ท่านอ๋องรีบขยับตัวเพื่อให้นางได้จัดที่นอนของตัวเอง เขารีบหันไปมองหลันเยว่ซินที่เดินเอาหมอนและผ้าห่มในหีบที่ตั้งวางไว้เดินมา แต่ช่วงที่นางหันมา ท่านอ๋องเจ้าเล่ห์ก็พยายามทำสีหน้าเหมือนป่วยและไอถี่ๆพอเป็นพิธี
“เสด็จอาแน่ใจนะเพคะว่าไม่ต้องการดื่มยาลดไข้ก่อนจะบรรทม”
“ไม่ละ คงเพราะเดินทางมาไกลและอากาศเปลี่ยนกะทันหัน ก็เลยปรับตัวไม่ทัน เจ้าคงไม่รังเกียจคนแก่อย่างข้าหรอกกระมังเยว่ซิน”
“เสด็จกล่าวเกินไปแล้วเพคะ อายุเพียงเท่านี้จะเรียกว่าแก่ได้เช่นไรเพคะ”
“นั่นสิๆ ใช่ๆ ข้ากับเจ้าอายุห่างกันเพียงแค่แปดปีเอง เจ้าว่าหรือไม่ว่านี่มันช่าง….”
“หม่อมฉันจะดับไฟแล้วนะเพคะ”
“อ้อ….เช่นนั้นข้าจะนอนแล้ว”
หลันเยว่ซินลุกขึ้นไปดับไฟพร้อมกับใช้ฝาครอบเพื่อมิให้มีควันออกมารบกวนท่านอ๋อง นางถอดชุดคลุมด้านนอกออกแล้วเดินมาที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆเขาโดยมีหมอนข้างกั้นเอาไว้ระหว่างทั้งสอง
ในตอนเด็กที่นางมาที่นี่ใหม่ๆ นางก็มักจะขอมานอนกับเขาเพราะฝันร้าย แม่นมเถียนจะพานางมาก่อนที่ท่านอ๋องจะบรรทม เขาก็จะอนุญาตให้นางนอนด้วยเพราะเห็นว่านางเป็นน้องสาว แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขา…ไม่ได้คิดกับนางแค่น้องสาวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
วันรุ่งขึ้น….
ท่านอ๋องลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเตียงที่ว่างเปล่า เหลือเพียงเขาอยู่คนเดียว เขาตื่นมาด้วยความตระหนกและนึกขึ้นได้ว่านางคงออกไปแล้วตั้งแต่เช้ามืด แต่ว่า…นางไปไหนกันเล่า
“จงลี่!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าอย่าลืมจัดคนของเราอารักขาคุณหนูด้วย”
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าแต่ นางไปที่ใดแล้ว เหตุใดนางตื่นไปข้าจึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”
“เอ่อ…กระหม่อมเห็นว่าคุณหนูรีบจัดเตรียมของออกไปแต่เช้า เห็นว่าจะไปไหว้พระและเลยไปที่สกุลลี่พ่ะย่ะค่ะ”
“สกุลลี่ จวนท่านมหาบัณฑิต ลี่เสี่ยวโม่”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ข้าทราบแล้ว เตรียมชุดให้ข้า”
“พระองค์จะเสด็จที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าลืมประชุมเช้าราชสำนักหรืออย่างไรกัน เร็วเข้า!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินทางมาประชุมเช้าที่ราชสำนักของเฉินโจว ข่าวว่าท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้วเป็นที่ทราบโดยทั่วกันขาดแต่ไม่ได้จัดงานต้อนรับเพราะแต่ไหนแต่ไรมาท่านอ๋องไม่โปรดปรานงานเลี้ยงจอมปลอมเช่นนี้ นอกจากจะมีโอกาสพิเศษอื่นเช่นเรื่องที่เขานำเข้าที่ประชุมวันนี้
“อีกสี่วันเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อให้กำลังให้เหล่าทหารกล้าผู้พลีชีพและเสียสละตนเองเพื่อรักษาบ้านเมืองของเราเอาไว้ เปิดคลังเสบียงเพื่อแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้ชาวบ้านและเฉลิมฉลองกันทั้งเมือง ผู้ใดมีข้อเสนอแนะอื่นอีกหรือไม่”
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมขออนุญาตเสริมพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเจ้ากรมซ่ง เชิญกล่าว”
เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้ากรมซ่งไม่มีครั้งไหนที่จะยอมพลาดโอกาสนำเสนอบุตรสาวของตนเพื่อตำแหน่งพระสนมหรือไม่ก็พระชายาอ๋อง เป็นที่รู้กันทั่วว่าเขาหวังกับตำแหน่งนี้มาก
ด้วยซ่งเหมยลี่ที่งดงามและมากความสามารถ นางได้ชื่อว่ายอดหญิงงามแห่งเฉินโจว ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาทุกประการอย่างปฏิเสธไม่ได้
“กระหม่อมเห็นว่าในงานนี้ ควรจะให้เป็นงานที่พบปะระหว่าสตรีและบุรุษที่ยังมิได้ออกเรือน ได้มีโอกาสได้พบกันและทำความรู้จัก อีกทั้ง..เรื่องการแต่งตั้งพระชายาท่านอ๋อง…”
“อ้อ ท่านเจ้ากรมห่วงเรื่องว่าเฉินโจวเราจะมีคู่แต่งงานที่น้อยลงและราษฎรจะลดจำนวนลง ใช่ ข้าหลงลืมไปได้เช่นไรกันนะ ดีๆ ได้ งั้นเรื่องนี้ให้ท่าจัดการ ข้าเห็นด้วยกับการจัดนัดพบเช่นนี้”
“ท่านอ๋อง แล้วเรื่อง…แต่งตั้งพระชายาเล่าพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานแล้ว ครั้งนี้เรื่องศึกสงครามก็สงบแล้ว ควรจะถึงเวลาที่จะ…”
“ท่านเจ้ากรมโยธา ข้าพึ่งได้รับรายงานของท่าน อำเภอกู่ที่อยู่ชายแดนตะวันตก ช่วงหน้าน้ำหลากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี ท่านเสนอให้สร้างเขื่อน เรื่องนี้ ท่านมีแผนการต่อว่าอย่างไร”
ท่านอ๋องมิสนใจคำกล่าวของเจ้ากรมซ่งที่พยายามเอ่ยเรื่องพระชายา เขาเองยังไม่มีแผนรับมือเรื่องนี้ แต่เรื่องที่จะให้ซ่งเหมยลี่เข้ามาเป็นพระสนมหรือพระชายา เขาไม่มีทางยอมเพราะเขาไม่ได้มีใจให้กับนาง อีกทั้งเป้าหมายของเจ้ากรมซ่งก็ชัดเจนจนเกินงามทำให้เขาไม่พึงใจนัก
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมมีปรึกษากับนายอำเภอกู่แล้ว ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างอยากให้มีเขื่อนเพื่อกั้นน้ำสำหรับฤดูเพราะปลูก จะได้บรรเทาความเสียหายและสามารถทำการค้าได้ปกติ เพราะชายแดนฝั่งนั้นติดกับ ฮั่วซู ซึ่งค้าขายขนสัตว์และอาหารสัตว์ เป็นคู่ค้าและพันธมิตรที่ดีกับเราเสมอมา หากว่าเราส่งทูตไปปรึกษา คิดว่าเรื่องสร้างเขื่อนนี้ เราและฮั่วซูจะได้รับผลตอบแทนที่ดีทั้งสองฝ่ายพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี เช่นนั้นท่านก็ดำเนินการได้เลย ส่วนเรื่องเจรจา ข้า…จะเดินทางไปที่นั่นด้วยตนเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เอาล่ะ ข้ามีเรื่องแจ้งให้พวกท่านทราบเท่านี้ ทุกคนดำเนินการได้เลย อีกสี่วันพบกันที่งานเลี้ยง หวังว่าทุกคนในเมืองเฉินโจวจะร่วมสนุกกับงานนี้ด้วยหลังจากภาวะสงครามที่ยาวนาน เลิกประชุม”
เป็นอีกครั้งที่เจ้ากรมซ่งไม่สามารถนำเรื่องบุตรสาวเข้ามาในที่ประชุมได้ทั้งๆที่โอกาสและทุกอย่างเหมาะ แต่บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าเขามักมากจนเกินงามที่อยากจะผูกดองกับสกุลอ๋อง
จวนสกุลลี่
“คุณหนู มิทราบว่าท่านมาพบผู้ใดขอรับ”
“ข้าหลันเยว่ซิน สหายของลี่หลานเฟินจากสำนักศึกษาป๋อเหวิน ข้ามาเยี่ยมหลานเฟิน รบกวนท่านไปแจ้งนางให้ที”
“รบกวนคุณหนูนั่งรอที่ห้องโถงสักครู่ บ่าวจะให้สาวใช้ไปแจ้งคุณหนูขอรับ”
“ขอบคุณ”
สมกับเป็นจวนของมหาบัณฑิต แม้แต่ผู้ที่มารับรองแขกและบ่าวไพร่ ต่างล้วนถูกฝึกอบรมวิธีการพูดและมารยาทในการรับแขกมาอย่างดี เยว่ซินนั่งรอที่ห้องโถงกับชุนถงเงียบๆ
ไม่นานนักก็มีบุรุษหนุ่มเดินเข้ามาด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่เคยพบหน้าสตรีแปลกหน้าที่งดงามเช่นนี้มาก่อนในเฉินโจว
“มิทราบว่าแม่นางมาที่นี่ มีธุระอะไรกับผู้ใดหรือ”
หลันเยว่ซินหันไปมองผู้ที่พึ่งเดินมาใหม่ นางลุกขึ้นและคำนับให้เขา
“ข้าน้อยหลันเยว่ซิน เป็นสหายเรียนร่วมสำนักกับหลานเฟิน มาที่นี่เพราะมาเยี่ยมนางเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านบัณฑิตคือ…”
“อ้อ …ข้าน้อยต้องขออภัย มิทราบว่าเป็นคุณหนู หลัน หลานสาวของท่านอ๋องจวิน ให้เกียรติมาเยี่ยมถึงจวน ขออภัยที่เสียมารยาทข้าน้อย ลี่หยางจิน บุตรคนโตของท่านมหาบัณฑิตลี่เสี่ยวโม่ ขออภัยที่มิได้ต้อนรับให้สมเกียรติ”
“ท่านบัณฑิตลี่อย่าได้เกรงใจ ข้ามาที่นี่เพียงแค่เยี่ยมเยือนสหายเท่านั้น อย่าได้….”
“เยว่ซิน!! มาหาข้าแล้ว เยว่ซิน”
ลี่หลานเฟินเดินเข้ามาพร้อมกับความดีใจที่เห็นว่าเยว่ซินมาหานาง นางรีบวิ่งออกมาจากห้องเพื่อมาพบเยว่ซิน
“น้องเล็ก เหตุใดไม่รักษามารยาท เจ้ากับคุณหนูหลันไปเรียนสำนักศึกษาที่เดียวกัน แต่เหตุใดมารยาทจึงแตกต่างกันเช่นนี้”
“พี่ใหญ่ ท่านพึ่งเคยพบเยว่ซินของข้าก็เข้าข้างนางเสียแล้วสินะ”
“น้องเล็ก เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็แค่…”“เอาล่ะๆไม่พูดแล้ว เราไปคุยกันที่สวนเถอะ พี่ใหญ่ท่านจะไปที่ใดก็รีบไปเถิดเจ้าค่ะ”“ข้า…วันนี้ข้าว่างแล้ว หากว่าคุณหนูหลันไม่รังเกียจ ให้พวกข้ารับรองท่านด้วยชาและของว่างดีๆกว่านี้เถิด”“ขอบคุณคุณชายลี่เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเชิญคุณหนูทางนี้เลย”เยว่ซินเดินตามพวกเขาไปที่สวนด้านหลังพร้อมกับหลานเฟินที่กระทุ้งเอวพี่ใหญ่ของตัวเอง“พี่ใหญ่ ข้ารู้นะว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่”“น้องเล็กอย่าพูดเหลวไหล เจ้ารู้หรือไม่ว่าสหายเจ้าผู้นี้คือใคร หากรับรองไม่ดีจะเกิดข้อครหากับจวนมหาบัณฑิต ชื่อเสียงของท่านพ่อคงฝากเอาไว้ที่เจ้าไม่ได้”“พี่ใหญ่ อย่าทำเป็นเอาชื่อเสียงท่านพ่อมาอ้าง ข้ารู้ว่าท่านแอบมองสหายข้าอยู่ แต่ท่านรู้หรือไม่ว่านางน่ะ เป็นที่สนใจของบุรุษอื่นๆมากมาย คู่แข่งของท่าน ท้ายแถวคงอยู่ประตูเมืองเฉินโจวโน่นเลยล่ะ”“เพราะข้ามีเจ้าอย่างไรเล่า จึงไม่จำเป็นต้องไปต่อแถว”“ท่านมันร้ายกาจเกินไปแล้ว”“รีบพานางไปนั่งเถอะ ข้าจะไปบอกเด็กให้นำชาหลงจิ่งและทำของว่างมาให้”“ข้าคิดค่าลัดแถวของท่านแพงแน่ๆ”“ข้าจะจ่ายค่าชุดใหม่ให้เจ้าพร้อมเครื่องประดับสี่ชุด ว่าอย่างไร”“เจ้าค่ะ ได้เลยแ
จวินลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ แต่ก็รีบนั่งลงทันทีพร้อมกับปรับสีหน้าและเริ่มไอขึ้นมา“พระองค์ยังไม่หายดี เหตุใดยังมาประทับอยู่ที่นี่เพคะ เหตุใดจึงไม่ไปนอนพักเสียหน่อย”“เจ้า…กลับมาแล้วงั้นหรือ ออกไปเที่ยวมา สนุกหรือไม่เล่า”“หม่อมฉัน..เพียงแค่ไปส่งเทียบเชิญเท่านั้นเพคะ นั่งคุยกับหลานเฟินนานไปหน่อยก็เลยกลับมาช้าเพคะ”“แน่ใจว่ามีเพียงนางแค่คนเดียว”“ว่าอย่างไรนะเพคะ เสด็จอาหมายถึงอะไรเพคะ”“แค่ก แค่ก”“เสด็จอาเพคะ”“ข้าคอแห้ง รินชาให้ข้าที”“เพคะ”เยว่ซินหันมายิ้มและรินชาให้ท่านอ๋องและยกไปให้เขาพร้อมกับยกให้ เขารับขึ้นมาดื่มพร้อมกับลอบยิ้ม อย่างไรนางก็กลับมาแล้ว ความหงุดหงิดนั้นก็เริ่มเบาบางลง“เจ้า….เหตุใดไม่รีบเตรียมตัว อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเลี้ยงแล้ว”“หม่อมฉันต้องเตรียมตัวอย่างไรเพคะ หม่อมฉันก็สั่งบ่าวไพร่ให้จัดแจงงานแล้ว อาหารและเสบียงที่เสด็จอาสั่งก็ตระเตรียมแล้ว และยุ้งฉางที่สั่งเปิดเพื่อแจกจ่ายเสบียงหม่อมฉันก็ไปตรวจนับจำนวนไว้แล้ว”“ข้ามิได้หมายถึงเรื่องพวกนั้น เอาเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเอง”“แต่ว่าพรุ่งนี้…”“เจ้ามีธุระอะไรก็
“แล้วพรุ่งนี้เสด็จอาจะพาหม่อมฉันไปที่ใดหรือเจ้าคะ”“พรุ่งนี้…เจ้าก็จะรู้เอง รีบทำเถอะ อีกไม่มากแล้ว”“เพคะ”หลันเยว่ซินไม่สอบถามอะไรเขาอีก พวกเขานั่งทำงานไปเงียบๆและมีพูดคุยซักถามกันบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น ซึ่งเยว่ซินออกมาจากห้องทรงงานนั้นช่วงเย็นแล้ว นางเห็นว่าเวลายังพอเหลือจึงตัดสินใจไปแช่น้ำที่ห้องอาบน้ำ“เมื่อยแขนเสียจริง”นางวาดแขนไปมาในสระน้ำอุ่นนั้น นางชอบสระน้ำอุ่นที่ตำหนักที่สุดเพราะทั้งกว้างและสบายแล้วยังมีโขดหินใหญ่ริมสุดที่ทำเป็นน้ำตกปลอมเอาไว้ทำให้รู้สึกราวกับอาบน้ำอยู่กลางน้ำตกในป่า ขาเรียวนั้นตีน้ำไปมาอย่างอิสระ ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงด้านนอก ราวกับว่าจะมีคนกำลังเข้ามา นางสั่งให้ชุนถงกลับไปแล้วจึงไม่มีผู้ใดเฝ้าอยู่ มิใช่ว่าท่านอ๋องจะมาอาบน้ำเอาเวลานี้หรอกใช่หรือไม่ นางรีบว่ายไปซ่อนที่โขดหินด้านหลังเมื่อร่างหนึ่งที่สวมเพียงผ้าพันรอบเอวและเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำ ใจของเยว่ซินเต้นระทึกมากกว่าเดิมเพราะนางพึ่งจะเคยเห็นแผงอกนั่นเต็มๆ“แย่แล้ว เสด็จอาจริงๆด้วย ทำเช่นไรดีเล่า”บัดนี้โขดหินนี้คือที่ซ่อนที่เดียวที่สามารถกำบังกายนางเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาเห็นได้เมื่อท่านอ๋องเริ่มถอด
ใบหน้าของเยว่ซินร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง นี่นางทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปได้จริงหรือนี่ เลือดกำเดาไหลต่อหน้าเขาแล้วยัง….“แย่จริง เสด็จอาต้องจับได้แน่ๆว่าข้า….”“เยว่ซิน เจ้าเป็นอะไร ยังปวดที่ใดอีกหรือไม่”“ไม่เพคะ คือว่าหม่อมฉัน”“เช่นนั้นก็นั่งลง สำรับกำลังจะมาแล้ว”“เสด็จอาเพคะ คือว่า…ท่านหมอบอกว่าหม่อมฉัน ติดไข้จากเสด็จงั้นหรือเพคะ”“ใช่สิ เจ้าสงสัยอะไรงั้นหรือ”“เปล่าเพคะ”“เช่นนั้นก็กินข้าวเถอะ วันนี้เจ้าคงเหนื่อยแล้ว ทั้งออกไปข้างนอกมาและยังมาช่วยงานข้าอีก เอานี่ กินเยอะๆ”จวินลู่หานพยายามจะไม่พูดถึงเรื่องที่นางป่วยอีก เขาเกรงว่านางจะอายจนไม่กล้ากินข้าว แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่านางในตอนนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่อ่อนโยนลง หรือแม้แต่บางครั้งที่ไม่ค่อยกล้าสบตาเขา“หม่อมฉันอิ่มแล้วเพคะ”“เช่นนั้นก็ดื่มยานี่แล้วนอนพักเสีย”“เพคะ”หลันเยว่ซินรับยาจากท่านอ๋องมาโดยง่าย แต่นางไม่ชอบดื่มยาเอาเสียเลย ทุกครั้งที่ีดื่มยาจะต้องกลั้นหายใจและพยายามดื่มรวดเดียวจนหมด เมื่อนางวางถ้วยยาลงจึงหันมามองหน้าเสด็จอา เขายื่นลูกบ๊วยมาให้นางพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มักมีให้นางอยู่เสมอ“เอานี่
“เสด็จอา!!”“ชู่ว เจ้าอย่าลืมสิ ข้างนอกนี่เรามิใช่ท่านอ๋องกับคุณหนู หลันนะ”“แต่ว่าข้า…”“ทำไม เจ้าไม่ชอบคำเรียกนี้งั้นหรือ”“คือว่า..”“รีบสั่งสิ เจ้าไม่หิวหรือ เดินมาทั้งวันแล้ว”“เจ้าค่ะ”“ดีมาก”เยว่ซินสั่งอาหารสองสามอย่างมาพร้อมกับน้ำชา พวกเขากินเสร็จแล้วจึงเดินซื้อของในตลาดอีกหลายร้านก่อนจะกลับไปที่ตำหนัก ขากลับจากตลาด ความอ่อนล้าเพราะเดินมาก เยว่ซินจึงเผลอหลับ ท่านอ๋องจึงเอาไหล่ให้นางพิงพร้อมกับแอบโอบกอดนางเพื่อไม่ให้นางตก วันนี้ทั้งวันเขากับนางเล่นเป็นสามีภรรยากันอยู่ข้างนอกนั่นทำให้เขาอารมณ์ดี มือนั้นหยิบบางอย่างที่แอบซื้อออกมาและติดไปที่ผมของนาง เป็นที่ใส่ผมผีเสื้ออันเล็กๆที่มีมุกประดับห้อยลงมา เขาเห็นว่ามันดูเหมาะกับนางจึงแอบซื้อมาให้ ตอนนี้เมื่อใส่ที่ผมของนางแล้วก็รู้สึกว่าเหมาะกว่าที่เขาคิด“อืม..ถึงแล้วหรือเพคะ”“ใกล้แล้ว นอนอีกหน่อยเถอะ”เขาดึงเธอมาซบที่ไหล่เขาอีกครั้ง เยว่ซินเองก็ไม่ได้ขัดคำสั่งนี้ นางพิงไปที่ไหล่เขาทันทีเช่นกันพร้อมกับลอบยิ้มด้วยความพอใจไม่น้อย วันนี้นางมีความสุขมากเหลือเกิน ตั้งแต่มาอยู่เฉินโจว ไม่สิต้องบอกว่าตั้งแต่นางสูญเสียครอบครัวที่เมือง เหล
หลันเยว่ซินทำท่าตกใจอย่างมาก เหตุใดเขาจึงสั่งให้นางนำเครื่องประดับที่เขาซื้อให้เองออก ชุนถงเองก็ต้องรีบนำผีเสื้อคู่นั้นออกตามคำสั่งทันทีด้วยเกรงว่าผมที่นางอุตส่าห์ทำให้คุณหนูของนางจะพัง “เสด็จอาเพคะ เหตุใดจึง…”“พวกเจ้าออกไปก่อน”ชุนถงและจงลี่ออกไปตามคำสั่ง ก่อนออกไปเขาส่งกล่องไม้หรูหรานั้นให้ท่านอ๋องและเดินออกไปพร้อมกับชุนถงทันที เขาเดินเข้าไปหานางที่นั่งอยู่ สายตาของเยว่ซินมองกล่องในนั้นอย่างนึกสงสัย“นี่คือสิ่งใดเพคะ”“ของขวัญสำหรับเจ้า เปิดดูสิ คืนนี้ข้าอยากให้เจ้าสวมเครื่องประดับชุดนี้”เยว่ซินรับกล่องใบนั้นมาพร้อมกับวางที่บนโต๊ะและเปิดออก ในนั้นคือกำไลหยกขาว เครื่องประดับสีเงินประดับทับทิมสีแดงและมุกประดับสลับกันมีมาลาสำหรับใส่ผม ต่างหูหนึ่งคู่ สร้อยคอและปิ่นปักผมที่งดงามหรูหราเป็นรูปหงส์คาบมุกพร้อมกับพลอยสีชมพูอ่อนยาวที่เป็นเส้นประดับลงมาเข้าชุดกันกับเครื่องประดับที่เหลือ“ชอบหรือไม่”“มันงดงามมากเลยเพคะ แต่เครื่องประดับหรูหราเช่นนี้ หม่อมฉัน…”“เป็นของขวัญสำหรับพิธีปักปิ่นที่ข้ามิได้ส่งให้เจ้า มิใช่ว่าข้าลืม แต่ในเวลานั้น ข้าทำศึกอยู่นองเมืองเฉินโจว จนปัญญาจะสรรหาของขวัญดี ๆ
ซ่งเหมยลี่รู้สึกอับอายยิ่งนักเมื่อถูกปฏิเสธอย่างแรงกลางงานเลี้ยงเช่นนี้ แม้ว่าเหล่าขุนนางจะรู้ว่านางเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาอ๋องแต่ขุนนางบางส่วนก็ไม่ได้ชอบใจวิธีการของนางและบิดามากนักที่พยายามอยากจะขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ หากว่ามีสตรีอื่นที่ดูเหมาะสมกว่านางสักนิดให้พวกเขาได้สนับสนุนแล้วละก็….“คุณหนูขอรับ”เยว่ซินหันไปมองจงลี่ที่เดินมาหานางด้วยหน้าตาแตกตื่นเล็กน้อย"“พี่จงลี่ เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ”“รีบไปเถิดขอรับ ท่านอ๋องเริ่มกริ้วแล้ว”“แต่ที่นั่นมันที่สำหรับขุนนางนะเจ้าคะ”“รีบไปเถิดขอรับข้าน้อยขอร้อง”เยว่ซินหันมามองหลานเฟินและนางก็ตบแขน ลี่ หยางจินและฟู่หย่งเล่อก็รู้ดีว่านางคือผู้ใด จึงไม่มีใครคัดค้านนาง“เจ้ารีบไปเถอะ งานนี้ส่วนหนึ่งท่านอ๋องก็ตั้งใจจัดให้เจ้าเช่นกัน หากไม่ไปคงไม่ดีแน่”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ”เยว่ซินเดินตามจงลี่ไปและไปนั่งที่โต๊ะข้างๆท่านอ๋อง ในตอนนี้เองที่เหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างมองไปยังที่หลันเยว่ซินด้วยความตกตะลึงในรูปโฉมที่งดงาม ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบนางมาก่อนและไม่ทราบว่านางคือผู้ใด แต่ขุนนางบางส่วนเริ่มยิ้มออกมาด้วยความพอใจ“ในที่สุดบุตรีเจ้ากรมซ่งก็พบคู่แข่งที
เกิดเสียงฮือฮามากกว่าเดิม ฟู่หย่งเล่อถึงกับสำลักสุราที่พึ่งดื่มเข้าไป ลี่หยางจินหันไปมองอย่างนึกตกใจ พร้อมกับหลายๆคนในงาน เหล่าขุนนางที่ซ่งเสวียนอุตส่าห์ให้มากดดันเขาในงานต่างหน้าซีดและไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดอีก แต่ฝั่งแม่ทัพฟู่และขุนนางฝ่ายกองทัพลอบยิ้มด้วยความพอใจยิ่งนัก. หลันเยว่ซินเองก็หันไปมองท่านอ๋องอย่างนึกไม่ถึงที่จู่ๆพระองค์จะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน ซ่งเหมยลี่หายใจเข้าออกถี่ๆด้วยความโกรธ นางเริ่มจะระงับความโกรธนี้ไม่อยู่แล้ว “ท่านอ๋อง เรื่องแต่งตั้งพระชายา ต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งเกียรติยศและวงศ์ตระกูลที่เหมาะสม นางผู้นี้ที่ไม่ทราบหัวนอนปลายเท้า พระองค์ถึงกับจะแต่งตั้งเป็นพระชายาเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่พระสนมเองยังไม่เหมาะสมเลยด้วยซ้ำไป”“ท่านเจ้ากรมซ่ง ท่าน…มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน ว่านางเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของข้า ตกลงนี่ข้าแต่งพระชายาของข้าหรือหาภรรยาใหม่ให้ท่านกันแน่”“กระหม่อม…”“พอแล้ว!!”เสียงเหี้ยมเกรียมนั่นกระแทกใส่เขาครั้งแรก ซ่งเสวียนถึงกับสั่นเพราะเขาไม่เคยเห็นท่านอ๋องที่ดุดันเช่นนี้มาก่อน แต่เหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองรู้เรื่องนี้ดีว่าท่านอ๋องผู้น
หลานเฟินมองเขาที่ถูกนางนอนทับอยู่จึงได้จะลุกขึ้นแต่เขาดึงนางเข้ามาพร้อมกับประกบปากจูบอย่างรวดเร็วและผลักนางลงไปอยู่ด้านล่างแทนสายคาดเอวถูกปลดออกไปจนได้ด้วยมือเขาที่ดึงออกมา มือหนาเริ่มรุกล้ำไปที่ด้านในปกเสื้อผ่านชั้นในเข้าไป นางรู้ว่ามือเขาสั่นน้อยๆเมื่อสัมผัสถูกยอดปทุมด้านในนั้น“พี่หย่งเล่อ ท่าน…ตื่นเต้นหรือเจ้าคะ”“ข้า…อยากเห็นข้างใน เจ้า..จะอนุญาตหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตัวข้า ใจข้าเป็นของท่านทั้งหมด ในเมื่อตกลงแล้วข้าย่อมยินยอม”“หลานเฟินเจ้าพูดเช่นนี้รู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าเช่นไร”“ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าในตอนนี้แผงอกกว้างของท่านยังเหมือนเดิมเหมือนครั้งที่อยู่ที่สำนักศึกษาหรือไม่”มือเรียวบางนั้นเอื้อมไปปลดเข็มขัดของเขาออกเช่นกัน ฟู่หย่งเล่อรู้งานทันที เขาถอดชุดคลุมด้านนอกออกและปูรองเอาไว้ที่พื้นและพาหลานเฟินไปนอนที่ชุดคลุมของเขาลิ้นที่ยังพัวพันกันไม่หยุดและเริ่มถอดชุดของนางออก เขาเริ่มเห็นเนินอกขาวเนียนนั้นแต่เขาอยากเห็นมากกว่านั้นเมื่อหลานเฟินเริ่มครางอย่างพอใจ“หลานเฟิน เจ้างามจริงๆ”ปากของเข้าเปลี่ยนมาครอบครองหน้าอกขาวตรงหน้าทันที ช่างพอเหมาะพอดีมือของเขาเสียยิ่งนัก เสียง
ทุ่งหญ้าแคว้นฮั่วซู“เบาๆหน่อย เจ้าอย่าดึงบังเหียนแรงเกินไปหลานเฟิน หากมันเจ็บมันจะดีดเจ้าเอา”“ข้ารู้ๆ อย่าพูดมากนัก ข้าตื่นเต้นจนลนลานไปหมดแล้ว”“เจ้าอย่าเกร็งจนหลังตรงเช่นนั้นปล่อยตัวตามสบาย”“หากท่านพูดอีกอีกคำเดียวนะฟู่หย่งเล่อ ข้าจะ ว๊าย…”“หลานเฟิน!! จับให้แน่นๆ”ม้าที่นางขี่เกิดตกใจเมื่อลี่หลานเฟินเผลอใช้เท้ากระแทกไปที่ลำตัวมันเพราะโมโหฟู่หย่งเล่อ มันจึงพานางวิ่งไปยังทุ่งหญ้ากว้างด้านล่าง ตัวนางเอนไปมาเพราะยังทรงตัวไม่ได้ ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าของเขาตามนางไป“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!”“ข้ามาแล้ว เจ้าอยู่นิ่งๆ จับให้แน่นๆนะ”“พี่หย่งเล่อ ช่วยข้าด้วย มัน…มันวิ่งไม่หยุดเลยข้ากลัว”“เจ้าอย่าตะโกนมันจะตกใจข้ามาแล้ว”ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าและขี่เข้าไปใกล้ม้าพร้อมกับกระโดดไปที่ม้าตัวที่นางนั่งอยู่ เขาซ้อนตัวอยู่ด้านหลังของนางและเริ่มคุมบังเหียนม้าให้นิ่ง ใช้เวลาไม่นานมันก็ค่อยๆสงบลงและลดความเร็วลง “จับดีๆ ค่อยๆลุกขึ้นมาสิเจ้าปลอดภัยแล้ว”“ข้า…ข้าอยากลง”“หากเจ้ากลัวมัน เจ้าก็จะขี่มันไม่ได้ เจ้าลองลืมตาดูสิ”“ข้ากลัว ไม่เอา”นางลุกขึ้นได้ก็หันเข้าซบอกของเขาทันที ฟู่หย่งเล่อนั้นเร
สิบวันถัดมาพิธีอภิเษกท่านอ๋องและหลันเยว่ซินถูกจัดขึ้นหลังจากที่จัดการเรื่องกบฏซ่งเสวียนและลงโทษขุนนางที่เป็นผู้ร่วมมือซึ่งถูกจับมาได้หมด ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่ก็ถูกปลดยศขุนนางและลงโทษเนรเทศออกจากเฉินโจว“พระชายาช่างงดงามยิ่งนัก”“ข้าเคยพบนางครั้งที่มาเดินตลาด ครั้งนั้นยังจ้องมองอยู่เลยแต่มิกล้าถามว่าเป็นบุตรสาวจวนใด ทั้งหน้าตาและผิวพรรณช่างแตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเหลือเกิน”“ช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก”หลังพิธีอภิเษกที่ถูกจัดขึ้นที่ท้องพระโรงแล้ว ท่านอ๋องและพระชายาก็เดินออกมาพบปะกับประชาชนที่ระเบียงชั้นสามของวังหน้า ทั้งคู่ในชุดอภิเษกสีแดงสดยืนโบกมือให้กับประชาชนด้านล่าง“พระชายา วันนี้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ เพียงแค่รอยยิ้มของทุกคนด้านล่างนั้นก็คุ้มค่าเพียงพอแล้วเพคะ”“ไปกันเถอะ เราต้องไปไหว้บรรพบุรุษและทำพิธีจารึกนามของพระชายาอีก”“เพคะ”ภารกิจหลายอย่างทั้งพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่งตั้งพระชายาและจารึกชื่อในศาลบรรพชนสกุลจวินอ๋องผ่านไปด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องส่งตัวห้องส่งตัว“หลันเยว่ซิน ในที่สุดข้าก็ทิ้งฐานะเสด็จอาได้อย่างหมดสิ้นในวันนี้เอง”“ไม่คิดว่าพระองค์จะอย
จวินลู่หานถามชุนถง สาวใช้คนสนิทของเยว่ซินเมื่อเห็นนางเดินออกมาจากห้องของเยว่ซิน“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูไปอาบน้ำเพคะ”“อ่อ งั้นหรือ เข้าใจแล้วเจ้าไปเถอะ”“เพคะ”เขาเดินตามเยว่ซินเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที เมื่อเข้ามาก็เห็นว่านางนั่งพิงของสระอยู่ เขาจึงได้ค่อยๆเดินลงไปแช่น้ำกับนางทันที เมื่อลงไปแล้ว นางกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือกล่าวว่าเขา อันที่จริง นางไม่พูดเลยต่างหาก“เยว่ซิน …เจ้ามาอาบน้ำนานแล้วงั้นหรือ”“…..”เยว่ซินมิได้ตอบเขานางหันข้างให้ท่านอ๋องเล็กน้อยแต่มิได้หนีไปที่ใด เขาจึงเดินไปอีกทางเพื่อดักนางเอาไว้“เยว่ซิน เหตุใดไม่ตอบข้า เจ้ายังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ”นางเดินและเตรียมจะขึ้นเมื่อเขาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน“เดี๋ยวสิอย่าพึ่งไป เจ้า….หากว่าเจ้าโกรธข้าจะด่าข้าก็ได้ หรือตีข้าก็ได้ แต่อย่าเดินหนีแล้วไม่คุยกับข้าเช่นนี้”หลันเยว่ซินหันไปมองท่านอ๋องแวบนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เรียบไร้ความรู้สึก“รีบอาบแล้วตามขึ้นมา”“เยว่ซิน…”นางสลัดมือเขาออกและเดินขึ้นไปสวมเสื้อคลุมและเดินออกไปทันที ทิ้งให้ท่านอ๋องที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีที่เย็นชานั้น เขาไม่เคยง้อสตรีที่มีอาการเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าต
มีดปลายแหลมซึ่งเป็นอาวุธลับของแคว้นอวิ๋น ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ ซึ่งอาวุธนี้มีเพียงคนของแคว้นอวิ๋นเท่านั้นที่มีใช้เพราะพวกเขาทำขึ้นมาเอง ทั้งร้ายแรงและคมดุจกระบี่และยังอาบยาพิษร้ายแรงอีกด้วย ซ่งเหมยลี่พุ่งตัวเข้าไปบังท่านอ๋องไว้ พร้อมกับมีดสั้นสีเงินด้านหลังที่พึ่งปักไปที่กลางหลังของซ่งเสวียน“เยว่ซิน!!”“แม่นางซ่ง!!”ซ่งเหมยลี่ใช้ตัวบังท่านอ๋องไว้ ครานี้นางได้ปกป้องชีวิตของเขาเอาไว้ตามแผนการที่บิดานางวางไว้เสียทีในที่สุด แต่อาวุธที่ปักที่อกของนางกลับเป็นมีดที่พ่อนางซัดใส่เองกับมือ“เหมย…เหมยลี่ ทำไม!!”ร่างของนางล้มลงพร้อมกับบาดแผลจากเลือดสีแดงสด เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำเพราะยาพิษที่อาบเอาไว้ที่มีด ท่านอ๋องรับซ่งเหมยลี่เอาไว้ในอ้อมแขน ซ่งเสวียนถูกฟู่หย่งเล่อจับตัวเอาไว้ แต่เขาเองก็กำลังหายใจรวยรินอยู่เช่นกันเพราะมีดของหลันเยว่ซินที่พุ่งมาปักกลางหลังของเขา“ท่านฆ่าพ่อข้าสินะ ข้าจะไม่กลายเป็นคนบ้านแตก หากมิใช่การกระทำของท่านในครั้งนั้น วันนี้ยังกล้าลอบสังหารท่านอ๋อง ท่านคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นหรือ!!”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ นึกไม่ถึง….ว่าข้าจะถูกบุตรของศัตรูฆ่าเอาได้ เดิมทีคิดว่าจะตายเพร
“ตะ…แต่ว่า….”ท่านอ๋องเพียงแค่หันมาส่งสายตาเย็นให้เขาและเดินจากไปเมื่อทหารองครักษ์ควบคุมสองพ่อลูกเดินตามท่านอ๋องเข้าไปที่ท้องพระโรงด้านในท้องพระโรงเหล่าบรรดาขุนนาง กองทัพหลวงและขุนนางบางส่วนรอพวกเขาอยู่ด้านใน บางคนถูกเรียกเข้าเฝ้าโดยด่วน ส่วนใหญ่คือกรมคลัง สำนักหมอหลวง สำนักบัญชีและรองเจ้ากรมพิธีการ“พวกท่าน….”ซ่งเสวียนมองหน้าเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่และมองมายังซ่งเสวียนสลับกับท่านอ๋องที่ขึ้นไปนั่งที่บัลลังก์แล้ว“วันนี้ข้าเรียกพวกท่านมาในเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ ต้องขออภัยด้วย แต่ข้ามีเรื่องจำเป็นจะต้องแจ้งให้ทราบคิดว่าพวกท่านบางคน น่าจะพอทราบอยู่แล้วจากข่าวลือที่เป็นที่พูดถึงกันอยู่ในตอนนี้”“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินชาวบ้านร่ำลือกันแล้วเรื่องพระชายาหลันเยว่ซิน”“ท่านอ๋อง!! แล้วบุตรีของกระหม่อมที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ข่าวลือนี้…”“ใต้เท้าซ่งคงจะหมายถึง คนที่ท่านพยายามให้ไปป่าวประกาศเรื่องที่ซ่งเหมยลี่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยข้าจากคนร้ายสินะ”“ทะ…ท่านอ๋องตรัสสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้เรื่อง”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็…นำตัวนางเข้ามา!!”ฟู่หย่งเล่อพาต
เสียงนั้นดังไปทั่วจนคนเริ่มวิ่งหนีกันแตกตื่น คนร้ายล่าถอยไปจนหมดแล้วท่านอ๋องและเยว่ซินจึงเดินกลับมามอง จงลี่ประคองซ่งเหมยลี่เอาไว้ นางถูกแทงที่แขนขวา ซึ่งนางหันไปโดยรอบ“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่”“แม่นางซ่ง ข้าปลอดภัยดี”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันดีใจยิ่งนักที่พระองค์…..”“พานางขึ้นรถม้าไปสำนักหมอหลวง หย่งเล่อ เอาม้าให้ข้าตัวหนึ่งข้าจะพาเยว่ซินกลับตำหนัก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันจะตายหรือไม่เพคะ”ซ่งเหมยลี่เอื้อมมือมาที่ท่านอ๋องหมายจะให้เขาเห็นใจเพราะนางรับดาบแทนเขา แต่ท่านอ๋องทำเพียงหันไปมองนางเท่านั้น“บาดแผลเพียงแค่รอยถากนั่น คงไม่ถึงกับตายหรอกเจ้าเพียงแค่ตกใจเท่านั้น คุณชายลี่ ข้าฝากจัดการที่นี่ด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”“พี่ลู่หานนี่มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”“ขึ้นม้า กลับตำหนักกับข้าก่อน”“เพคะ”ท่านอ๋องพาเยว่ซินขึ้นม้าและวิ่งเข้าเมืองเฉินโจวไปทันที ท่ามกลางเสียงที่กระจายไปทั่วว่าซ่งเหมยลี่ช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องกำลังพานางกลับเข้าเมืองและคงจะแต่งตั้งพระชายาเร็วๆนี้ ข่าวนี้กระจายอย่างรวดเร็ว และคงจะเป็นที่พูดถึงอีกนานหากพระองค์ไม่ได้เสด็จเข้าประตูเมืองมาพร้อมกับหลันเยว่ซ
แม้ว่ายังไม่เข้าหน้าหนาว แต่อากาศที่ฮั่วซูในยามราตรีก็หนาวจนเยว่ซินตัวสั่น ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องกับนางจะพึ่งเสร็จสงครามรักที่เร่าร้อนบนเตียงมา แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามท่านอ๋องก็ต้องหาผ้าห่มมาเพิ่มให้นางและกอดนางเอาไว้“อุ่นหรือไม่”“อุ่นแล้วเพคะ เหตุใดถึงได้หนาวเช่นนี้”“เจ้าคงไม่จับไข้หรอกนะเยว่ซิน ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”“ไม่เป็นไรเพคะ กอดแน่นๆหน่อย หม่อมฉันหนาว”แม้ว่าท่านอ๋องจะกอดนางแต่เยว่ซินก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหายตัวสั่น จวินลู่หานคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาที่รักนางหนักมากเกินไป เขาเองควรจะหยุดพักเสียบ้างเพราะร่างกายเยว่ซินอาจจะรับไม่ไหวเข้าสักวัน แม้ว่าความต้องการในตัวนางสำหรับเขานั้นไม่มีสิ้นสุดก็ตามห้าวันต่อมา“เสด็จพอ ครั้งนี้ข้าไปไม่นานจะรีบกลับ ไม่ต้องห่วงนะเพคะ”“เจ้าอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ท่านอ๋องกับพระชายาล่ะ”“ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันรักองค์หญิงดั่งน้องสาว ย่อมดูแลนางเป็นอย่างดีแน่เพคะ”“ท่านอ๋อง หลานสาวข้าฝากเข่ออ้ายด้วย อย่างน้อยมีเจ้าอยู่ นางก็คงจะยอมฟังบ้าง”“เพคะ”ภารกิจในเมืองกู่ที่เ่หลือหลังจากที่สองดินแดนลงนามสัญญาสร้างเขื่อนร่วมกันแล้ว ฝ่ายโยธาและ
หลันเยว่ซินที่ถูกคนข้างๆจ้องมองจนตาขวาง ในตอนนี้หลานเฟินและเข่ออ้ายเองก็เริ่มรู้สึกว่าเยว่ซินดูท่าจะลำบากไม่น้อยเมื่อท่านอ๋องดูท่าทางจะไม่ค่อยพอพระทัยเท่าใดนัก“พี่หลานเฟิน หรือนี่จะเป็น…เสด็จอาที่พี่เยว่ซินเคยพูดถึง”“ใช่ ผู้เดียวในใต้หล้าที่คว้าหัวใจสตรีอันดับหนึ่งของป๋อเหวิน และคนเดียวที่ทำให้เยว่ซินยอมได้ขนาดนี้”“แต่ว่าในตอนนั้นนางแทบจะไม่พูดถึงเสด็จอาเลย พวกเราได้รู้เรื่องก็เพราะพี่เยว่ซินไม่สบายแล้วเพ้อถึงเขา”“คืนนี้คงมีแค่เราสองคนแล้วล่ะ หากเจ้าอยากคุยกับเยว่ซินคงยากหน่อย ขนาดพวกข้าร่วมเดินทางมาพร้อมกันยังแทบจะไม่ได้พบหน้านางเลย เจ้าดูเอาเถอะ”“แล้วคนเช่นนี้นะหรือที่เสด็จพ่อจะส่งข้าไปแต่งกับเขา ไม่มีทางเสียล่ะ ก็ได้เช่นนั้นมีแค่เราสองคนก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้…ปรึกษาท่านเกี่ยวกับเรื่องของพี่ใหญ่ท่าน…”“หา นี่เข่ออ้าย เจ้าอย่าบอกข้านะว่า…เจ้ารู้สึกอะไรกับพี่ใหญ่ของข้าน่ะ”“ก็…เขาดูน่าสนใจกว่าท่านอ๋องผู้นั้นตั้งเยอะ ท่าทางที่เขาสู้กับข้าเมื่อครู่นี้ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจยิ่งนัก”“เฮ้อ…เจ้านี่คงตาบอดโดยแท้ กล้าเอาเขาไปเทียบกับจวินอ๋องเชียวนะ ท่านอ๋องที่รูปงามดุจหยกประดับ กับ…เจ้าข