บุรุษในอาภรณ์สีดำลายพยัคฆ์ปักทองอุ้มนางมาที่รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์จวนชินอ๋อง เขาวางนางลงก่อนจะทรุดตัวนั่งใกล้มากจนแนบชิด
“พี่อันฉีเจ้าขา รถม้าจวนอ๋องกว้างไม่น้อย อย่างไรท่านขยับออกไปหน่อยได้หรือไม่” ที่ก็ตั้งกว้างจะมานั่งเบียดนางด้วยเหตุใด
“เจ้าช่างดื้อรั้น พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ายัดเยียดพี่ให้สตรีอื่น”
“ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้ารีบกลับจวนจริงๆ”
“ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้ารีบกลับจวนจริงๆ”
“ได้ยินมาว่าเจ้าชอบกินขนมกุ้ยฮวาหรือ”
“เจ้าค่ะ” เขาคงเคยได้ยินที่นางกล่าวกับสหายในงา
14 เงื่อนไขการเป็นพระชายา ช่างเป็นโชคดีของนางจริงๆ พี่ใหญ่ได้รับราชโองการให้เป็นตัวแทนฮ่องเต้ กำกับดูแลกรมพิธีการที่เป็นผู้จัดพิธีหมั้นหมายขององค์รัชทายาท รวมทั้งเตรียมงานอภิเษกสมรสที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จางชิงเทียนจึงต้องออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่และกลับจวนกลางดึก นางจึงรอดพ้นจา
“ดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ มองเห็นข้าชัดหรือไม่” สตรีที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นผงถ่านดูมอมแมม โบกมือไปมาตรงหน้าพลางจับจ้องเขาด้วยแววตาห่วงใย “...” “แย่แล้ว หรือเขาจะมองไม่เห็นข้าจึงไม่ตอบอันใด ไม่ได้การแล้วต้องรีบตามหมอ” จางชิงหนี่ว์เริ่มร้อนรนเมื่อเห็นการตอบสนองของอีกฝ่ายไม่ค่อยน่าไว้ใจ “ช้าก่อน ข้ามองเห็นเจ้าแล้ว” “เห็นแล้วเหตุใดไม่ตอบข้า ทำเอาข้าใจคอไม่ดี” “ข้านึกว่าเสี่ยวมาวตกโคลน จึงตกใจชั่วครู่” “หน้าข้าเป
“คือข้ากลับไปคิดดูว่าหากเถ้าแก่หอชายงามไม่ยินยอมให้เรานำชายงามเหล่านั้นมาประชันแข่งขัน ข้าจึงคิดว่าหรือเราจะมองหาบัณฑิตรูปงามแต่ทว่ายากจนมาแข่งขันแทน หากใครได้อันดับหนึ่งเราก็ตอบแทนด้วยการมอบตำลึงให้จำนวนหนึ่งพร้อมกับภาพวาดของปรมาจารย์ลู่ซือ ที่ชื่อความดีใจ” “ภาพวาดปรมาจารย์ลู่ซือหรือ ความดีใจวาดเสร็จแล้วหรือ” “แท้จริงเสร็จนานแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ภาพความอาวรณ์เพิ่งปล่อยขายไปเมื่อสองปีก่อน ข้าจึงอยากให้ทิ้งระยะห่างสักนิด” “แต่ภาพวาดของปรมาจารย์ลู่ซือนั้น พี่ว่ามันสูงค่าเกินกว่าจะนำมามอบให้เป็นรางวัลของผู้ชนะ” “พวกบัณฑิตนั้นถือศักดิ์ศรีเป็นสำคัญหากรางวัลของผู้ชนะไม่สูงค่าพอ เกรงว่าจะไม่มีใครยอมเข้าแข่งขัน”&n
“นี่คิดจะโกงตั้งแต่อาหญิงเจ้ายังไม่ได้เริ่มจัดงานเลยหรือ” “องครักษ์ของข้าก็หน้าตาดีไม่น้อย อย่างไรท่านก็ได้กำไร” “กล่าวเช่นนี้เจ้ารู้รายละเอียดของการประกวดหรือไม่” หลานชายนางคงยังไม่ทราบว่าการประชันบุรุษรูปงามที่คุณหนูจางกล่าวถึงคือการให้บุรุษที่เข้าร่วมประชันถอดอาภรณ์ด้านบน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเปลือยอก “รู้แล้วอย่างไร ไม่รู้แล้วอย่างไร” องครักษ์มีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งของเขา มิอาจขัดขืนได้ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า บุรุษที่เข้าร่วมแข่งขัน ขอที่รูปงามหน่อยก็แล้วกัน” “ได้ขอรับ ท่านอาหญิงดูดีใจมากนะขอรับที่จะได้เป็นป้าสะใภ้ของนาง” 
แม้จะรู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของตนเป็นเช่นไร นางก็คิดจะเก็บงำเอาไว้ เพราะคิดว่าคนที่นางพึงใจนั้นไม่มีค่ามากพอที่จะเอาความสุขทั้งชีวิตไปแลกมา นางไม่อยากกลายเป็นสตรีร้ายกาจต้องการเศษเสี้ยวความเมตตาจากเขาที่เพียงแค่เขาปรายตาหันมามองก็หัวใจเต้นระรัวไปหลายวัน “เข่อชิง เจ้าไม่รักข้าแล้วก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าปิดกั้นข้าจะได้หรือไม่ ให้ข้าได้พิสูจน์ตนเองได้หรือไม่” สีหน้าอ้อนวอนของเขาทำให้นางใจเต้นระรัว “ท่านทำถึงเช่นนี้เพื่ออันใด มันไม่ดีต่อตัวท่านเองเลยแม้แต่น้อย” “เพราะข้ารักเจ้า รักมากกว่าทุกสิ่ง ข้ายินยอมที่จะแลกทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าเคียงข้าง เรื่องราวในกาลก่อนที่ข้าเคยทำร้ายจิตใจเจ้า เคยทำให้เจ้าลำบากทั้งที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ข้าขอโทษ ให้โอกาสข้าได้หรือไม่” กล่าวจบบุรุษสูงศักดิ์ก็คุกเข่าลงกับพื้น ยอมละทิ้งซึ่งศักด
1เกือบไปแล้ว ผ่านมาเกือบเจ็ดปีแล้วที่พี่ชายผู้นี้ทำหน้าที่เป็นทั้งบิดาและมารดาให้นางเพราะตั้งแต่มารดาตาย บิดาจึงอาสาไปออกรบเกือบสามปีกว่าจะสิ้นลมในสนามรบ และก็เป็นเวลาสิบสี่ปีที่นางได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ซึ่งตามความเข้าใจของนางมันคือโลกนิยาย ทั้งยังเป็นหนึ่งในนิยายที่นางได้อ่านก่อนจะตายเพราะเดินข้ามทางม้าลายแล้วถูกรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ไร้จิตสำนึกชนล้มหัวกระแทกฟุตบาทตายอนาถ แม้จะงุนงงอยู่สักเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็ได้มาเกิดใหม่ในที่แห่งนี้ แต่ก็คิดเข้าข้างตนเองว่าคงเป็นเพราะก่อนตายเพียงสองวันนางได้บริจาคเงินหนึ่งร้อยหยวนให้กับวัดที่เดินผ่านทุกวัน ด้วยผลบุญนั้นจึงนำพาให้นางได้มาเกิดใหม่โดยไม่ต้องไปเดินเล่นในนรกก่อน ใช่แล้ว การมาที่โลกแห่งนี้ของนางไม่ได้ทะลุมิติหรือตายแล้วมาเข้าร่างผู้อื่นเช่นนางเอกนิยายที่เคยอ่าน แต่เป็นการที่นางตายจากแล้วเกิดใหม่โดยเริ่มตั้งแต่เป็นทารก ผ่านร้อนผ่านหนาวกว่าจะกลายเป็นแม่นางน้อยวัยใกล้ปักปิ่นผู้นี้ “พี่ใหญ่ข้าขอไปร่วมงานจิบชาชมดอกไม้ที่จวนหลิวมิได้หรือเจ้าคะ” จางชิงหนี่ว์ส่งสายตาออดอ้อนพี่ชาย “มิได้
เขาไม่มีทางยกน้องสาวให้บุรุษน่าตายผู้นั้นหรอก... “พี่ชายเห็นข้าเป็นสตรีเช่นไรเจ้าคะ ข้าไม่ได้ถูกล่อลวงง่ายดายเช่นนั้น ให้ข้าไปร่วมงานที่จวนหลิวเถิดนะเจ้าคะ” หากนางไปล่อลวงบุรุษอื่นเข้าจวนน่ะก็ไม่แน่ “เจ้าอยากไปจริงๆ หรือ” “ข้าอยากไปจริงๆ เจ้าค่ะ” นางอยากเห็นฉากที่พระเอกนางเอกเจอกันครั้งแรก อยากเห็นภาพที่บรรยายว่า ‘เพียงได้พบหน้าสบตาทุกอย่างรอบตัวก็ราวกับหยุดหมุน’ “เช่นนั้นก็ได้ เจ้าต้องอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากพี่เข้าใจหรือไม่” จุดประสงค์ของงานชมดอกไม้คือต้องการให้บุรุษสตรีได้พบเจอพูดคุยกันหวังสานสัมพันธ์ ซึ่งน้องเล็กยังไม่ถึงเวลาที่ต้องทำเช่นนั้น “เจ้าค่ะ พี่ใหญ่ของข้าน่ารักที่สุด” นางยิ้มดีใจก่อนจะโผเข้าไปกอดพี่ชาย ซึ่งคนเป็นพี่ก็ได้แต่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน ปีหน้านางก็คงโผกอดเขาเช่นนี้มิได้แล้ว เพราะคำว่า ‘เหมาะสม’ ในสายตาผู้อื่นเพียงคำเดียว แม้จะเป็นพี่น้องที่รักใคร่กัน แต่หากเติบโตถึงวัยออกเรือนก็จะสนิทสนมกันดังเช่นแต่ก่อนไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้คุณชายใหญ่จางไม่ชอบใจอยู่มาก “วันนี้เจ้า
แม้ในจวนของอดีตแม่ทัพประจิมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นจวนท่านราชเลขาฯ แล้วจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเพราะยังมีท่านราชครูจางคอยเกื้อหนุน แต่คุณหนูของเขาก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพบุรุษขายเพื่อหาเงิน เนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ที่จางชิงหนี่ว์วาดภาพสลับกับลอบมองบุรุษในลานฝึกวรยุทธ์ผ่านพุ่มไม้ แปะ แปะ แรงสะกิดของใครบางคนดึงความสนใจของนาง แต่เพราะคิดว่าคนที่สะกิดคือผู้คุ้มกันของตน นางจึงตอบกลับไปสั้นๆ โดยไม่ได้หันไปมอง “หากรูปนี้เสร็จข้าก็จะกลับแล้ว” แปะ แปะ คนที่อยู่ด้านหลังก็ยังใช้ปลายนิ้วแตะลงบนไหล่นาง&
แม้จะรู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของตนเป็นเช่นไร นางก็คิดจะเก็บงำเอาไว้ เพราะคิดว่าคนที่นางพึงใจนั้นไม่มีค่ามากพอที่จะเอาความสุขทั้งชีวิตไปแลกมา นางไม่อยากกลายเป็นสตรีร้ายกาจต้องการเศษเสี้ยวความเมตตาจากเขาที่เพียงแค่เขาปรายตาหันมามองก็หัวใจเต้นระรัวไปหลายวัน “เข่อชิง เจ้าไม่รักข้าแล้วก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าปิดกั้นข้าจะได้หรือไม่ ให้ข้าได้พิสูจน์ตนเองได้หรือไม่” สีหน้าอ้อนวอนของเขาทำให้นางใจเต้นระรัว “ท่านทำถึงเช่นนี้เพื่ออันใด มันไม่ดีต่อตัวท่านเองเลยแม้แต่น้อย” “เพราะข้ารักเจ้า รักมากกว่าทุกสิ่ง ข้ายินยอมที่จะแลกทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าเคียงข้าง เรื่องราวในกาลก่อนที่ข้าเคยทำร้ายจิตใจเจ้า เคยทำให้เจ้าลำบากทั้งที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ข้าขอโทษ ให้โอกาสข้าได้หรือไม่” กล่าวจบบุรุษสูงศักดิ์ก็คุกเข่าลงกับพื้น ยอมละทิ้งซึ่งศักด
“นี่คิดจะโกงตั้งแต่อาหญิงเจ้ายังไม่ได้เริ่มจัดงานเลยหรือ” “องครักษ์ของข้าก็หน้าตาดีไม่น้อย อย่างไรท่านก็ได้กำไร” “กล่าวเช่นนี้เจ้ารู้รายละเอียดของการประกวดหรือไม่” หลานชายนางคงยังไม่ทราบว่าการประชันบุรุษรูปงามที่คุณหนูจางกล่าวถึงคือการให้บุรุษที่เข้าร่วมประชันถอดอาภรณ์ด้านบน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเปลือยอก “รู้แล้วอย่างไร ไม่รู้แล้วอย่างไร” องครักษ์มีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งของเขา มิอาจขัดขืนได้ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า บุรุษที่เข้าร่วมแข่งขัน ขอที่รูปงามหน่อยก็แล้วกัน” “ได้ขอรับ ท่านอาหญิงดูดีใจมากนะขอรับที่จะได้เป็นป้าสะใภ้ของนาง” 
“คือข้ากลับไปคิดดูว่าหากเถ้าแก่หอชายงามไม่ยินยอมให้เรานำชายงามเหล่านั้นมาประชันแข่งขัน ข้าจึงคิดว่าหรือเราจะมองหาบัณฑิตรูปงามแต่ทว่ายากจนมาแข่งขันแทน หากใครได้อันดับหนึ่งเราก็ตอบแทนด้วยการมอบตำลึงให้จำนวนหนึ่งพร้อมกับภาพวาดของปรมาจารย์ลู่ซือ ที่ชื่อความดีใจ” “ภาพวาดปรมาจารย์ลู่ซือหรือ ความดีใจวาดเสร็จแล้วหรือ” “แท้จริงเสร็จนานแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ภาพความอาวรณ์เพิ่งปล่อยขายไปเมื่อสองปีก่อน ข้าจึงอยากให้ทิ้งระยะห่างสักนิด” “แต่ภาพวาดของปรมาจารย์ลู่ซือนั้น พี่ว่ามันสูงค่าเกินกว่าจะนำมามอบให้เป็นรางวัลของผู้ชนะ” “พวกบัณฑิตนั้นถือศักดิ์ศรีเป็นสำคัญหากรางวัลของผู้ชนะไม่สูงค่าพอ เกรงว่าจะไม่มีใครยอมเข้าแข่งขัน”&n
“ดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ มองเห็นข้าชัดหรือไม่” สตรีที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นผงถ่านดูมอมแมม โบกมือไปมาตรงหน้าพลางจับจ้องเขาด้วยแววตาห่วงใย “...” “แย่แล้ว หรือเขาจะมองไม่เห็นข้าจึงไม่ตอบอันใด ไม่ได้การแล้วต้องรีบตามหมอ” จางชิงหนี่ว์เริ่มร้อนรนเมื่อเห็นการตอบสนองของอีกฝ่ายไม่ค่อยน่าไว้ใจ “ช้าก่อน ข้ามองเห็นเจ้าแล้ว” “เห็นแล้วเหตุใดไม่ตอบข้า ทำเอาข้าใจคอไม่ดี” “ข้านึกว่าเสี่ยวมาวตกโคลน จึงตกใจชั่วครู่” “หน้าข้าเป
14 เงื่อนไขการเป็นพระชายา ช่างเป็นโชคดีของนางจริงๆ พี่ใหญ่ได้รับราชโองการให้เป็นตัวแทนฮ่องเต้ กำกับดูแลกรมพิธีการที่เป็นผู้จัดพิธีหมั้นหมายขององค์รัชทายาท รวมทั้งเตรียมงานอภิเษกสมรสที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จางชิงเทียนจึงต้องออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่และกลับจวนกลางดึก นางจึงรอดพ้นจา
บุรุษในอาภรณ์สีดำลายพยัคฆ์ปักทองอุ้มนางมาที่รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์จวนชินอ๋อง เขาวางนางลงก่อนจะทรุดตัวนั่งใกล้มากจนแนบชิด “พี่อันฉีเจ้าขา รถม้าจวนอ๋องกว้างไม่น้อย อย่างไรท่านขยับออกไปหน่อยได้หรือไม่” ที่ก็ตั้งกว้างจะมานั่งเบียดนางด้วยเหตุใด “เจ้าช่างดื้อรั้น พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ายัดเยียดพี่ให้สตรีอื่น” “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้ารีบกลับจวนจริงๆ” “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้ารีบกลับจวนจริงๆ” “ได้ยินมาว่าเจ้าชอบกินขนมกุ้ยฮวาหรือ” “เจ้าค่ะ” เขาคงเคยได้ยินที่นางกล่าวกับสหายในงา
ไม่ๆ อย่าให้ความอยากรู้อยากเห็นอยู่เหนือสิ่งใด เมื่อคิดได้เช่นนั้นคุณหนูจางจึงเดินไปทางที่ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ ดวงหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น โชคดีอีกอย่างคือตอนนี้นางยังปกปิดใบหน้าครึ่งล่างด้วยผ้าที่ให้จื่อเป่าไปหาซื้อมาให้ก่อนหน้านี้ ‘ให้หม่อมฉันยืนรอด้วยนะเพคะ’ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยช่างอ่อนหวานพาให้จิตใจบุรุษเคลิบเคลิ้ม แต่เพราะกำลังรีบร้อนนางจึงไม่ทันได้ยินหรอกว่าอีกฝ่ายตอบกลับเช่นไร เนื่องจากเอาแต่ครุ่นคิดนางจึงไม่ทันได้รู้ตัวว่าสาวใช้ของตนเดินนำหน้าไปไกลแล้ว ‘อาภรณ์ข้าเกี่ยวอันใดหรือไม่’ เหตุใดนางถึงรู้สึกตึงๆ บริเวณแขนเสื้อ “คารวะคุณหนูจางเจ้าค่ะ” เสียงอ่อนหวานของสตรีดึงความสนใจของนางจนนางต้องหันกลับไปมอง
“ลืมทักไปเลยว่าได้ปิ่นไม้จากที่ใดมา ช่างงดงามและประณีตจริงๆ” “ดอกหมู่ตานเป็นดอกไม้ที่พระชายาของชินอ๋องชื่นชอบ สุดท้ายจึงกลายเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ไปโดยปริยาย” “เจ้าจะบอกว่าปิ่นนั่นเป็นของพระชายาชินอ๋อง เช่นนั้นก็หมายความว่าชินอ๋องซื่อจื่อได้หมายตาชิงหนี่ว์ตัวน้อยของข้าไว้นะสิ” “กล่าวออกมาได้เต็มปากเต็มคำ ดูท่านอาหญิงจะรักและเอ็นดูนางมาก” บุรุษไร้ยางอายที่เมื่อสักครู่ซ่อนตัวอยู่หลังร้านทำสีหน้ายุ่งเหยิง เหตุใดแพรพรรณล้ำค่าที่ตนได้รับมอบหมายจากมารดาให้นำมามอบให้ท่านอาหญิง กลับกลายเป็นอาภรณ์มอบให้สตรีไร้หัวนอนปลายเท้าผู้นั้น นอกจากใบหน้าที่งดงามเขาก็ไม่เห็นว่ามีอันใดที่จะทำให้อาหญิงเอ็นดูอีกฝ่ายได้&nb
13 ว่าด้วยเรื่องขนมกุ้ยฮวา ในวันนี้นางได้นัดหมายกับพี่ใหญ่ว่าจะออกไปซื้อของใช้ที่ตลาดด้วยกัน แต่เพราะฮ่องเต้มีเรื่องสำคัญจึงเรียกตัวเข้าวังเป็นการเร่งด่วน นางจึงออกมาเดินตลาดกับจื่อรั่วและจื่อเป่า ร้านขายภาพวาดซือซือเป็นร้านที่ติดต