Share

บทที่ 129

Author: ลิ่วเยว่
“ก็จริง สกุลหลงข้าภักดีทุกยุคทุกสมัย จะถูกปีศาจใช้งานได้อย่างไร? ท่านนักพรต เรื่องนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว หากพิสูจน์ได้ว่าหลานสาวคนนั้นของข้าถูกปีศาจเข้าสิงจริง ๆ...” ฮูหยินผู้เฒ่าหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อเจือน้ำเสียงสะอื้น “ท่านนักพรตก็โปรดมอบศพที่สมบูรณ์ให้นางด้วย เฮ้อ...”

เห็นฮูหยินผู้เฒ่าปวดใจเช่นนี้ นักพรตก็อดปลอบใจไม่ได้ “วางใจเถอะ ข้าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถแน่”

เมื่อนั้นคนของหลงฉางเทียนก็มาเชิญฟางจี้จื่อ “ท่านนักพรต ไทเฮาเชิญขอรับ”

ฟางจี้จื่อลุกขึ้นยืนและหันไปบอกกับนักพรตน้อยเสวี้ยนจื่อด้านข้างด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าตามข้ามา”

“ขอรับ ท่านอาจารย์!” เสวี้ยนจื่อขานรับด้วนสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์

คนรับใช้พาฟางจี้จื่อและเสวี้ยนจื่อเดินออกไปข้างนอก ครั้นเดินไปสองสามก้าว ฟางจี้จื่อก็หันกลับมา เมื่อนั้นก็ได้เห็นจิตสังหารที่แวบเข้ามาในดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าพอดิบพอดี เขาชะงักเล็กน้อย ครั้นมองอีกทีนางกลับมามีดวงหน้าอ่อนโยนเปี่ยมด้วยเมตตาดังเดิมแล้ว

เขาสับสนอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ปล่อย ๆ กับปีศาจยังจะเมตตาอันใดอีก?

เขาเอ่ย “รอให้ข้าปราบปีศาจได้แล้ว จะมาสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าอีกที”

“ไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 130

    ฟางจี้จื่อเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เขายิ่งเดินเข้าไปข้างใน ไอปีศาจก็ยิ่งแรง ถึงขนาดว่ากลิ่นอายยั่วยวนอัดแน่นอยู่เต็มห้องเขายิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ดูท่าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้จะสิงร่างไทเฮาอย่างที่คิดจริง ๆเขาเดินเข้าไป ครั้นเงยหน้ามองจ่านเหยียนก็ชะงักชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่าไอปีศาจจะไม่ได้แผ่ออกมาจากตัวของนาง แต่... กลิ่นอายยั่วยวนนั้นมาจากตัวนางจริง ๆดูท่าเขาจะประเมินพลังของปีศาจตนนี้ต่ำไปแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะบำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นที่สามารถปกปิดแก่นวิญญาณของตัวเองได้ทุกเมื่อแต่ไม่ว่าจะปกปิดอย่างไร กลิ่นอายยั่วยวนของจิ้งจอกก็ยังอยู่“ข้าผู้เป็นนักพรตฟางจี้จื่อถวายพระพรไทเฮา!” ฟางจี้จื่อประสานมือคำนับจ่านเหยียนเอ่ย “ท่านนักพรตมิต้องมากพิธี เชิญนั่ง!”“ขอบพระทัยไทเฮา!” ฟางจี้จื่อก็ไม่เกรงใจ นั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือด้านล่างของห้องโถงกระบี่เหรียญทองแดงในอกของเขาส่งเสียงสั่นดังวู้ ๆ เหมือนเสียงลม เขาจึงเอามือกดทับเอาไว้ และเข้าใจว่าปีศาจตรงหน้าไม่ธรรมดา“ท่านนักพรต!” หลงฉางเทียนนั่งอยู่ด้านข้างเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของฟางจี้จื่อทีหนึ่งเสวี้ยนจื่อเอ่ยเรียบ “ท่านแม่ทัพอย่าได้ใจร้อน”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 131

    จ่านเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เคราะห์ดีที่ท่านนักพรตยังรู้จักพูดว่า ‘ปกติ’ มิใช่ ‘ทั้งหมด’ ไม่ว่าเรื่องใดมักมีข้อยกเว้นเสมอ ข้าขอเตือนท่านนักพรตสักคำ จะเป็นมนุษย์ก็ดี กำจัดปีศาจก็ช่าง ก็ต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง อย่าได้ลำเอียงดื้อรั้น มิเช่นนั้นจะต้องเสียใจที่มิอาจแก้ไข”“ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงชี้แนะ เพียงแต่กระหม่อมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอันใดอยู่ ชาตินี้กระหม่อมกำจัดปีศาจนับไม่ถ้วน ปีศาจที่ตายด้วยน้ำมือของกระหม่อม มิมีตนใดถูกปรักปรำ”เขาลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือ “ดูท่ากระหม่อมจะทำให้ไทเฮากริ้วแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สนทนาต่อไปก็มิอาจไปในทิศทางเดียวกันได้ กระหม่อมทูลลา!”“เชิญ!” จ่านเหยียนโบกมือพร้อมเอ่ยอย่างเกลียดชังประมาณหนึ่งฟางจี้จื่อจ้องนางนิ่ง ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ทูลลา!”เสวี้ยนจื่อตามเขาเดินออกไปด้วยใบหน้าปราศจากริ้วคลื่นอารมณ์ทีแรกจิ้นหรูยังเลื่อมใสฟางจี้จื่ออยู่มาก แต่บัดนี้เห็นเขาไม่เคารพจ่านเหยียน จึงอดขุ่นเคืองขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดเขาจึงเป็นคนเช่นนี้?”จ่านเหยียนเอ่ยเรียบ “นึกว่าตัวเองแน่”“เขาเข้าใจอะไรคุณหนูใหญ่ผิดไปหรือไม่เพคะ? หรือว่าคนสกุลหลงพูดอะไร? บ่าวได้ยิน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 132

    เสี่ยวฮวาเดินมาตลอดทางก็วางแผนตลอดทาง นางควรไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็กลัวอีกว่า ทันทีที่ไป นักพรตจะตามออกไปด้วย เหตุเพราะปีศาจจิ้งจอกอาละวาด ดังนั้นในเมืองหลวงต้องมีผู้สูงส่งมากแน่ หากออกไปตอนนี้คงไม่รอดเวลานี้นักพรตนั่นคิดว่าหลงจ่านเหยียนคือปีศาจจิ้งจอก แค่นางไม่โผล่ไปอยู่ตรงหน้าเขาก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เอาไว้เขาลงมือจัดการหลงจ่านเหยียนเมื่อไร นางค่อยหนี เช่นนี้จะมีโอกาสชนะมากหน่อยเพียงแต่เช่นนี้จะทำให้หลงจ่านเหยียนพลอยเดือดร้อนไปด้วย เมื่อนั้นจิตใจของเสี่ยวฮวาจึงเกิดความขัดแย้งขึ้นมา แม้บอกว่าสุดท้ายนักพรตนั่นจะรู้ว่าหลงจ่านเหยียนมิใช่ปีศาจจิ้งจอกอยู่ดี แต่เขาเก่งกาจออกอย่างนั้น จะรู้ได้อย่างว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรง?หลงจ่านเหยียนเพิ่งจะสิบเจ็ดเองนะ!คิด ๆ แล้วก็มาถึงหน้าห้องของหลงจ่านเหยียนนางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเคาะประตู“เข้ามา!” น้ำเสียงเฉยชาของหลงจ่านเหยียนดังออกมาจากในห้องนางผลักประตูเข้าไป หน้าต่างในห้องปิดหมด หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว กำลังมองนางอยู่“ปิดประตู!” หลงจ่านเหยียนสั่งเรียบ ๆนางหันไปปิดประตู จากนั้นจึงเดินมาถึงข้างตัวของหลงจ่านเหยียน “ค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 133

    เสี่ยวฮวาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนจะตอบ “บ่าวบำเพ็ญเพียรมาหลายปี ไม่เคยลงจากเขาเลย ก็ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด จึงได้แต่ตามขบวนการค้า พวกเขามาเมืองหลวง บ่าวจึงปรากฏตัวอยู่ที่เมืองหลวงเพคะ”“เคยฆ่าคนหรือไม่?” จ่านเหยียนถามด้วยสายตาเร่าร้อนเสี่ยวฮวารีบโบกมือ “ไม่ ไม่เคยเพคะ อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่มดบ่าวก็ยังไม่กล้าเหยียบ แล้วจะฆ่าคนได้อย่างไร? อีกอย่าง ทันทีที่ผู้บำเพ็ญเพียรผิดศีลปาณาติบาต ก็ยากจะสำเร็จเป็นเซียนแล้ว”“เจ้าอยากเป็นเซียนหรือ?” จ่านเหยียนถามเสี่ยวฮวาคิดครู่หนึ่ง “ที่บำเพ็ญเพียรก็เพื่อเป็นเซียน มิเช่นนั้นจะลำบากลำบนเช่นนี้เพื่ออันใดกัน? ท่านแม่ของบ่าวบอกว่า มีแต่เป็นเซียนจึงไม่มีสงคราม ถูกรังแก ถูกลบหลู่และทรมานเพคะ”“แล้วแม่ของเจ้าเล่า?” จ่านเหยียนถามเสี่ยวฮวาสีหน้าเศร้าสลด “ท่านแม่ของบ่าวตายแล้ว ถูกปีศาจหมีดำฆ่าตาย เขาดูดมุกวิญญาณที่ท่านแม่บ่าวบำเพ็ญมาเจ็ดร้อยกว่าปีไป สำเร็จเป็นเซียนแล้วเพคะ”“อ้อ?” จ่านเหยียนเลิกคิ้ว “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”“เขาได้เข้าอยู่ในลำดับเซียนแล้ว แม้บ่าวอยากตามหาเขาเพื่อแก้แค้น แต่ก็ตามหาไม่ได้แล้วเพคะ” เสี่ยวฮวาเอ่ย ในแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 134

    หลงฉางเทียนเอ่ย “แต่... ไม่แน่ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะยอมให้ยืมพลังมังกรน่ะสิ”ฟางจี้จื่อหัวเราะ “เรื่องบนโลกนี้ล้วนมีการแลกเปลี่ยนในราคาเดียวกัน ข้ารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร”“อ้อ?” หลงฉางเทียนมองฟางจี้จื่อด้วยความฉงนฟางจี้จื่อเอ่ย “ท่านแม่ทัพมิต้องบอกประโยชน์ใช้สอยของวิญญาณมังกรกับมู่หรงฉิงเทียนหรอก และเรื่องที่ปีศาจจิ้งจอกอยู่ในจวนตระกูลหลงก็มิต้องบอกเขาเช่นกัน”หลงฉางเทียนอยากจะให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว หากมู่หรงฉิงเทียนรู้ว่าที่ต้องการวิญญาณมังกรก็เพื่อกำจัดหลงจ่านเหยียน เขาต้องไม่ให้ยืมแน่อีกอย่าง หากกล่าวจากใจ เขาก็ไม่เชื่อว่าหลงจ่านเหยียนเป็นปีศาจจิ้งจอกเหมือนกัน หรืออาจกล่าวเขาไม่เชื่อว่าจะมีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริงก็ได้ แม้ฟางจี้จื่อจะเป็นผู้สูงส่งแห่งมรรคา แต่เขายังคงมีท่าทีสงสัยกับเรื่องลี้ลับเช่นนี้อยู่ดีดังนั้น ต่อให้ฟางจี้จื่อเสนอตัวจัดการหลงจ่านเหยียน เขาก็ยังต้องเตรียมตัวเหมือนกันฟางจี้จื่อให้เสวี้ยนจื่ออยู่ที่จวนตระกูลหลง ก่อนจะไปจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเพียงลำพังครั้นเซ่อเจิ้งอ๋องได้ยินว่าฟางจี้จื่อขอเข้าพบก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ฟางจี้จื่อมีชื่อเสียงระบือไกล เป็นไปไม่ได้ที่เขาจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 135

    เซ่อเจิ้งอ๋องโบกมือแล้วยกยิ้มมุมปากเป็นมุมโค้งที่สวยงาม “ท่านนักพรตอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ใช่ไม่เชื่อว่ามีปีศาจ เพียงแต่ข้าอยากถามท่านนักพรต ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวถูกปีศาจสังหาร?”ฟางจี้จื่อตอบ “กระหม่อมเชื่อว่าเป็นฝีมือของปีศาจจิ้งจอก ปีศาจจิ้งจอกตนนี้อยู่ที่ภูเขาหลัวถัวคร่าชีวิตผู้คนมากมาย วิธีการอำมหิตเหี้ยมโหด ตอนที่กระหม่อมไปถึงภูเขาหลัวถัว ปีศาจจิ้งจอกก็หลบหนีไร้ร่องรอยแล้ว ทั้งภูเขามีแต่กลิ่นอายปีศาจจิ้งจอก กระหม่อมตามกลิ่นมาตลอดทางกลับพบว่ามาเมืองหลวงแล้ว”“วิญญาณมังกรคือมรดกของแคว้นต้าโจว จะให้คนอื่นยืมง่าย ๆ ไม่ได้ ท่านนักพรตน่าจะรู้” เซ่อเจิ้งอ๋องพูดเรียบ ๆฟางจี้จื่อยิ้มบาง ก่อนจะเบี่ยงประเด็น “กระหม่อมได้ยินว่าท่านอ๋องตามหาเทพโอสถมาตลอด เทพโอสถมีไมตรีกับกระหม่อมอยู่บ้าง หากมีจุดใดที่ท่านอ๋องต้องการใช้กระหม่อม กระหม่อมก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”ฮุ่ยอวิ่นชะงักงัน ตามด้วยถามอย่างร้อนรน “ท่านนักพรตรู้จักเทพโอสถจริงหรือ? เขาอยู่ที่ไหน? จะแนะนำให้พบได้หรือไม่?”ฟางจี้จื่อหัวเราะ “มนุษย์เราเดิมก็คือเจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า กระหม่อมยินดีช่วยเหลือท่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 136

    พูดจนถึงขนาดนี้แล้ว ดังนั้นจึงได้แต่เอาวิญญาณมังกรออกมาผ่านไปพักหนึ่ง ฮุ่ยอวิ่นถือกล่องใบหนึ่งออกมา ตัวกล่องทำมาจากไม้ท้อ แกะสลักเป็นอักขระยันต์สวัสติกะ ข้างใต้คือฐานดอกบัวที่บานสะพรั่ง ทาสีน้ำมันสีแดงเข้ม งานไม้แกะสลักประณีต ทุกเส้นราวกับเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มิใช่ทำจากฝีมือมนุษย์กุญแจลับอยู่ตรงฐานดอกบัว เซ่อเจิ้งอ๋องเอาออกมา ใช้นิ้วมือสะกิดเบา ๆ ทีหนึ่ง เมื่อนั้นก็มีเลือดสีแดงซึมออกมาหยดหนึ่ง เขาหยดมันลงไปบนอักขระสวัสติกะตัวใหญ่สุดบนกล่อง จากนั้นตัวสวัสติกะก็เปล่งแสงออกมา ตามด้วยกล่องหมุนตัวเปิดออกวิญญาณมังกรนอนอยู่บนผ้าแพรสีเหลืองในกล่องอย่างสงบ ลวดลายของผ้าแพรเป็นอักขระสวัสติกะด้วยเหมือนกัน ตรงขอบคือไหมสีทองถี่ยิบ งานฝีมือพิถีพิถัน ราวกับมังกรมีชีวิตที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางอากาศวิญญาณมังกรคือหยกขาวสะอาดไร้สิ่งเจือปนชิ้นหนึ่ง แกะสลักเป็นลายมังกร ส่วนหางมีอักษรตัวหนึ่ง มันอาจเป็นอักขระตัวหนึ่ง แต่เห็นไม่ชัดฮุ่ยอวิ่นเคยศึกษากับเซ่อเจิ้งอ๋องมาก่อน ฮุ่ยอวิ่นบอกว่านี่คืออักษรคำว่า ‘จ่าน’ ซึ่งมีความหมายมาจากอินทรีย์ยักษ์สยายปีก แต่เซ่อเจิ้งอ๋องกลับคิดว่าเป็นอักขระที่ค่อนข้างซับ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 137

    “จะเป็นไปได้อย่างไร? มิใช่จะเล่นงานปีศาจจิ้งจอกหรือ? หลงจ่านเหยียนไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอกกระมัง?” ฮุ่ยอวิ่นรู้สึกแปลกใจ เหตุใดเขาจึงมีความคิดเช่นนี้?เซ่อเจิ้งอ๋องก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน จึงพูดกลั้วหัวเราะ “นั่นสิ ฟางจี้จื่อคือผู้บำเพ็ญพรตสูงส่ง ตามหลักไม่ควรร่วมมือกับหลงฉางเทียนไปเล่นงานกับหลงจ่านเหยียน”“อื่ม ข้าจะออกไปทำธุระ ท่านพักผ่อนแล้วค่อยตรวจฎีกาเถอะ ตรวจมาทั้งวันแล้ว สมควรพักสักเดี๋ยว” ฮุ่ยอวิ่นกำชับราวกับเป็นพี่ชายคนโตอย่างไรอย่างนั้น“ได้ เจ้าไปเถอะ” เซ่อเจิ้งอ๋องนวดระหว่างคิ้ว พลางกล่าวอย่างอ่อนล้าเล็กน้อยฮุ่ยอวิ่นหมุนตัวออกไปและสั่งคนเตรียมน้ำชาสงบจิตให้เซ่อเจิ้งอ๋อง เพื่อให้เขาได้พักผ่อนครั้นหลังฟางจี้จื่อยืมวิญญาณมังกรสำเร็จก็ตรงดิ่งกลับจวนตระกูลหลง มิรู้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่แม้เขาจะมีพลังแก่กล้า หากไม่ระวังรอบคอบ และไม่คิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะสั่งให้คนสะกดรอยตามเขาผู้ที่มีจิตใจซื่อตรงจะไม่ใช้เล่ห์กลอุบาย แต่... หากไม่ระวัง มักจะไม่ใช่เรื่องดีช่วงยามเย็น ในจวนเริ่มเตรียมการเฝ้าระวังหลังจากฟางจี้จื่อออกจากจวน หลงฉางเทียนก็สั่งให้คนออกไปปล่อ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status