共有

บทที่ 136

作者: ลิ่วเยว่
พูดจนถึงขนาดนี้แล้ว ดังนั้นจึงได้แต่เอาวิญญาณมังกรออกมา

ผ่านไปพักหนึ่ง ฮุ่ยอวิ่นถือกล่องใบหนึ่งออกมา ตัวกล่องทำมาจากไม้ท้อ แกะสลักเป็นอักขระยันต์สวัสติกะ ข้างใต้คือฐานดอกบัวที่บานสะพรั่ง ทาสีน้ำมันสีแดงเข้ม งานไม้แกะสลักประณีต ทุกเส้นราวกับเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มิใช่ทำจากฝีมือมนุษย์

กุญแจลับอยู่ตรงฐานดอกบัว เซ่อเจิ้งอ๋องเอาออกมา ใช้นิ้วมือสะกิดเบา ๆ ทีหนึ่ง เมื่อนั้นก็มีเลือดสีแดงซึมออกมาหยดหนึ่ง เขาหยดมันลงไปบนอักขระสวัสติกะตัวใหญ่สุดบนกล่อง จากนั้นตัวสวัสติกะก็เปล่งแสงออกมา ตามด้วยกล่องหมุนตัวเปิดออก

วิญญาณมังกรนอนอยู่บนผ้าแพรสีเหลืองในกล่องอย่างสงบ ลวดลายของผ้าแพรเป็นอักขระสวัสติกะด้วยเหมือนกัน ตรงขอบคือไหมสีทองถี่ยิบ งานฝีมือพิถีพิถัน ราวกับมังกรมีชีวิตที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางอากาศ

วิญญาณมังกรคือหยกขาวสะอาดไร้สิ่งเจือปนชิ้นหนึ่ง แกะสลักเป็นลายมังกร ส่วนหางมีอักษรตัวหนึ่ง มันอาจเป็นอักขระตัวหนึ่ง แต่เห็นไม่ชัด

ฮุ่ยอวิ่นเคยศึกษากับเซ่อเจิ้งอ๋องมาก่อน ฮุ่ยอวิ่นบอกว่านี่คืออักษรคำว่า ‘จ่าน’ ซึ่งมีความหมายมาจากอินทรีย์ยักษ์สยายปีก แต่เซ่อเจิ้งอ๋องกลับคิดว่าเป็นอักขระที่ค่อนข้างซับ
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
ロックされたチャプター

関連チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 137

    “จะเป็นไปได้อย่างไร? มิใช่จะเล่นงานปีศาจจิ้งจอกหรือ? หลงจ่านเหยียนไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอกกระมัง?” ฮุ่ยอวิ่นรู้สึกแปลกใจ เหตุใดเขาจึงมีความคิดเช่นนี้?เซ่อเจิ้งอ๋องก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน จึงพูดกลั้วหัวเราะ “นั่นสิ ฟางจี้จื่อคือผู้บำเพ็ญพรตสูงส่ง ตามหลักไม่ควรร่วมมือกับหลงฉางเทียนไปเล่นงานกับหลงจ่านเหยียน”“อื่ม ข้าจะออกไปทำธุระ ท่านพักผ่อนแล้วค่อยตรวจฎีกาเถอะ ตรวจมาทั้งวันแล้ว สมควรพักสักเดี๋ยว” ฮุ่ยอวิ่นกำชับราวกับเป็นพี่ชายคนโตอย่างไรอย่างนั้น“ได้ เจ้าไปเถอะ” เซ่อเจิ้งอ๋องนวดระหว่างคิ้ว พลางกล่าวอย่างอ่อนล้าเล็กน้อยฮุ่ยอวิ่นหมุนตัวออกไปและสั่งคนเตรียมน้ำชาสงบจิตให้เซ่อเจิ้งอ๋อง เพื่อให้เขาได้พักผ่อนครั้นหลังฟางจี้จื่อยืมวิญญาณมังกรสำเร็จก็ตรงดิ่งกลับจวนตระกูลหลง มิรู้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่แม้เขาจะมีพลังแก่กล้า หากไม่ระวังรอบคอบ และไม่คิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะสั่งให้คนสะกดรอยตามเขาผู้ที่มีจิตใจซื่อตรงจะไม่ใช้เล่ห์กลอุบาย แต่... หากไม่ระวัง มักจะไม่ใช่เรื่องดีช่วงยามเย็น ในจวนเริ่มเตรียมการเฝ้าระวังหลังจากฟางจี้จื่อออกจากจวน หลงฉางเทียนก็สั่งให้คนออกไปปล่อ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 138

    ยามโหย่วสามเค่อ ฟางจี้จื่อเดินเข้าเรือนพักของจ่านเหยียนพร้อมกับเสวี้ยนจื่ออาถง อาเถี่ยขวางกระบี่รั้งไว้ “ท่านนักพรตหยุดก่อน นายของเราไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น”ฟางจี้จื่อมองทั้งสองคน แต่แล้วก็ตวาดขึ้นมาทันใด “หลีกไป!”สายลมเย็นยะเยือกพัดใส่ใบหน้าของอาถง อาเถี่ย พวกเขาเอามือปิดใบหน้าตามสัญชาตญาณ พริบตาเดียว ฟางจี้จื่อและเสวี้ยนจื่อก็เดินเข้าไปแล้วทั้งสองคิดจะถอนเท้าตามไป ทว่าเท้าทั้งสองราวกับมีรากงอก ไม่ว่าพวกเขาจะขยับอย่างไรก็กระดุกกระดิกไม่ได้เลยสักนิด ครั้นพวกเขาคิดจะอ้าปากร้องตะโกน กลับไม่มีเสียงออกมาจากปากไม่นานพวกเขาก็พบว่าองครักษ์ที่มาจากในวังทั้งหมดในเรือนก็เหมือนกัน ไม่สามารถส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวได้เลย ได้แต่ร้อนใจอยู่อย่างนั้นจ่านเหยียนอยู่ในห้องของกัวอวี้ อาการบาดเจ็บของกัวอวี้ใกล้จะหายดีแล้ว แต่หากจะใช้คำพูดของจ่านเหยียน นางบาดเจ็บจากการทำงาน ดังนั้นจึงอนุญาตให้นางพักผ่อนหลายวันเป็นกรณีพิเศษกัวอวี้จนใจนัก เนื่องจากนอนอยู่บนเตียงรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไร นางเป็นคนที่ไม่ทำงานแล้วจะเป็นบ้าได้ ช่วยไม่ได้นี่นะ คนเกิดมาอาภัพ “เจ้านี่นะ นอนให้สบายใจเถอะ นี่คือพระคุณที่คุณห

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 139

    ทันใดนั้นเบื้องหน้าจ่านเหยียนก็มีควันสีเขียวมวลหนึ่งปรากฏขึ้น อาเสอลงสู่พื้นตามด้วยกลายร่าง นางแสยะยิ้มทีหนึ่ง “ให้ข้าได้เจอกับนักพรตเฒ่าดื้อรั้นนี่หน่อยเถอะ”ฟางจี้จื่อหัวเราะเสียงเย็น “ได้สิ ที่แท้ก็ไม่ได้มีปีศาจแค่ตนเดียว วันนี้ข้าจะกวาดล้างให้สิ้นซาก!”กระบี่เหรียญทองแดงชี้ไปทางอาเสอ อาเสอเหินตัวขึ้นอย่างปราดเปรียว ปลายเท้าเตะกระบี่เหรียญทองแดงข้างหน้าทีหนึ่ง พลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งแล่นจากปลายเท้าสู่หัวใจ อาเสอตกใจจึงถอยกลับลงสู่พื้น จากนั้นก็โยนงูน้อยจำนวนหนึ่งออกไปจากมือ งูน้อยพุ่งตัวไปทางฟางจี้จื่อและเสวี้ยนจื่อราวกับศรที่ดีดตัวออกจากแล่งเสวี้ยนจื่อไม่ร้อนรน เขาถอยหลังสองก้าว ทันใดนั้นในมือก็มีพัดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเล่ม ครั้นสะบัดพัดคลี่ออก งูน้อยทั้งหมดก็ถูกพัดตกลงพื้นฝีมือของเสวี้ยนจื่อกลับทำให้จ่านเหยียนประหลาดใจนางฉวยโอกาสตอนที่อาเสอและฟางจี้จื่อต่อสู้พัลวันสำรวจมองเสวี้ยนจื่อหนุ่มน้อยคิ้วตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง สันจมูกโด่งในแบบชาติพันธุ์อื่นบางส่วน จ่านเหยียนพบว่านัยน์ตาของเขามิใช่สีดำ แต่เป็นสีน้ำตาลแดงเขาหน้านิ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับหุ่นแกะสลัก เขาไม่มองจ่านเหยียนด้วย หา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 140

    เสี่ยวฮวายืนมองอยู่บนระเบียงทางเดิน เมื่อนางเห็นว่าฟางจี้จื่อมีวิชาพรตล้ำเลิศก็ตกใจจนขาอ่อนนานแล้ว ดีที่อาเสอและจ่านเหยียนเอาอยู่ มิเช่นนั้นนางต้องตัวอ่อนกองอยู่บนพื้นแน่แต่ทันทีที่กลดเหรียญทองปรากฏออกมา นางก็แอบลุ้นไปกับจ่านเหยียนแม้นางจะกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว อีกทั้งยังปกปิดอายปีศาจมิดชิด แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากกลดเหรียญทองอย่างหนัก หัวใจเต้นระส่ำตุบ ๆ สองมือกอดเสากลมและมองจ่านเหยียนอย่างหวาดกลัวนางไม่รู้ว่าจ่านเหยียนคือใคร แต่สันนิษฐานได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นปีศาจที่มีตบะแก่กล้าล้ำลึกกว่าตนมาก เพียงแต่ไม่ว่าตบะจะแก่กล้าสักแค่ไหน เมื่อเจอกับดาวพิฆาตปีศาจอย่างฟางจี้จื่อ ก็ยังมิอาจทำอะไรได้ส่วนกลดเหรียญทอง ทันทีที่ตกอยู่บนตัวจ่านเหยียน กลัวแต่ต่อให้นางมีตบะพันปี ก็ยังต้องดวงวิญญาณแตกสลายเสี่ยวฮวารู้ซึ้งถึงความลำบากในการบำเพ็ญเพียร ทันใดนั้นก็ผุดความคิดร้อยพันอย่างขึ้นในใจก็ขณะที่กลดเหรียญทองกำลังจะตกลงบนตัวของจ่านเหยียน นางก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ถลันตัวออกไปขวางอยู่หน้าจ่านเหยียนและตะโกนกับฟางจี้จื่อว่า “หยุดนะ ท่านหาคนผิดแล้ว ข้าต่างหากที่เป็นปีศาจจิ้งจอก!”แม้นางจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 141

    “นักพรตเฒ่า เสียทีที่เจ้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้บำเพ็ญพรต เห็นการกำจัดปีศาจพิทักษ์ครรลองธรรมเป็นหน้าที่ แต่เจ้ายังสู้ปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งไม่ได้เลย!” จ่านเหยียนพูดพลางส่ายหน้าเสวี้ยนจื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ท่านอาจารย์ อย่าไร้สาระกับนางเลย ใช้วิญญาณมังกรเถอะ”ฟางจี้จื่อลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงวิญญาณมังกรออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางอยู่บนฝ่ามือจ่านเหยียนเอ๋เสียงหนึ่ง แล้วถาม “นักพรตเฒ่า เจ้าเอามันมาจากที่ไหน?”ฟางจี้จื่อเงยหน้าแล้วจ้องหลงจ่านเหยียน “ปีศาจจิ้งจอก ข้าขอถามเจ้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”“ข้ามีความผิดอันใด? ตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าข้าคือปีศาจจิ้งจอก?” จ่านเหยียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ เพียงแต่สายตายังคงจ้องวิญญาณมังกรในมือของเขา เจ้าก้อนนี้เรียกว่าวิญญาณมังกรหรือ? ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่หยกขาวที่นางแกะสลักไปอย่างนั้นตอนเพิ่งจะหลุดจากวัฏสงสารหรือ? ตอนที่แกะสลักยังถูกหยกขาวตำนิ้วเป็นแผล เลือดหยดลงไปหยดหนึ่งอีกแน่ะ นางคือผู้สืบทอดของผู้คุมกฎแห่งสกุลหลง เลือดของนางจึงมีพลังขับไล่ปีศาจได้แต่... นี่มิใช่ปัญหา ปัญหาคือเหตุใดหยกขาวชิ้นนี้ถึงอยู่ในมือนักพรตเฒ่าได้?นางพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 142

    ขณะเดียวกัน เซ่อเจิ้งอ๋องที่กำลังพักผ่อนอยู่ในจวนรู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมากะทันหัน เขาเอามือกุมเอาไว้ตามจิตใต้สำนึก ความเจ็บส่งมาไม่หยุด ปั่นป่วนจนเขาเลือดลมตีกลับอย่างต่อเนื่องเขากระอักเลือดออกมาจากช่องปากคำหนึ่ง ความทรมานแผ่ซ่านจากหัวใจไปยังแขนขาและกระดูกอาซิ่นที่รออยู่ข้างนอกได้ยินเสียงผิดปกติจากด้านในจึงเรียก “ท่านอ๋อง!”ในห้องมีเสียงเพล้ง ๆ ดังมา เหมือนมีของหล่นลงพื้น อาซิ่นชะงักงัน จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปอย่างแรงเมื่อเห็นสภาพภายในห้อง อาซิ่นก็ตกใจแล้วปรี่ไปพยุงเซ่อเจิ้งอ๋องให้ลุกขึ้นเซ่อเจิ้งอ๋องใบหน้าซีดขาวอย่างหาที่เปรียบมิได้ สีเลือดบนริมฝีปากจางหายไปไม่หยุด เขาขบฟันแน่นและบอกกับอาซิ่น “เร็ว ไปตามฮุ่ยอวิ่น!”“พ่ะย่ะค่ะ!” อาซิ่นรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว จึงรีบเรียกให้คนมาปรนนิบัติ ส่วนตัวเองก็ไปตามฮุ่ยอวิ่นอย่างเร็วรี่กล่าวถึงฟางจี้จื่อ เมื่อเห็นวิญญาณมังกรถูกบดจนเป็นผุงผง หลังจากตะลึงพรึงเพริดแล้วก็นั่งขัดสมาธิ ใช้พลังสายพรตต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทางอากาศแบบกะทันหันทว่าเขาตื่นตระหนกลนลานจนทำอะไรไม่ถูก มิอาจสงบใจลงได้ คาถาที่ท่องออกมาก็มิอาจส่งถึงสวรรค์สายลมทวีความรุ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 143

    เหตุใดจึงมีคนดื้อดึงเช่นนี้นะ? นางสามารถบดวิญญาณมังกรที่กำจัดปีศาจให้เป็นผุยผงด้วยมือเดียวได้ แล้วเหตุใดยังยืนกรานว่านางคือปีศาจอีก? หรือว่าเขาตาบอดไปแล้ว? อาเสอ เสี่ยวฮวา ตลอดจนเสวี้ยนจื่อศิษย์ข้างตัวเขาล้วนถูกวิญญาณมังกรสะกดจนทรมานแสนสาหัส พวกเขาต่างหากที่เป็นปีศาจ!นางรู้สึกป่วยการจะอธิบายกับเขา จึงลากเสี่ยวฮวามาถาม “เจ้าบอกเขา เจ้าเป็นคนฆ่าครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวหรือไม่?”“ไม่ใช่บ่าวแน่นอนเพคะ บ่าวบำเพ็ญเพียรมาถึงวันนี้ ยังไม่เคยทำร้ายชีวิตผู้ใดมาก่อน” เสี่ยวฮวาเอ่ยอย่างแน่วแน่“เหลวไหล! พวกเจ้าปีศาจบำเพ็ญเพียร เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นเซียนแล้ว ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ วิธีการอำมหิตเหี้ยมโหดอย่างยิ่ง!” ฟางจี้จื่อโพล่งปากด่าเสี่ยวฮวาเสี่ยวฮวาใบหน้าเลือดฝาดแดงซ่าน โต้กลับเขาด้วยความเดือดดาลเช่นกัน “ท่านต่างหากที่เหลวไหล ท่านเห็นข้าฆ่าคนกับตาหรือ? ไยข้าจึงฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปแล้วเล่า? พูดถึงการบำเพ็ญเพียร ท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกันมิใช่หรือ? ท่านจะสูงส่งกว่าข้าสักเท่าใดกันเชียว?!”ฟางจี้จื่อได้ยินว่านางเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเขาก็อดบัลดานโทสะไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงกร้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 144

    ฟางจี้จื่อฟังคำพูดของอาเสอแล้วก็มองจ่านเหยียนด้วยความสงสัยเล็กน้อยจ่านเหยียนเอามือปัดฝุ่นตรงบ่า จากนั้นจึงถามฟางจี้จื่อแบบไม่ใส่ใจ “เจ้ารู้ความเป็นมาของวิญญาณมังกรหรือไม่?”ฟางจี้จื่อนิ่งไปเล็กน้อย เขาเคยได้ยินตำนานของวิญญาณมังกรมาก่อน แต่จะจริงหรือเท็จ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่รับการยืนยันร่ำลือว่าผู้สืบทอดสกุลหลงที่ควบคุมกฎทั้งสามโลกใช้วิญญาณบริสุทธิ์ทำวิญญาณมังกรขึ้น ดังนั้นมันจึงมีพลังขจัดมารปราบปีศาจ“วิญญาณมังกรถูกทำลายไปแล้ว รู้แล้วจะทำไม?” ฟางจี้จื่อตอบอย่างหมดอาลัยตายอยากวิญญาณมังกรคือของศักดิ์สิทธิ์ของต้าโจว บัดนี้ของศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างไรดี“วิญญาณมังกรคือสิ่งที่สามารถขจัดความชั่วร้ายได้ ดังนั้นปีศาจร้ายทุกตนจะไม่สามารถทำลายวิญญาณมังกรได้” จ่านเหยียนเอ่ยด้วยความหมายโดยนัยฟางจี้จื่อเงยหน้ามองนาง “เจ้า...”“เจ้าอยู่ที่แคว้นต้าโจวมีคุณธรรมสูงส่งชื่อเสียงโด่งดัง ปวงประชาศรัทธาเจ้ายิ่งนัก เรื่องปีศาจจิ้งจอกอาละวาดจนเกิดลมฝนไปทั่วเมือง ยังจำเป็นต้องให้เจ้าไปยุติ ออกไปบอกทุกคนว่ากำจัดปีศาจจิ้งจอกที่เคยส

最新チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status