"ไม่เป็นไร เธอเลือกเลย พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้" เสิ่นหยินอู้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มะรืนนี้แล้วกัน" ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก "โอเค" โม่ไป๋ตอบรับเธออย่างรวดเร็ว หลังจากวางสาย เสิ่นหยินอู้ก็กลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะคิดได้แล้ว เมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้เข้ามาก็ไม่หลบสายตาอีกต่อไป แต่จ้องตาเธอแล้วพูดว่า "พี่เสิ่น เรื่องที่พี่พูด ฉันอยากจะกลับไปคิดทบทวนอีกที" เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปซักพักก่อนถามว่า "เธอไม่อยากปล่อยเขาไปใช่ไหม?" จ้าวเป่าเอ๋อยิ้มอย่างขมขื่น "แล้วพี่เสิ่นล่ะ พี่คิดว่าพี่ปล่อยประธานฉินไปได้ไหม? ฉันคิดว่า คนที่เข้าใจความรู้สึกของฉันได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือพี่เสิ่น เราสองคนต่างก็เจอเรื่องคล้ายๆกัน" เธอหมายถึงเธอทั้งคู่ตั้งท้องและผู้ชายก็มีผู้หญิงคนอื่น เมื่อได้ยินแบบนี้นี้ เสิ่นหยินอู้ก็ยิ้มแล้วพูดเบาๆ ว่า "เธอคิดว่าเราเจอเรื่องแบบเดียวกันหรอ?" "ไม่ใช่หรอคะ?" “"มันดูเหมือนว่าเราจะเจอเรื่องคล้ายกัน แต่เธอเคยคิดไหมว่า เราอายุไม่เท่ากัน" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเป่าเอ๋อก็ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะกัด
หลังจากแยกกับจ้าวเป่าเอ๋อแล้ว เสิ่นหยินอู้ไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณย่า ระหว่างนั้น คุณแม่ฉินถามเธอว่าทำธุระเสร็จหรือยัง เสิ่นหยินอู้ตั้งใจจะบอกว่าเสร็จแล้ว แต่เมื่อนึกถึงการตรวจ เธอเปลี่ยนคำพูดว่าเธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ คุณแม่ฉินได้ยินแบบนั้น ก็เข้าใจดีและไม่เร่งให้เธอไปตรวจ ในวันนั้น เสิ่นหยินอู้ใช้เวลาอยู่กับคุณย่าที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน เห็นว่าท่านฟื้นตัวได้ดี สีหน้ามีเลือดฝาดเล็กน้อย ทำให้เธอดีใจแทนคุณย่า แต่ในคืนนั้น เมื่อเสิ่นหยินอู้กลับจากโรงพยาบาลมาที่บ้าน เธอได้ยินข่าวว่าคืนนี้ฉินเย่จะทำงานล่วงเวลาที่บริษัทและจะไม่กลับบ้าน เมื่อคนรับใช้บอกเรื่องนี้กับเสิ่นหยินอู้และคุณแม่ฉิน คุณแม่ฉินก็ขมวดคิ้วทันที"งานที่บริษัทยุ่งขนาดนั้นเลยหรอ? วันนี้อยู่ที่บริษัททั้งวันไม่โผล่หน้ามา กลางคืนยังต้องทำงานล่วงเวลาอีก?"สีหน้าของคนรับใช้ดูอึดอัดเมื่อเจอกับคำถามของนายหญิงแห่งตระกูลฉิน ทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างอึดอัด"อย่าโกรธเลยครับ ช่วงนี้บริษัทค่อนข้างยุ่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้" ยังไงก็ตาม คุณแม่ฉินยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนเสิ่นหยินอู้ที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยิน
"ไม่ได้ไปค่ะ" เจียงฉูฉู่หงุดหงิดมาก จะเอาเวลาที่ไหนไปที่บริษัท?"ลูกยังไม่ได้ไปดูเลย ก็รีบตัดสินเขาไปแล้ว? คุณย่าฉินเพิ่งผ่าตัดเสร็จ แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพักฟื้น ฉินเย่ต้องอยู่ดูแลคุณย่าช่วงนี้เลยยุ่งจนไม่มีเวลาจัดการงานบริษัท ตอนนี้พอมีเวลาว่างก็ไปจัดการเรื่องที่บริษัท มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?""แต่ว่า...... แต่ก่อนที่เขาต้องไปจัดการธุระ เขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้""นั่นมันเมื่อก่อน แล้วเขาก็......อยู่กับเสิ่นหยินอู้มาหลายปีแล้วด้วย" พูดถึงตรงนี้ แม่ของเจียงก็รู้สึกถึงความเสี่ยง "ก่อนหน้าที่ลูกจะไปต่างประเทศ แม่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะผู้ชายที่ดีขนาดนี้ลูกไม่ควรปล่อย ถ้าระหว่างนั้นมีคนมาแย่งไปจะทำยังไง?" "ไม่มีทาง" เจียงฉูฉู่พูดด้วยความหงุดหงิด "หนูเคยช่วยชีวิตเขานะ""เด็กโง่ ต่อให้ลูกเคยช่วยชีวิตเขา แล้วไงล่ะ? ผู้ชายแบบนี้ลูกต้องคว้าไว้ ถ้าลูกเสียเขาไป ต่อไปลูกอาจจะหาคนแบบเขาไม่ได้อีกแล้วก็ได้""แม่หมายความว่า ที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ก็ไม่พอเหรอ? แต่ทำไม......""ที่ช่วยชีวิตอาจทำให้เขาซาบซึ้ง แต่ความซาบซึ้งนี้มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน? ถ้าลูกอยากให้เขาไม่มีวันลืมลูกได้ ลูกต้องหาวิธีคว้าเ
"ฉูฉู่ แบบนี้ไม่ได้นะ" แม่ของเจียงฉูฉู่คิดว่าลูกสาวของเธอและฉินเย่เป็นคู่ที่มั่นคงแล้ว เมื่อไหร่ที่ฉินเย่หย่ากับผู้หญิงที่ชื่อว่าเสิ่นหยินอู้ ลูกสาวของเธอก็แค่รอเป็นคุณผู้หญิงฉินอย่างถูกต้องแค่นั้น ใครจะรู้ว่า ทั้งสองคนนี้ไม่เคยทำอะไรกันเลยถ้าฉินเย่ชอบเธอจริงๆ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เคยแตะต้องเธอเลย?"แม่ หนูก็รู้ว่ามันไม่ได้ แต่หนูจะเริ่มเองไม่ได้ ไม่งั้นฉินเย่จะมองหนูยังไง?" แม่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบให้คำแนะนำแก่ลูกสาวทันที "ใครให้ลูกเริ่มก่อนล่ะ? ลูกแค่ยั่วยวนแล้วให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก็ได้ ฉูฉู่ แม่ไม่ได้จะว่าลูกนะ ทำไมลูกไม่บอกแม่ก่อนหน้านี้ เขาไม่มีความรู้สึกกับลูกบ้างเหรอ?" ความรู้สึก? เจียงฉูฉู่หวนคิดถึงรายละเอียดตอนที่อยู่ด้วยกันเธอก็ไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นจากเขาเลย สิ่งที่เธอรู้สึกได้มีแค่ความเคารพและความซาบซึ้งของฉินเย่ที่มีต่อเธอ ยิ่งคิด เจียงฉูฉู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง "ฉูฉู่ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ ลูกต้องลงมือทำอะไรบ้าง" แม่ของเธอเสนอความคิดเห็น เจียงฉูฉู่ไม่ตอบอะไรกลับ แต่ในใจเธอเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ เธอก็รู้ว่
โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่น ฉินเย่ได้สติ รีบยืนขึ้นและถอยหลังไปเสิ่นหยินอู้ที่กำลังอยู่ในห้วงความฝันขมวดคิ้วเบาๆ ทำท่าเหมือนจะตื่น ฉินเย่รีบออกจากห้องนอนก่อนที่เธอจะตื่น เขามองโทรศัพท์ มันเป็นข้อความขยะ เขาล็อคหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรำคาญและวางลงบนโต๊ะข้างๆ ยังมีกลิ่นอายของเสิ่นหยินอู้หลงเหลือบนริมฝีปากของเขา ฉินเย่พิงโซฟาและหลับตาลง เขาแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เขารู้สึกเหมือน ถูกสะกดสิ่งที่เขาต้องการ...... บางที จี้ชิงเป่ยอาจจะพูดถูก คิดถึงเรื่องนี้ แววตาฉินเย่ก็หม่นลงเล็กน้อย-เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ตื่น เธอได้ยินว่าฉินเย่กลับมาตอนกลางคืน แต่เมื่อถาม ก็ได้ยินว่าเขาออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เธอหัวเราะในใจทันทีต้องหลบเธอขนาดนี้เลยเหรอ? จำเป็นไหมเนี่ย??? กลับมาดึกก็แล้ว แล้วยังออกไปแต่เช้า? เขาอยากหย่าหรือไม่อยากหย่ากันแน่?หลังจากทานอาหารเช้า เสิ่นหยินอู้บอกคุณแม่ฉินว่า "แม่คะ วันนี้แม่ไปโรงพยาบาลคนเดียวนะ หนูอยากเข้าไปที่บริษัทซักหน่อย" คุณแม่ฉินพยักหน้าทันทีที่ได้ยิน"หนูไปเลย รีบไปเร็วๆ ถ้าหนูไม่ไป ฉินเย่จะยิ่งต่อต้าน เขาอยู่ที่บริษัททั้งวัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีกถึงจะหลบหน้าเธอจริงๆ แล้วมันยังไง?“คุณต้องการอะไรกันแน่? ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่ารอคุณย่าผ่าตัดเสร็จแล้วเราจะหย่ากัน พอคุณย่าผ่าตัดเสร็จแล้ว คุณก็บอกว่ารอให้คุณย่าพักฟื้นให้หายดีก่อน จนตอนนี้คุณย่าเกือบจะหายดีแล้ว คุณก็ยังไม่ยอมหย่ากับฉัน” เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถ้าจะพูดถึงก่อนหน้านี้ ที่เขาคิดว่าระหว่างเธอกับเจียงหนิงชวนและโม่ไป๋มีอะไรบางอย่าง ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาถูกทิ่มแทงแล้วรู้สึกโกรธ ก็พอเข้าใจได้แล้วตอนนี้ล่ะ มันคืออะไร? คำถามของเธอเข้าไปในโสตประสาทของฉินเย่ ราวกับใบมีดนับไม่ถ้วน ตกลงบนตัวเขา ใบมีดคมกริบ กรีดผิวหนังของเขาจนเลือดออก ความโกรธพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เสียงก็เย็นชาลงอีก และเริ่มพูดโดยไม่คิด"คุณย่าเพิ่งผ่าตัดได้ไม่นานเอง? คุณจะรีบอะไรขนาดนั้น คุณเคยบอกผมเองว่าคุณย่าเหมือนย่าแท้ๆของคุณ นี่เหรอคือวิธีที่คุณดูแลท่าน? คุณไม่สนใจเลยหรอว่าข่าวการหย่าของเราจะทำให้ท่านรู้แล้วอาการกำเริบขึ้นมาอีก? เสิ่นหยินอู้ คุณมีหัวใจบ้างไหม?" ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำพูดของเขาอาจจะข่มขู่เธอได้แต่ตอนนี้ เป
ฉินเย่พูดออกมาจริงๆ ว่าไม่อยากหย่ากับเธอเขารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่?ถ้าเขาไม่หย่ากับเธอ แล้วเขาจะแต่งงานกับเจียงฉูฉู่ได้ยังไง? ก่อนหน้านี้เขาพูดมาตลอด ว่าตำแหน่งข้างกายเขา ต้องเก็บไว้ให้เจียงฉูฉู่ไม่ใช่หรอ? เสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์นั่งเหม่ออยู่ในออฟฟิศของเขา จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงห้ามจากหน้าประตู"คุณเจียง ผมบอกแล้วว่าประธานฉินไม่อยู่ที่บริษัท ถึงคุณจะไปหาเขาที่ออฟฟิศก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ในออฟฟิศไม่มีใครอยู่เลย""ผู้ช่วยหลี่ ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน แต่ยังไงฉันกับเย่ก็เป็นเพื่อนกัน คุณโกหกว่าฉันเขาไม่อยู่ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ?""ผมจะโกหกคุณทำไม? มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโกหกคุณ ประธานฉินออกไปข้างนอกจริงๆ""เขาออกไปหรือไม่ได้ออกไป คุณให้ฉันไปดูสักแปปก็ไม่ได้เหรอ? ถ้าไปแล้วไม่เจอ ฉันจะไปทันที"ระหว่างการโต้เถียงกัน ทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าประตูออฟฟิศแล้ว ผู้ช่วยหลี่ไม่อยากให้เจียงฉูฉู่ขึ้นมา แต่ถ้าเจียงฉูฉู่จะขึ้นมา เขาก็ไม่กล้าใช้กำลังห้ามเธอ เขารู้ว่ายังไงเจียงฉูฉู่ยังสำคัญในสายตาของฉินเย่ดังนั้น เขาทำได้แค่ห้ามเธอไว้ตลอดทาง แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายเธอก็ยังขึ
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เราเคยตกลงกันไว้แล้วว่าถ้าคุณนายฉินผ่าตัดเสร็จ พวกเธอจะจะหย่ากันใช่ไหม?” ฉูฉู่มองไปที่เสิ่นหยินอู้ด้วยสายตาที่ดูถูก ราวกับว่ากำลังมองดูบุคคลที่น่าสะอิดสะเอียน น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “แต่คุณนายฉินผ่าตัดเสร็จไปนานแล้ว ทำไมเธอยังไม่หย่าล่ะ? เสิ่นหยินอู้ คงไม่ใช่ว่าเธอโลภกับตำแหน่งของคุณผู้หญิงฉิน ก็เลยคิดที่จะละเมิดข้อตกลงของเราและไม่คิดที่จะหย่าสินะ?" ลงกับฉินเย่ไม่ได้ ก็มาพูดจาประชดประชันเธอ ถ้าเจียงฉูฉู่ไม่เคยช่วยเธอไว้ เสิ่นหยินอู้คงจะด่าทอเธอไปแล้ว เธอกลอกตาอยู่ในใจ และพูดอย่างไม่สนใจใยดีว่า "จะว่าไป ปัญหานี้ฉันก็อยากจะถามคุณหนูเจียงด้วยว่าจะให้ฉินเย่หย่ากับฉันเมื่อไร?" เมื่อได้ยิน สีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็เปลี่ยนไป “พูดอะไรของเธอ? ให้ฉินเย่หย่ากับเธอ?” "ไม่งั้นล่ะ?" เสิ่นหยินอู้เลิกคิ้ว "ฉันมาหาเขาก็เพื่อเรื่องนี้ แต่เขากลับหลบหน้าฉัน คุณหนูเจียง ความสัมพันธ์ของคุณกับฉินเย่นั้นดีมากไม่ใช่หรอ ช่วยฉันโน้มน้าวเขาหน่อยแล้วกัน" เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เจียงฉูฉู่ก็เข้าใจว่าตัวเองถูกเธอเย้ยหยันอยู่สีหน้าของเธอจึงบึ้งตึงในทันที เดิมทีเธอ