เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปากล่าง ไม่อยากยอมแพ้เลย เธอไม่อยากยอมแพ้จริงๆ เธอติดต่อกับโจวชวงชวงได้แล้วแท้ๆ แล้วทำไมถึงหนีไม่พ้นล่ะ? เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอ เธอควรจะอยู่ที่นี่สักพักแล้วก็ย้ายที่ บางที... ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจยังมีโอกาสอยู่ ในที่สุด เสิ่นหยินอู้ก็เห็นรองเท้าคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่ห้องน้ำห้องสุดท้าย เสิ่นหยินอู้กังวลว่าจะถูกประตูกระแทก จึงให้เด็กๆไปหลบที่มุมด้านหลังก่อนแล้ว เธอมองไปที่รองเท้าคู่นั้นที่เดินเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น เธอกลั้นหายใจ เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะกระแทกประตู แต่จู่ๆคนๆนั้นกลับหยุดอยู่ที่ประตูแล้วพูดเสียงดังว่า: "คุณหนูเสิ่น ผมรู้ว่าคุณกับลูกๆอยู่ข้างใน จุดประสงค์เดิมของคุณผู้ชายโม่คือการหาคุณให้พบ ดังนั้นเราจึงไม่อยากทำร้ายคุณ ถ้าคุณไม่อยากให้ตัวเองกับลูกๆของคุณไก้รับบาดเจ็บ กรุณาให้ความร่วมมือและออกมาด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้น หลังจากนี้ถ้าผมถีบประตูนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำให้คุณบาดเจ็บหรือเปล่า” เสิ่นหยินอู้ฟังคำพูดเหล่านี้อย่างเงียบๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา ริมฝีปากของเธอก็ขยับ และเมื่อเธอกำลังจะพูด ก็มีเสียงดังป
เด็กทั้งสองจับชายเสื้อของเธอแน่นและหลบตัวอยู่ข้างหลังเธอ เสิ่นหยินอู้เตรียมใจไว้แล้ว หลังจากบิดที่ล็อค เธอก็เปิดประตูออกไปในทันทีและพูดในสิ่งที่เธอเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า “ฉันจะไปกับพวกคุณ อย่าทำร้ายฉันกับลูกๆก็…” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเธอมืดลง จากนั้นร่างกายของเธอก็ถูกกอดเอาไว้ "ปล่อยนะ……" หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ตอบสนองได้ เธอก็คิดที่จะดันเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่กลิ่นอายที่คุ้นเคยก็แทรกเข้ามาในลมหายใจของเธอ เสิ่นหยินอู้ตกตะลึง นี่มัน…… ชายคนนั้นกอดเธอแน่นขึ้น มันแรงจนแทบจะบดเข้าไปถึงในกระดูกและเลือดของเธอ แต่เสิ่นหยินอู้กลับไม่รู้สึกเจ็บปวด หยาดน้ำตาปรากฏขึ้น สักพักภาพตรงหน้าก็พร่ามัว ในเวลาเดียวกัน เด็กทั้งสองคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจจากด้านหลัง “ลุงเย่มู่!” เขานั่นเอง เป็นเขาจริงๆ เสิ่นหยินอู้คาดไม่ถึงว่าคนที่มาที่นี่จะเป็นฉินเย่ ในตอนที่เธอโทรหาโจวชวงชวงก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เสิ่นหยินอู้ไม่ได้ยินเธอพูดถึงมัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเธอได้บอกฉินเย่แล้วหรือไม่ หยินอู้จึงคิดว่าฉินเย่
"ไปกันเถอะ" เสิ่นหยินอู้จูงมือเสิ่นซือเหนียนแล้วเดินไปข้างหน้า และพวกเขาก็ออกไปพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าเมื่อพวกเขาไปถึงที่ประตู มีคนกลุ่มหนึ่งล้อมพวกเขาไว้และขวางทางพวกเขาไว้โดยไม่มีทางให้ออกไปได้ เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็เย็นวูบ "เป็นคนของเขาสินะ" ฉินเย่เอื้อมมือออกไปดึงเธอให้เข้ามาข้างๆเขาโดยไม่รู้ตัว "มีผมอยู่" หลังจากได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขยับเข้าไปใกล้ๆเขาโดยอัตโนมัติ เธอเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “คุณไม่ได้แจ้งตำรวจใช่ไหม?” ฉินเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นลดสายตาลงมามองเธอ “ทำไมล่ะ กลัวผมจะแจ้งตำรวจจับเขาเหรอ? เป็นห่วงเขาหรอ?” เมื่อเผชิญกับดวงตาสีดำเข้มของเขา เสิ่นหยินอู้ก็ลดสายตาลง "เมื่อก่อนเขาช่วยฉันมามาก ฉันไม่อยากทำร้ายเขา" “ตอนนี้เขากำลังทำร้ายคุณ” “เขาแค่จะพาฉันออกไปและไม่ได้ทำร้ายฉัน” เสิ่นหยินอู้ย้ำ "เขาไม่ได้ทำร้ายฉันหรือลูกๆ" ฉินเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ แต่เมื่อเขาเห็นเสิ่นหยินอู้ปกป้องโม่ไป๋ต่อหน้าเขาและยังพูดแก้ต่างให้ด้วยวิธีต่างๆ มันก็ยากที่เขาจะเลี่ยงไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดในใจ ในเวลานี้ โม่ไป๋เดินออกมาจากฝูง
ในตอนที่เธอกลับจีน เธอไม่ได้อยากกลับไปคืนดีกับฉินเย่ สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายทั้งงสิ้น อีกทั้งเธอไม่เคยคิดเลยว่าโม่ไป๋จะกักขังเธอและถึงขั้นทำร้ายผู้ช่วยเฉินด้วยซ้ำ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็นึกถึงผู้เฉินที่ช่วยให้เธอหนีออกมาขึ้นมาทันที และถามว่า "ผู้ช่วยเฉินอยู่ที่ไหน?" เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของโม่ไป๋ก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ผู้ช่วยเฉินเหรอ? หยินอู้ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเขา ก็กลับไปกับผม” เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปาก ก่อนที่เธอจะได้ตอบ มือของฉินเย่ที่วางอยู่ที่เอวของเธอก็ออกแรงขึ้นมาเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชาว่า: "คิดจะพาเธอไปเหรอ? อย่าฝันเลย" โม่ไป๋มองไปที่เสิ่นหยินอู้แล้วยิ้มเล็กน้อย “หยินอู้ ผมไม่ฟังคนอื่น ผมฟังแค่เธอเท่านั้น บอกผมสิ เธอจะกลับไปกับผมไหม ผมสัญญาว่าถ้าเธอกลับไปกับผม ผู้ช่วยเฉินจะปลอดภัย” เสิ่นหยินอู้: "นายกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ? เขาคือผู้ช่วยของนาย ไม่ใช่ของฉัน" "อืม" โม่ไป๋พยักหน้า: "แน่นอน ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยของผม แต่ในฐานะผู้ช่วยของผม เขากลับปล่อยคนของผมให้หนีไป หยินอู้ เธอว่า ถ้าเธอไม่ลงโทษคนแบบนั้น ในอนาคตพวกลูกน้
โม่ไป๋ที่อยู่ไกลๆเฝ้ามองทั้งสองคนพูดคุยกันเบาๆมาเป็นเวลานาน มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่น เมื่ออยู่กับเขา เธอเคยพูดเบาๆเช่นนี้กับเขาเมื่อไรกัน? ความริษยาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในจิตใจของเขา ราวกับว่ามันดูดซับสารอาหารที่วิเศษบางอย่างเข้าไปจนเติบโตกลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่านอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกน้องที่อยู่ข้างๆโม่ไป๋เห็นเช่นนั้น ในดวงตาก็มีแสงแวบขึ้นมา “ประธานโม่ จริงๆแล้วที่คุณไม่ให้ลงมือไปชิงตัวเพราะคุณกลัวที่จะทำให้คุณหนูเสิ่นกับลูกๆได้รับบาดเจ็บใช่ไหมครับ? แต่จริงๆแล้วทั้งคนฝั่งเราแล้วก็คนฝั่งนั้นก็ไม่อยากทำร้ายคุณหนูเสิ่นทั้งคู่ เพราะงั้นถึงจะลงมือ คุณหนูเสิ่น กับลูกๆก็คงจะปลอดภัยดี” “แต่ถ้าเราไม่ลงมือ เราจะหาทางออกไม่ได้นะครับ หรือถ้างั้นก็ไปพาคุณหนูเสิ่นกับลูกๆออกไปโต้งๆเลยดีไหมครับ” โม่ไป๋ไม่ได้พูดอะไร อาจเพราะกำลังสับสน เมื่อลูกน้องเห็นว่าความคิดของเขาเริ่มสั่นคลอน เขาก็ปลุกปั่นต่อไป “ประธานโม่ ลองคิดดูสิครับ ถ้าเราปล่อยให้อีกฝ่ายพาคุณหนูเสิ่นกลับไปจริงๆ งั้นในอนาคตเราจะมีโอกาสพาคุณหนูเสิ่นนกลับมาอีกไหมครับ? ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือโอกาสในครั้งนี้ครั้ง
หลังจากได้รับคำสั่งจากโม่ไป๋ ในที่สุดลูกน้องของเขาก็แสดงรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมา เขาเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่เสิ่นหยินอู้ที่อยู่ตรงข้าม และทันใดนั้นก็โบกมือแล้วตะโกนเสียงดังว่า: "เข้าไปเลย! ชิงตัวคุณหนูเสิ่นกับลูกๆกลับมาให้ประธานโม่ให้ได้" เมื่อเขายกมือขึ้น เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกว่าไม่ปกติ ก่อนที่เธอจะได้อ้าปากพูด ฉินเย่ที่อยู่ข้างๆก็โอบเอวเธอไว้ "ไป" เสิ่นหยินอู้รีบดึงเสิ่นซือเหนียนให้หันกลับไปด้วยกันอย่างเร่งรีบ "หยุดพวกเขาไว้!" หลี่มู่ถิงตะโกนออกมาเสียงดัง เขาไม่ได้สง่างามเหมือนตามปกติแล้ว จากนั้นก็รีบวิ่งตามพวกเขาไป ก่อนที่พวกเขาจะมา พวกเขาได้คิดไว้แล้ว หากทั้งสองฝ่ายสู้กัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพาเสิ่นหยินอู้ออกไปก่อนอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องมีคนอยู่เพื่อที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย หลังจากที่เสิ่นหยินอู้เห็นคนเหล่านั้นวิ่งไปข้างหน้า เธอก็เข้าใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะได้ทันตอบสนอง เธอก็ถูกผลักเข้าไปในรถ ก่อนที่เธอจะนั่งให้ดี เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนก็ถูกผลักเข้าไปในรถด้วย หลี่มู่ถิงก็รีบตามมาและเข้าไปนั่งในที่นั่งผู้ช่วยคนขับ เส
เมื่อได้ยินชื่อของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลี่มู่ถิง “ใครน่ะ?” หลี่มู่ถิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ “คุณหนูเสิ่น เพื่อนสนิทของคุณ คุณโจวครับ” เมื่อได้ยินว่าเป็นโจวชวงชวง เสิ่นหยินอู้ก็รับโทรศัพท์มาทันที "ชวงชวง!" "หยินอู้!!" โจวชวงชวงรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่หยินอู้เป็น: "ในที่สุดฉินเย่ก็หาเธอเจอ ฉันขอโทษนะ รถของเราเสียระหว่างทาง ดวงซวยจริงๆ ดันพลาดโอกาสที่จะไปช่วยเธอซะได้ โชคดีที่ประธานฉินหาเธอเจอ" รถเสียเหรอ? เธอก็ว่าอยู่ว่าทำไมเธอไม่เห็นชวงชวงเลย“แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน?” “ไม่เป็นไร โจวเปาผีอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะช่วยจัดการเอง ฉันเพิ่งโทรหาผู้ช่วยหลี่ได้” "งั้นก็ดีเลย" “เดี๋ยวฉันกลับไปแล้วไปหานะ” "โอเค" ทั้งสองพูดคุยกันสักพักแล้วจึงวางสาย ทางฝั่งของโจวชวงชวงรถเสียและตอนนี้เธอก็กำลังเดือดร้อน หลังจากคืนโทรศัพท์ให้หลี่มู่ถิง แล้วเสิ่นหยินอู้ก็ถามว่า "พวกคุณตามหาฉันเจอได้ยังไง?" หลี่มู่ถิงเก็บโทรศัพท์แล้วอธิบายเบาๆ “จริงๆแล้วเป็นคุณโจวที่ส่งข้อความมาให้เรามาโดยตลอด พอเราได้รับข้อความว่าคุณอยู่ที่โรงแรม เราก็เลยรีบไป แต่พอเราไปถึง เราไม่รู้ตำแหน
แต่รอยยิ้มนี้คงอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วก็หายไป เพราะเธอเริ่มกังวลเรื่องฉินเย่ขึ้นมาอีกครั้ง หลี่มู่ถิงเป็นคนช่างสังเกต เมื่อเห็นว่าจู่ๆสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก เขาก็รีบปลอบเธอ: "วางใจเถอะครับคุณหนูเสิ่น ไม่ต้องกังวลจริงๆนะครับ ประธานฉินไม่เคยทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจหรอกครับ" "ฉันรู้"เสิ่นหยินอู้พยักหน้า เธอรู้จักฉินเย่มานานเช่นนี้ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจ แต่การที่เธอรู้มันก็เป็นเรื่องหนึ่ง การเป็นห่วงเขามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะฉินเย่อยู่ที่นั่นเพื่อจัดการปัญหา ดังนั้นการเดินทางของพวกเธอจึงราบรื่นมาก เมื่อไปถึงสถานที่ที่ปลอดภัย หลี่มู่ถิงก็ส่งทั้งสามคนเข้าไปในห้อง การเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงเรียกหลี่มู่ถิงก่อนที่เขาจะจากไปและถามว่า "เขาจะกลับมาได้เมื่อไร?" "เอ่อ..." หลี่มู่ถิงส่ายหัว: "ผมไม่แน่ใจครับ คงจะกลับมาหลังจากจัดการทุกอย่างงเรียบร้อยแหละครับ" “เขายังไม่ได้ตอบคุณเลยเหรอ?” “คุณหนูเสิ่น คุณอยู่กับผมมาตลอดทาง โทรศัพท์ของผมดังขึ้นเพียงครั้งเดียว นั่นคือสายจากคุณโจว ก็อย่างที่คุณรู้”
“ซือเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของซือเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เขาถามว่ามีคุณสมบัติมากพอหรือไม่ ไม่ใช่ยินยอมหรือไม่ แม้ว่าเสิ่นซือเหนียนจะยังเด็ก แต่ความรู้ที่เขาได้เรียนมาก็มากมายพอสมควร ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของคำพูดที่ฉินเย่พูดได้อย่างรวดเร็ว เขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "เอ่อ...ต้องดูว่าหม่ามี๊จะยอมหรือไม่ยอมครับ" “ลุงเย่มู่หมายความว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับหม่ามี๊ เอาแค่ความเห็นของเหนียนเหนียนเองที่เป็นความคิดที่จากใจจริงที่สุด เหนียนเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เสิ่นซือเหนียน: "..." "ไม่ต้องกลัว" มือใหญ่ของฉินเย่วางลงบนไหล่ของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "แค่พูดความจริงก็พอ" สิ่งที่ซือเหนียนต้องการจะพูดอาจทำให้ฉินเย่ไม่พอใจจริงๆ แม้ว่าลุงเย่มู่จะทำอะไรให้พวกเขามากมายในช่วงที่ผ่านมานี้ บวกกับที่ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาดูพวกเขาในห้องไลฟ์สดเสมอ ความยิ่งใหญ่ของชื่อ 'ลุงเย่มู่เฉิน' ยังคงทรงพลังมากสำหรับเด็กน้อยสองคน ตัวอย่างเช่น คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นพ่อแท้ๆของพวกเขา แต่หากไม่มีฉา
จากคำอธิบายของเสิ่นหยินอู้ เด็กน้อยทั้งสองเชื่อว่าตอนนี้โม่ไป๋กำลังป่วยอยู่ และจะดีขึ้นในอนาคต จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะยังคงเป็นลุงโม่ไป๋ของพวกเขา หลังจากได้รู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลานี้ฉินเย่เข้ามาพอดี ทั้งสองจึงเข้าไปเกาะแกะเขา แน่นอนว่าเด็กน้อยทั้งสองยังคงเรียกเขาว่าลุงเย่มู่ เสิ่นซือเหนียนน่ะไม่เท่าไร แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับไม่คิดอะไรเลย เธอถึงกับเอื้อมมือไปทางฉินเย่เพื่อที่จะให้เขาอุ้ม ฉินเย่ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นว่าเธอต้องการให้เขาอุ้ม เขาก็คุกเข่าลงไปหาเธอ เสิ่นหยินอู้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไป “เหมิงเหมิง ลุงเย่มู่ยังบาดเจ็บอยู่” เพียงประโยคเดียวมันก็ทำให้เหมิงเหมิงหยุดการกระทำของเธอลง และมองไปที่ฉินเย่อย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงรีบดึงมือของเธอกลับมา จู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็หยุดพูด และถึงกับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อเลี่ยงไม่ให้ฉินเย่แตะต้องเธอได้ การกระทำของเธอทำให้ฉินเย่ตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "มันเป็นแค่แผลเล็กๆน้อยๆเอง อีกอย่าง เธอยังตัวเล็กขนาดนี้ คงไม่ทำให้แผลของผมแย่ลงหรอกมั้ง?" เ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็พูดเสริมในทันที: "ใช่ครับ คุณหนูเสิ่น ประธานฉินพูดถูก การไม่มีข่าวอะไรเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สบายใจเถอะครับ เราจะตรวจสอบต่อไป ถ้ามีโอกาสช่วยเขาออกมา เราก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลอบใจเธออย่างเต็มที่ แต่อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอเอนตัวพิงไปกับหน้าต่างและมองไปในที่ไกลๆด้วยความสงบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่จู่ๆเรื่องก็กลับร้ายแรงขึ้นมาเช่นนี้“หม่ามี๊ เป็นอะไรไปหรอคะ?” เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังมาจากด้านหลัง ดึงเสิ่นหยินอู้ให้กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อเธอได้สติ เธอก็เห็นเด็กน้อยสองคนมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เหมิงเหมิง เหนียนเหนียน”พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมๆกันและกอดเธอไว้ “หม่ามี๊คะ ช่วงนี้หม่ามี๊ดูไม่แฮปปี้เลยนะคะ” ใช่สิ เธอออกมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีความสุขล่ะ อาจเป็นเพราะเรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อหน้าลูกๆทั้งสอง เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถแสดงออกมาให้ชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเ
ฉินเย่สัญญาว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอ รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้ช่วยเฉินด้วย คนของเขาสามารถจัดการเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างรวดเร็วมาก ในวันถัดมา เสิ่นหยินอู้ก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดของพวกโม่ไป๋ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ยังไม่มีร่องรอยของผู้ช่วยเฉินเลย “ไร้ร่องรอยงั้นเหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาทันที เมื่อตอนที่เธอยังอยู่ที่บ้านของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายวัน จากนั้นเมื่อเธอถามถึงเขา เขาจึงปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเขาปรากฏตัว เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญคืออาการบาดเจ็บของเขาหนักแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถรับรู้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถอดเสื้อของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ต่อมาเขาปล่อยเธอและพาเธอออกมา หลังจากที่เขากลับไป โม่ไป๋ก็คงจะยิ่งไม่เกรงใจเขามากขึ้น ตอนนี้... ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ โม่ไป๋ยังได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะโกรธมากและระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ผู้ช่วยเฉินหรือไม่? และที่นี่คือที่ต่างประเทศ ถ้าหากว่า... เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเขา “ฉันไม่ได้อึดอัด แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ได้ต้องพักผ่อนเหรอ?” "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจ: "เมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เขาคงจะไม่ได้คิดที่จะให้เธออยู่กับเขาไปตลอดใช่ไหม? เธอยังต้องไปดูแลลูกๆ “นั่วนั่ว” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ผมเป็นคนป่วย ต้องการคนอยู่ด้วยในระยะยาว" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ฉินเย่ก็ดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วเอามือพยุงไว้ที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้ว ฉินเย่ก้มศีรษะลงและโน้มตัวเอาหน้าลงไปซุกไว้ที่ซอกคอของเธอ เขาสูดดมกลิ่นของเธอด้วยความละโมบ ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่ออกมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาที่ซอกคอของเสิ่นหยินอู้ เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็วและกระตุกหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฉินเย่จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาประทับริมฝีปากบางที่นุ่มนิ่มของเขาลงไปบนซอกคอของเธอ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ในที่สุดเสิ่นหยินอ
เขาคว้าโทรศัพท์ไปทั้งเครื่อง เสิ่นหยินอู้ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย เธอไม่กล้าแย่งมันคืนมาเพราะกลัวว่าระหว่างการแย่งชิงโทรศัพท์กันจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกกว้างขึ้น “บทลงโทษอะไรกัน? ต่อให้คุณจะพูดไม่เหมาะสม แต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับบาดแผลของคุณเลย” น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฉินเย่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเธอ ราวกับว่าเขายินยอมที่จะรับบทลงโทษของตัวเอง เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขา เสิ่นหยินอู้ก็พูดได้เพียงว่า: "ต่อให้คุณจะลงโทษตัวเอง แต่ก็ใช้วิธีอื่นก็ได้" วิธีอื่นเหรอ? ในที่สุดฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ “แล้วคุณว่า ต้องลงโทษแบบไหนล่ะ?”เสิ่นหยินอู้คิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก "วิธีลงโทษคุณน่ะมี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากที่แผลคุณหายดีแล้วก่อนเถอะ" “งั้นหลังจากลงโทษแล้ว คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?” “เรื่องนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” คำพูดที่เขาพูดในวันนี้มันทำให้เธอโกรธมากจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรอีก “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรตามคุณหมอมาทำแผลให้คุณใหม่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอหลังจ
รวมถึงโม่ไป๋ด้วย การที่เขาลักพาตัวเธอไปอย่างกะทันหันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉินเย่พูดในตอนนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง “เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ มันไม่เหมาะสมที่คุณที่จะยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา” คำตอบของเธอทำให้สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย “เป็นเพราะผมยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือเพราะคุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้เลย หรือจะบอกว่าคำตอบของคุณก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก เธอพยายามจินตนาการถึงภาพนี้ในหัว หากฉินเย่ลักพาตัวเธอ และให้เธอกับลูกๆอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ได้ ต่อให้จะเป็นเขา แต่เธอก็รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขาจะสนิทสนมเพียงใด เธอก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พวกเขาทำผิดกฎหมายได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สนใจว่าคำพูดถัดไปจะทำร้ายจิตใจของฉินเย่หรือไม่ เธอพูดออกมาตรงๆ “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคุณลักพาตัวฉัน ฉันก็จะไม่อยู่กับคุณ” ดวงตาของฉินเย่มืดลง “แต่ในอีกความหมายหนึ่ง การที่ฉันไม่อยู่กับคุณมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่กับเขา ถ้าฉันจะอยู่กับคุณมัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา ราวกับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงใช้แรงดึงมือของเธอออกมาเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาของฉินเย่ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้: "..." ขณะที่เธอพยายามจะเอามือออกมา เผยจ้าวเหิงก็พูดขึ้นว่า: "ประธานฉิน คุณหนูเสิ่น เราต้องรีบไปสนามบิน ขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ เผยจ้าวเหิงก็ถือโอกาสนี้จับมือของโจวชวงชวงและพาเธอออกไป "เฮ้เฮ้..." โจวชวงชวงคิดไม่ถึงว่าเขาจะจูงเธอออกไปเช่นนี้ หลังจากตอบสนองได้แล้ว เธอก็ตะโกนบอกเสิ่นหยินอู้: "หยินอู้ งั้นไว้เจอกันที่จีนนะ ฉันจะไปหาเธอหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว"เสิ่นหยินอู้โบกมือให้เธอ “โอเค ไว้เจอกันที่จีนนะ” โจวชวงชวงถูกเผยจ้าวเหิงพาออกไป เหลือเพียงฉินเย่กับเสิ่นหยินอู้เท่านั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้น หลังจากเงียบไปหลายวินาที เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาว่า: "พวกเขาไปกันแล้ว ทำไมคุณยังไม่ปล่อยมือล่ะ?" หลังจากได้ยิน ฉินเย่ก็ก้มศีรษะลงไปมองมือที่ทั้งสองจับกันอยู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามอง “แล้วทำไมต้องปล่อยมือด้ว
ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองดูเศร้ามาก ดังนั้นฉินเย่จึงยืนเงียบๆอยู่ที่ประตูและไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ หนึ่งนาที... สองนาที... จนกระทั่งห้านาทีผ่านไป ฉินเย่เลิกคิ้วอย่างเหลืออดเล็กน้อย ต้องกอดกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคงไม่ได้คิดจะแย่งหยินอู้ไปจากเขาจริงๆใช่ไหม? "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงให้ทั้งสองกลับมาจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสิ่นหยินอู้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงและพบว่าคนที่ทำเสียงนั้นออกมาคือฉินเย่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองตรงมาที่พวกเธอ ท่าทางราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลานี้ โจวชวงชวงรีบคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว "ประธานฉิน" "อืม" ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป "พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?" แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่โจวชวงชวงก็รู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฉินเย่อย่างอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงตอบเขาด้วยความจริงใจ: "ไม่ได้พูดอะไร ฉันแค่จะไปแล้ว ก็เลยมาบอกลาเธอ" ในตอนนี้ ฉินเย่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณจะไปแล้วเหรอ?” อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งได้เจอหยินอู้เมื่อคืนนี้ แต่วันนี