Share

บทที่ 492

Penulis: ลั่วหูโยว
"คุณหนูเสิ่น โทรศัพท์คุณดัง ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการให้เองค่ะ"

"ก็ได้ค่ะ"

เสิ่นหยินอู้ไม่มีทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์ออกไปข้างนอกเพื่อรับสาย

"ฮัลโหล?"

“คุณหนูเสิ่น”

เสียงที่คุ้นเคยทำให้เสิ่นหยินอู้ชะงักไป "ผู้ช่วยหลี่?"

ทำไมเขาถึงโทรหาเธออีกแล้ว?

“คุณหนูเสิ่น ขอโทษทีครับ ดึกขนาดนี้ ผมคงไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม?”

เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า: "มีอะไรหรอคะ?"

ขณะที่หลี่มู่ถิงกำลังจะพูดบางอย่าง ฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เขาเปิดสปีกเกอร์โฟน

ดังนั้นขณะที่กำลังถูกเขาจ้องมอง หลี่มู่ถิงจึงทำได้เพียงเปิดสปีกเกอร์โฟน แล้วพูดอย่างทุลักทุเลว่า "ก็คือแบบนี้ครับ ประ ประธานฉินยังไม่ยอมทานอะไรเลย คุณช่วย..."

“ผู้ช่วยหลี่”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกเสิ่นหยินอู้ขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว: "ประธานฉินของคุณโตแล้ว เขาสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ว่าเขาควรกินหรือไม่กิน และเขนต้องกินหรือไม่กิน ถ้าเขาไม่กิน นั่นหมายความว่าเขารู้จักร่างกายของเขาดี"

หลังจากพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็วางสายไป

หลี่มู่ถิง: "..."

เขาถือโทรศัพท์ไว้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ร
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 493

    เจียงเฉิงงั้นเหรอ?เมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายก็อยู่ที่เจียงเฉิงด้วย เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ช่วงนี้มีเรื่องบังเอิญมากเกินไปแล้วก่อนมาที่นี่ เธอคิดว่าเจียงเฉิงเป็นเมืองที่เงียบสงบ หากเธอเปิดบริษัทของตัวเองที่นี่ก็คงไม่เจอคนที่เป็นศัตรูมากนักใครจะไปรู้...เมื่อนึกถึงใครบางคน เสิ่นหยินอู้ก็วางโทรศัพท์ลงช่าบเถอะ แล้วถ้าเจอแล้วมันจะทำไมล่ะ? เจียงเฉิงใหญ่ขนาดนี้ เธอต้องการเปิดบริษัทเพื่อหาเลี้ยงชีพ ตอนนี้เขามาลงทุนในบริษัทของเธอ ในท้ายที่สุดก็ยังคงต้องติดต่อกันอยู่ มันก็แค่นั้นก็แค่ทำให้เป็นเหมือนหุ้นส่วนทั่วๆไปก็โอเคแล้วอย่างไรก็ตาม แม้จะคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้กลับนอนไม่หลับในคืนนั้นเธอพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เธอคิดถึงแต่คำพูดเหล่านั้นที่คุณหมอและหลี่มู่ถิงพูดกับเธอเขาเป็นโรคกระเพาะที่รุนแรงแท้ๆ แต่เขาสามารถเลื่อนการกินยาไปได้ตลอดเวลา ช่างน่าตลกเสียจริง ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ไม่ใส่ใจกับร่างกายของตัวเองเช่นนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปในระยะยาวแล้วมีอะไรเกิดขึ้น เขาคงจะรู้ตัวดีแต่เขายังคงทำเช่นนี้ งั้นก็หมายความว่าเขาได้ตัดสินใจที่จะรับผลที

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 494

    แต่เนื่องจากรถสีขาวขับมาเร็วเกินไป จึงเฉี่ยวเข้าที่ท้ายรถสีดำโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงการเฉี่ยวกันเล็กๆน้อยๆ แต่เสิ่นหยินอู้ก็รู้ว่าปัญหากำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง อย่างที่คิด หลังจากที่รถชนกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็เปิดประตูลงมาจากรถ และเริ่มโต้เถียงกันเรื่องที่จอดรถและการเฉี่ยวชนกัน เธอคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว จึงส่ายหัวแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน โดยปกติแล้วเธอเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้ลิฟต์ แต่วันนี้กลับมีคนหลายคนรอลิฟต์อยู่ หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสวมแว่นตามีหน้าตาที่อ่อนโยนและสะอาดสะอ้าน เมื่อเห็นว่าเธอหน้าตาสวยงาม บุคลิกดูมีเอกลักษณ์ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มทักทายเธอก่อน “สวัสดีครับ คุณก็มาสมัครงานด้วยเหรอครับ?” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็อึ้งไปเล็กน้อย “คุณกำลังคุยกับฉันอยู่เหรอคะ?” “ใช่ครับ” ผู้ชายสวมแว่นตาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์: “คุณสวยจังครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินคำชมที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายพูดด้วยความจริงใจมาก ไม่ได้ดูน่ารังเกียจเลย เสิ่นหยินอู้ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า "ขอบคุณค่ะ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 495

    ก็ถูกเสิ่นหยินอู้ไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ จากนั้นเธอก็นึกถึงคนที่ตอนนี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แต่ทันใดนั้น ความคิดที่คลุมเครือนี้ก็ถูกเสิ่นหยินอู้โยนทิ้งไป เธอไม่สามารถคิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเขาได้อีก จะทนมาเป็นเวลาห้าปี แล้วพอกลับประเทศก็ถูกเขาทำให้ความคิดเธอยุ่งเหยิงไม่ได้ เธอต้องเดินไปตามทางของเธอเอง เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เสิ่นหยินอู้ก็หยิบมันออกมาดู “ฟู่ถิงสือน่ะ” “ประธานฟู่? ทำไมเขาถึงต้องโทรหาคุณ? คงไม่ใช่ว่าเขาคิดที่จะ....” “ไม่หรอก รับก่อนแล้วกัน” อู๋อี้ไห่พยักหน้าและเดินออกไปอย่างรู้งาน “ประธานฟู่หรอ?” หลังจากออกจากบริษัทของเขาในวันนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้คุยกับเขาอีก หลังจากได้รู้ว่าเขาจะไม่ลงทุนในบริษัทของเธออีก เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเสียเวลาอีก อย่างไรก็ตาม เธอต้องการเติบโตที่เจียงเฉิง เธอจึงไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับฟู่ถิงสือ “คุณหนูเสิ่น ช่วงนี้บริษัทของคุณเป็นยังไงบ้างครับ? เรื่องในวันนั้น ผมขอโทษนะครับ” "ไม่เป็นไรคะ" “คือว่า ถึงผมจะไม่สามารถลงทุนกับบริษัทของคุณได้ แต่ถ้ามีความจำเป็น ผมสา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 496

    “คุณหมอ ขอโทษจริงๆครับ ถ้าประธานฉินฟื้นแล้ว ผมจะไปอธิบายกับเขาให้ชัดเจนเองครับ” คุณหมอโกรธมากกับการที่ฉินเย่ไม่สนใจในชีวิตของตัวเองจนไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี “ถ้าอยากตายมากนักก็ไม่ควรมาโรงพยาบาล แล้วก็ไม่ควรมาหาผมด้วย” เมื่อถูกคุณหมอตำหนิ ผู้ช่วยหลี่จึงไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงคิดตามอย่างว่างเปล่า เสิ่นหยินอู้เฝ้ามองอยู่จากด้านข้าง สามารถเห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาของคุณหมอว่าอาการในครั้งนี้ของฉินเย่นั้นรุนแรงเป็นพิเศษ หลังจากนั้นคุณหมอก็พูดบางอย่างกับผู้ช่วยหลี่ จากนั้นก็สะบัดมือแล้วเดินจากไป ผู้ช่วยหลี่รู้สึกหดหู่เหมือนกับลูกสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง เขาพิงกำแพงและก้มหน้าลง สีหน้าดูเศร้าหมองเป็นมาก หลังจากเงียบไปเนิ่นนาน เสิ่นหยินอู้ก็เดินก้าวเข้าไปหาเขา เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว หลี่มู่ถิงก็เงยหน้าขึ้น เสิ่นหยินอู้ก็ตระหนักได้ว่าเขาที่เป็นผู้ใหญ่กลับมีดวงตาที่แดงก่ำ ก็ไม่รู้ว่าที่ตาเขาแดงก่ำนั้นเป็นเพราะคำพูดที่รุนแรงของคุณหมอหรือเป็นเพราะเขาเป็นห่วงฉินเย่ เมื่อเห็นเธอ หลี่มู่ถิงก็มีปฏิกิริยา จากนั้นก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่พูดอะไร

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 497

    เนื่องจากหลี่มู่ถิงกำลังคิดบางอย่างอยู่ เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นถึงจุดที่ผิดปกติของเสิ่นหยินอู้ เขาเพียงรับรู้ได้ว่าฝีเท้าของเธอหยุดลง เขาจึงหยุดเดินแล้วอธิบายว่า: "ผมหมายความว่า ก่อนที่คุณนายฉินจะเสียชีวิต จริงๆแล้วอาการของประธานฉินก็ดีกว่านี้หน่อย แม้ว่าเขาจะดื่มบ้าง แต่ทุกครั้งก่อนที่จะไปพบคุณนายฉิน เขาจะควบคุมตัวเองไว้และไม่ดื่มเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณนายฉินได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างกายของเขา แต่ตั้งแต่คุณนายฉินจากไปก็ไม่มีใครสามารถหยุดประธานฉินได้อีกเลย” หลี่มู่ถิงพูดออกมายาวมาก แต่เสิ่นหยินอู้เพียงมองเห็นเพียงริมฝีปากของเขาขยับไปมา เธอกลับไม่ได้ยินคำพูดใดๆเลย ในทันใดนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้ยินเสียงทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ราวกับว่าหูของเธอถูกปกคลุมไปด้วยไอน้ำ เธอไม่ได้ยินอะไรเลย ความชัดเจนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ในตอนแรกเธอยังคงเห็นริมฝีปากของหลี่มู่ถิงขยับอยู่ แต่แล้วมันก็เลือนลาง แล้วก็มองไม่เห็นอะไรเลย “ก่อนหน้านี้ คุณหนูเจียงก็มาเกลี้ยกล่อมประธานฉิน แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์ ประธานฉินไม่ฟังเธอเลย และเขาก็ไม่อยากแม้แต่จะเจอหน้าเธอด้วยซ้ำ แต่กับคุณหน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 498

    “ถ้าไม่เป็นไรแล้วทำไมถึงเป็นลม? ช่วยพยุงผมขึ้นที” ฉินเย่กัดฟันและออกแรงไปยังมือที่หลี่มู่ถิงกดเขาไว้ หลี่มู่ถิงรู้สึกได้ถึงแรงของเขา ในที่สุดก็ทำได้เพียงปล่อยมือที่กดฉินเย่ไว้และช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น หลังจากนั้น เขาได้ตรวจดูบาดแผลที่อยู่บนมือของฉินเย่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว เขาก็ช่วยพยุงฉินเย่เดินไปที่เตียงผู้ป่วยของเสิ่นหยินอู้พร้อมกับขวดน้ำเกลือในมือ เสิ่นหยินอู้ที่นอนสลบอยู่มีสีหน้าขาวซีด แม้แต่ริมฝีปากที่ปกติมีสีแดงสดของเธอก็ซีดเผือก เธอนอนอยู่ตรงนั้นอย่างอิดโรยและตัวซีดมาก เสิ่นหยินอู้ที่เป็นเช่นนี้ทำให้ฉินเย่รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างทิ่มแทงเข้าไปที่หัวใจของเขา เขาขยับริมฝีปากบางแล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?" หลี่มู่ถิงก็มีความสับสนเล็กน้อยเช่นกัน “ผะ ผมก็ไม่แน่ใจ ผมบอกคุณหนูเสิ่นไปว่าคุณอาเจียนเป็นเลือด แล้วเธอก็มาที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอมาถึง ผมก็ยังเห็นว่าสีหน้าของเธอดูสบายดีและไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ใครจะรู้ว่าจู่ๆเธอก็จะเป็นลมไป" “หมอบอกว่ายังไงบ้าง?” “คุณหมอบอกว่าเหมือนเธอจะมีอาการช็อค การทำงานของร่างกายไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้ทำได้แค่สังเกตดูอาการและให้เ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 499

    “ขะ ขอโทษด้วยครับประธานฉิน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะจู่ๆคุณหนูเสิ่นก็ถามผมเกี่ยวกับอาการของคุณ ผมคิดว่าเธอเป็นห่วงคุณ ก็เลยบอกเรื่องอาการของคุณไป ผมไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย" ลมหายใจของฉินเย่ถี่มาก ความโกรธเคืองในดวงตาของเขารุนแรงมากจนแทบจะจับหลี่มู่ถิงพลิกลงกับพื้น แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ควบคุมตัวเองไว้ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าการกระทำที่เสียงดังอาจส่งผลต่อเสิ่นหยินอู้ที่กำลังนอนหมดสติอยู่ เขาปล่อยหลี่มู่ถิง ระงับความโกรธแล้วพูดว่า: "ไสหัวออกไป" หลี่มู่ถิงต้องการออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ เพียงพูดอย่างน้อยใจว่า: "ขวดน้ำเกลือนี่ ... " ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเย่ทำท่าที่ว่าจะเอาเข็มออก เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็รีบไปขวางตรงหน้าเขาที่กำลังพยายามเอาเข็มออกแล้วพูดว่า "ประธานฉิน คุณอยากให้คุณหนูเสิ่นที่อยู่ในอาการช็อกตื่นขึ้นมาแล้วเป็นห่วงคุณอีกงั้นหรอ?" หลังจากได้ยิน มือที่ขยับอยู่ของฉินเย่ก็หยุดเคลื่อนไหว “เดิมทีแล้ว คุณหนูเสิ่นไม่ได้อยากจะสนใจคุณ แต่เธอมาที่นี่หลังจากได้ยินว่าคุณอาเจียนเป็นเลือด แล้วทำไมคุณไม่ทำตัวให้ดีๆอีก?” ขณะที่เขาพูด ความกล้าของหลี่มู่ถิงก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น "

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 500

    เพราะหย่ากับเขาไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ถือว่าคุณย่าเป็นครอบครังของเธออีก? ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็คงจะดีกว่า ถ้าไม่สนใจ ก็จะไม่เสียใจ แต่ต่อมาเมื่อเธอไปโรงแรม เธอก็ถามถึงเรื่องของคุณย่าอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉินเย่ก็รู้ว่าเธอแค่ปากแข็งกับเรื่องของคุณย่าเท่านั้น เธอเป็นลมทันทีที่ได้ยินเรื่องของคุณย่า ฉินเย่ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ตอนนี้เธอนอนสลบอยู่และไม่รับรู้อะไร แต่หลังจากเธอตื่นขึ้นมาล่ะ? เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินเย่ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือของเขาออกไปกุมข้อมือของเธอเบาๆ เวลาผ่านไปทีละวินาที ฉินเย่และหลี่มู่ถิงเฝ้าอยู่แบบนั้นในห้องผู้ป่วย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของเสิ่นหยินอู้ก็ดังขึ้น หลี่มู่ถิงลุกขึ้นยืนไปหยิบกระเป๋าของเสิ่นหยินอู้มาให้ฉินเย่ เมื่อเห็นว่ามือของฉินเย่ไม่ว่าง เขาจึงรูดซิปเปิดอย่างระมัดระวังและหยิบโทรศัพท์ออกมา ฉินเย่มองดูหมายเลขที่โทรมา จากนั้นใบหน้าของก็บึ้งตึง โม่ไป๋“ถ้าคุณหนูเสิ่นไม่ได้เป็นลมนอนอยู่ที่โรงพยาบาล นี่ก็เป็นเวลาเลิกงานแล้วและเธอคงจะต้องกลับบ้านแล้ว น่าจะเป็นคนในคร

Bab terbaru

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status