共有

บทที่ 126

作者: ลิ่วเยว่
ข่าวลือเรื่องปีศาจจิ้งจอกหนักมากขึ้นทุกวัน สกุลหลงต่างรู้สึกถึงอันตราย หากไม่จำเป็น แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอก

วันต่อมา หลงฉางเทียนสั่งให้พ่อบ้านเชิญพระอาจารย์มา

พ่อบ้านเพิ่งเปิดประตูจวนก็เห็นนักพรตท่านหนึ่งพร้อมนักพรตน้อยคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

ดูท่าทางแล้วนักพรตอายุไม่มาก แต่เส้นผมหนวดเคราขาว ใบหน้าแดงฝาด ท่าทางเหมือนคนอายุสามสี่สิบ ในมือถือกระบี่เหรียญทองแดง ตรงด้ามกระบี่ยังมีเชือกสีแดงเส้นหนึ่งมัดอยู่

นักพรตน้อยอยู่ในชุดสีเทาปลอด อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด หน้าตาหล่อเหลา ริมฝีปากแดงฟันขาว มีลักษณะของเซียนน้อยบางส่วน

พ่อบ้านสอบถาม “มิทราบว่าท่านนักพรตมาหาผู้ใดหรือ?”

นักพรตยิ้มบางและตอบ “ข้าฟางจี้จื่อ รบกวนท่านพาข้าไปพบท่านแม่ทัพหลงหน่อย”

“ฟางจี้จื่อ?” พ่อบ้านชะงักไปเล็กน้อย สำรวจนักพรตตรงหน้าจากบนถึงล่าง เขาย่อมเคยได้ยินนามยิ่งใหญ่ของฟางจี้จื่อเป็นธรรมดา อีกฝ่ายคือผู้สูงส่งที่ฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขาชุ่ยเวย ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกน้อยนัก แต่ทุกครั้งที่มา ล้วนมาเพื่อปัดเป่าให้มวลมนุษย์

“ข้าเอง” ฟางจี้จื่อลูบเคราพลางเอ่ย

พ่อบ้านจึงรีบเชิญ “ท่านนักพรตรีบเชิญเข้ามาเถอะขอรับ”
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
ロックされたチャプター

関連チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 127

    “เช่นนั้นขอถามท่านแม่ทัพสักหน่อย ในจวนมีคนที่แปลกไปหรือไม่? อย่างเช่นนิสัยเปลี่ยนไปมาก หรืออย่างเช่นเปลี่ยนไปจนโหดเหี้ยมอำมหิต?” ฟางจี้จื่อถามหลงฉางเทียนแค่อยากไล่เขาไป แต่พอได้ยินเขาถามมาอย่างนี้ หัวใจพลันหยุดเต้น จากนั้นจึงนึกถึงตั้งแต่หลงจ่านเหยียนต้องเข้าวังฝังศพสังเวยชีวิต นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปมากจริง ๆ สิบหกปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นคนเชื่อฟังทุกอย่าง แต่นับจากก่อนเข้าวังสองสามวัน จู่ ๆ ก็ใจกล้าบ้าบิ่น แม้แต่เขากับฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังกล้าข่มขู่ตำหนิ“ความหมายของท่านนักพรตคือ ถ้ามีคนนิสัยเปลี่ยนกะทันหัน ก็คือมารร้ายเข้าสิงหรือ?” ทีแรกเขายังไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้พอพินิจอย่างละเอียดแล้ว ไม่แน่ว่าการเปลี่ยนแปลงของหลงจ่านเหยียนอาจจะมีสาเหตุก็เป็นได้“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน” ฟางจี้จื่อเอ่ยยามนี้เย่เต๋อโหรวเดินออกมาพอดี ครั้งได้ยินถ้อยคำของฟางจี้จื่อที่หน้าประตูก็เดินพรวดพราดเข้ามาทันที ก่อนจะเอ่ย “ท่านนักพรต มีอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านโปรดไขข้อสงสัยให้ด้วย”หลังจากตระหนักว่าตัวเองเสียมารยาทมาก นางจึงรีบสำรวมกิริยา “ข้านางเย่ คารวะท่านนักพรต”“ฮูหยินมิต้องมากพิธี!” ฟางจี้จ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 128

    เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย “ท่านนักพรตโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปทูลก่อน”ฟางจี้จื่อตอบ “ได้” เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นยื่นยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งให้หลงฉางเทียน “ท่านแม่ทัพนำสิ่งนี้ไปด้วย ต่อให้นางรู้วัตถุประสงค์ของท่านก็หนีไปไม่รอด”“ได้!” หลงฉางเทียนมือสั่นระริก เขาตื่นเต้นมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาถูกขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักตำหนิว่าขายบุตรสาวเพื่อความรุ่งเรือง แต่ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าจ่านเหยียนคือปีศาจ เช่นนั้นเขาก็คือขุนนางผู้มีคุณูปการที่สังหารญาติเพื่อผดุงความเป็นธรรมเย่เต๋อโหรวเห็นหลงฉางเทียนเดินไปแล้ว จึงเอ่ยกับฟางจี้จื่อ “ท่านนักพรต ท่านแม่ชื่นชมชื่อเสียงของท่านมานาน ไม่ทราบว่าท่านจะให้เกียรติพบกับนางสักหน่อยหรือไม่?”“ฮูหยินเกรงใจแล้ว รบกวนนำทางด้วย” ฟางจี้จื่อได้ยินมานานว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลงอยู่ในศีลในธรรม จึงอยากพบนานแล้ว“ท่านนักพรต เชิญ!” เย่เต๋อโหรวค้อมตัวกล่าวเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปรายงาน เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าฟางจี้จื่อมาก็ตื่นเต้นมาก รีบสั่งให้คนช่วยแต่งตัวแต่งผมแล้วออกมาต้อนรับนางยืนอยู่หน้าห้อง มองผู้มีนรลักษณ์แห่งเซียนเดินเข้ามาจากประตูหน้า จึงยิ้มบาง “ท่านนักพรต พวกเรา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 129

    “ก็จริง สกุลหลงข้าภักดีทุกยุคทุกสมัย จะถูกปีศาจใช้งานได้อย่างไร? ท่านนักพรต เรื่องนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว หากพิสูจน์ได้ว่าหลานสาวคนนั้นของข้าถูกปีศาจเข้าสิงจริง ๆ...” ฮูหยินผู้เฒ่าหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อเจือน้ำเสียงสะอื้น “ท่านนักพรตก็โปรดมอบศพที่สมบูรณ์ให้นางด้วย เฮ้อ...” เห็นฮูหยินผู้เฒ่าปวดใจเช่นนี้ นักพรตก็อดปลอบใจไม่ได้ “วางใจเถอะ ข้าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถแน่”เมื่อนั้นคนของหลงฉางเทียนก็มาเชิญฟางจี้จื่อ “ท่านนักพรต ไทเฮาเชิญขอรับ”ฟางจี้จื่อลุกขึ้นยืนและหันไปบอกกับนักพรตน้อยเสวี้ยนจื่อด้านข้างด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าตามข้ามา”“ขอรับ ท่านอาจารย์!” เสวี้ยนจื่อขานรับด้วนสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์คนรับใช้พาฟางจี้จื่อและเสวี้ยนจื่อเดินออกไปข้างนอก ครั้นเดินไปสองสามก้าว ฟางจี้จื่อก็หันกลับมา เมื่อนั้นก็ได้เห็นจิตสังหารที่แวบเข้ามาในดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าพอดิบพอดี เขาชะงักเล็กน้อย ครั้นมองอีกทีนางกลับมามีดวงหน้าอ่อนโยนเปี่ยมด้วยเมตตาดังเดิมแล้วเขาสับสนอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ปล่อย ๆ กับปีศาจยังจะเมตตาอันใดอีก?เขาเอ่ย “รอให้ข้าปราบปีศาจได้แล้ว จะมาสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าอีกที”“ไ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 130

    ฟางจี้จื่อเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เขายิ่งเดินเข้าไปข้างใน ไอปีศาจก็ยิ่งแรง ถึงขนาดว่ากลิ่นอายยั่วยวนอัดแน่นอยู่เต็มห้องเขายิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ดูท่าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้จะสิงร่างไทเฮาอย่างที่คิดจริง ๆเขาเดินเข้าไป ครั้นเงยหน้ามองจ่านเหยียนก็ชะงักชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่าไอปีศาจจะไม่ได้แผ่ออกมาจากตัวของนาง แต่... กลิ่นอายยั่วยวนนั้นมาจากตัวนางจริง ๆดูท่าเขาจะประเมินพลังของปีศาจตนนี้ต่ำไปแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะบำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นที่สามารถปกปิดแก่นวิญญาณของตัวเองได้ทุกเมื่อแต่ไม่ว่าจะปกปิดอย่างไร กลิ่นอายยั่วยวนของจิ้งจอกก็ยังอยู่“ข้าผู้เป็นนักพรตฟางจี้จื่อถวายพระพรไทเฮา!” ฟางจี้จื่อประสานมือคำนับจ่านเหยียนเอ่ย “ท่านนักพรตมิต้องมากพิธี เชิญนั่ง!”“ขอบพระทัยไทเฮา!” ฟางจี้จื่อก็ไม่เกรงใจ นั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือด้านล่างของห้องโถงกระบี่เหรียญทองแดงในอกของเขาส่งเสียงสั่นดังวู้ ๆ เหมือนเสียงลม เขาจึงเอามือกดทับเอาไว้ และเข้าใจว่าปีศาจตรงหน้าไม่ธรรมดา“ท่านนักพรต!” หลงฉางเทียนนั่งอยู่ด้านข้างเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของฟางจี้จื่อทีหนึ่งเสวี้ยนจื่อเอ่ยเรียบ “ท่านแม่ทัพอย่าได้ใจร้อน”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 131

    จ่านเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เคราะห์ดีที่ท่านนักพรตยังรู้จักพูดว่า ‘ปกติ’ มิใช่ ‘ทั้งหมด’ ไม่ว่าเรื่องใดมักมีข้อยกเว้นเสมอ ข้าขอเตือนท่านนักพรตสักคำ จะเป็นมนุษย์ก็ดี กำจัดปีศาจก็ช่าง ก็ต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง อย่าได้ลำเอียงดื้อรั้น มิเช่นนั้นจะต้องเสียใจที่มิอาจแก้ไข”“ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงชี้แนะ เพียงแต่กระหม่อมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอันใดอยู่ ชาตินี้กระหม่อมกำจัดปีศาจนับไม่ถ้วน ปีศาจที่ตายด้วยน้ำมือของกระหม่อม มิมีตนใดถูกปรักปรำ”เขาลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือ “ดูท่ากระหม่อมจะทำให้ไทเฮากริ้วแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สนทนาต่อไปก็มิอาจไปในทิศทางเดียวกันได้ กระหม่อมทูลลา!”“เชิญ!” จ่านเหยียนโบกมือพร้อมเอ่ยอย่างเกลียดชังประมาณหนึ่งฟางจี้จื่อจ้องนางนิ่ง ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ทูลลา!”เสวี้ยนจื่อตามเขาเดินออกไปด้วยใบหน้าปราศจากริ้วคลื่นอารมณ์ทีแรกจิ้นหรูยังเลื่อมใสฟางจี้จื่ออยู่มาก แต่บัดนี้เห็นเขาไม่เคารพจ่านเหยียน จึงอดขุ่นเคืองขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดเขาจึงเป็นคนเช่นนี้?”จ่านเหยียนเอ่ยเรียบ “นึกว่าตัวเองแน่”“เขาเข้าใจอะไรคุณหนูใหญ่ผิดไปหรือไม่เพคะ? หรือว่าคนสกุลหลงพูดอะไร? บ่าวได้ยิน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 132

    เสี่ยวฮวาเดินมาตลอดทางก็วางแผนตลอดทาง นางควรไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็กลัวอีกว่า ทันทีที่ไป นักพรตจะตามออกไปด้วย เหตุเพราะปีศาจจิ้งจอกอาละวาด ดังนั้นในเมืองหลวงต้องมีผู้สูงส่งมากแน่ หากออกไปตอนนี้คงไม่รอดเวลานี้นักพรตนั่นคิดว่าหลงจ่านเหยียนคือปีศาจจิ้งจอก แค่นางไม่โผล่ไปอยู่ตรงหน้าเขาก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เอาไว้เขาลงมือจัดการหลงจ่านเหยียนเมื่อไร นางค่อยหนี เช่นนี้จะมีโอกาสชนะมากหน่อยเพียงแต่เช่นนี้จะทำให้หลงจ่านเหยียนพลอยเดือดร้อนไปด้วย เมื่อนั้นจิตใจของเสี่ยวฮวาจึงเกิดความขัดแย้งขึ้นมา แม้บอกว่าสุดท้ายนักพรตนั่นจะรู้ว่าหลงจ่านเหยียนมิใช่ปีศาจจิ้งจอกอยู่ดี แต่เขาเก่งกาจออกอย่างนั้น จะรู้ได้อย่างว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรง?หลงจ่านเหยียนเพิ่งจะสิบเจ็ดเองนะ!คิด ๆ แล้วก็มาถึงหน้าห้องของหลงจ่านเหยียนนางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเคาะประตู“เข้ามา!” น้ำเสียงเฉยชาของหลงจ่านเหยียนดังออกมาจากในห้องนางผลักประตูเข้าไป หน้าต่างในห้องปิดหมด หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว กำลังมองนางอยู่“ปิดประตู!” หลงจ่านเหยียนสั่งเรียบ ๆนางหันไปปิดประตู จากนั้นจึงเดินมาถึงข้างตัวของหลงจ่านเหยียน “ค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 133

    เสี่ยวฮวาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนจะตอบ “บ่าวบำเพ็ญเพียรมาหลายปี ไม่เคยลงจากเขาเลย ก็ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด จึงได้แต่ตามขบวนการค้า พวกเขามาเมืองหลวง บ่าวจึงปรากฏตัวอยู่ที่เมืองหลวงเพคะ”“เคยฆ่าคนหรือไม่?” จ่านเหยียนถามด้วยสายตาเร่าร้อนเสี่ยวฮวารีบโบกมือ “ไม่ ไม่เคยเพคะ อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่มดบ่าวก็ยังไม่กล้าเหยียบ แล้วจะฆ่าคนได้อย่างไร? อีกอย่าง ทันทีที่ผู้บำเพ็ญเพียรผิดศีลปาณาติบาต ก็ยากจะสำเร็จเป็นเซียนแล้ว”“เจ้าอยากเป็นเซียนหรือ?” จ่านเหยียนถามเสี่ยวฮวาคิดครู่หนึ่ง “ที่บำเพ็ญเพียรก็เพื่อเป็นเซียน มิเช่นนั้นจะลำบากลำบนเช่นนี้เพื่ออันใดกัน? ท่านแม่ของบ่าวบอกว่า มีแต่เป็นเซียนจึงไม่มีสงคราม ถูกรังแก ถูกลบหลู่และทรมานเพคะ”“แล้วแม่ของเจ้าเล่า?” จ่านเหยียนถามเสี่ยวฮวาสีหน้าเศร้าสลด “ท่านแม่ของบ่าวตายแล้ว ถูกปีศาจหมีดำฆ่าตาย เขาดูดมุกวิญญาณที่ท่านแม่บ่าวบำเพ็ญมาเจ็ดร้อยกว่าปีไป สำเร็จเป็นเซียนแล้วเพคะ”“อ้อ?” จ่านเหยียนเลิกคิ้ว “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”“เขาได้เข้าอยู่ในลำดับเซียนแล้ว แม้บ่าวอยากตามหาเขาเพื่อแก้แค้น แต่ก็ตามหาไม่ได้แล้วเพคะ” เสี่ยวฮวาเอ่ย ในแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 134

    หลงฉางเทียนเอ่ย “แต่... ไม่แน่ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะยอมให้ยืมพลังมังกรน่ะสิ”ฟางจี้จื่อหัวเราะ “เรื่องบนโลกนี้ล้วนมีการแลกเปลี่ยนในราคาเดียวกัน ข้ารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร”“อ้อ?” หลงฉางเทียนมองฟางจี้จื่อด้วยความฉงนฟางจี้จื่อเอ่ย “ท่านแม่ทัพมิต้องบอกประโยชน์ใช้สอยของวิญญาณมังกรกับมู่หรงฉิงเทียนหรอก และเรื่องที่ปีศาจจิ้งจอกอยู่ในจวนตระกูลหลงก็มิต้องบอกเขาเช่นกัน”หลงฉางเทียนอยากจะให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว หากมู่หรงฉิงเทียนรู้ว่าที่ต้องการวิญญาณมังกรก็เพื่อกำจัดหลงจ่านเหยียน เขาต้องไม่ให้ยืมแน่อีกอย่าง หากกล่าวจากใจ เขาก็ไม่เชื่อว่าหลงจ่านเหยียนเป็นปีศาจจิ้งจอกเหมือนกัน หรืออาจกล่าวเขาไม่เชื่อว่าจะมีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริงก็ได้ แม้ฟางจี้จื่อจะเป็นผู้สูงส่งแห่งมรรคา แต่เขายังคงมีท่าทีสงสัยกับเรื่องลี้ลับเช่นนี้อยู่ดีดังนั้น ต่อให้ฟางจี้จื่อเสนอตัวจัดการหลงจ่านเหยียน เขาก็ยังต้องเตรียมตัวเหมือนกันฟางจี้จื่อให้เสวี้ยนจื่ออยู่ที่จวนตระกูลหลง ก่อนจะไปจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเพียงลำพังครั้นเซ่อเจิ้งอ๋องได้ยินว่าฟางจี้จื่อขอเข้าพบก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ฟางจี้จื่อมีชื่อเสียงระบือไกล เป็นไปไม่ได้ที่เขาจ

最新チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status