หลังจากผ่านพ้นงานหมั้นขององค์รัชทายาท พี่ใหญ่ของนางก็ทำงานหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากจะมีพิธีอภิเษกสมรสแล้วฮ่องเต้จะทำการสละบัลลังก์จึงมีบัญชาให้มีการแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เรียกได้ว่าสหายของนางแต่งเป็นพระชายาได้เพียงไม่กี่ชั่วยามก็ต้องกลายเป็นมารดาของแผ่นดิน
ด้วยเหตุนี้นางจึงมีเวลามากมายที่จะเดินทางไปเตรียมการจัดงานประชันบุรุษที่ร้านขายภาพซือซือ
“พี่สาวหยุนซือไม่อยู่หรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่เดินไปมาในร้านเป็นหลานชายของพี่สาว
“นางออกไปตลาดประเดี๋ยวกลับมา”
“เช่นนั้นเอาไว้ข้าจะมาใหม่อีกครั้ง” ไปร้านผ้าก่อนก็ไม่เสียหาย
“น
16 เบื้องหลังของขนมกุ้ยฮวา ด้านคุณหนูจางที่เดินออกมาจากร้านขายภาพวาดก็พบเข้ากับชินอ๋องซื่อจื่อ ในคราแรกนางคิดจะเดินเลี่ยงไปแสร้งทำไม่เห็น แต่เขาดันหันมาเห็นจึงต้องทักทายไปตามมารยาท “คารวะชินอ๋องซื่อจื่อเจ้าค่ะ”&n
“ไม่เข้าใจจริงหรือ ต้องรอเข้าหอกันก่อนหรือไม่จึงจะเข้าใจ” กล่าวจบเขาก็แสร้งจะกดตัวนางลงกับพื้นรถม้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางรีบกล่าวรัวเร็วเลิกแกล้งใสซื่อก็ได้ ที่ผ่านมาต้องแกล้งไม่รู้และพยายามถอยห่างเพราะกลัวตัวร้ายที่เข้าหานางในนามบุรุษสวมหน้ากากจะรู้เข้าแล้วมาทำร้ายนาง “ถึงแล้วขอรับ” “เข้าใจแล้วก็ดี เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถิด” เขากล่าวก่อนจะปล่อยนางออกห่าง บุรุษร่างสูงออกมายืนนอกรถม้ารอนาง ‘ท่านอ๋องน้อย อาภรณ์ท่านด้านหลัง’ ขันทีหยวนที่ออกมาต้อนรับผู้เป็นนายกล่าวพลางส่งสัญญาณบอก “...” เขาพยักหน้าพลางใช้มือปัดคราบผงแป้งที่เปื้อนอาภรณ์ด้านหลังก่อนจะจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยยา
“มีข่าวลือถึงเรื่องนี้เช่นกันขอรับ จะว่าไปหลานชายเจ้าของร้านที่เดินเข้าออกร้านซือซือผู้นั้น มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับองค์รัชทายาทแคว้นสือเจ้านะขอรับ” “ตอนที่ชิงหนี่ว์เข้าไปในร้านขายภาพซือซือ หลานชายเถ้าแก่เนี้ยผู้นั้นอยู่หรือไม่” “คนของเรากล่าวว่าไม่มีใครออกไปไหนนอกจากเถ้าแก่เนี้ยหยุนซือ” สิ้นเสียงขององครักษ์คนสนิท ชินอ๋องซื่อจื่อที่ยืนอยู่เมื่อครู่เดินออกจากครัวไปแล้ว ‘ท่านอ๋องน้อยอาภรณ์ท่านเปื้อนผงแป้งอยู่นะขอรับ’ ซานเทียนคิดก่อนจะรีบติดตามผู้เป็นนายไป นัยน์ตาดำที่จับจ้องสตรีตรงหน้าฉายแววอ่อนโยน มือใหญ่คีบอาหารที่สั่งให้พ่อครัวของตำหนักตระเตรียมอย่างกะทันหัน
“ไม่ดีเจ้าค่ะ” จางชิงหนี่ว์รีบตอบกลับ นั่นยิ่งไม่ดีใหญ่หากท่านปู่ทราบเรื่องนี้เข้า นางมิต้องรีบแต่งเข้าตำหนักเขาภายในสามวันเจ็ดวันหรือ “เช่นนั้นพี่จะไปส่งเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะเบือนหน้าหนี สายตาพราวระยิบระยับนั่นช่างทำให้จิตใจนางว้าวุ่น ขอให้นางได้เจรจากับบุรุษผู้นั้นก่อนได้หรือไม่ ยามค่ำคืนไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวระยิบระยับที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด เงาสองสายเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่คิดออมมือ แรงปะทะทำให้ต้นไผ่หักโค่น “ที่แท้บุรุษที่จับจ้องสตรีของข้าเป็นเจ้านี่เอง” “
17 เมามายสุราหรือกลิ่นน้ำส้ม ในที่สุดงานประชันบุรุษก็ถูกจัดขึ้น มีบุรุษรูปงามที่นางไม่ทราบว่ามาจากที่ใดเข้าร่วมประชันมากถึงสิบคน การขายเทียบเพื่อเข้าชมก็หมดเกลี้ยงตามที่คาดการณ์ ส่วนนางก็สามารถหลบมุมวาดภาพบุรุษได้นับสิบภาพเลยทีเดียว งานในครั้งนี้จึงเรียกได้ว่าคุ้มค่ายิ่งนัก “งานทั้งหมดสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีต้องขอบคุณชิงหนี่ว์ และเสี่ยวเฉียง” “ข้าก็ต้องขอบคุณพี่สาวหยุนซือเช่นกันเจ้าค่ะ ที่จัดงานนี้ขึ้นมา” นางกล่าวก่อนจะยกสุราขึ้นจิบ “นั่นมันสุรานะชิงหนี่ว์” หลานชายของเถ้าแก่เนี้ยจะห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว คุณหนูจางยกสุราเทใส่ปากทีเดียวหมดจอก “มีเรื่องน่ายินดีก็ต้องฉลองด้วยสุราสิเจ้าคะ” นางกล่าวพลางหยิบกาสุรามาเทใส่จอกตนเองเพิ่ม “เช่นนั้นก็อย่ากินให้มาก ประเดี๋ยวจะเมามาย” “ได้เจ้าค่ะ” นางรับคำก่อนจะคีบอาหารรสเผ็ดร้อนเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ภาพวาดที่วาดได้วันนี้
“เช่นนั้นก็รับปากข้ามาสิเจ้าคะ ว่าจะไม่สังหารข้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม” คุณหนูจางยกมือเช็ดน้ำตาที่มีน้อยนิดด้วยท่าทางน่าสงสาร “ได้ๆ พี่รับปาก พี่สาบานว่าจะไม่สังหารเจ้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะได้สนทนากับท่านอย่างสบายใจเสียที” “ชิงหนี่ว์ เรื่องราวความฝันมันก็เป็นแค่ความฝัน มิใช่ความจริง พี่จะสังหารเจ้าเพื่อผู้อื่นได้อย่างไร” “...” “หากเจ้าไม่ได้ฝันเรื่องราวเหล่านั้น พี่ขอถามเจ้า ว่าเจ้าลังเลหรือคิดเปลี่ยนใจจากตัวซวยผู้นั้นหรือไม่” “ไม่เจ้าค่ะ เพราะอย่างไรสิ่งที่ข้าต้องการท่านก็ให
“เจ้าคิดว่าชิงหนี่ว์จะถูกหลี่เฉียงล่อลวงหรือไม่” “...” “เจ้าหลี่เฉียงนั่นพึงใจนาง” “หากมีใจให้นางมากถึงเพียงนี้ ข้าว่าเจ้าควรแสดงออกให้มากหน่อย หากมัวแต่นิ่งเฉย นางคงหลงใหลไปกับบุรุษอื่นเข้าสักวัน” “ชินอ๋องซื่อจื่อ องครักษ์ของท่านฝากคำกล่าวมาขอรับ” องครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทเดินเข้ามาทูลรายงาน “รีบกล่าวมา” “คุณหนูจางเมามาย หลานชายเถ้าแก่เนี้ยจึงต้องประคองขึ้นรถม้าพาไปส่งถึงจวน” “ว่าอย่างไรนะ”&nbs
“บ่าวไม่พูดแล้วก็ได้ แต่หากพรุ่งนี้โดนคุณชายใหญ่ต่อว่า บ่าวไม่รู้ด้วยแล้วนะเจ้าคะ” สิ้นเสียงสาวใช้คนสนิท คุณหนูจางลุกขึ้นนั่ง “ข้าอ้อนแค่คำสองคำ พี่ใหญ่ก็ใจอ่อนแล้ว เจ้าอย่าได้บ่นเลย ไปนอนเถิด” นางกล่าวจบก็ล้มตัวลงนอน “คุณหนู! เฮ้อ...” จื่อรั่วร้องเสียงหลงด้วยความตกใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าแท้จริงคุณหนูแค่หลับไป “เช่นนั้นบ่าวจะนอนเฝ้าท่านอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ” สิ้นเสียงกล่าวคุณหนูที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ใช้ศอกชันตัวขึ้นมองสาวใช้แล้วตอบกลับ “ไม่ต้อง เสียงกรนของเจ้าจะทำให้ข้านอนไม่หลับ” จางชิงหนี่ว์กล่าวจบก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง “คุณหนู!” จื่อรั่ว
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ
“เอ่อ...ท่านช่วยพาข้าลงจากหลังม้าได้หรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงนาง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าไร้ที่ติแม้จะหล่อเหลาน้อยกว่าชินอ๋องซื่อจื่อ แต่ทว่าก็มีสตรีไม่น้อยที่ชื่นชอบบุรุษผู้นี้ หลังจากที่นางได้ขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปอง นางก็มักจะเจอเขาที่เหลาอาหารหรือโรงเตี๊ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่สบายใจกับสายตาจาบจ้วงของบุรุษในวันนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่ร้านบะหมี่เนื้อของท่านป้าผู้นั้นอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ นางมักจะเจอท่านราชเลขาฯจางผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน “ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบการออกมากินข้าวนอกจวน มิทราบว่าพ่อครัวจวนหวังทำอาหารไม่อร่อยหรือ” เขามานั่งร่วมโต๊ะโดยที่นางไม่ต้องเชิญทุกครา จนกลายเป็นความเคยชิ
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกเท้าที่เหยียบชายอาภรณ์ข้าด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้หรือไม่ มีขอทานและคนยากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน หากคนพวกนั้นมาเห็นเจ้ากินเหลือเช่นนั้น พวกเขาคงตัดพ้อ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กินบะหมี่น้ำธรรมดา แต่เจ้าที่เป็นคุณหนูกลับกินทิ้งกินขว้าง กินเพียงคำสองคนไม่ถูกใจก็ทิ้ง จะว่าไปก็น่าสงสารชาวบ้านที่เขาทำปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์นะ พวกเขาลำบากเพียงใดกว่าจะปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารให้พวกเราได้กิน...” “พอแล้วเจ้าค่ะ ข้ากินให้หมดก็ได้” คุณหนูหวังกล่าวก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือเรียวหยิบตะเกียบมาคีบกินบะหมี่เนื้อที่ตนกินค้างไว้ พร้อมกับบะหมี่เนื้อที่เขาสั่งถูกนำมาให้พอดี มุมปากของเขาหยักยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของนาง จางชิงเทียนกินบะหมี่เนื้อไปลอบมองสหายของน้องสาวไป เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณหน
“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมจึงเดินตามเพียงเท่านั้น” กล่าวจบสายตาของท่านราชเลขาฯ ก็จับจ้องดวงหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มให้เขาอยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้กลับบึ้งตึง “ท่านป้าเจ้าขา วันนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านมาเก็บโต๊ะเถิดเจ้าค่ะ คุณชายพวกนี้จะได้มีโต๊ะนั่งไม่ต้องมายืนจ้องผู้อื่นให้เสียมารยาทเช่นนี้” กล่าวจบนางก็วางเหรียญอีแปะลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทักทายเขาเช่นที่เคยทำ ต้องเป็นเพราะที่เขากล่าววาจาไม่ดีใส่นางในวันนั้นเป็นแน่ “ชิงเทียนเจ้ารู้จักคุณหนูผู้นั้นหรือ” “เจ้าชอบนางหรือ” “ใช่ ข้าอยากเกี้ยวพานาง ในเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูส