เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็หัวเราะเยาะ แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชา"นายมีความต้องการทางเพศ ก็ไปหาเจียงฉูฉู่ของนายสิ"ได้ยินดังนั้น แววตาของฉินเย่ก็มึดลงอย่างสิ้นเชิง เขากัดฟันแล้วพูดว่า "ฉันจะหาแค่เธอ ไม่หาใครทั้งนั้น"พูดจบ เขาก็โน้มตัวไปหาริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่กลับโดนเสิ่นหยินอู้ตบหน้า"ออกไป!""ไสหัวไปหาเจียงฉูฉู่ของนายไป อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!""ออกไป!"เสิ่นหยินอู้โกรธจนตัวสั่น รู้สึกว่าตบหน้าเขาแค่ครั้งเดียวไม่พอยังอยากตบอีกฉินเย่จับข้อมือของเธอและพูดว่า "โกรธเหรอ? ช่วงนี้เธอแสดงบทบาทเป็นศรีภรรยาได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึงไม่แสดงต่อแล้วล่ะ? "พอเสิ่นหยินอู้คิดว่าเขาคิดจะใช้ตนเป็นเครื่องจัดการความต้องการทางเพศทีไร ก็เสียสติทันที ไม่อยากตอบฉินเย่เข้าไปใหญ่ เพียงแค่ออกแรงขัดขืนเท่านั้นเมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้เช่นนี้ ฉินแย่ก็รู้สึกโกรธกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดที่จี้ชิงเป่ยและคุณย่าพูดกับตัวเองไว้ ฉินเย่ก็ยิ่งกำข้อมือของเธอแน่น“คำพูดพวกนี้เธอเป็นคนพูดเอง แล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องโกรธด้วย? เสิ่นนั่วนั่ว เธอโกรธอะไร?”ฉินเย่จ้องเธอเขม็งขณะที่ถามคำถามน
“แล้วก็เมื่อวาน เธอออกไปกับเขาด้วย”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล“ฉินเย่ นายแอบตามฉันเหรอ?”ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกตื่นตระหนกด้วยเพราะช่วงนี้เธอยังไปโรงพยาบาลด้วย ถึงแม้จะไปพร้อมกับโจวซวงซวง แต่ถ้าฉินเย่เกิดอยากสืบขึ้นมา ก็ไม่เจออะไรอยู่ดี“จำเป็นด้วยเหรอ?” ฉินเย่ย้อนถามไม่จำเป็น? ถ้างั้นเขาคงไม่ได้ส่งคนแอบตามตนสินะ?“แล้วนายรู้ได้ยังไง?”วันที่เจียงฉูฉู่ได้รับบาดเจ็บ ถึงเขาจะรู้ก็ช่างเถอะ เพราะบางทีฉินเย่อาจจะเห็นตอนที่โม่ไป๋ไปส่งเธอที่หน้าประตูวิลล่าก็ได้แต่เรื่องออกไปกินข้าวเมื่อวาน แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าจะเจอโม่ไป๋ที่นั่น แล้วฉินเย่รู้ได้ยังไง?ตอนกลับมา เธอยังนั่งรถแท็กซี่กลับมาด้วยซ้ำ“เธอลนลานมากนะ?” ฉินเย่หัวเราะแห้ง “เสิ่นนั่วนั่ว เธอเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม? เรื่องชั่วๆ ที่เคยทำไว้ ยังไงก็ต้องปรากฏในสักวัน”เสิ่นหยินอู้ “…”เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ สายตาของฉินเย่ก็เคลื่อนลงมาสำรวจมองชุดนอนของเธอ “แล้วก็สไตล์การแต่งตัวของเธอช่วงนี้ ทำเพื่อความชอบของพวกมันใช่ไหมล่ะ?”เสิ่นหยินอู้ “?”“นายพูดจาเหลวไหลอะไรกันแน่? เข้าฤดูหนาวแล้ว
หลังจากนอนหลับไปแล้ว ลมหายใจของเสิ่นหยินอู้ก็ค่อยๆ คงที่สมดุลกันฉินเย่เดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่ง พบว่าเสิ่นหยินอู้นอนหลับแล้วจริงๆไม่เพียงแต่นอนหลับเท่านั้น แต่ยังหลับสนิทด้วยเขายกมือจับใบหน้าที่ถูกตบของตน สติเลือนราง หากไม่ใช่เพราะบริเวณแก้มยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อยล่ะก็ เขาคงคิดว่าการทะเลาะเมื่อกี้นี้เป็นแค่ภาพลวงตาแน่ๆเพราะคงไม่มีใครที่วินาทีก่อนหน้ายังโกรธอยู่ วินาทีต่อมาก็หลับปุ๋ยไปแล้วช่วงนี้เธอเปลี่ยนไปมาก มากเสียจนฉินเย่ไม่รู้จักเธอแล้วด้วยซ้ำเขารู้สึกไม่สบายใจ เรื่องบางเรื่องไม่สามารถหาที่ระบายได้ แต่เมื่อมองดูเธอนอนหลับสบายใจในตอนนี้ เขากลับพูดอะไรไม่ออกมิหนำซ้ำ ตอนที่ฉินเย่เดินออกจากห้อง เขายังเดินเบาลงด้วยสุดท้ายฉินเย่ก็นั่งลงบนโซฟาข้างนอกทั้งๆ ที่ดึกแล้ว แต่ในหัวของเขากลับยังตื่นอยู่ และคิดถึงแต่คำพูดที่จี้ชิงเป่ยพูดกับตนก่อนที่จะแยกจากกันตอนที่ทั้งสองออกจากบาร์ จี้ชิงเป่ยเรียกเขาเอาไว้“ถ้านายคิดไม่ออกจริงๆ ถ้างั้นฉันขอถามนายอีกอย่าง”หัวใจของฉินเย่สับสนมาก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงมองเขาแวบหนึ่ง ถึงแม้ความรู้สึกและสายตาจะดูไม่สบอารมณ์ แต่เขากลับไม่ก้าวเท้าออกไป
จากนั้นเขาก็เดินผ่านเธอไปยังห้องน้ำเสิ่นหยินอู้ “…”ช่างเถอะ ไหนๆ ก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว อดทนต่ออีกหน่อยแล้วกันเพราะนอนหลับดี รอบดวงตาไม่ดำ ทำให้วันนี้เสิ่นหยินอู้ไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้า เพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ลงไปข้างล่างตึกแล้วเมื่อเธอลงมาถึงข้างล่าง ถึงจะพบว่าพ่อฉินแม่ฉินก็มาด้วย ทั้งสองกำลังพูดคุยกับคุณนายฉินที่นั่งอยู่บนรถเข็นอยู่ในห้องรับแขกเห็นพวกเขา เสิ่นหยินอู้ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเมื่อคืนพวกเขาก็คุยกันแล้วว่าวันนี้จะมาหาตอนที่ผ่าตัดคราวก่อน ทั้งสองก็มาไม่ทันเพราะปัญหาเรื่องการบิน ถึงแม้วันนั้นคุณนายฉินจะไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดเลย แต่ทั้งสองก็รู้สึกผิดต่อเรื่องนี้มาก ดังนั้นครั้งนี้ทั้งสองจึงมากลับมาก่อนล่วงหน้ามาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องผ่าตัดไหมเสิ่นหยินอู้เพิ่งลงมาถึงข้างล่าง ก็ได้ยินคุณนายฉินพูดจาแปลกกับต่อลูกชายและลูกสะใภ้ของตนว่า “ธุรกิจพวกเธอยุ่งขนาดนี้ ถ้าไม่ว่างจริงๆ ก็ไม่ต้องมาก็ได้ คนแก่อย่างฉันถึงจะตายคาเตียงผ่าตัด ก็คงไม่มีใครสนใจหรอก”ตอนที่ยังไม่ได้ยินคำพูดข้างหลัง เสิ่นหยินอู้ยังคิดว่าคุณย่าพูดจริง แต่เมื่อฟังจบแล้วถึ
บนตัวแม่ฉินมีกลิ่นหอมจางๆ จากเลม่อน หอมสดชื่นมากขณะที่กอดเธอ เสิ่นหยินอู้รู้สึกแค่ว่าโล่งใจมาก จึงได้กอดเธอกลับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงมักจะทำให้เสิ่นหยินอู้ชอบมากเป็นพิเศษแม่ฉินเองก็สัมผัสได้เช่นกัน จึงอดไม่ได้ยื่นมือออกไปดีดจมูกเสิ่นหยินอู้เบาๆ “คิดถึงแม่ใช่ไหม?”คำว่าแม่นี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตะลึงไปชั่วขณะ ผ่านไปนานกว่าจะพยักหน้าตอบ“อืม คิดถึงคุณพ่อคุณแม่มากเลยค่ะ”“จึ ยัยเด็กน้อย พวกเราก็คิดถึงหนูเหมือนกัน” กล่าวจบ แม่ฉินก็บีบแก้มเธอเบาๆ พลันรู้สึกว่าผิวพรรณของเธอดีมากจึงอดไม่ได้ที่จะบีบอีกสองสามที แล้วหันไปพูดกับพ่อฉินว่า “ของขวัญที่เตรียมให้หยินอู้ล่ะ เอามาด้วยไหม?”ได้ยินดังนั้น พ่อฉินก็ควานหาในถุงสองที แล้วหยิบกล่องออกมาสองกล่อง“เอามาสิ”แม่ฉินหันกลับไปรับของ แล้วยื่นให้กับเสิ่นหยินอู้“อะ นี่เป็นของขวัญจากพ่อกับแม่”จริงๆ ไม่ใช่แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่ก่อนตอนที่เธอยังไม่แต่งงานกับฉินเย่ ขอแค่เจอหน้าเธอทุกครั้ง พ่อฉินและแม่ฉินก็จะเอาของขวัญให้เธอเสมอ แถมยังเป็นของแพงด้วยถ้าเธอไม่รับไว้ แม่ฉินก็จะพูดกล่อมจนเธอรับเอาไว้ดังนั้นเมื่อได้รับของขวัญ เสิ่นหยินอู้จะเผยรอยยิ้
“เหมือนตอนที่แม่ไล่จีบพ่อน่ะเหรอ?”แม่ฉินกำลังสอนวิธีคืนดีให้ลูกชายอย่างสบายใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องของตัวเธอเอง“พูดอะไรน่ะ? เป็นพ่อแกต่างหากที่ตามตื้อจีบฉันไม่หยุด ฉันกับพ่อแกถึงได้มีวันนี้ เข้าใจไหม”ฉินเย่ส่งเสียงจึ้ ไม่ได้อยากจะเถียงกับเธออีกต่อไปเพราะถึงแม้ว่าจะเป็นแม่ของเขาที่ตามจีบพ่อในตอนแรก แต่เวลาผ่านไปนานมากแล้วและพ่อของเขารักแม่ของเขามาก ตอนนี้ต้องกลับหนังคนละม้วน มาบอกว่าพ่อตามจีบแม่อย่างแน่นอนเรื่องแบบนี้น่ะ เขาเห็นมาบ่อยแล้ว“แกจึ้ปากทำไม? นี่แกไม่เชื่อแม่เหรอ?” แม่ฉินพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เชื่อก็ไปถามพ่อแกดูสิ”“โอเคๆ” ฉินเย่พูดด้วยสีหน้าสงบ “ขึ้นรถเถอะครับ เราต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลอีกนะ”พูดจบ เขาไม่สนใจว่าแม่ฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ฉินเย่ก็สาวเท้าก้าวไปข้างหน้าแล้วแม่ฉินยืนอยู่กับที่ แทบจะโกรธจนควันออกหู และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงทะเลาะกับเสิ่นหยินอู้ได้นิสัยของลูกชายของเธอเหมือนกับของพ่อของเขาทุกประการ น่าเบื่อหน่าย คนอื่นๆ เย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง แต่ลูกชายของเธอกลับทื่อเหมือนท่อนไม้ถ้าหยินอู้นิสัยไม่เหมือนตนล่ะก
เมื่อเทียบกับอารมณ์ที่ไม่สงบของเขาแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็สงบกว่ามาก “รีบขับสิ อย่าทำให้เวลาตรวจของคุณช้าต้องล่าช้า” เนื่องจากไม่มีคนนอกอยู่ เสิ่นหยินอู้จึงไม่แสดงแล้ว น้ำเสียงและการแสดงออกของเธอแตกต่างไปจากปกติ หลังจากพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็พบว่าตอนนี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากที่ข้างๆเธอเลยแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเธอไม่ได้ต้องการจบความสัมพันธ์กับฉินเย่เร็วขนาดนี้ แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้เธอโกรธ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะ... วันนี้คุณย่าไปตรวจสุขภาพและไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร เธอค่อนข้างกระสับกระส่าย เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หายใจเข้าลึกๆ ขณะที่กำลังจะหันกลับมาพูดอะไรกับฉินเย่พอดี รถก็เร่งความเร็วออกไปอย่างรวดเร็ว เธอตกใจ เธอหันไปมองฉินเย่และเห็นเขาขับรถด้วยสีหน้าอึมครึม ออร่าความโกรธแผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างรุนแรง จู่ๆเสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกแสบจมูกอย่างอธิบายไม่ถูก ความน้อยใจที่มากมายแพร่กระจายออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ อะไรกัน…… แน่นอนว่า...เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมเธอต้องมาทนกับอะไรแบบนี้? ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียงฉูฉู่เป็นอย่างไร มันเกี่ยวอะไรกับเธอ? คนที
หลังจากรออยู่ข้างนอกประมาณสิบนาที รถของคุณพ่อฉินก็มาถึง คนที่ขับรถคือคนขับ และเนื่องจากคุณนายฉินอยู่ในรถ เขาจึงขับอย่างมั่นคงมาก ทันทีที่ลงจากรถ คุณพ่อฉินก็มองฉินเย่อย่างไม่พอใจ และพูดอย่างเย็นเยียบ "ขับอะไรเร็วขนาดนั้น? นี่แกลืมไปแล้วหรอว่าเสิ่นหยินอู้ก็อยู่ในรถของแก" หลังจากดุลูกชายของตัวเองเสร็จ คุณพ่อฉินก็เป็นห่วงเสิ่นหยินอู้ คุณแม่ฉินเข็นคุณนายฉินไปอย่างช้าๆ ในช่วงเวลานี้ เธอเหลือบมองลูกชายของเธออย่างไม่สนใจใยดี เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาบูดบึ้ง เธอจึงสบถอยู่ในใจ แล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอสอนเคล็ดลับให้เขาไปหมดแล้ว แต่ก็ยังโง่แบบนี้ สมควรแล้วแหละ คุณนายฉินซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นคงสังเกตเห็นถึงบางอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "พวกเขาเหมือนจะมีปัญหากันในช่วงนี้ มักจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ" หลังจากได้ยิน คุณแม่ฉินก็หยุดครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เข้าใจได้ทันทีในว่าคุณนายฉินกังวลอะไรอยู่ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า "แม่คะ วัยรุ่นน่ะชอบมีปัญหากับความรัก ไม่ต้องไปสนใจมันมากหรอกค่ะ พอลองคิดถึงตอนที่ฉันยังเป็นวัยรุ่น ฉันก็ทะเลาะกับกับอาหมิงแทบทุกวี่ทุกวัน ไม่ใช่เพรา