"ฉูฉู่ แบบนี้ไม่ได้นะ" แม่ของเจียงฉูฉู่คิดว่าลูกสาวของเธอและฉินเย่เป็นคู่ที่มั่นคงแล้ว เมื่อไหร่ที่ฉินเย่หย่ากับผู้หญิงที่ชื่อว่าเสิ่นหยินอู้ ลูกสาวของเธอก็แค่รอเป็นคุณผู้หญิงฉินอย่างถูกต้องแค่นั้น ใครจะรู้ว่า ทั้งสองคนนี้ไม่เคยทำอะไรกันเลยถ้าฉินเย่ชอบเธอจริงๆ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เคยแตะต้องเธอเลย?"แม่ หนูก็รู้ว่ามันไม่ได้ แต่หนูจะเริ่มเองไม่ได้ ไม่งั้นฉินเย่จะมองหนูยังไง?" แม่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบให้คำแนะนำแก่ลูกสาวทันที "ใครให้ลูกเริ่มก่อนล่ะ? ลูกแค่ยั่วยวนแล้วให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก็ได้ ฉูฉู่ แม่ไม่ได้จะว่าลูกนะ ทำไมลูกไม่บอกแม่ก่อนหน้านี้ เขาไม่มีความรู้สึกกับลูกบ้างเหรอ?" ความรู้สึก? เจียงฉูฉู่หวนคิดถึงรายละเอียดตอนที่อยู่ด้วยกันเธอก็ไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นจากเขาเลย สิ่งที่เธอรู้สึกได้มีแค่ความเคารพและความซาบซึ้งของฉินเย่ที่มีต่อเธอ ยิ่งคิด เจียงฉูฉู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง "ฉูฉู่ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ ลูกต้องลงมือทำอะไรบ้าง" แม่ของเธอเสนอความคิดเห็น เจียงฉูฉู่ไม่ตอบอะไรกลับ แต่ในใจเธอเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ เธอก็รู้ว่
โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่น ฉินเย่ได้สติ รีบยืนขึ้นและถอยหลังไปเสิ่นหยินอู้ที่กำลังอยู่ในห้วงความฝันขมวดคิ้วเบาๆ ทำท่าเหมือนจะตื่น ฉินเย่รีบออกจากห้องนอนก่อนที่เธอจะตื่น เขามองโทรศัพท์ มันเป็นข้อความขยะ เขาล็อคหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรำคาญและวางลงบนโต๊ะข้างๆ ยังมีกลิ่นอายของเสิ่นหยินอู้หลงเหลือบนริมฝีปากของเขา ฉินเย่พิงโซฟาและหลับตาลง เขาแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เขารู้สึกเหมือน ถูกสะกดสิ่งที่เขาต้องการ...... บางที จี้ชิงเป่ยอาจจะพูดถูก คิดถึงเรื่องนี้ แววตาฉินเย่ก็หม่นลงเล็กน้อย-เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ตื่น เธอได้ยินว่าฉินเย่กลับมาตอนกลางคืน แต่เมื่อถาม ก็ได้ยินว่าเขาออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เธอหัวเราะในใจทันทีต้องหลบเธอขนาดนี้เลยเหรอ? จำเป็นไหมเนี่ย??? กลับมาดึกก็แล้ว แล้วยังออกไปแต่เช้า? เขาอยากหย่าหรือไม่อยากหย่ากันแน่?หลังจากทานอาหารเช้า เสิ่นหยินอู้บอกคุณแม่ฉินว่า "แม่คะ วันนี้แม่ไปโรงพยาบาลคนเดียวนะ หนูอยากเข้าไปที่บริษัทซักหน่อย" คุณแม่ฉินพยักหน้าทันทีที่ได้ยิน"หนูไปเลย รีบไปเร็วๆ ถ้าหนูไม่ไป ฉินเย่จะยิ่งต่อต้าน เขาอยู่ที่บริษัททั้งวัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีกถึงจะหลบหน้าเธอจริงๆ แล้วมันยังไง?“คุณต้องการอะไรกันแน่? ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่ารอคุณย่าผ่าตัดเสร็จแล้วเราจะหย่ากัน พอคุณย่าผ่าตัดเสร็จแล้ว คุณก็บอกว่ารอให้คุณย่าพักฟื้นให้หายดีก่อน จนตอนนี้คุณย่าเกือบจะหายดีแล้ว คุณก็ยังไม่ยอมหย่ากับฉัน” เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถ้าจะพูดถึงก่อนหน้านี้ ที่เขาคิดว่าระหว่างเธอกับเจียงหนิงชวนและโม่ไป๋มีอะไรบางอย่าง ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาถูกทิ่มแทงแล้วรู้สึกโกรธ ก็พอเข้าใจได้แล้วตอนนี้ล่ะ มันคืออะไร? คำถามของเธอเข้าไปในโสตประสาทของฉินเย่ ราวกับใบมีดนับไม่ถ้วน ตกลงบนตัวเขา ใบมีดคมกริบ กรีดผิวหนังของเขาจนเลือดออก ความโกรธพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เสียงก็เย็นชาลงอีก และเริ่มพูดโดยไม่คิด"คุณย่าเพิ่งผ่าตัดได้ไม่นานเอง? คุณจะรีบอะไรขนาดนั้น คุณเคยบอกผมเองว่าคุณย่าเหมือนย่าแท้ๆของคุณ นี่เหรอคือวิธีที่คุณดูแลท่าน? คุณไม่สนใจเลยหรอว่าข่าวการหย่าของเราจะทำให้ท่านรู้แล้วอาการกำเริบขึ้นมาอีก? เสิ่นหยินอู้ คุณมีหัวใจบ้างไหม?" ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำพูดของเขาอาจจะข่มขู่เธอได้แต่ตอนนี้ เป
ฉินเย่พูดออกมาจริงๆ ว่าไม่อยากหย่ากับเธอเขารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่?ถ้าเขาไม่หย่ากับเธอ แล้วเขาจะแต่งงานกับเจียงฉูฉู่ได้ยังไง? ก่อนหน้านี้เขาพูดมาตลอด ว่าตำแหน่งข้างกายเขา ต้องเก็บไว้ให้เจียงฉูฉู่ไม่ใช่หรอ? เสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์นั่งเหม่ออยู่ในออฟฟิศของเขา จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงห้ามจากหน้าประตู"คุณเจียง ผมบอกแล้วว่าประธานฉินไม่อยู่ที่บริษัท ถึงคุณจะไปหาเขาที่ออฟฟิศก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ในออฟฟิศไม่มีใครอยู่เลย""ผู้ช่วยหลี่ ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน แต่ยังไงฉันกับเย่ก็เป็นเพื่อนกัน คุณโกหกว่าฉันเขาไม่อยู่ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ?""ผมจะโกหกคุณทำไม? มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโกหกคุณ ประธานฉินออกไปข้างนอกจริงๆ""เขาออกไปหรือไม่ได้ออกไป คุณให้ฉันไปดูสักแปปก็ไม่ได้เหรอ? ถ้าไปแล้วไม่เจอ ฉันจะไปทันที"ระหว่างการโต้เถียงกัน ทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าประตูออฟฟิศแล้ว ผู้ช่วยหลี่ไม่อยากให้เจียงฉูฉู่ขึ้นมา แต่ถ้าเจียงฉูฉู่จะขึ้นมา เขาก็ไม่กล้าใช้กำลังห้ามเธอ เขารู้ว่ายังไงเจียงฉูฉู่ยังสำคัญในสายตาของฉินเย่ดังนั้น เขาทำได้แค่ห้ามเธอไว้ตลอดทาง แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายเธอก็ยังขึ
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เราเคยตกลงกันไว้แล้วว่าถ้าคุณนายฉินผ่าตัดเสร็จ พวกเธอจะจะหย่ากันใช่ไหม?” ฉูฉู่มองไปที่เสิ่นหยินอู้ด้วยสายตาที่ดูถูก ราวกับว่ากำลังมองดูบุคคลที่น่าสะอิดสะเอียน น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “แต่คุณนายฉินผ่าตัดเสร็จไปนานแล้ว ทำไมเธอยังไม่หย่าล่ะ? เสิ่นหยินอู้ คงไม่ใช่ว่าเธอโลภกับตำแหน่งของคุณผู้หญิงฉิน ก็เลยคิดที่จะละเมิดข้อตกลงของเราและไม่คิดที่จะหย่าสินะ?" ลงกับฉินเย่ไม่ได้ ก็มาพูดจาประชดประชันเธอ ถ้าเจียงฉูฉู่ไม่เคยช่วยเธอไว้ เสิ่นหยินอู้คงจะด่าทอเธอไปแล้ว เธอกลอกตาอยู่ในใจ และพูดอย่างไม่สนใจใยดีว่า "จะว่าไป ปัญหานี้ฉันก็อยากจะถามคุณหนูเจียงด้วยว่าจะให้ฉินเย่หย่ากับฉันเมื่อไร?" เมื่อได้ยิน สีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็เปลี่ยนไป “พูดอะไรของเธอ? ให้ฉินเย่หย่ากับเธอ?” "ไม่งั้นล่ะ?" เสิ่นหยินอู้เลิกคิ้ว "ฉันมาหาเขาก็เพื่อเรื่องนี้ แต่เขากลับหลบหน้าฉัน คุณหนูเจียง ความสัมพันธ์ของคุณกับฉินเย่นั้นดีมากไม่ใช่หรอ ช่วยฉันโน้มน้าวเขาหน่อยแล้วกัน" เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เจียงฉูฉู่ก็เข้าใจว่าตัวเองถูกเธอเย้ยหยันอยู่สีหน้าของเธอจึงบึ้งตึงในทันที เดิมทีเธอ
ได้ยินดังนั้น เจียงฉูฉู่ก็โกรธจัด กัดฟันกล่าว “อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างหน่อยเลย เธอรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เหมือนกัน”“ชีวิตคนเหมือนกัน ไม่เหมือนกันตรงไหน?”“ชีวิตคนอะไร นี่เพิ่งนานแค่ไหนเอง? ก็แค่ตัวอ่อนเท่านั้นแหละ!”“อ้อ คุณหนูเจียงไม่เคยเป็นตัวอ่อนมาก่อนเลยเหรอ?”“…”ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถต่อบทสนทนานี้ไปได้อีกเจียงฉูฉู่ตระหนักบางอย่างขึ้นได้ แล้วหรี่ตามองเสิ่นหยินอู้“ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะไม่ชอบฉันเอามากนะ? เกิดอะไรขึ้น เราไม่ใช่ศัตรูกันไม่ใช่เหรอ?”“คุณหนูเจียงเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้มองว่าคุณเป็นศัตรูเลย”พูดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักเล็กน้อย แล้วถามว่า “แต่เราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่ใช่เหรอคะ?”เรื่องนี้เจียงฉูฉู่ไม่ปฏิเสธเธอไม่เคยมองเสิ่นหยินอู้เป็นเพื่อนมาก่อน แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่เคยถึงแม้จะรู้ว่าเสิ่นหยินอู้เป็นเพื่อนของฉินเย่ แต่เธอก้ไม่สามารถมองเสิ่นหยินอู้เป็นเพื่อนได้ เพื่อนวัยเด็กของฉินเย่คนนี้รับมือยากมาก และเป็นการมีอยู่ที่เธอคิดมากๆ ที่สุดเมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ เสิ่นหยินอู้จึงหัวเราะออกมา “ดูท่าแล้วคุณหนูเจียงเองก็คิดเหมือนกันสินะ”เจียงฉูฉู่ไม่ป
ออกจากบริษัทฉิน เสิ่นหยินอู้เพิ่งมาถึงข้างล่างตึก ก็ได้รับสายจากโม่ไป๋“ทำไมวันนี้ถึงแวะมาที่บริษัทล่ะ?”คำพูดนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ชะงัก “นายรู้ได้ยังไง…”พูดไปครึ่งประโยค เสิ่นหยินอู้ก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ แล้วมองไปทางที่จอดรถก่อนหน้านี้เป็นไปตามคาด เธอเห็นรถคันคุ้นตาหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น“นายมาที่นี่ได้ยังไง?”“บังเอิญน่ะ” โม่ไป๋ที่อยู่ปลายสายหัวเราะออกมา “สัญญาที่คุยกันคราวก่อนน่ะ แวะมาจัดการให้เสร็จ”เมื่อพูดถึงคราวก่อน เสิ่นหยินอู้ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกอย่างแม้ว่าโม่ไป๋จะไม่พูดถึงคราวก่อน เธอก็ไม่มีอะไรต้องสงสัยเช่นกัน เพราะช่วงนี้เธอไม่ได้เข้าบริษัทเลย โม่ไป๋ไม่มีทางมารอเธอที่นี่แน่คงไม่ได้มาทุกวันหรอกมั้ง?ไหนๆ ก็พบกันแล้ว เสิ่นหยินอู้จึงก้าวเท้าเตรียมจะเดินไปหาแต่ใครจะคิดว่าเธอเพิ่งก้าวเท้าออกไป ก้ได้ยินโม่ไป๋พูดขึ้นว่า “เธออย่าขยับ เดี๋ยวฉันให้คนขับรถขับไปตรงนั้น”“ไม่ต้อง แค่ไม่กี่ก้าวเอง เดินไปก็ได้”ไม่คิดว่าโม่ไป๋จะตอบว่า “เธออยากหย่าไม่ใช่เหรอ?”ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้พลันหยุดฝีเท้า “เกี่ยวอะไรกันด้วย?”“เกี่ยวสิ”เสิ่นหยินอู้ “…”คิดไม่ตกจริงๆ ว่าโม
หลังจากที่โม่ไป๋ได้ยินสิ่งที่เธอพูด ก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา “เธอไม่เกรงใจจริงๆ ด้วย”“แหง่สิ ตอนนี้ฉันกินเก่งมาก กลับคำตอนนี้ยังทันนะ”โม่ไป๋คิดๆ แล้วกล่าวว่า “จ่ายไหวน่ะ”จริงๆ เขาอยากพูดว่า เลี้ยงไหวน่ะ แต่ทว่าพูดแบบนี้ในเวลานี้ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ และอาจทำให้เธอตกใจวิ่งหนีไปก็ได้มั้ง?ต้องค่อยเป็นค่อยไประหว่างทางไปร้านอาหาร โม่ไป๋ถามเธอเรื่องฉินเย่หลังจากที่ได้ทราบว่าตอนนี้ฉินเย่กำลังหลบหน้าเธอ ไม่ยอมหย่า ดวงตาที่อยู่ข้างหลังแว่นตาของโม่ไป๋พลันตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ก็กลับมาเป็นปกติ แล้วยกมุมปากขึ้นวิธีการของฉินเย่อยู่เหนือความคาดหมายของตนจริงๆเขาหันไปมองเสิ่นหยินอู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง แล้วถามเบาๆ ว่า “ถ้างั้นตอนนี้เธอคิดยังไง?”“อะไร?”“ถ้าเขายังยืนยันว่าจะไม่หย่า เธอจะเป็นคุณผู้หญิงฉินต่อไปไหม?”เป็นคุณผู้หญิงฉินต่อไป?ไม่อยู่แล้วเสิ่นหยินอู้ตอบในใจ เธอไม่ได้ชั่วขนาดนั้นสักหน่อย ไม่ว่าตอนนี้ฉินเย่จะคิดยังไงถึงได้ไม่อยากหย่ากับเธอกะทันหันแต่ตราบใดที่เจียงฉูฉู่ยังเป็นผู้มีพระคุณของเขาอยู่หนึ่งวัน เขาก็จะไม่มีทางตัดขาดกับเจียงฉูฉู่แน่นอนในเรื่อ
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ