"ไปกันเถอะ" เสิ่นหยินอู้จูงมือเสิ่นซือเหนียนแล้วเดินไปข้างหน้า และพวกเขาก็ออกไปพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าเมื่อพวกเขาไปถึงที่ประตู มีคนกลุ่มหนึ่งล้อมพวกเขาไว้และขวางทางพวกเขาไว้โดยไม่มีทางให้ออกไปได้ เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็เย็นวูบ "เป็นคนของเขาสินะ" ฉินเย่เอื้อมมือออกไปดึงเธอให้เข้ามาข้างๆเขาโดยไม่รู้ตัว "มีผมอยู่" หลังจากได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขยับเข้าไปใกล้ๆเขาโดยอัตโนมัติ เธอเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “คุณไม่ได้แจ้งตำรวจใช่ไหม?” ฉินเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นลดสายตาลงมามองเธอ “ทำไมล่ะ กลัวผมจะแจ้งตำรวจจับเขาเหรอ? เป็นห่วงเขาหรอ?” เมื่อเผชิญกับดวงตาสีดำเข้มของเขา เสิ่นหยินอู้ก็ลดสายตาลง "เมื่อก่อนเขาช่วยฉันมามาก ฉันไม่อยากทำร้ายเขา" “ตอนนี้เขากำลังทำร้ายคุณ” “เขาแค่จะพาฉันออกไปและไม่ได้ทำร้ายฉัน” เสิ่นหยินอู้ย้ำ "เขาไม่ได้ทำร้ายฉันหรือลูกๆ" ฉินเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ แต่เมื่อเขาเห็นเสิ่นหยินอู้ปกป้องโม่ไป๋ต่อหน้าเขาและยังพูดแก้ต่างให้ด้วยวิธีต่างๆ มันก็ยากที่เขาจะเลี่ยงไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดในใจ ในเวลานี้ โม่ไป๋เดินออกมาจากฝูง
ในตอนที่เธอกลับจีน เธอไม่ได้อยากกลับไปคืนดีกับฉินเย่ สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายทั้งงสิ้น อีกทั้งเธอไม่เคยคิดเลยว่าโม่ไป๋จะกักขังเธอและถึงขั้นทำร้ายผู้ช่วยเฉินด้วยซ้ำ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็นึกถึงผู้เฉินที่ช่วยให้เธอหนีออกมาขึ้นมาทันที และถามว่า "ผู้ช่วยเฉินอยู่ที่ไหน?" เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของโม่ไป๋ก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ผู้ช่วยเฉินเหรอ? หยินอู้ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเขา ก็กลับไปกับผม” เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปาก ก่อนที่เธอจะได้ตอบ มือของฉินเย่ที่วางอยู่ที่เอวของเธอก็ออกแรงขึ้นมาเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชาว่า: "คิดจะพาเธอไปเหรอ? อย่าฝันเลย" โม่ไป๋มองไปที่เสิ่นหยินอู้แล้วยิ้มเล็กน้อย “หยินอู้ ผมไม่ฟังคนอื่น ผมฟังแค่เธอเท่านั้น บอกผมสิ เธอจะกลับไปกับผมไหม ผมสัญญาว่าถ้าเธอกลับไปกับผม ผู้ช่วยเฉินจะปลอดภัย” เสิ่นหยินอู้: "นายกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ? เขาคือผู้ช่วยของนาย ไม่ใช่ของฉัน" "อืม" โม่ไป๋พยักหน้า: "แน่นอน ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยของผม แต่ในฐานะผู้ช่วยของผม เขากลับปล่อยคนของผมให้หนีไป หยินอู้ เธอว่า ถ้าเธอไม่ลงโทษคนแบบนั้น ในอนาคตพวกลูกน้
โม่ไป๋ที่อยู่ไกลๆเฝ้ามองทั้งสองคนพูดคุยกันเบาๆมาเป็นเวลานาน มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่น เมื่ออยู่กับเขา เธอเคยพูดเบาๆเช่นนี้กับเขาเมื่อไรกัน? ความริษยาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในจิตใจของเขา ราวกับว่ามันดูดซับสารอาหารที่วิเศษบางอย่างเข้าไปจนเติบโตกลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่านอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกน้องที่อยู่ข้างๆโม่ไป๋เห็นเช่นนั้น ในดวงตาก็มีแสงแวบขึ้นมา “ประธานโม่ จริงๆแล้วที่คุณไม่ให้ลงมือไปชิงตัวเพราะคุณกลัวที่จะทำให้คุณหนูเสิ่นกับลูกๆได้รับบาดเจ็บใช่ไหมครับ? แต่จริงๆแล้วทั้งคนฝั่งเราแล้วก็คนฝั่งนั้นก็ไม่อยากทำร้ายคุณหนูเสิ่นทั้งคู่ เพราะงั้นถึงจะลงมือ คุณหนูเสิ่น กับลูกๆก็คงจะปลอดภัยดี” “แต่ถ้าเราไม่ลงมือ เราจะหาทางออกไม่ได้นะครับ หรือถ้างั้นก็ไปพาคุณหนูเสิ่นกับลูกๆออกไปโต้งๆเลยดีไหมครับ” โม่ไป๋ไม่ได้พูดอะไร อาจเพราะกำลังสับสน เมื่อลูกน้องเห็นว่าความคิดของเขาเริ่มสั่นคลอน เขาก็ปลุกปั่นต่อไป “ประธานโม่ ลองคิดดูสิครับ ถ้าเราปล่อยให้อีกฝ่ายพาคุณหนูเสิ่นกลับไปจริงๆ งั้นในอนาคตเราจะมีโอกาสพาคุณหนูเสิ่นนกลับมาอีกไหมครับ? ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือโอกาสในครั้งนี้ครั้ง
หลังจากได้รับคำสั่งจากโม่ไป๋ ในที่สุดลูกน้องของเขาก็แสดงรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมา เขาเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่เสิ่นหยินอู้ที่อยู่ตรงข้าม และทันใดนั้นก็โบกมือแล้วตะโกนเสียงดังว่า: "เข้าไปเลย! ชิงตัวคุณหนูเสิ่นกับลูกๆกลับมาให้ประธานโม่ให้ได้" เมื่อเขายกมือขึ้น เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกว่าไม่ปกติ ก่อนที่เธอจะได้อ้าปากพูด ฉินเย่ที่อยู่ข้างๆก็โอบเอวเธอไว้ "ไป" เสิ่นหยินอู้รีบดึงเสิ่นซือเหนียนให้หันกลับไปด้วยกันอย่างเร่งรีบ "หยุดพวกเขาไว้!" หลี่มู่ถิงตะโกนออกมาเสียงดัง เขาไม่ได้สง่างามเหมือนตามปกติแล้ว จากนั้นก็รีบวิ่งตามพวกเขาไป ก่อนที่พวกเขาจะมา พวกเขาได้คิดไว้แล้ว หากทั้งสองฝ่ายสู้กัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพาเสิ่นหยินอู้ออกไปก่อนอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องมีคนอยู่เพื่อที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย หลังจากที่เสิ่นหยินอู้เห็นคนเหล่านั้นวิ่งไปข้างหน้า เธอก็เข้าใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะได้ทันตอบสนอง เธอก็ถูกผลักเข้าไปในรถ ก่อนที่เธอจะนั่งให้ดี เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนก็ถูกผลักเข้าไปในรถด้วย หลี่มู่ถิงก็รีบตามมาและเข้าไปนั่งในที่นั่งผู้ช่วยคนขับ เส
เมื่อได้ยินชื่อของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลี่มู่ถิง “ใครน่ะ?” หลี่มู่ถิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ “คุณหนูเสิ่น เพื่อนสนิทของคุณ คุณโจวครับ” เมื่อได้ยินว่าเป็นโจวชวงชวง เสิ่นหยินอู้ก็รับโทรศัพท์มาทันที "ชวงชวง!" "หยินอู้!!" โจวชวงชวงรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่หยินอู้เป็น: "ในที่สุดฉินเย่ก็หาเธอเจอ ฉันขอโทษนะ รถของเราเสียระหว่างทาง ดวงซวยจริงๆ ดันพลาดโอกาสที่จะไปช่วยเธอซะได้ โชคดีที่ประธานฉินหาเธอเจอ" รถเสียเหรอ? เธอก็ว่าอยู่ว่าทำไมเธอไม่เห็นชวงชวงเลย“แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน?” “ไม่เป็นไร โจวเปาผีอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะช่วยจัดการเอง ฉันเพิ่งโทรหาผู้ช่วยหลี่ได้” "งั้นก็ดีเลย" “เดี๋ยวฉันกลับไปแล้วไปหานะ” "โอเค" ทั้งสองพูดคุยกันสักพักแล้วจึงวางสาย ทางฝั่งของโจวชวงชวงรถเสียและตอนนี้เธอก็กำลังเดือดร้อน หลังจากคืนโทรศัพท์ให้หลี่มู่ถิง แล้วเสิ่นหยินอู้ก็ถามว่า "พวกคุณตามหาฉันเจอได้ยังไง?" หลี่มู่ถิงเก็บโทรศัพท์แล้วอธิบายเบาๆ “จริงๆแล้วเป็นคุณโจวที่ส่งข้อความมาให้เรามาโดยตลอด พอเราได้รับข้อความว่าคุณอยู่ที่โรงแรม เราก็เลยรีบไป แต่พอเราไปถึง เราไม่รู้ตำแหน
แต่รอยยิ้มนี้คงอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วก็หายไป เพราะเธอเริ่มกังวลเรื่องฉินเย่ขึ้นมาอีกครั้ง หลี่มู่ถิงเป็นคนช่างสังเกต เมื่อเห็นว่าจู่ๆสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก เขาก็รีบปลอบเธอ: "วางใจเถอะครับคุณหนูเสิ่น ไม่ต้องกังวลจริงๆนะครับ ประธานฉินไม่เคยทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจหรอกครับ" "ฉันรู้"เสิ่นหยินอู้พยักหน้า เธอรู้จักฉินเย่มานานเช่นนี้ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจ แต่การที่เธอรู้มันก็เป็นเรื่องหนึ่ง การเป็นห่วงเขามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะฉินเย่อยู่ที่นั่นเพื่อจัดการปัญหา ดังนั้นการเดินทางของพวกเธอจึงราบรื่นมาก เมื่อไปถึงสถานที่ที่ปลอดภัย หลี่มู่ถิงก็ส่งทั้งสามคนเข้าไปในห้อง การเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงเรียกหลี่มู่ถิงก่อนที่เขาจะจากไปและถามว่า "เขาจะกลับมาได้เมื่อไร?" "เอ่อ..." หลี่มู่ถิงส่ายหัว: "ผมไม่แน่ใจครับ คงจะกลับมาหลังจากจัดการทุกอย่างงเรียบร้อยแหละครับ" “เขายังไม่ได้ตอบคุณเลยเหรอ?” “คุณหนูเสิ่น คุณอยู่กับผมมาตลอดทาง โทรศัพท์ของผมดังขึ้นเพียงครั้งเดียว นั่นคือสายจากคุณโจว ก็อย่างที่คุณรู้”
“ยังไงก็เป็นการรักษาส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องเกร็งมากหรอก ทำตัวสบายๆเถอะครับ” หลังจากพูดจบ คุณหมอก็คุกเข่าลงตรงหน้าเสิ่นเหมิงเหมิง และจับข้อเท้าขวาของเธอเบาๆ “เท้าข้างนี้เจ็บใช่ไหม?” ชั่วพริบตาที่ข้อเท้าของเธอถูกกด เสิ่นเหมิงเหมิงก็กำชายเสื้อของเธอแน่นขึ้นด้วยความเกร็งและพยักหน้า คุณหมอตรวจดูข้อเท้าขาวๆของเธอ จากนั้นจึงกดเบาๆที่จุดหนึ่ง สาวน้อยเจ็บจนตัวสั่นและตะโกนร้องเรียกหม่ามี๊ดังลั่น ในวินาทีนี้ เสิ่นหยินอู้รู้สึกปวดใจอย่างยิ่งและยื่นมือออกไปให้เธอกอด “ดูเหมือนตรงนี้จะเจ็บ เป็นไงบ้าง ตรงนี้ก็เจ็บงั้นเหรอ?” หลังจากตรวจดูได้สักพัก คุณหมอก็บอกว่า “สาวน้อยไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา แค่ข้อเท้าแพลง ผมจะสั่งยาให้เธอ พักสักสองสามวัน แต่ช่วงนี้ต้องงดการเดินบนพื้นไปก่อนนะครับ” เสิ่นหยินอู้ขอบคุณเขา และเขาก็สั่งยาให้แล้วจึงจากไป ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆในการตรวจเหมิงเหมิง หลังจากที่คุณหมอออกไปเสิ่นหยินอู้ก็อุ้มเหมิงเหมิงกลับไปที่เดิมและกำชับว่า: "ครั้งหน้าถ้าลูกได้รับบาดเจ็บ ต้องบอกหม่ามี๊ทันทีนะ อย่าฝืนตัวเองอีก เข้าใจไหม?” ครั้งนี้เสิ่นเหมิงเหมิงได้บทเรียนแล้ว เธอพยักหน้าอย
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็ไม่คิดจะออกไปข้างนอกอีก ตอนนี้ดึกมากขนาดนี้แล้ว พวกเขายังคงเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของเธอ ถ้าเธอไปไหนซี้ซั้ว มันจะไม่เป็นการสร้างปัญหาให้พวกเขาหรอกเหรอ? ดังนั้น หลังจากที่เสิ่นหยินอู้คิดได้ เธอก็พูดกับเขา: "เอางี้นะ ฉันจะไม่ไปไหนแล้ว แต่ฉันมีเรื่องจะรบกวนคุณหน่อยน่ะ" "คุณหนูเสิ่น เราทุกคนทำงานภายใต้ประธานฉิน คุณคือคนของประธานฉิน เรื่องของคุณคือเรื่องของประธานฉิน เรื่องของประธานฉินก็เป็นเรื่องของเราเช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณมีอะไรให้เราทำ แค่สั่งพวกเรามาก็พอครับ มันไม่ได้ต้องรบกวนอะไรเลย” “อีกเดี๋ยวถ้าผู้ช่วยหลี่มา คุณช่วยให้เขามาหาฉันหน่อยได้ไหม?” “ไม่มีปัญหา ผมจะไปตามผู้ช่วยหลี่ตอนนี้เลย”เสิ่นหยินอู้: "...ไม่จำเป็น" เดิมทีเธออยากจะบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปตามเขา แค่ถ้าเจอเขาก็บอกให้เขามาหาเธอก็พอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าชายคนนั้นจะเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลี่มู่ถิง หลังจากโทรติดแล้ว เขาก็พูดตรงๆ: "ผู้ช่วยหลี่ คุณหนูเสิ่นมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณช่วยมาตอนนี้เลยได้ไหมครับ?" เสิ่นหยินอู้: "..."ช่างมันเถอะ เอางั้นก็ได้ เธอทำได้เพ
“ซือเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของซือเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เขาถามว่ามีคุณสมบัติมากพอหรือไม่ ไม่ใช่ยินยอมหรือไม่ แม้ว่าเสิ่นซือเหนียนจะยังเด็ก แต่ความรู้ที่เขาได้เรียนมาก็มากมายพอสมควร ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของคำพูดที่ฉินเย่พูดได้อย่างรวดเร็ว เขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "เอ่อ...ต้องดูว่าหม่ามี๊จะยอมหรือไม่ยอมครับ" “ลุงเย่มู่หมายความว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับหม่ามี๊ เอาแค่ความเห็นของเหนียนเหนียนเองที่เป็นความคิดที่จากใจจริงที่สุด เหนียนเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เสิ่นซือเหนียน: "..." "ไม่ต้องกลัว" มือใหญ่ของฉินเย่วางลงบนไหล่ของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "แค่พูดความจริงก็พอ" สิ่งที่ซือเหนียนต้องการจะพูดอาจทำให้ฉินเย่ไม่พอใจจริงๆ แม้ว่าลุงเย่มู่จะทำอะไรให้พวกเขามากมายในช่วงที่ผ่านมานี้ บวกกับที่ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาดูพวกเขาในห้องไลฟ์สดเสมอ ความยิ่งใหญ่ของชื่อ 'ลุงเย่มู่เฉิน' ยังคงทรงพลังมากสำหรับเด็กน้อยสองคน ตัวอย่างเช่น คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นพ่อแท้ๆของพวกเขา แต่หากไม่มีฉา
จากคำอธิบายของเสิ่นหยินอู้ เด็กน้อยทั้งสองเชื่อว่าตอนนี้โม่ไป๋กำลังป่วยอยู่ และจะดีขึ้นในอนาคต จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะยังคงเป็นลุงโม่ไป๋ของพวกเขา หลังจากได้รู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลานี้ฉินเย่เข้ามาพอดี ทั้งสองจึงเข้าไปเกาะแกะเขา แน่นอนว่าเด็กน้อยทั้งสองยังคงเรียกเขาว่าลุงเย่มู่ เสิ่นซือเหนียนน่ะไม่เท่าไร แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับไม่คิดอะไรเลย เธอถึงกับเอื้อมมือไปทางฉินเย่เพื่อที่จะให้เขาอุ้ม ฉินเย่ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นว่าเธอต้องการให้เขาอุ้ม เขาก็คุกเข่าลงไปหาเธอ เสิ่นหยินอู้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไป “เหมิงเหมิง ลุงเย่มู่ยังบาดเจ็บอยู่” เพียงประโยคเดียวมันก็ทำให้เหมิงเหมิงหยุดการกระทำของเธอลง และมองไปที่ฉินเย่อย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงรีบดึงมือของเธอกลับมา จู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็หยุดพูด และถึงกับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อเลี่ยงไม่ให้ฉินเย่แตะต้องเธอได้ การกระทำของเธอทำให้ฉินเย่ตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "มันเป็นแค่แผลเล็กๆน้อยๆเอง อีกอย่าง เธอยังตัวเล็กขนาดนี้ คงไม่ทำให้แผลของผมแย่ลงหรอกมั้ง?" เ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็พูดเสริมในทันที: "ใช่ครับ คุณหนูเสิ่น ประธานฉินพูดถูก การไม่มีข่าวอะไรเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สบายใจเถอะครับ เราจะตรวจสอบต่อไป ถ้ามีโอกาสช่วยเขาออกมา เราก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลอบใจเธออย่างเต็มที่ แต่อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอเอนตัวพิงไปกับหน้าต่างและมองไปในที่ไกลๆด้วยความสงบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่จู่ๆเรื่องก็กลับร้ายแรงขึ้นมาเช่นนี้“หม่ามี๊ เป็นอะไรไปหรอคะ?” เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังมาจากด้านหลัง ดึงเสิ่นหยินอู้ให้กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อเธอได้สติ เธอก็เห็นเด็กน้อยสองคนมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เหมิงเหมิง เหนียนเหนียน”พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมๆกันและกอดเธอไว้ “หม่ามี๊คะ ช่วงนี้หม่ามี๊ดูไม่แฮปปี้เลยนะคะ” ใช่สิ เธอออกมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีความสุขล่ะ อาจเป็นเพราะเรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อหน้าลูกๆทั้งสอง เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถแสดงออกมาให้ชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเ
ฉินเย่สัญญาว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอ รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้ช่วยเฉินด้วย คนของเขาสามารถจัดการเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างรวดเร็วมาก ในวันถัดมา เสิ่นหยินอู้ก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดของพวกโม่ไป๋ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ยังไม่มีร่องรอยของผู้ช่วยเฉินเลย “ไร้ร่องรอยงั้นเหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาทันที เมื่อตอนที่เธอยังอยู่ที่บ้านของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายวัน จากนั้นเมื่อเธอถามถึงเขา เขาจึงปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเขาปรากฏตัว เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญคืออาการบาดเจ็บของเขาหนักแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถรับรู้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถอดเสื้อของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ต่อมาเขาปล่อยเธอและพาเธอออกมา หลังจากที่เขากลับไป โม่ไป๋ก็คงจะยิ่งไม่เกรงใจเขามากขึ้น ตอนนี้... ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ โม่ไป๋ยังได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะโกรธมากและระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ผู้ช่วยเฉินหรือไม่? และที่นี่คือที่ต่างประเทศ ถ้าหากว่า... เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเขา “ฉันไม่ได้อึดอัด แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ได้ต้องพักผ่อนเหรอ?” "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจ: "เมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เขาคงจะไม่ได้คิดที่จะให้เธออยู่กับเขาไปตลอดใช่ไหม? เธอยังต้องไปดูแลลูกๆ “นั่วนั่ว” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ผมเป็นคนป่วย ต้องการคนอยู่ด้วยในระยะยาว" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ฉินเย่ก็ดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วเอามือพยุงไว้ที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้ว ฉินเย่ก้มศีรษะลงและโน้มตัวเอาหน้าลงไปซุกไว้ที่ซอกคอของเธอ เขาสูดดมกลิ่นของเธอด้วยความละโมบ ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่ออกมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาที่ซอกคอของเสิ่นหยินอู้ เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็วและกระตุกหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฉินเย่จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาประทับริมฝีปากบางที่นุ่มนิ่มของเขาลงไปบนซอกคอของเธอ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ในที่สุดเสิ่นหยินอ
เขาคว้าโทรศัพท์ไปทั้งเครื่อง เสิ่นหยินอู้ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย เธอไม่กล้าแย่งมันคืนมาเพราะกลัวว่าระหว่างการแย่งชิงโทรศัพท์กันจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกกว้างขึ้น “บทลงโทษอะไรกัน? ต่อให้คุณจะพูดไม่เหมาะสม แต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับบาดแผลของคุณเลย” น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฉินเย่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเธอ ราวกับว่าเขายินยอมที่จะรับบทลงโทษของตัวเอง เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขา เสิ่นหยินอู้ก็พูดได้เพียงว่า: "ต่อให้คุณจะลงโทษตัวเอง แต่ก็ใช้วิธีอื่นก็ได้" วิธีอื่นเหรอ? ในที่สุดฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ “แล้วคุณว่า ต้องลงโทษแบบไหนล่ะ?”เสิ่นหยินอู้คิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก "วิธีลงโทษคุณน่ะมี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากที่แผลคุณหายดีแล้วก่อนเถอะ" “งั้นหลังจากลงโทษแล้ว คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?” “เรื่องนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” คำพูดที่เขาพูดในวันนี้มันทำให้เธอโกรธมากจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรอีก “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรตามคุณหมอมาทำแผลให้คุณใหม่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอหลังจ
รวมถึงโม่ไป๋ด้วย การที่เขาลักพาตัวเธอไปอย่างกะทันหันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉินเย่พูดในตอนนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง “เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ มันไม่เหมาะสมที่คุณที่จะยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา” คำตอบของเธอทำให้สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย “เป็นเพราะผมยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือเพราะคุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้เลย หรือจะบอกว่าคำตอบของคุณก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก เธอพยายามจินตนาการถึงภาพนี้ในหัว หากฉินเย่ลักพาตัวเธอ และให้เธอกับลูกๆอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ได้ ต่อให้จะเป็นเขา แต่เธอก็รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขาจะสนิทสนมเพียงใด เธอก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พวกเขาทำผิดกฎหมายได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สนใจว่าคำพูดถัดไปจะทำร้ายจิตใจของฉินเย่หรือไม่ เธอพูดออกมาตรงๆ “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคุณลักพาตัวฉัน ฉันก็จะไม่อยู่กับคุณ” ดวงตาของฉินเย่มืดลง “แต่ในอีกความหมายหนึ่ง การที่ฉันไม่อยู่กับคุณมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่กับเขา ถ้าฉันจะอยู่กับคุณมัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา ราวกับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงใช้แรงดึงมือของเธอออกมาเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาของฉินเย่ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้: "..." ขณะที่เธอพยายามจะเอามือออกมา เผยจ้าวเหิงก็พูดขึ้นว่า: "ประธานฉิน คุณหนูเสิ่น เราต้องรีบไปสนามบิน ขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ เผยจ้าวเหิงก็ถือโอกาสนี้จับมือของโจวชวงชวงและพาเธอออกไป "เฮ้เฮ้..." โจวชวงชวงคิดไม่ถึงว่าเขาจะจูงเธอออกไปเช่นนี้ หลังจากตอบสนองได้แล้ว เธอก็ตะโกนบอกเสิ่นหยินอู้: "หยินอู้ งั้นไว้เจอกันที่จีนนะ ฉันจะไปหาเธอหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว"เสิ่นหยินอู้โบกมือให้เธอ “โอเค ไว้เจอกันที่จีนนะ” โจวชวงชวงถูกเผยจ้าวเหิงพาออกไป เหลือเพียงฉินเย่กับเสิ่นหยินอู้เท่านั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้น หลังจากเงียบไปหลายวินาที เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาว่า: "พวกเขาไปกันแล้ว ทำไมคุณยังไม่ปล่อยมือล่ะ?" หลังจากได้ยิน ฉินเย่ก็ก้มศีรษะลงไปมองมือที่ทั้งสองจับกันอยู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามอง “แล้วทำไมต้องปล่อยมือด้ว
ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองดูเศร้ามาก ดังนั้นฉินเย่จึงยืนเงียบๆอยู่ที่ประตูและไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ หนึ่งนาที... สองนาที... จนกระทั่งห้านาทีผ่านไป ฉินเย่เลิกคิ้วอย่างเหลืออดเล็กน้อย ต้องกอดกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคงไม่ได้คิดจะแย่งหยินอู้ไปจากเขาจริงๆใช่ไหม? "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงให้ทั้งสองกลับมาจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสิ่นหยินอู้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงและพบว่าคนที่ทำเสียงนั้นออกมาคือฉินเย่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองตรงมาที่พวกเธอ ท่าทางราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลานี้ โจวชวงชวงรีบคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว "ประธานฉิน" "อืม" ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป "พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?" แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่โจวชวงชวงก็รู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฉินเย่อย่างอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงตอบเขาด้วยความจริงใจ: "ไม่ได้พูดอะไร ฉันแค่จะไปแล้ว ก็เลยมาบอกลาเธอ" ในตอนนี้ ฉินเย่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณจะไปแล้วเหรอ?” อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งได้เจอหยินอู้เมื่อคืนนี้ แต่วันนี