แชร์

บทที่ 119

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
“ข้าไม่ได้อยู่ในน้ำสักหน่อย แค่หลบอยู่ในพงหญ้าแถวนั้น พอได้เห็นช่วงถึงพริกถึงขิงของละครจึงลงน้ำ” ที่เซ่อเจิ้งอ๋องลงมือในตอนท้ายนั้นน่าจะข่มขวัญยายแก่นั่นได้

คนที่มั่นใจเกินเหตุคนหนึ่งจะโอหังใช้อำนาจบาตรใหญ่ เอาแต่ใจวางก้าม นี่คือโรค ต้องมีคนรักษา!

“แต่... เหตุใดต้องดำน้ำแล้วค่อยปรากฏขึ้นสู่ผิวน้ำด้วย? ทรงปรากฏตัวออกมาตรง ๆ เลยมิได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อาเถี่ยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

จ่านเหยียนยิ้มสวย “เจ้าไม่รู้สึกว่าโผล่ออกมาจากใต้น้ำเพิ่มความลึกลับได้หรือ? อีกอย่าง หญิงงามขึ้นสระ เป็นภาพน่าชมแค่ไหน!”

คนเป็นฝูงยุ่งกันทั้งคืน ก็ต้องให้สวัสดิการหน่อยใช่หรือไม่?

ทุกคนเหงื่อตกกันเป็นแถว ยังจะหญิงงามขึ้นสระอีกแน่ะ? ช่างหลงตัวเองโดยแท้!

ครั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว จ่านเหยียนก็ไปเยี่ยมกัวอวี้

กัวอวี้บาดเจ็บถลอกนิดหน่อยจริง ๆ นางนอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นจ่านเหยียนกลับมาอย่างปลอดภัยก็ยันตัวจะลุกขึ้นทำความเคารพ แต่จ่านเหยียนกดตัวนางลง “พอแล้ว นอนเถอะ”

“คุณหนูใหญ่ทรงหยั่งรู้ดังคาดเพคะ!” กัวอวี้ยิ้มพูด

“ก็เพราะเจ้าให้ความร่วมมือดี!” ใบหน้าหมดจดของจ่านเหยียนฉายรอยยิ้มมีเสน่ห์ เส้นผมยาวยังชื้นอยู
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 120

    ขณะจ่านเหยียนมาถึงห้องโถงด้านข้าง เซ่อเจิ้งอ๋องกำลังเล่นแหวนอังคุฐในมืออย่างผ่อนคลาย สีหน้าหยิ่งผยองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เอนหลังแล้วมองมา แววตาแห่งปฏิภาณล้ำลึกกวาดมองมาเรียบ ๆ และหยุดอยู่บนใบหน้าของจ่านเหยียนเมื่อนั้นจึงลุกขึ้นยืน “ไทเฮาเชิญประทับพ่ะย่ะค่ะ” ตามด้วยไม่รอให้จ่านเหยียนนั่งลง เขาก็นั่งเก้าอี้อีกครั้ง คืนท่าทางเมื่อก่อนหน้านี้จ่านเหยียนไม่แปลกใจกับความหยิ่งผยองของเขาสักนิด อีกทั้งยังเคยชินกับความยโสเย็นชาของเขานานแล้ว ทว่าเขาในคืนนี้ต่างออกไปเล็กน้อย ในความทระนงมีความคลุมเครือแฝงซ่อนอยู่เสี้ยวหนึ่งจ่านเหยียนรู้ มิอาจดูแคลนเด็กชายตรงหน้าได้ นางค่อย ๆ นั่งลงและรับกับสายตาของเขา ก่อนจะเอ่ย “ท่านอ๋องรอนานแล้ว”“พอได้!” เซ่อเจิ้งอ๋องตอบชืด ๆฮุ่ยอวิ่นก็เข้ามาจากนอกห้องเหมือนกัน เดินหน้ามาทำความเคารพ “ฮุ่ยอวิ่นถวายพระพรไทเฮา”“คุณชายฮุ่ยอวิ่นมิต้องมากพิธี” ฮุ่ยอวิ่นมองแล้วยิ้มจาง ๆ “ข้าอยากหาโอกาสขอบคุณคุณชายฮุ่ยอวิ่นมาตลอด”“อ้อ?” ฮุ่ยอวิ่นมองนางอย่างไม่เข้าใจจ่านเหยียนเอ่ย “นักดนตรีพวกนั้นที่คุณชายฮุ่ยอวิ่นให้ข้า ปรนนิบัติได้เหมาะสมและรู้ใจนัก”ฮุ่ยอวิ่นตก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 121

    “แต่ก็ต้องขอบคุณท่านอ๋องที่ดูแลมาตลอด” จ่านเหยียนกล่าวจากใจจริง“มิต้องเกรงพระทัย” เซ่อเจิ้งอ๋องลุกขึ้นยืนช้า ๆ “ดึกมากแล้ว ไม่รบกวนไทเฮาทรงพักผ่อน กระหม่อมทูลลา!”เขายกนัยน์ตาดำขลับขึ้น มองจ่านเหยียนเงียบ ๆ จ่านเหยียนก็มองเขาตอบเหมือนกัน ท่ามกลางแสงเทียนสลัว เห็นเพียงสองสายตาประสานกันจนเกิดเป็นประกายไฟที่คนอื่นดูไม่ออก“ส่งท่านอ๋อง!” จ่านเหยียนหันไปสั่งกับจิ้นหรู“ท่านอ๋อง เชิญ!” จิ้นหรูอมยิ้มแล้วเดินไปข้างหน้าเซ่อเจิ้งอ๋องมองจิ้นหรูทีหนึ่ง “คืนนี้ทำให้เจ้าตกใจแล้ว?”“นิดหน่อยเพคะ!” จิ้นหรูยิ้ม“แต่ไหนมาเจ้าก็ขี้กลัว” เซ่อเจิ้งอ๋องส่ายหน้า “เพียงแต่ต่อไปติดตามนายเช่นนี้ ต้องหัดใจกล้ามากหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นจะตกใจตายได้ง่าย”จิ้นหรูขำพรืด “เพคะ!”ฮุ่ยอวิ่นไม่ค่อยอยากกลับ ก่อนจากไปยังหันไปมองจ่านเหยียนอีกทีหนึ่งแบบไม่ยอมแพ้ ครั้นเห็นจ่านเหยียนนิ่งเฉยจึงได้แต่ถอนหายใจและออกไประหว่างทางกลับ ฮุ่ยอวิ่นยังครุ่นคิดอยู่“คิดอะไรอยู่น่ะ?” เซ่อเจิ้งอ๋องเดินทอดน่องพลางถาม เขาถอดแหวนอังคุฐหยกแล้วเล่นอยู่ในมือฮุ่ยอวิ่นตอบ “คิดเรื่องในคืนนี้นะสิ เทียน ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าหลงจ่านเหยียนผ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 122

    วันต่อมาหลงฉางเทียนก็นำทหารกลับมา เขาหาจนทั่วภูเขาเฮยเฟิงแล้ว แต่จูซิวมิได้กลับไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ จูซิวไม่ได้จับคนไปจริง ๆหลังจากกลับถึงจวน ฮูหยินผู้เฒ่าก็เรียกเขาไปอย่างร้อนใจทันทีหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว หลงฉางเทียนก็วิตกกังวลอย่างหนัก“ท่านแม่ ข้าสงสัยมาตลอดว่านางจะมีมือดีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างตัว ท่านคิดว่าเป็นผู้ใด?” หลงฉางเทียนถาม“นอกจากเซ่อเจิ้งอ๋องก็ไม่มีใครอื่น” ฮูหยินผู้เฒ่าเปล่งเสียงเนิบ ๆหลงฉางเทียนแววตาร้อนรนเล็กน้อย “ทำเรื่องที่ไทฮองไทเฮามอบหมายไม่สำเร็จ กลัวแต่วันหน้าอยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา ข้าจะไม่มีที่ยืนแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าแววตาเคร่งขรึม มองเขาดุ ๆ “นี่ก็ยอมแพ้แล้วหรือ? จะให้นางตาย มีสารพัดวิธี อยู่ที่ว่าเจ้าจะเลือกวิธีไหน”“ท่านแม่ยังมีแผนเด็ด ๆ อีกหรือขอรับ?” หลงฉางเทียนหน้าระรื่น“เคยได้ยินเรื่องภูเขาหลัวถัวมีปีศาจจิ้งจอกออกอาละวาดหรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม“ภูตผีปีศาจหลอกคน โลกนี้มีปีศาจที่ไหน? ท่านแม่อย่าได้เชื่อข่าวลือนะขอรับ” หลงฉางเทียนเอ่ยฮูหยินผู้เฒ่ามองตาขวางทีหนึ่ง “โลกนี้มีปีศาจหรือไม่ มันเกี่ยวอันใดกับเจ้า? ที่สำคัญที่สุ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 123

    ครั้นถึงตอนเย็น เสียงดนตรีเศร้าโศกดังขึ้น จวนตระกูลหลงหามโลงศพออกมาหลายโลง แล้วตรงดิ่งไปยังนอกเมือง คนที่กำลังจะเข้าเมืองเห็นเข้าพอดี ต่างเล่าว่าได้ยินเสียงร้องไห้ฮือ ๆ จากในโลงศพ มิหนำซ้ำยังมีน้ำเลือดไหลอยู่เต็มพื้น แม้แต่ทหารหน้าประตูเมืองเห็นแล้วยังพากันหลีกหนีพริบตาเดียวเมืองหลวงที่ศิวิไลซ์ก็กลายเป็นเมืองร้าง บรรยากาศอึมครึม เมื่อถึงยามราตรี บรรดาภัตตาคารโรงน้ำชาต่างปิดประตูไม่ทำการ แม้แต่หอนางโลมที่มีเสียงดนตรีทุกค่ำคืนตลอดเส้นทางก็ยังเงียบกริบช่วงกลางคืนลมพายุรุนแรงหนักกว่าเดิม เมฆดำไม่สลายตัวไปสักที แต่ก็ไม่มีฝนตกลงมาด้วย อากาศสอดแทรกบรรยากาศแปลกประหลาดถึงที่สุดอยู่ อากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ แม้แต่ราชครูก็ยังมิอาจเข้าใจวันต่อมา ทางตะวันตกของเมืองก็มีข่าว ครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวตายด้วยน้ำมือของปีศาจจิ้งจอกยกครัว ลักษณะการตายอุจาดตามาก แม้แต่หัวใจก็ยังถูกควัก เลือดไหลนอง ครอบครัวสี่คนของหญิงม่ายแม่เซว ทั้งมารดาสามี ลูกชาย ลูกสาว และแม้แต่หญิงม่ายแซ่เซวก็ยังมิอาจรอดพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปได้ทางการต้องทำคดี จึงรีบส่งหัวหน้ามือปราบและมือปราบไปชันสูตรศพ ครั้นเคลื่อนย้ายศพมาถึงที่เก็บศ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 124

    อาเสอถาม “แล้วมันใช่ปีศาจจิ้งจอกออกอาละวาดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าไม่ได้กลิ่นยั่วยวนฉุน ๆ ในอากาศหรือ? ครั้งนี้สกุลหลงไม่ได้โกหก มีปีศาจจิ้งจอกเข้าจวนจริง ๆ” จ่านเหยียนเอ่ย“เช่นนั้นท่านยังไม่กำจัดปีศาจอีก?” อาเสอรีบพูด“เจ้าก็ปีศาจเหมือนกัน ถ้าจะกำจัดก็กำจัดเจ้าก่อนเลย ข้าบอกตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว ปีศาจแบ่งออกเป็นปีศาจดีและปีศาจไม่ดี” จ่านเหยียนท่าทางหนักใจ“แต่ปีศาจจิ้งจอกตนนี้ฆ่าคนแล้วนะเจ้าคะ ครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวตายด้วยน้ำมือนางมิใช่หรือ? ข้าไม่เคยฆ่าคนสักหน่อย” กล่าวอย่างมีคุณธรรมเต็มเปี่ยมจ่านเหยียนยื่นมือเขกหัวของนางทีหนึ่ง “เจ้านี่นะ คนอื่นพูดอะไรก็เชื่อหมดหรือ? เจ้าไม่ตรวจสอบดูบ้างหรือไง? ปีศาจจิ้งจอกฆ่าคนจะควักหัวใจ? หรือเจ้าเห็นว่านางกินคน?”อาเสอคิดครู่หนึ่ง “ก็จริงแฮะ อย่างมากปีศาจจิ้งจอกก็แค่ดูดพลังชีวิต หัวใจไม่มีประโยชน์จริง ๆ แต่ถ้าครอบครัวของหญิงม่ายแซ่เซวไม่ได้ถูกปีศาจจิ้งจอกฆ่า เช่นนั้นใครกันที่เป็นคนลงมือ? โหดเหี้ยมขนาดนี้เชียวหรือเจ้าคะ?”“สรรพสัตว์บนโลกใบนี้ เผ่าพันธุ์ใดโหดเหี้ยมที่สุด?” จ่านเหยียนถามนางอาเสอตอบ “เผ่าพันธุ์ที่โหดเหี้ยมที่สุดคือเสือกระมังเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 125

    ที่เรียกว่าประตูมิตินั้น ความจริงมิใช่ประตู มันอาจมี ทว่าประตูบานนี้ไร้ลักษณ์ และไม่เปิด มันก็เหมือนกับอากาศ มีแต่ตอนที่เปิดจึงจะเห็นแสงเส้นหนึ่ง และแสงนี้จะหายไปในพริบตา ปกติความเร็วของมนุษย์จะเข้าไปไม่ได้สกุลหลงมีความสามารถในการข้ามมิติเวลา ดังนั้นนางจึงสร้างบ้านไว้ตรงหน้าประตูของมิติ จากนั้นก็ร่ายมนตร์ให้บ้านของทั้งสองยุคเชื่อมต่อกัน บ้านจะมีประตูอยู่สองบาน บานหนึ่งเป็นประตูของยุคปัจจุบัน ส่วนอีกบานหนึ่งคือประตูของแคว้นต้าโจวนอกจากนางก็ไม่มีผู้ใดเดินทางทั้งสองฝั่งได้ แม้แต่อาเสอยังต้องให้นางมอบพลังในการทะลุมิติจึงจะเดินทางข้ามฝั่งช่วงหน้าบ้านเป็นการก่อสร้างสมัยใหม่ซึ่งมีกลิ่นอายโบราณ ทว่าจากตรงกลางกลับเป็นการก่อสร้างและการตกแต่งของสมัยใหม่ แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องก็เป็นของสมัยใหม่ด้วยในยุคปัจจุบัน ที่เห็นจะเป็นแค่บ้านหลังเดี่ยวตามปกติหลังหนึ่ง ต่อให้มีคนเข้าไปก็เข้าด้านในไม่ได้ ส่วนการก่อสร้างของยุคโบราณจะถูกซ่อนอยู่ที่นี่“ท่านดีแต่มาเสพสุข” อาเสอตัดสินจ่านเหยียนอดสูดปากไม่ได้ “คนเวลามีพลัง ใครบ้างไม่อยากเสพสุข? อีกอย่าง เจ้าไม่คิดถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือ? อยู่ในย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 126

    ข่าวลือเรื่องปีศาจจิ้งจอกหนักมากขึ้นทุกวัน สกุลหลงต่างรู้สึกถึงอันตราย หากไม่จำเป็น แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอกวันต่อมา หลงฉางเทียนสั่งให้พ่อบ้านเชิญพระอาจารย์มาพ่อบ้านเพิ่งเปิดประตูจวนก็เห็นนักพรตท่านหนึ่งพร้อมนักพรตน้อยคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูดูท่าทางแล้วนักพรตอายุไม่มาก แต่เส้นผมหนวดเคราขาว ใบหน้าแดงฝาด ท่าทางเหมือนคนอายุสามสี่สิบ ในมือถือกระบี่เหรียญทองแดง ตรงด้ามกระบี่ยังมีเชือกสีแดงเส้นหนึ่งมัดอยู่นักพรตน้อยอยู่ในชุดสีเทาปลอด อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด หน้าตาหล่อเหลา ริมฝีปากแดงฟันขาว มีลักษณะของเซียนน้อยบางส่วนพ่อบ้านสอบถาม “มิทราบว่าท่านนักพรตมาหาผู้ใดหรือ?”นักพรตยิ้มบางและตอบ “ข้าฟางจี้จื่อ รบกวนท่านพาข้าไปพบท่านแม่ทัพหลงหน่อย”“ฟางจี้จื่อ?” พ่อบ้านชะงักไปเล็กน้อย สำรวจนักพรตตรงหน้าจากบนถึงล่าง เขาย่อมเคยได้ยินนามยิ่งใหญ่ของฟางจี้จื่อเป็นธรรมดา อีกฝ่ายคือผู้สูงส่งที่ฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขาชุ่ยเวย ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกน้อยนัก แต่ทุกครั้งที่มา ล้วนมาเพื่อปัดเป่าให้มวลมนุษย์“ข้าเอง” ฟางจี้จื่อลูบเคราพลางเอ่ยพ่อบ้านจึงรีบเชิญ “ท่านนักพรตรีบเชิญเข้ามาเถอะขอรับ”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 127

    “เช่นนั้นขอถามท่านแม่ทัพสักหน่อย ในจวนมีคนที่แปลกไปหรือไม่? อย่างเช่นนิสัยเปลี่ยนไปมาก หรืออย่างเช่นเปลี่ยนไปจนโหดเหี้ยมอำมหิต?” ฟางจี้จื่อถามหลงฉางเทียนแค่อยากไล่เขาไป แต่พอได้ยินเขาถามมาอย่างนี้ หัวใจพลันหยุดเต้น จากนั้นจึงนึกถึงตั้งแต่หลงจ่านเหยียนต้องเข้าวังฝังศพสังเวยชีวิต นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปมากจริง ๆ สิบหกปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นคนเชื่อฟังทุกอย่าง แต่นับจากก่อนเข้าวังสองสามวัน จู่ ๆ ก็ใจกล้าบ้าบิ่น แม้แต่เขากับฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังกล้าข่มขู่ตำหนิ“ความหมายของท่านนักพรตคือ ถ้ามีคนนิสัยเปลี่ยนกะทันหัน ก็คือมารร้ายเข้าสิงหรือ?” ทีแรกเขายังไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้พอพินิจอย่างละเอียดแล้ว ไม่แน่ว่าการเปลี่ยนแปลงของหลงจ่านเหยียนอาจจะมีสาเหตุก็เป็นได้“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน” ฟางจี้จื่อเอ่ยยามนี้เย่เต๋อโหรวเดินออกมาพอดี ครั้งได้ยินถ้อยคำของฟางจี้จื่อที่หน้าประตูก็เดินพรวดพราดเข้ามาทันที ก่อนจะเอ่ย “ท่านนักพรต มีอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านโปรดไขข้อสงสัยให้ด้วย”หลังจากตระหนักว่าตัวเองเสียมารยาทมาก นางจึงรีบสำรวมกิริยา “ข้านางเย่ คารวะท่านนักพรต”“ฮูหยินมิต้องมากพิธี!” ฟางจี้จ

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status