอู้ให้กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อเธอได้สติ เธอก็เห็นเด็กน้อยสองคนมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เหมิงเหมิง เหนียนเหนียน”พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมๆกันและกอดเธอไว้ “หม่ามี๊คะ ช่วงนี้หม่ามี๊ดูไม่แฮปปี้เลยนะคะ” ใช่สิ เธอออกมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีความสุขล่ะ อาจเป็นเพราะเรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อหน้าลูกๆทั้งสอง เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถแสดงออกมาให้ชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเ
ฉินเย่สัญญาว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอ รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้ช่วยเฉินด้วย คนของเขาสามารถจัดการเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างรวดเร็วมาก ในวันถัดมา เสิ่นหยินอู้ก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดของพวกโม่ไป๋ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ยังไม่มีร่องรอยของผู้ช่วยเฉินเลย “ไร้ร่องรอยงั้นเหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาทันที เมื่อตอนที่เธอยังอยู่ที่บ้านของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายวัน จากนั้นเมื่อเธอถามถึงเขา เขาจึงปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเขาปรากฏตัว เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญคืออาการบาดเจ็บของเขาหนักแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถรับรู้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถอดเสื้อของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ต่อมาเขาปล่อยเธอและพาเธอออกมา หลังจากที่เขากลับไป โม่ไป๋ก็คงจะยิ่งไม่เกรงใจเขามากขึ้น ตอนนี้... ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ โม่ไป๋ยังได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะโกรธมากและระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ผู้ช่วยเฉินหรือไม่? และที่นี่คือที่ต่างประเทศ ถ้าหากว่า... เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเขา “ฉันไม่ได้อึดอัด แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ได้ต้องพักผ่อนเหรอ?” "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจ: "เมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เขาคงจะไม่ได้คิดที่จะให้เธออยู่กับเขาไปตลอดใช่ไหม? เธอยังต้องไปดูแลลูกๆ “นั่วนั่ว” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ผมเป็นคนป่วย ต้องการคนอยู่ด้วยในระยะยาว" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ฉินเย่ก็ดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วเอามือพยุงไว้ที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้ว ฉินเย่ก้มศีรษะลงและโน้มตัวเอาหน้าลงไปซุกไว้ที่ซอกคอของเธอ เขาสูดดมกลิ่นของเธอด้วยความละโมบ ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่ออกมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาที่ซอกคอของเสิ่นหยินอู้ เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็วและกระตุกหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฉินเย่จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาประทับริมฝีปากบางที่นุ่มนิ่มของเขาลงไปบนซอกคอของเธอ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ในที่สุดเสิ่นหยินอ
เขาคว้าโทรศัพท์ไปทั้งเครื่อง เสิ่นหยินอู้ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย เธอไม่กล้าแย่งมันคืนมาเพราะกลัวว่าระหว่างการแย่งชิงโทรศัพท์กันจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกกว้างขึ้น “บทลงโทษอะไรกัน? ต่อให้คุณจะพูดไม่เหมาะสม แต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับบาดแผลของคุณเลย” น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฉินเย่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเธอ ราวกับว่าเขายินยอมที่จะรับบทลงโทษของตัวเอง เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขา เสิ่นหยินอู้ก็พูดได้เพียงว่า: "ต่อให้คุณจะลงโทษตัวเอง แต่ก็ใช้วิธีอื่นก็ได้" วิธีอื่นเหรอ? ในที่สุดฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ “แล้วคุณว่า ต้องลงโทษแบบไหนล่ะ?”เสิ่นหยินอู้คิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก "วิธีลงโทษคุณน่ะมี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากที่แผลคุณหายดีแล้วก่อนเถอะ" “งั้นหลังจากลงโทษแล้ว คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?” “เรื่องนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” คำพูดที่เขาพูดในวันนี้มันทำให้เธอโกรธมากจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรอีก “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรตามคุณหมอมาทำแผลให้คุณใหม่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอหลังจ
รวมถึงโม่ไป๋ด้วย การที่เขาลักพาตัวเธอไปอย่างกะทันหันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉินเย่พูดในตอนนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง “เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ มันไม่เหมาะสมที่คุณที่จะยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา” คำตอบของเธอทำให้สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย “เป็นเพราะผมยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือเพราะคุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้เลย หรือจะบอกว่าคำตอบของคุณก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก เธอพยายามจินตนาการถึงภาพนี้ในหัว หากฉินเย่ลักพาตัวเธอ และให้เธอกับลูกๆอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ได้ ต่อให้จะเป็นเขา แต่เธอก็รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขาจะสนิทสนมเพียงใด เธอก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พวกเขาทำผิดกฎหมายได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สนใจว่าคำพูดถัดไปจะทำร้ายจิตใจของฉินเย่หรือไม่ เธอพูดออกมาตรงๆ “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคุณลักพาตัวฉัน ฉันก็จะไม่อยู่กับคุณ” ดวงตาของฉินเย่มืดลง “แต่ในอีกความหมายหนึ่ง การที่ฉันไม่อยู่กับคุณมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่กับเขา ถ้าฉันจะอยู่กับคุณมัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา ราวกับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงใช้แรงดึงมือของเธอออกมาเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาของฉินเย่ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้: "..." ขณะที่เธอพยายามจะเอามือออกมา เผยจ้าวเหิงก็พูดขึ้นว่า: "ประธานฉิน คุณหนูเสิ่น เราต้องรีบไปสนามบิน ขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ เผยจ้าวเหิงก็ถือโอกาสนี้จับมือของโจวชวงชวงและพาเธอออกไป "เฮ้เฮ้..." โจวชวงชวงคิดไม่ถึงว่าเขาจะจูงเธอออกไปเช่นนี้ หลังจากตอบสนองได้แล้ว เธอก็ตะโกนบอกเสิ่นหยินอู้: "หยินอู้ งั้นไว้เจอกันที่จีนนะ ฉันจะไปหาเธอหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว"เสิ่นหยินอู้โบกมือให้เธอ “โอเค ไว้เจอกันที่จีนนะ” โจวชวงชวงถูกเผยจ้าวเหิงพาออกไป เหลือเพียงฉินเย่กับเสิ่นหยินอู้เท่านั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้น หลังจากเงียบไปหลายวินาที เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาว่า: "พวกเขาไปกันแล้ว ทำไมคุณยังไม่ปล่อยมือล่ะ?" หลังจากได้ยิน ฉินเย่ก็ก้มศีรษะลงไปมองมือที่ทั้งสองจับกันอยู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามอง “แล้วทำไมต้องปล่อยมือด้ว
ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองดูเศร้ามาก ดังนั้นฉินเย่จึงยืนเงียบๆอยู่ที่ประตูและไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ หนึ่งนาที... สองนาที... จนกระทั่งห้านาทีผ่านไป ฉินเย่เลิกคิ้วอย่างเหลืออดเล็กน้อย ต้องกอดกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคงไม่ได้คิดจะแย่งหยินอู้ไปจากเขาจริงๆใช่ไหม? "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงให้ทั้งสองกลับมาจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสิ่นหยินอู้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงและพบว่าคนที่ทำเสียงนั้นออกมาคือฉินเย่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองตรงมาที่พวกเธอ ท่าทางราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลานี้ โจวชวงชวงรีบคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว "ประธานฉิน" "อืม" ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป "พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?" แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่โจวชวงชวงก็รู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฉินเย่อย่างอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงตอบเขาด้วยความจริงใจ: "ไม่ได้พูดอะไร ฉันแค่จะไปแล้ว ก็เลยมาบอกลาเธอ" ในตอนนี้ ฉินเย่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณจะไปแล้วเหรอ?” อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งได้เจอหยินอู้เมื่อคืนนี้ แต่วันนี