ในขณะนี้โจวชวงชวงกำลังทานอาหารอยู่ จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงขั้นกดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรมาเลยด้วยซ้ำ "ฮัลโหล?" "ตู๊ดๆๆ——" เธอคาดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอรับสาย เสียงวางสายจะดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเธอในทันทีแปลกจัง โจวชวงชวงเลิกคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู สิ่งที่เธอเห็นคือเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก “โทรผิดงั้นเหรอ?” เธอพึมพำอะไรเล็กน้อย เผยจ้าวเหิงที่อยู่ตรงหน้าได้ยินเข้าพอดี จึงเงยหน้าขึ้นมองเธอ: "มีอะไรหรอ?" “มีเบอร์แปลกโทรมาหาฉัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอฉันรับสายปุ๊บ อีกฝ่ายก็วางสายไปเลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เผยจ้าวเหิงทำสายตาเคร่งขรึม “เบอร์แปลกหรอ?” เขารีบเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของโจวชวงชวงเพื่อมาตรวจดู “นี่เป็นเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่” หลังจากที่โจวชวงชวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็สับสนมากยิ่งขึ้น “ทำไมเบอร์ท้องถิ่นของที่นี่ถึงโทรมาหาฉัน...” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเผยจ้าวเหิงในทันที สองวินาทีต่อมา เผยจ้าวเหิงก็กดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น โจวชวงชวงเห็นเช่นนั้น เธอก็รออย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ห
ใครจะรู้ว่าเมิ่อโทรศัพท์ดังขึ้นได้เพียงวินาทีเดียว ฉินเย่ก็รับสายทันที "ฮัลโหล" เมื่อเธอได้ยินเสียงผู้ชายที่เย็นยะเยือก โจวชวงชวงก็ทำอะไรไม่ถูก เธอนิ่งอยู่กับที่ “คุณโจว?” ความเงียบของเธอทำให้ชายที่รับสายต้องเรียกเธอด้วยความสงสัยอีกครั้ง จากนั้นโจวชวงชวงจึงตอบสนองได้ เธอบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อีกครั้งและบอกที่อยู่ของโรงแรมให้เขาทราบ "ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเธอ ถึงจะจะไม่ใช่ เราก็ปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นเธอจริงๆล่ะ?" "ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้" โจวชวงชวงได้ยินเขาบอกให้คนขับกลับรถและเปลี่ยนเส้นทาง หลังจากที่ออกคำสั่งกับคนขับแล้ว เขาก็พูดกับเธอว่า "ส่งเบอร์นั้นมาให้ผมที" "โอเค" หลังจากวางสายแล้ว โจวชวงชวงก็ส่งเบอร์ท้องถิ่นเมื่อครู่นี้ไปให้ฉินเย่ทางข้อความ ในเวลานี้ เผยจ้าวเหิงก็เข้ามา "เรียบร้อยแล้วเหรอ?" โจวชวงชวงกัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้า เผยจ้าวเหิงมองเธอ แล้วจึงถามคนที่เฝ้าประตูว่า "มีรถที่สามารถขับรถออกไปได้ไหม?" ชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า "มีครับ" "เราขอยืมใช้ได้ไหมครับ?" “แน่นอนครับ คุณเป็นแขกของประธานฉิน หาก
เมื่อเธอได้ยินเรื่องชื่อเล่น สีหน้าของโจวชวงชวงก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันที ในอดีต เธอจะมักจะแอบเรียกเขาเป็นการส่วนตัว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งที่แล้วเธอกลับพลั้งปากออกไปต่อหน้าเขา และถึงกับเรียกเขาเช่นนั้นซึ่งๆหน้าด้วยซ้ำ แค่คิดถึงตอนนั้นมันก็ทำให้โจวชวงชวงรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วตัวของเธอ ในช่วงที่ผ่านมานี้ เผยจ้าวเหิงไม่ได้พูดอะไรกับเธอ อาจเป็นเพราะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ตอนนี้เขาพูดถึงมันขึ้นมา มันทำให้โจวชวงชวงประหม่าจนเท้าจิกกับพื้น เธอเกาหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่เรียกคุณว่าโจวเปาผีอีก" เผยจ้าวเหิงกล่าวต่อว่า: "ชื่อเล่นอื่นก็ไม่ได้" โจวชวงชวง: "...ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้เราออกเดินทางกันได้แล้วใช่ไหม?" หลังจากพูดจบ เขาก็ขับรถออกไป โจวชวงชวงเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก - หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ออกจากโรงแรม เธอก็พาลูกๆสองคนมุ่งไปข้างหน้า เนื่องจากเธอกลัวว่าจะถูกไล่ตามทัน เธอจึงทำได้เพียงพยายามไปยังสถานที่ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมากเท่านั้น โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มืดและยังมีผู้คนสันจรอยู่บนถนนจำนวนมาก เธอจูงลูกๆและเดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
"รู้แล้วๆ" ในที่สุดเด็กผู้หญิงก็วางสายด้วยความเหลืออดอย่างถึงที่สุด ขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านหน้าหยินอู้ ทันใดนั้นเสิ่นหยินอู้ก็ยื่นมือออกไปเพื่อรั้งเธอไว้ "สวัสดีจ๊ะ" เด็กสาวตัวเล็กตกใจเมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้ ด้วยความที่เป็นคนแปลกหน้า ความโกรธของเธอก็ลดลง นอกจากนี้เสิ่นหยินอู้ก็มีใบหน้าแบบคนเอเชีย ดังนั้นเธอจึงมองหยินอู้ด้วยความสงสัย: "มีอะไรหรอคะ?" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีจ๊ะหนู ป้าขอยืมโทรศัพท์โทรหาใครสักคนได้ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กสาวตัวเล็กก็ย่นจมูก “ไม่ได้ค่ะ ผู้ใหญ่แบบคุณต่างก็มีโทรศัพท์เป็นของตัวเองกันหมดไม่ใช่หรอ? คุณกำลังคิดจะหลอกฉันสินะ?” แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอยืมโทรศัพท์ของใครสักคนเพื่อโทรออก เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปากล่าง ขณะที่กำลังจะอธิบาย เหมิงเหมิงที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วจับมือของเด็กสาวคนนั้นเบาๆ “พี่สาวคะ โทรศัพท์ของหม่ามี๊หนูโดนขโมยไป ตอนนี้เราไม่มีเงินก็เลยอยากโทรหาพ่อ ให้เขามารับเราน่ะค่ะ” ขณะที่เหมิงเหมิงพูดกับเธอ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ นอกจากนี้เธอยังมีหน้าตาที่ดูดี มีผิวขาวและดวงตาที่โตราวกับตุ๊กตาที่งดงาม
หลังจากวางสาย อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หนึ่งชั่วโมง หลังจากนี้หนึ่งชั่วโมงเธอก็จะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไร้ที่พึ่งอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น ชวงชวงก็จะอยู่เคียงข้างเธอ แล้วก็ยังมีโจวเปาผีของชวงชวง เพียงแต่ว่า…… คนๆนั้นในใจเธอที่เธอรอคอยกลับยังไม่มีวี่แววอะไรเลย ชวงชวงติดต่อเขาไม่ได้ หรือหลังจากที่รู้เรื่องเขาคิดว่ามันลำบากเกินไปจึงไม่อยากมาตามหาเธอกันนะ? หลังจากคิดไปคิดมา เสิ่นหยินอู้ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจแต่เธอก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอส่งโทรศัพท์คืนให้เด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเธอ และกล่าวขอบคุณเธอ "ขอบคุณที่ให้ยืมโทรศัพท์นะ" ที่จริงแล้วในขณะที่เด็กสาวให้ยืมโทรศัพท์ไป เธอยังคงกังวลว่าเธอจะถูกหลอกหรือไม่ เธอคิดไม่ถึงว่าเธอจะได้โทรศัพท์กลับคืนมาจริงๆ เธอเม้มริมฝีปากแล้วรับโทรศัพท์กลับมา จากนั้นก็มองไปที่เหมิงเหมิงกับเสิ่นซือเหนียนที่อยู่ข้างๆแล้วถามเบาๆว่า: "งั้นพวกคุณอยากเล่นอยู่ที่นี่ไหม?" เมื่อเห็นว่าเธออยู่คนเดียว ในตอนแรกเสิ่นหยินอู้ต้องการจะพยักหน้า แต่เมื่อคิดว่าพวกเธอจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงพูดว่า: "พ่อของเด
เมื่อเสิ่นหยินอู้เห็นเช่นนั้น เธอก็คุกเข่าลงไปทันที "เป็นอะไรหรือเปล่า?" เสิ่นเหมิงเหมิงส่ายหัว: "หม่ามี๊ เหมิงเหมิงไม่เป็นไรค่ะ" แต่เสิ่นหยินอู้สังเกตเห็นว่าอาการของเธอไม่ปกติ จึงถามอย่างจริงจังว่า "ลูกเท้าพลิกหรอ? ให้หม่ามี๊ดูหน่อยนะ" “หม่ามี๊ หนูไม่เป็นไรจริงๆ...” ในเวลานี้มีเสียงความโกลาหลดังมาจากที่ประตู เสิ่นหยินอู้บังเอิญนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพอดี เมื่อได้ยินเสียบ เธอก็เงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อมองไปเธอก็เห็นคนหลายๆคนที่เห็นที่โรงแรมในตอนก่อนหน้านี้กำลังเดินมาที่ดินแดนแห่งเกม สีหน้าของพวกเขาดูดุร้ายป่าเถื่อนราวกับว่าพวกเขาเข้ามาเพื่อเปิดศึกทำสงครามกับใคร เด็กๆหลายคนต่างก็หวาดกลัวกับท่าทางของพวกเขา ทุกคนต่างกรีดร้องและวิ่งหนี เมื่อเห็นพวกเขา สีหน้าของเสิ่นหยินอู้ก็เปลี่ยนไป เวลาผ่านไปกว่าสี่สิบนาทีแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมาที่นี่ เธอคงไม่สามารถรอโจวชวงชวงมารับเธอที่นี่ได้อย่างปลอดภัยได้อีกต่อไป เสิ่นหยินอู้มองไปรอบๆ และพบว่าที่นี่มีทางออกเพียงทางเดียว เธอกัดริมฝีปากล่าง เธอยืนขึ้นและอุ้มเหมิงเหมิงขึ้นมา จากนั้นก็ให้เหนียนเหนียนเดินตามเธอไปซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนที
ในขณะนี้ เสิ่นหยินอู้โทษตัวเองอย่างมากอยู่ภายในใจ เธอโทษตัวเองไม่เพียงแค่ที่เธอไม่ดูแลเหมิงเหมิงให้ดี แต่ที่สำคัญที่สุด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหมิงเหมิงได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไรและได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร เมื่อเห็นว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นเหมิงเหมิงก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย "หม่ามี๊ อย่าร้องไห้เลยนะคะ เหมิงเหมิงไม่เจ็บ" ในฐานะพี่ชาย ในเวลานี้เสิ่นซือเหนียนก็เข้ามา เขาเขย่งเท้าขึ้นมาเพื่อเช็ดน้ำตาให้เสิ่นหยินอู้ เมื่อเห็นเด็กน้อยสองคนเป็นห่วงเป็นใยเธอมากเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้จึงทำได้เพียงหยุดร้องไห้แล้วพูดกับพวกเขาว่า "เดี๋ยวกลับไป หม่ามี๊จะชดใช้ให้พวกหนูนะ" “หม่ามี๊ ไม่เป็นไรครับ มันไม่ใช่ความผิดของหม่ามี๊” “เอาล่ะ ต่อจากนี้เราจะต้องหยุดคุยกันก่อน เท้าของเหมิงเหมิง... หม่ามี๊จะช่วยนวดให้” เสิ่นหยินอู้ถูบริเวณที่เจ็บให้เธอเบาๆ เหมิงเหมิงเจ็บปวดมากจนน้ำตารื้นขึ้นมาที่หางตาของเธอในทันที แต่เธอก็กลั้นมันกลับไปเพื่อไม่ให้หม่ามี๊กังวล เมื่อเห็นเช่นนั้น เสิ่นซือเหนียนก็ยื่นมือของเขาไปให้เหมิงเหมิงอย่างระมัดระวังเพื่อให้เธอจับไว้ พวกเขาทั้งสามอยู่ในห้องน้ำ เนื่อง
เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปากล่าง ไม่อยากยอมแพ้เลย เธอไม่อยากยอมแพ้จริงๆ เธอติดต่อกับโจวชวงชวงได้แล้วแท้ๆ แล้วทำไมถึงหนีไม่พ้นล่ะ? เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอ เธอควรจะอยู่ที่นี่สักพักแล้วก็ย้ายที่ บางที... ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจยังมีโอกาสอยู่ ในที่สุด เสิ่นหยินอู้ก็เห็นรองเท้าคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่ห้องน้ำห้องสุดท้าย เสิ่นหยินอู้กังวลว่าจะถูกประตูกระแทก จึงให้เด็กๆไปหลบที่มุมด้านหลังก่อนแล้ว เธอมองไปที่รองเท้าคู่นั้นที่เดินเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น เธอกลั้นหายใจ เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะกระแทกประตู แต่จู่ๆคนๆนั้นกลับหยุดอยู่ที่ประตูแล้วพูดเสียงดังว่า: "คุณหนูเสิ่น ผมรู้ว่าคุณกับลูกๆอยู่ข้างใน จุดประสงค์เดิมของคุณผู้ชายโม่คือการหาคุณให้พบ ดังนั้นเราจึงไม่อยากทำร้ายคุณ ถ้าคุณไม่อยากให้ตัวเองกับลูกๆของคุณไก้รับบาดเจ็บ กรุณาให้ความร่วมมือและออกมาด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้น หลังจากนี้ถ้าผมถีบประตูนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำให้คุณบาดเจ็บหรือเปล่า” เสิ่นหยินอู้ฟังคำพูดเหล่านี้อย่างเงียบๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา ริมฝีปากของเธอก็ขยับ และเมื่อเธอกำลังจะพูด ก็มีเสียงดังป
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ