"แค่คืนสูท?" ไม่ ฉินเย่เจอจุดบอด "นายบอกว่าให้เธอยืมสูทที่งานประมูลครั้งที่แล้ว งานไหน?""งานไหนนายไม่รู้เหรอ? วันนั้นนายก็อยู่ด้วยนี่ ทำไม? อย่าบอกนะว่าวันนั้นนายไม่เจอเธอ?"ฉินเย่: "......""ไม่ได้เจอจริงดิ?""เล่ามาสิ หลังจากเธอคืนสูทให้นายแล้ว เธอพูดอะไรกับนายอีก?"คราวนี้ถึงตาฟู่ถิงสือที่เงียบไปแล้วพูดขึ้นมาหลังจากผ่านไปสักพัก: "ฉินเย่ ถึงเราจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ในมุมส่วนตัวเราก็เป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ? แต่ถึงจะเป็นเพื่อนกัน นายก็ไม่ควรจะยื่นมือเข้ามายุ่งมากขนาดนี้มั้ย? แม้แต่เรื่องที่เธอพูดอะไรกับฉันนายก็ยังจะยุ่งเหรอ?" ยังไงก็ตาม ฉินเย่ไม่สนใจคำพูดของเขาซักนิด"จะพูดไหม?""โธ่ ฉินเย่ นายมันหน้าด้าน!" ในที่สุดฟู่ถิงสือก็ทนต่อการข่มขู่ของเขาไม่ไหว จึงเล่าเรื่องเมื่อวานออกมาตรงๆ หลังจากวางสายแล้ว ฉินเย่ก็จ้องมองโทรศัพท์อย่างเย็นชา หลังจากนั้นสักพักมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ เพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ อารมณ์ที่เดิมทีว้าวุ่นของฉินเย่ก็ดีขึ้น ก่อนที่จะเข้านอน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันและดูแอคเคาท์ของเด็กน้อยทั้งสองคนครั้งก่อ
สุดท้าย เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้ให้โม่ไป๋ไปส่งเธอไปทำงาน แต่เธอกลับให้เขาไปส่งเด็กๆ ไปโรงเรียนแทน เสิ่นหยินอู้ไปทำงานด้วยตัวเองเพราะยังไม่มั่นคง เธอจึงยังไม่ได้ซื้อรถในตอนนี้ จะว่าไปก็ขำดี ในฐานะเจ้านาย เธอต้องนั่งรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงานทุกวัน ในขณะที่พนักงานของเธออย่างอู๋อี้ไห่ ซื้อรถไปตั้งนานแล้ว ระหว่างทางไปทำงาน เพื่อนสาวของเธอ โจวชวงชวง ที่อยู่ห่างออกไปอีกฟากฝั่งของมหาสมุทรก็โทรมา"หยินอู้ของฉัน จุ๊บๆ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? ช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้โทรหาเลย บริษัทไปได้ดีไหม?"เสียงของโจวชวงชวงฟังดูดี เสิ่นหยินอู้ยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ก็ดีนะ แล้วเธอล่ะเป็นยังไงบ้าง?" "อย่าไปพูดถึงเลย ฉันจะตายเพราะไอ้เจ้านายนั่นอยู่แล้ว ฉันบอกเลยหยินอู้ ตลอดชีวิตที่ฉันมีมา ฉันไม่เคยเจอใครที่ขูดรีดคนได้ขนาดนี้มาก่อน! เธอว่าไง เขาขูดรีดพนักงานขนาดนี้ได้ยังไง?" เสิ่นหยินอู้ฟังเธอบ่นเกี่ยวกับเจ้านายตัวเอง บ่นแบบจัดเต็ม บางครั้งก็เออออไปด้วยบ้าง โจวชวงชวงบ่นอยู่นานสิบนาที "ช่างมันเถอะ ช่างเขาไป พูดถึงเขาทีไร ฉันก็มีแต่เรื่องไม่ดีจะพูดทั้งนั้น""อืม""ใช่สิ แล้วเธอกับลี่ซือเป็นยังไงบ้าง
เสิ่นหยินอู้ตอบอย่างจริงจังว่า “ฉันแซ่เสิ่น นัดกับประธานฟู่ไว้เมื่อวานค่ะ” สีหน้าของพนักงานต้อนรับที่เดิมทีดูไม่ค่อยใส่ใจนัก พอได้ยินเธอบอกว่าแซ่เสิ่น ท่าทีก็เปลี่ยนไปทันทีแบบ 360 องศา“ขอโทษค่ะ คุณคือคุณเสิ่นหยินอู้ใช่ไหมคะ?” ท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอพยักหน้า"ใช่ค่ะ""เป็นอย่างนี้ค่ะคุณเสิ่น คุณฟู่กำชับไว้ว่า ถ้าคุณมาถึงแล้ว ให้พาคุณขึ้นไปชั้นบนเลยค่ะ" "จริงเหรอคะ?" เสิ่นหยินอู้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ประธานฟู่ใส่ใจจัง" พนักงานต้อนรับยิ้มอย่างมีเลศนัยให้เธอ แล้วพาเธอไปที่ลิฟต์"นี่คือลิฟต์ส่วนตัวของประธานฟู่ค่ะ คุณเสิ่น คุณขึ้นไปที่ชั้นบนสุดได้เลยค่ะ" พอเข้าไปในลิฟต์ พนักงานต้อนรับก็ใส่รหัสผ่านชั่วคราวให้เธอ แล้วพาเธอไปที่ชั้นบนสุด ตอนที่ประตูลิฟต์ปิดลง เสิ่นหยินอู้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมถามว่าห้องทำงานคือห้องไหน พอถึงชั้นบนสุด เสิ่นหยินอู้ถึงพบว่ามีห้องทำงานแค่ห้องเดียว แบบนี้ก็คงไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว ประตูห้องทำงานปิดอยู่ เสิ่นหยินอู้เดินเข้าไปแล้วเคาะประตูเบาๆ ข้างในมีเสียงทุ้มต่ำตอบกลับมา"เข้ามา" เสียงนี้ทำใ
ยกแต่เรื่องเก่าๆขึ้นมาพูด แล้วก็พูดถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดในอดีต เสิ่นหยินอู้สีหน้าฉายแววเปลี่ยนไป ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็จ้องเขาแล้วพูดว่า “ฉินเย่ คุณมันไร้ยางอายจริงๆ” เขามีเจียงฉูฉู่แล้วแท้ๆ แต่ยังอยากมาพัวพันกับเธออีก เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร?น่าตลกสิ้นดีเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาคิดว่ายังทำร้ายเธอไม่พออีกหรอ?"ไร้ยางอาย?" ฉินเย่เดินมาข้างหน้า ต้อนเธอจนถอยไปติดมุมผนัง ในขณะที่เธอคิดจะหนี เขาก็ยกมือยันผนังขวางทางเธอไว้ ริมฝีปากยกยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “แต่ก่อนตอนคุณอยู่บนเตียงของผมก็ไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา”เพี้ยะ! เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เธอตบหน้าฉินเย่ไปหนึ่งที ฉินเย่คงไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะลงมือ ดังนั้นใบหน้าของเขาจึงโดนตบจนหันไปด้านข้าง พอเขาตั้งสติได้ ก็จับข้อมือของเสิ่นหยินอู้ไว้ ก้มศีรษะลงเหมือนจะจูบเธอ เพี้ยะ! เสิ่นหยินอู้ร้อนใจ จึงตบหน้าเขาไปอีกครั้ง“ฉินเย่ จะมากเกินไปแล้วนะ! เรื่องที่คุณพูดมันผ่านไปนานแล้ว! เราหย่ากันมาห้าปีแล้ว!” ไม่รู้ว่าเป็นคำไหนที่กระตุ้นให้ฉินเย่หยุดการกระทำทันที เขาจ้องมองเสิ่นหยินอู้ในระยะใกล้และหายใจหอ
ในตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาของสาวงามที่มีน้ำตาคลอเบ้า ฟู่ถิงสือก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองช่างเลวทรามจริงๆเขาตั้งใจจะถามเธออย่างละเอียด แต่เสิ่นหยินอู้กลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูดคุยด้วยฟู่ถิงสือยืนอยู่ตรงนั้น ในหัวมีแต่ภาพของดวงตาที่เย็นชาคลอด้วยน้ำตาและเต็มไปด้วยความอดทน ภายในใจมีแต่ความรู้สึกผิด ในขณะที่เขากำลังจะตามไป เสิ่นหยินอู้ก็หยุดและหันกลับมาหาเขา“ประธานฟู่”ฟู่ถิงสือ: "หือ?""คุณจะไม่ลงทุนในบริษัทของฉันใช่ไหมคะ?""อะไรนะ?"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟู่ถิงสือก็ตกใจ "ลง ลงทุนในบริษัทของคุณเหรอ? คุณเปิดบริษัทแล้วเหรอ? ที่คุณบอกว่าจะคุยเรื่องงานกับผมหมายถึงเรื่องนี้งั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ก็แสดงความสงสัยเล็กน้อย "ไม่งั้นจะเป็นเรื่องอะไรล่ะคะ?""ผม ผมคิดว่าคุณคิดได้แล้ว และยอมมาทำงานกับผม ในขณะที่ฉินเย่ไอ้สารเลวนั่นไม่ยอมให้คุณมาเลยตามมาขัดขวาง"เสิ่นหยินอู้: "......" ที่แท้ฟู่ถิงสือก็ไม่รู้เรื่องนี้ดูเหมือนว่าเป็นฉินเย่ไปสืบเรื่องนี้มาเอง แต่เขาสืบได้ยังไง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขารู้แค่เรื่องที่เธอต้องการให้ฟู่ถิงสือลงทุนแค่นั้น ม
สำนักงานชั้นบนสุดพอฟู่ถิงสือขึ้นมาถึง ก็ตรงไปหาฉินเย่ทันที"เฮ้เฮ้ ฉันคิดว่าเธอจะมาทำงานที่บริษัทฉันซะอีก ใครจะคิดว่าเธอจะมาขอลงทุน นายรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม แต่ไม่บอกฉัน?" "แล้วนายรู้ไหม ตอนเธอลงไป สีหน้าไม่ดีเลย? นายทำให้เธอร้องไห้เลยนะ?" ฉินเย่ที่เคยพิงกำแพงอยู่ พอได้ยินก็ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่ริมฝีปากบางๆ"จริงเหรอ?"ผู้หญิงใจร้ายแบบนั้น ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ? น่าแปลกจริงๆ"อะไร? ดูจากสีหน้านายคงไม่เชื่อสินะ? ฉันพูดจริงๆ นายคงไม่รู้ตัวเลยสินะว่านายมันเลวแค่ไหน? ทำให้เธอโกรธจนร้องไห้ แต่นายยังดูไม่ใส่ใจอีก" เมื่อได้ยิน ฉินเย่ก็ไม่ตอบอะไร ยืนอยู่ตรงนั้น เม้มปากบางๆ สีปากซีดลงเล็กน้อย ส่วนฟู่ถิงสือที่ไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติก็ยังคงบ่นต่อไป"ด้วยท่าทางแบบนี้ของนาย ฉันไม่รู้เลยว่านายต้องการอะไร ตอนแรกฉันคิดว่านายอยากได้เธอกลับมา แต่ตอนนี้ฉันสงสัยว่านายคงไม่อยากเห็นหน้าเธอเลยใช่ไหม นายเลยโกรธเธอแบบนี้?""......" ฟู่ถิงสือที่ไม่ได้รับการตอบสนองจึงหันไปมองฉินเย่ แล้วเห็นว่าฉินเย่หน้าซีดจาง และมีเหงื่อซึมอยู่ที่หน้าผากฟู่ถิงสือกระพริบตาหลายคร
เขายังรู้สึกคันในใจเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่เธอใส่ชุดขี่ม้าอยู่ที่สนาม ผมยาวพลิ้วไหว ใบหน้าที่ดูบริสุทธิ์ ทำไมเธอถึงเป็นผู้หญิงของฉินเย่ไปได้?ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นได้ล่ะก็......ผู้ช่วยที่ติดตามเขามานาน พอจะดูความคิดเขาออก จึงพูดขึ้นว่า "ประธานฟู่ ถ้าชอบก็จีบเลยครับ ยังไงพวกเขาก็เลิกกันแล้ว ตอนนี้คุณเสิ่นก็โสด คุณจีบเธอก็ไม่ได้ผิดกฎหมายนะครับ""นายไม่เข้าใจหรอก พูดน่ะมันง่าย แต่นายไม่เห็นท่าทางของฉินเย่ เขายังไม่ลืมเธอเลย นายจะให้ฉันไปจีบเธอเหรอ? นั่นไม่เท่ากับฉันไปมีเรื่องกับเขาเหรอ?"ผู้ช่วยมองเขาด้วยความงุนงงแล้วพูดว่า "ประธานฉินไม่ได้มีคู่หมั้นอยู่แล้วเหรอครับ?" "นายหมายถึงเจียงฉูฉู่เหรอ? อย่างเธอนับเป็นคู่หมั้นอะไร?""แต่นอกวงการเขาก็พูดกันแบบนี้นะครับ หลายปีมานี้รอบๆ ตัวประธานฉินก็......" "นายกำลังจะบอกว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉินเย่ไม่มีใครเลย มีแต่เจียงฉูฉู่คนเดียว ดังนั้นทุกคนก็เลยถือว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา" ผู้ช่วยพยักหน้า"ใช้สมองของนายคิดดีๆ สิ นายคิดว่าทำไมฉินเย่ถึงแม้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างๆ เขา แต่เขาก็ไม่หมั้นกับเจียงฉูฉู่? ผ่านไปห้าปีแล้ว ถ้าจะอยู่ด้วยกันจร
คำพูดของอู๋อี้ไห่ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาใช้ท่าทีและน้ำเสียงที่มั่นใจ เหมือนกับเรื่องที่เขาพูดเป็นความจริง เรื่องที่ไม่มีจริง เขากลับพูดเหมือนว่ามีอยู่จริง"ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ พอได้ยินผมพูดแบบนี้ คุณก็ควรจะไม่รู้สึกอะไร เพราะสำหรับคนแล้ว ถ้าแผลหายดี การไปสัมผัสมันก็ไม่ควรจะรู้สึกอะไร""จริงหรอ?" เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า "ผู้จัดการอู๋ แผลที่หายดีแล้ว ถ้าแค่สัมผัสมันคงไม่เจ็บหรอก แต่ถ้าคุณใช้ไม้ตีแรงๆ ที่แผลนั้น คุณกล้าพูดไหมว่าไม่เจ็บ?" เมื่อได้ยิน อู๋อี้ไห่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ก็แค่พูดไปงั้นๆ ไม่ได้หนักขนาดเหมือนที่คุณยกตัวอย่างเลย? หรือว่า คนที่บาดเจ็บนั้นเจ็บหนักเกินไปจนยังไม่หายดี"พอได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเสิ่นหยินอู้ก็เริ่มหายไป "คุณคิดผิดแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเลยจริงๆ"อู๋อี้ไห่ยักไหล่แล้วพูดว่า "ถ้าท่านประธานวางเรื่องความรักลงได้แล้วมุ่งมั่นทำงาน สำหรับพนักงานอย่างพวกเรา นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเลยครับ" พอพูดถึงตรงนี้ อู๋อี้ไห่ก็หยุด ไม่พูดต่ออีก "เอกสารอยู่บนโต๊ะนะครับ แต่ผมคิดว่าท่านประธานคงไม่ต้องการแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อน