"โอเคๆ" คุณนายฉินใจอ่อนทันทีและปลอบเสิ่นหยินอู้ไม่หยุด "ย่าสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรไม่เป็นมงคลแล้ว หยุดร้องไห้ได้ไหมจ้ะ?"สุดท้าย คุณนายฉินก็ปลอบเสิ่นหยินอู้จนเธอสงบลง และเสิ่นหยินอู้ก็กลับไปที่ห้องนอนด้วยความพอใจ พร้อมบอกว่าจะมาหาใหม่ในตอนเช้า คุณนายฉินลูบหลังศีรษะของเธอเบาๆ "โอเค ฝันดีนะ รีบไปนอนเถอะ" หลังจากที่เธอไปแล้ว คุณนายฉินก็จ้องไปที่ฉินเย่"ช่วงนี้พวกเธอสองคนทะเลาะกันบ่อยเหรอ?" ได้ยินเช่นนั้น ฉินเย่ก็ชะงักไป แล้วอธิบายว่า "เธอแค่แกล้งคุณย่าเล่น คุณย่าก็เชื่อเหรอครับ?" "แกคิดว่าย่าแก่จนมองไม่เห็นปัญหาของพวกเธอสองคนจริงๆ เหรอ?" ฉินเย่ตอบด้วยท่าทางนิ่งๆ ว่า “ปัญหาอะไรเหรอครับ?”"ฮึ่ม" คุณนายฉินแค่นเสียงเย็นๆ "ปัญหาอะไร แกก็รู้ดีอยู่แก่ใจ" “……”"เป็นเพราะเจียงฉูฉู่ใช่ไหม?" ไม่คิดว่าคุณนายฉินจะพูดจี้จุด ทำให้ฉินเย่สีหน้าเปลี่ยนไป "ฉูฉู่เคยช่วยชีวิตแกไว้ เพราะงั้นเธอถึงพิเศษสำหรับแก" เห็นฉินเย่ขยับปากเหมือนจะปฏิเสธ คุณนายฉินจึงพูดต่อว่า "อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ย่าสายตาเฉียบแหลมนะ ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของแกกับหยินอู้ก็ดีอยู่นี่? แล้วทำไมช่วงนี้ถึงมีปัญ
ค่ำคืนอันหนาวเย็นกู้เหยียนซีเดินฝ่ากลุ่มคนในผับ แล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์คนที่ตามหลังเขาคือจี้ชิงเป่ยดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ทั้งสองคนถูกฉินเย่เรียกออกมาอีกแล้วรอให้พวกเขาไปถึง คิดว่าจะเจอกับฉินเย่ที่เมาเละเทะ แต่ไม่คาดคิดว่าเขากลับแต่งตัวเรียบร้อย นั่งอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ด้วยแววตามีสติครบถ้วนเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเขาแก้วนั้น ก็ไม่ได้แตะเลยแม้แต่นิดเดียว“เกิดอะไรขึ้น? เรียกเรามาดื่มเหล้าไม่ใช่เหรอ?” กู้เหยียนซีแปลกใจเขาเดินเข้าไปทักทายฉินเย่“เย่ นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย? ถึงตอนนี้ยังไม่แตะเหล้าเข้าปากสักอึก?”เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ฉินเย่ก็ได้สติ เงยหน้าขึ้นพบว่ากู้เหยียนซีมาพร้อมกับจี้ชิงเป่ยด้วย เขาจึงใช้สายตามองจี้ชิงเป่ยราวกับกำลังถามด้วยสายตาว่า: นายพาเขามาทำไม?จี้ชิงเป่ยที่เห็นสายตาที่ส่งมาของเขาพลันรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นดูท่าแล้วคืนนี้ฉินเย่จะเรียกเขามาคนเดียวแต่เขาไม่รู้จึงได้เรียกกู้เหยียนซีมาด้วยไหนๆ ก็มาแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ชายทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไรต่อกู้เหยียนซีนั่งปุ๊บก็สั่งเครื่องดื่มปั๊บอย่างคนบ้าพลางพูดกับฉินเย่ว่า “นายนี่ก็แปลก คราวก่อนท
จี้ชิงเป่ยแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบว่าเจียงฉูฉู่ล้มเอง เพียงแค่บอกว่า “ฉันถามนายหน่อย นายบอกว่าเสิ่นหยินอู้เป็นคนผลักเจียงฉูฉู่ นายตัดสินจากอะไร? เพราะว่าหล่อนอยู่ใกล้เจียงฉูฉู่ที่สุดงั้นเหรอ?”“เหตุผลหนึ่งคืออยู่ใกล้ฉูฉู่ แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทุกคนเขาพูดกันแบบนี้” กู้เหยียนซีตอบ“ทุกคนเขาพูดกันแบบนี้ แล้วความจริงก็ต้องเป็นแบบนั้นเหรอ?”“ก็…ทุกคนเขาก็พูดกันแบบนี้แล้ว ถ้านี่ไม่ใช่ความจริง แล้วอะไรล่ะที่เป็นความจริง?”กู้เหยียนซีมองจี้ชิงเป่ยด้วยสีหน้าหมดคำพูด“จี้ชิงเป่ย ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่อง นายต้องเข้าข้างเสิ่นหยินอู้ตลอด?”“เพราะฉันเข้าข้างหล่อน หรือเพราะนายเชื่อฉูฉู่มากเกินไปกันแน่?”ทันใดนั้น เด็กเสิร์ฟก็ยกเหล้าเข้ามา จี้ชิงเป่ยหยิบมาหนึ่งแก้ว แล้วแกว่งเบาๆ เหล้าที่ผสมขึ้นมาโดยเฉพาะ เมื่ออยู่ใต้แสงเคาน์เตอร์บาร์แล้วดูสดใสและไม่ชัดเจน“ความคิดของมนุษย์น่ะ ถ้าถูกความคิดเพียงอย่างเดียวครอบงำแล้ว ก็ง่ายที่จะเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้อื่นๆ”ฉินเย่ที่เงียบไม่พูดอะไรได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงแต่กู้เหยียนซีกลับจ้องจี้ชิงเป่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ“อะไรเนี่ย ตอนนี
กู้เหยียนซีจากไปด้วยความโมโหบริเวณเคาน์เตอร์บาร์จึงเหลืออยู่เพียงสองคนจี้ชิงเป่ยกวาดมองฉินเย่แวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายังจมอยู่ในความคิดของตนเองอยู่นั้น จึงไม่ได้รีบเอ่ยปากพูดอะไรหลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ฉินเย่ถึงได้เอ่ยถามเขานิ่งๆ“ที่นายพูดเมื่อกี้นี้หมายความว่าอะไร?”จี้ชิงเป่ยยกมุมปากขึ้น “นายมีคำตอบอยู่ในใจแล้วไม่ใช่เหรอ?”ได้ยินดังนั้น ฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเศร้าโศก“คำตอบอะไร?”“ฉินเย่ ฉันจำได้ว่าคราวก่อนฉันก็เคยถามนายที่นี่เหมือนกัน ผ่านไปหลายปีแล้ว นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่?”ฉินเย่ชะงัก ที่แท้จี้ชิงเป่ยก็เคยถามเขาเช่นกันไม่น่าล่ะ คืนนั้นตอนที่คุณย่าถามเขา เขาถึงได้รู้สึกคุ้นคำถามนี้มาก เพียงแต่ตอนที่จี้ชิงเป่ยพูดคราวก่อน เขาไม่ได้สนใจอะไรนัก และไม่ได้ใส่ใจอะไรเมื่อเห็นฉินเย่เงียบ จี้ชิงเป่ยพลันถอนหายใจ “นายโตมากับหล่อนตั้งแต่เด็ก รู้ทุกอย่างที่หล่อนชอบหรือไม่ชอบ ไม่ว่าหล่อนจะอยู่ในสภาพได้ นายก็แทบจะเห็นมาหมดแล้ว ตอนที่ตระกูลเสิ่นล้มละลาย ถ้าฉันจำไม่ผิด หลังจากที่ได้รับข่าว นายก็รีบกลับมาเลยไม่ใช่เหรอ?”“ก็ใช่” เรื่องนี้ฉินเย่ไม่อาจ
ฝันร้ายเหรอ?ฉินเย่ย่อตัวลงข้างเตียง แล้วยื่นมือออกไปจะนวดหว่างคิ้วให้กับเสิ่นหยินอู้โดยสัญชาตญาณ โดยลืมไปแล้วว่าตนอยู่ที่บาร์นานเกินไป และตอนนี้มือยังเย็นอยู่ดังนั้น เมื่อปลายนิ้วมือของเขาสัมผัสลงบนหว่างคิ้วของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้ก็สะดุ้งเล็กน้อย และตื่นขึ้นมาทันทีสายตาของทั้งสองจึงสบเข้าด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ดวงตาของเสิ่นหยินอู้ที่เพิ่งตื่นจากฝันยังคงสะลึมสะลืออยู่ ภายใต้แสงไฟที่กระทบลงในห้องนอน ทำให้สายตาที่เย็นชาดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ทำเอาฉินเย่หัวใจเต้นไหวนิ้วมืออันเย็นยวบของเขายังคงสัมผัสอยู่บริเวณหว่างคิ้วของเสิ่นหยินอู้ผ่านไปนานพอควร เสิ่นหยินอู้ถึงจะรู้สึกตัว พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอถอยหลังเลี่ยงการสัมผัสจากฉินเย่ แล้วลุกขึ้นนั่งมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง“นายจะทำอะไร?”ท่าทีระแวดระวังตัวของเธอทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “ฉันจะทำอะไรได้? ตอนนี้เธอป้อมกันตัวจากฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้เองก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนเมื่อกี้นี้ดูตื่นตระหนกมากไปหน่อยจริงๆเธอทำได้เพียงหันหน้าหลบสายตาจากเขา แล้วพูดว่า “เปล่า”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็หัวเราะเยาะ แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชา"นายมีความต้องการทางเพศ ก็ไปหาเจียงฉูฉู่ของนายสิ"ได้ยินดังนั้น แววตาของฉินเย่ก็มึดลงอย่างสิ้นเชิง เขากัดฟันแล้วพูดว่า "ฉันจะหาแค่เธอ ไม่หาใครทั้งนั้น"พูดจบ เขาก็โน้มตัวไปหาริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่กลับโดนเสิ่นหยินอู้ตบหน้า"ออกไป!""ไสหัวไปหาเจียงฉูฉู่ของนายไป อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!""ออกไป!"เสิ่นหยินอู้โกรธจนตัวสั่น รู้สึกว่าตบหน้าเขาแค่ครั้งเดียวไม่พอยังอยากตบอีกฉินเย่จับข้อมือของเธอและพูดว่า "โกรธเหรอ? ช่วงนี้เธอแสดงบทบาทเป็นศรีภรรยาได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึงไม่แสดงต่อแล้วล่ะ? "พอเสิ่นหยินอู้คิดว่าเขาคิดจะใช้ตนเป็นเครื่องจัดการความต้องการทางเพศทีไร ก็เสียสติทันที ไม่อยากตอบฉินเย่เข้าไปใหญ่ เพียงแค่ออกแรงขัดขืนเท่านั้นเมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้เช่นนี้ ฉินแย่ก็รู้สึกโกรธกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดที่จี้ชิงเป่ยและคุณย่าพูดกับตัวเองไว้ ฉินเย่ก็ยิ่งกำข้อมือของเธอแน่น“คำพูดพวกนี้เธอเป็นคนพูดเอง แล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องโกรธด้วย? เสิ่นนั่วนั่ว เธอโกรธอะไร?”ฉินเย่จ้องเธอเขม็งขณะที่ถามคำถามน
“แล้วก็เมื่อวาน เธอออกไปกับเขาด้วย”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล“ฉินเย่ นายแอบตามฉันเหรอ?”ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกตื่นตระหนกด้วยเพราะช่วงนี้เธอยังไปโรงพยาบาลด้วย ถึงแม้จะไปพร้อมกับโจวซวงซวง แต่ถ้าฉินเย่เกิดอยากสืบขึ้นมา ก็ไม่เจออะไรอยู่ดี“จำเป็นด้วยเหรอ?” ฉินเย่ย้อนถามไม่จำเป็น? ถ้างั้นเขาคงไม่ได้ส่งคนแอบตามตนสินะ?“แล้วนายรู้ได้ยังไง?”วันที่เจียงฉูฉู่ได้รับบาดเจ็บ ถึงเขาจะรู้ก็ช่างเถอะ เพราะบางทีฉินเย่อาจจะเห็นตอนที่โม่ไป๋ไปส่งเธอที่หน้าประตูวิลล่าก็ได้แต่เรื่องออกไปกินข้าวเมื่อวาน แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าจะเจอโม่ไป๋ที่นั่น แล้วฉินเย่รู้ได้ยังไง?ตอนกลับมา เธอยังนั่งรถแท็กซี่กลับมาด้วยซ้ำ“เธอลนลานมากนะ?” ฉินเย่หัวเราะแห้ง “เสิ่นนั่วนั่ว เธอเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม? เรื่องชั่วๆ ที่เคยทำไว้ ยังไงก็ต้องปรากฏในสักวัน”เสิ่นหยินอู้ “…”เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ สายตาของฉินเย่ก็เคลื่อนลงมาสำรวจมองชุดนอนของเธอ “แล้วก็สไตล์การแต่งตัวของเธอช่วงนี้ ทำเพื่อความชอบของพวกมันใช่ไหมล่ะ?”เสิ่นหยินอู้ “?”“นายพูดจาเหลวไหลอะไรกันแน่? เข้าฤดูหนาวแล้ว
หลังจากนอนหลับไปแล้ว ลมหายใจของเสิ่นหยินอู้ก็ค่อยๆ คงที่สมดุลกันฉินเย่เดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่ง พบว่าเสิ่นหยินอู้นอนหลับแล้วจริงๆไม่เพียงแต่นอนหลับเท่านั้น แต่ยังหลับสนิทด้วยเขายกมือจับใบหน้าที่ถูกตบของตน สติเลือนราง หากไม่ใช่เพราะบริเวณแก้มยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อยล่ะก็ เขาคงคิดว่าการทะเลาะเมื่อกี้นี้เป็นแค่ภาพลวงตาแน่ๆเพราะคงไม่มีใครที่วินาทีก่อนหน้ายังโกรธอยู่ วินาทีต่อมาก็หลับปุ๋ยไปแล้วช่วงนี้เธอเปลี่ยนไปมาก มากเสียจนฉินเย่ไม่รู้จักเธอแล้วด้วยซ้ำเขารู้สึกไม่สบายใจ เรื่องบางเรื่องไม่สามารถหาที่ระบายได้ แต่เมื่อมองดูเธอนอนหลับสบายใจในตอนนี้ เขากลับพูดอะไรไม่ออกมิหนำซ้ำ ตอนที่ฉินเย่เดินออกจากห้อง เขายังเดินเบาลงด้วยสุดท้ายฉินเย่ก็นั่งลงบนโซฟาข้างนอกทั้งๆ ที่ดึกแล้ว แต่ในหัวของเขากลับยังตื่นอยู่ และคิดถึงแต่คำพูดที่จี้ชิงเป่ยพูดกับตนก่อนที่จะแยกจากกันตอนที่ทั้งสองออกจากบาร์ จี้ชิงเป่ยเรียกเขาเอาไว้“ถ้านายคิดไม่ออกจริงๆ ถ้างั้นฉันขอถามนายอีกอย่าง”หัวใจของฉินเย่สับสนมาก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงมองเขาแวบหนึ่ง ถึงแม้ความรู้สึกและสายตาจะดูไม่สบอารมณ์ แต่เขากลับไม่ก้าวเท้าออกไป