ใบหน้าของเยว่ซินร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง นี่นางทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปได้จริงหรือนี่ เลือดกำเดาไหลต่อหน้าเขาแล้วยัง….“แย่จริง เสด็จอาต้องจับได้แน่ๆว่าข้า….”“เยว่ซิน เจ้าเป็นอะไร ยังปวดที่ใดอีกหรือไม่”“ไม่เพคะ คือว่าหม่อมฉัน”“เช่นนั้นก็นั่งลง สำรับกำลังจะมาแล้ว”“เสด็จอาเพคะ คือว่า…ท่านหมอบอกว่าหม่อมฉัน ติดไข้จากเสด็จงั้นหรือเพคะ”“ใช่สิ เจ้าสงสัยอะไรงั้นหรือ”“เปล่าเพคะ”“เช่นนั้นก็กินข้าวเถอะ วันนี้เจ้าคงเหนื่อยแล้ว ทั้งออกไปข้างนอกมาและยังมาช่วยงานข้าอีก เอานี่ กินเยอะๆ”จวินลู่หานพยายามจะไม่พูดถึงเรื่องที่นางป่วยอีก เขาเกรงว่านางจะอายจนไม่กล้ากินข้าว แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่านางในตอนนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่อ่อนโยนลง หรือแม้แต่บางครั้งที่ไม่ค่อยกล้าสบตาเขา“หม่อมฉันอิ่มแล้วเพคะ”“เช่นนั้นก็ดื่มยานี่แล้วนอนพักเสีย”“เพคะ”หลันเยว่ซินรับยาจากท่านอ๋องมาโดยง่าย แต่นางไม่ชอบดื่มยาเอาเสียเลย ทุกครั้งที่ีดื่มยาจะต้องกลั้นหายใจและพยายามดื่มรวดเดียวจนหมด เมื่อนางวางถ้วยยาลงจึงหันมามองหน้าเสด็จอา เขายื่นลูกบ๊วยมาให้นางพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มักมีให้นางอยู่เสมอ“เอานี่
“เสด็จอา!!”“ชู่ว เจ้าอย่าลืมสิ ข้างนอกนี่เรามิใช่ท่านอ๋องกับคุณหนู หลันนะ”“แต่ว่าข้า…”“ทำไม เจ้าไม่ชอบคำเรียกนี้งั้นหรือ”“คือว่า..”“รีบสั่งสิ เจ้าไม่หิวหรือ เดินมาทั้งวันแล้ว”“เจ้าค่ะ”“ดีมาก”เยว่ซินสั่งอาหารสองสามอย่างมาพร้อมกับน้ำชา พวกเขากินเสร็จแล้วจึงเดินซื้อของในตลาดอีกหลายร้านก่อนจะกลับไปที่ตำหนัก ขากลับจากตลาด ความอ่อนล้าเพราะเดินมาก เยว่ซินจึงเผลอหลับ ท่านอ๋องจึงเอาไหล่ให้นางพิงพร้อมกับแอบโอบกอดนางเพื่อไม่ให้นางตก วันนี้ทั้งวันเขากับนางเล่นเป็นสามีภรรยากันอยู่ข้างนอกนั่นทำให้เขาอารมณ์ดี มือนั้นหยิบบางอย่างที่แอบซื้อออกมาและติดไปที่ผมของนาง เป็นที่ใส่ผมผีเสื้ออันเล็กๆที่มีมุกประดับห้อยลงมา เขาเห็นว่ามันดูเหมาะกับนางจึงแอบซื้อมาให้ ตอนนี้เมื่อใส่ที่ผมของนางแล้วก็รู้สึกว่าเหมาะกว่าที่เขาคิด“อืม..ถึงแล้วหรือเพคะ”“ใกล้แล้ว นอนอีกหน่อยเถอะ”เขาดึงเธอมาซบที่ไหล่เขาอีกครั้ง เยว่ซินเองก็ไม่ได้ขัดคำสั่งนี้ นางพิงไปที่ไหล่เขาทันทีเช่นกันพร้อมกับลอบยิ้มด้วยความพอใจไม่น้อย วันนี้นางมีความสุขมากเหลือเกิน ตั้งแต่มาอยู่เฉินโจว ไม่สิต้องบอกว่าตั้งแต่นางสูญเสียครอบครัวที่เมือง เหล
หลันเยว่ซินทำท่าตกใจอย่างมาก เหตุใดเขาจึงสั่งให้นางนำเครื่องประดับที่เขาซื้อให้เองออก ชุนถงเองก็ต้องรีบนำผีเสื้อคู่นั้นออกตามคำสั่งทันทีด้วยเกรงว่าผมที่นางอุตส่าห์ทำให้คุณหนูของนางจะพัง “เสด็จอาเพคะ เหตุใดจึง…”“พวกเจ้าออกไปก่อน”ชุนถงและจงลี่ออกไปตามคำสั่ง ก่อนออกไปเขาส่งกล่องไม้หรูหรานั้นให้ท่านอ๋องและเดินออกไปพร้อมกับชุนถงทันที เขาเดินเข้าไปหานางที่นั่งอยู่ สายตาของเยว่ซินมองกล่องในนั้นอย่างนึกสงสัย“นี่คือสิ่งใดเพคะ”“ของขวัญสำหรับเจ้า เปิดดูสิ คืนนี้ข้าอยากให้เจ้าสวมเครื่องประดับชุดนี้”เยว่ซินรับกล่องใบนั้นมาพร้อมกับวางที่บนโต๊ะและเปิดออก ในนั้นคือกำไลหยกขาว เครื่องประดับสีเงินประดับทับทิมสีแดงและมุกประดับสลับกันมีมาลาสำหรับใส่ผม ต่างหูหนึ่งคู่ สร้อยคอและปิ่นปักผมที่งดงามหรูหราเป็นรูปหงส์คาบมุกพร้อมกับพลอยสีชมพูอ่อนยาวที่เป็นเส้นประดับลงมาเข้าชุดกันกับเครื่องประดับที่เหลือ“ชอบหรือไม่”“มันงดงามมากเลยเพคะ แต่เครื่องประดับหรูหราเช่นนี้ หม่อมฉัน…”“เป็นของขวัญสำหรับพิธีปักปิ่นที่ข้ามิได้ส่งให้เจ้า มิใช่ว่าข้าลืม แต่ในเวลานั้น ข้าทำศึกอยู่นองเมืองเฉินโจว จนปัญญาจะสรรหาของขวัญดี ๆ
ซ่งเหมยลี่รู้สึกอับอายยิ่งนักเมื่อถูกปฏิเสธอย่างแรงกลางงานเลี้ยงเช่นนี้ แม้ว่าเหล่าขุนนางจะรู้ว่านางเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาอ๋องแต่ขุนนางบางส่วนก็ไม่ได้ชอบใจวิธีการของนางและบิดามากนักที่พยายามอยากจะขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ หากว่ามีสตรีอื่นที่ดูเหมาะสมกว่านางสักนิดให้พวกเขาได้สนับสนุนแล้วละก็….“คุณหนูขอรับ”เยว่ซินหันไปมองจงลี่ที่เดินมาหานางด้วยหน้าตาแตกตื่นเล็กน้อย"“พี่จงลี่ เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ”“รีบไปเถิดขอรับ ท่านอ๋องเริ่มกริ้วแล้ว”“แต่ที่นั่นมันที่สำหรับขุนนางนะเจ้าคะ”“รีบไปเถิดขอรับข้าน้อยขอร้อง”เยว่ซินหันมามองหลานเฟินและนางก็ตบแขน ลี่ หยางจินและฟู่หย่งเล่อก็รู้ดีว่านางคือผู้ใด จึงไม่มีใครคัดค้านนาง“เจ้ารีบไปเถอะ งานนี้ส่วนหนึ่งท่านอ๋องก็ตั้งใจจัดให้เจ้าเช่นกัน หากไม่ไปคงไม่ดีแน่”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ”เยว่ซินเดินตามจงลี่ไปและไปนั่งที่โต๊ะข้างๆท่านอ๋อง ในตอนนี้เองที่เหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างมองไปยังที่หลันเยว่ซินด้วยความตกตะลึงในรูปโฉมที่งดงาม ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบนางมาก่อนและไม่ทราบว่านางคือผู้ใด แต่ขุนนางบางส่วนเริ่มยิ้มออกมาด้วยความพอใจ“ในที่สุดบุตรีเจ้ากรมซ่งก็พบคู่แข่งที
เกิดเสียงฮือฮามากกว่าเดิม ฟู่หย่งเล่อถึงกับสำลักสุราที่พึ่งดื่มเข้าไป ลี่หยางจินหันไปมองอย่างนึกตกใจ พร้อมกับหลายๆคนในงาน เหล่าขุนนางที่ซ่งเสวียนอุตส่าห์ให้มากดดันเขาในงานต่างหน้าซีดและไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดอีก แต่ฝั่งแม่ทัพฟู่และขุนนางฝ่ายกองทัพลอบยิ้มด้วยความพอใจยิ่งนัก. หลันเยว่ซินเองก็หันไปมองท่านอ๋องอย่างนึกไม่ถึงที่จู่ๆพระองค์จะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน ซ่งเหมยลี่หายใจเข้าออกถี่ๆด้วยความโกรธ นางเริ่มจะระงับความโกรธนี้ไม่อยู่แล้ว “ท่านอ๋อง เรื่องแต่งตั้งพระชายา ต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งเกียรติยศและวงศ์ตระกูลที่เหมาะสม นางผู้นี้ที่ไม่ทราบหัวนอนปลายเท้า พระองค์ถึงกับจะแต่งตั้งเป็นพระชายาเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่พระสนมเองยังไม่เหมาะสมเลยด้วยซ้ำไป”“ท่านเจ้ากรมซ่ง ท่าน…มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน ว่านางเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของข้า ตกลงนี่ข้าแต่งพระชายาของข้าหรือหาภรรยาใหม่ให้ท่านกันแน่”“กระหม่อม…”“พอแล้ว!!”เสียงเหี้ยมเกรียมนั่นกระแทกใส่เขาครั้งแรก ซ่งเสวียนถึงกับสั่นเพราะเขาไม่เคยเห็นท่านอ๋องที่ดุดันเช่นนี้มาก่อน แต่เหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองรู้เรื่องนี้ดีว่าท่านอ๋องผู้น
ซ่งเหมยลี่นั่งตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่ที่โต๊ะของตนเอง จะลุกในตอนนี้ก็ไม่ได้ และตอนนี้ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องอื่นแล้ว รวมถึงท่านอ๋องและเยว่ซินก็มิได้สนใจนางสักนิด“เสด็จอาเพคะ เหตุใดจึงตรัสเช่นนั้นนออกไป หากว่าพระองค์ไม่ต้องการให้คุณหนูซ่งมาเป็นพระชายาก็ไม่ควรนำหม่อมฉันเข้ามายุ่งในเรื่องนี้”“เยว่ซิน เจ้าคิดว่าข้าทำเพราะเหตุผลนั้นหรือ เจ้าลองกล้ามองตาข้าแล้วพูดอีกทีสิ”“เสด็จอาอย่าทรงตรัสเช่นนั้นสิเพคะ”“ข้าว่าคืนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้วล่ะเยว่ซิน”“มะ…มีเรื่องใดก็คุยกันที่นี่เถิดเพคะ”“ทำไม เจ้ากลัวสิ่งใด”“ปละ…เปล่าเพคะ”“หรือว่าเจ้าไม่พอใจเรื่องนี้”เขาไม่ถามสิ่งใดนางอีก คืนนี้เขาจะค่อยๆคุยกับนาง ยังมีเวลาอีกนานที่จะค่อยๆคุยกัน อย่างไรเสียในวันนี้เขาก็บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้กับตัวเองแล้วว่าจะทำเช่นนี้ ทั้งกำจัดเรื่องน่ารำคาญจากซ่งเสวียน และซ่งเหมยลี่ออกไป อีกทั้งการเปิดเผยฐานะของเยว่ซินต่อหน้าผู้คน จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้แต่เขาต้องการมัดมือชกและให้นางอยู่กับเขาไปตลอดโดยการอภิเษกกับเขา และแต่งตั้งนางเป็นพระชายาจวินอ๋อง“อ้าว ข้าไม่ทันเห็นว่าเจ้ากรมซ่งกับบุตรสาวแอบกลับไปเมื
รอยยิ้มผุดขึ้นมาจากใบหน้าของท่านอ๋องเมื่อได้รับคำมั่นจากนาง แม้ว่านางจะยอมช่วยเพราะเขาขอร้องก็ตามที แต่เขารู้แน่ว่าเขาไม่มีทางปล่อยนางไปแน่นอน“เยว่ซิน ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้น....”“เสด็จอาเมามากเลยนะเพคะ ให้หม่อมฉันชงชาแกเมาให้ดีหรือไม่เพคะ”“เจ้าชงชาแก้เมาเป็นด้วยงั้นหรือ”“เป็นสิเพคะ ครั้งที่เรียนอยู่ ศิษย์พี่ชอบหลอกให้หม่อมฉันกับหลานเฟินดื่มสุราเป็นเพื่อน ก่อนจะรุ่งสางจะต้องชงชานี้แก้เมาก่อนจะไปเรียนเพคะ”“แต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้ว เจ้าจะไปชงอย่างไร”“ใช้เวลาไม่นานเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันมาเพคะ”“อ๊ะ เดี๋ยวสิ เช่นนั้นข้าเดินไปเป็นเพื่อนเจ้าก็แล้วกัน”“แต่ว่า…”“ไปเถอะ”“ก็ได้เพคะ”เขาเดินตามนางไปที่ห้องครัวเล็กด้านหลังที่เอาไว้สำหรับทำขนม ของว่างและชงชาโดยเฉพาะ ครัวนี้จะแยกออกมาจากห้องเครื่องใหญ่ที่ทำอาหารคาวขึ้นโต๊ะเสวย น้ำถูกต้มเอาไว้ตลอดเวลาเมื่อเมื่อเยว่ซินเริ่มหาอุปกรณ์และเริ่มทำ“ใบสะระแหน่ น้ำผึ้ง”“ใช่เพคะ นำใบสะระแหน่มาชงกับน้ำร้อนและใส่น้ำผึ้งลงไป เช่นนี้จะทำให้แก้เมาและตื่นเช้าขึ้นมาจะสดชื่นขึ้นเพคะ”“น่าสนใจดีนี่”“รอสักครู่นะเพคะ”ท่านอ๋องนั่งมองเยว่ซินที่เดินไปหยิบใบสะระแหน่สด
“หม่อมฉัน!!….เสด็จอาอย่าทรงล้อหม่อมฉันเล่นเช่นนี้สิเพคะ”“แต่อีกไม่นานเจ้าก็ต้องเป็นพระชายาของข้าแล้วนะ”“นั่นมิใช่ว่า..”“เยว่ซิน ที่สำนักศึกษา…มิได้สอนเรื่องการแสดงละครให้แนบเนียนเพื่อหลอกล่อศัตรูหรอกหรือว่าเขาทำกันเช่นไร”“พระองค์หมายความว่่า….”“ใช่ เจ้าควรจะเรียนรู้ว่าหน้าที่พระชายา หน้าที่ภรรยาต้องทำอย่างไรบ้างทั้งต่อหน้าผู้อื่นและต่อหน้าที่รโหฐาน เจ้าเป็นถึงว่าที่พระชายา เรื่องนี้…ข้าจะค่อยๆสอนเจ้าเอง”“เพคะ เช่นนั้นเสด็จอา…”“เรื่องแรกเลย คำว่าเสด็จอานี่น่ะ…เขาไม่ใช้เรียกกันระหว่างสามีภรรยา”หลันเยว่ซินรู้สึกว่าในตอนนี้นางจะเมาเสียเอง เพราะเสด็จอาเริ่มพูดแปลกๆหลายอย่างที่ทำเอานางเริ่มรับไม่ทัน ทั้งเรื่องที่เขาพูด เรื่องท่าทีของการแสดงออก รวมไปถึงเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกขานอีกด้วย“แต่ว่าหม่อมฉัน…เรียกจนชินปากไปเสียแล้วนี่เพคะ”“ช้าเร็วก็ต้องเปลี่ยน”“แต่ว่าหม่อมฉันมิทราบจริงๆ ว่าควรจะเรียกเสด็จ….เอ่อ พระองค์ว่าอย่างไร”“ท่านพี่..”“นั่นคงยังไม่เหมาะเพคะ พระองค์เป็นท่านอ๋อง”“เสด็จพี่”“แต่ว่าจากเสด็จอา….”“อะไรของเจ้ากัน เหตุใดจึงเรื่องมากเช่นนี้เล่า เช่นนั้นเจ้าว่าเจ้าควรเรีย
หลานเฟินมองเขาที่ถูกนางนอนทับอยู่จึงได้จะลุกขึ้นแต่เขาดึงนางเข้ามาพร้อมกับประกบปากจูบอย่างรวดเร็วและผลักนางลงไปอยู่ด้านล่างแทนสายคาดเอวถูกปลดออกไปจนได้ด้วยมือเขาที่ดึงออกมา มือหนาเริ่มรุกล้ำไปที่ด้านในปกเสื้อผ่านชั้นในเข้าไป นางรู้ว่ามือเขาสั่นน้อยๆเมื่อสัมผัสถูกยอดปทุมด้านในนั้น“พี่หย่งเล่อ ท่าน…ตื่นเต้นหรือเจ้าคะ”“ข้า…อยากเห็นข้างใน เจ้า..จะอนุญาตหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตัวข้า ใจข้าเป็นของท่านทั้งหมด ในเมื่อตกลงแล้วข้าย่อมยินยอม”“หลานเฟินเจ้าพูดเช่นนี้รู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าเช่นไร”“ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าในตอนนี้แผงอกกว้างของท่านยังเหมือนเดิมเหมือนครั้งที่อยู่ที่สำนักศึกษาหรือไม่”มือเรียวบางนั้นเอื้อมไปปลดเข็มขัดของเขาออกเช่นกัน ฟู่หย่งเล่อรู้งานทันที เขาถอดชุดคลุมด้านนอกออกและปูรองเอาไว้ที่พื้นและพาหลานเฟินไปนอนที่ชุดคลุมของเขาลิ้นที่ยังพัวพันกันไม่หยุดและเริ่มถอดชุดของนางออก เขาเริ่มเห็นเนินอกขาวเนียนนั้นแต่เขาอยากเห็นมากกว่านั้นเมื่อหลานเฟินเริ่มครางอย่างพอใจ“หลานเฟิน เจ้างามจริงๆ”ปากของเข้าเปลี่ยนมาครอบครองหน้าอกขาวตรงหน้าทันที ช่างพอเหมาะพอดีมือของเขาเสียยิ่งนัก เสียง
ทุ่งหญ้าแคว้นฮั่วซู“เบาๆหน่อย เจ้าอย่าดึงบังเหียนแรงเกินไปหลานเฟิน หากมันเจ็บมันจะดีดเจ้าเอา”“ข้ารู้ๆ อย่าพูดมากนัก ข้าตื่นเต้นจนลนลานไปหมดแล้ว”“เจ้าอย่าเกร็งจนหลังตรงเช่นนั้นปล่อยตัวตามสบาย”“หากท่านพูดอีกอีกคำเดียวนะฟู่หย่งเล่อ ข้าจะ ว๊าย…”“หลานเฟิน!! จับให้แน่นๆ”ม้าที่นางขี่เกิดตกใจเมื่อลี่หลานเฟินเผลอใช้เท้ากระแทกไปที่ลำตัวมันเพราะโมโหฟู่หย่งเล่อ มันจึงพานางวิ่งไปยังทุ่งหญ้ากว้างด้านล่าง ตัวนางเอนไปมาเพราะยังทรงตัวไม่ได้ ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าของเขาตามนางไป“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!”“ข้ามาแล้ว เจ้าอยู่นิ่งๆ จับให้แน่นๆนะ”“พี่หย่งเล่อ ช่วยข้าด้วย มัน…มันวิ่งไม่หยุดเลยข้ากลัว”“เจ้าอย่าตะโกนมันจะตกใจข้ามาแล้ว”ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าและขี่เข้าไปใกล้ม้าพร้อมกับกระโดดไปที่ม้าตัวที่นางนั่งอยู่ เขาซ้อนตัวอยู่ด้านหลังของนางและเริ่มคุมบังเหียนม้าให้นิ่ง ใช้เวลาไม่นานมันก็ค่อยๆสงบลงและลดความเร็วลง “จับดีๆ ค่อยๆลุกขึ้นมาสิเจ้าปลอดภัยแล้ว”“ข้า…ข้าอยากลง”“หากเจ้ากลัวมัน เจ้าก็จะขี่มันไม่ได้ เจ้าลองลืมตาดูสิ”“ข้ากลัว ไม่เอา”นางลุกขึ้นได้ก็หันเข้าซบอกของเขาทันที ฟู่หย่งเล่อนั้นเร
สิบวันถัดมาพิธีอภิเษกท่านอ๋องและหลันเยว่ซินถูกจัดขึ้นหลังจากที่จัดการเรื่องกบฏซ่งเสวียนและลงโทษขุนนางที่เป็นผู้ร่วมมือซึ่งถูกจับมาได้หมด ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่ก็ถูกปลดยศขุนนางและลงโทษเนรเทศออกจากเฉินโจว“พระชายาช่างงดงามยิ่งนัก”“ข้าเคยพบนางครั้งที่มาเดินตลาด ครั้งนั้นยังจ้องมองอยู่เลยแต่มิกล้าถามว่าเป็นบุตรสาวจวนใด ทั้งหน้าตาและผิวพรรณช่างแตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเหลือเกิน”“ช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก”หลังพิธีอภิเษกที่ถูกจัดขึ้นที่ท้องพระโรงแล้ว ท่านอ๋องและพระชายาก็เดินออกมาพบปะกับประชาชนที่ระเบียงชั้นสามของวังหน้า ทั้งคู่ในชุดอภิเษกสีแดงสดยืนโบกมือให้กับประชาชนด้านล่าง“พระชายา วันนี้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ เพียงแค่รอยยิ้มของทุกคนด้านล่างนั้นก็คุ้มค่าเพียงพอแล้วเพคะ”“ไปกันเถอะ เราต้องไปไหว้บรรพบุรุษและทำพิธีจารึกนามของพระชายาอีก”“เพคะ”ภารกิจหลายอย่างทั้งพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่งตั้งพระชายาและจารึกชื่อในศาลบรรพชนสกุลจวินอ๋องผ่านไปด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องส่งตัวห้องส่งตัว“หลันเยว่ซิน ในที่สุดข้าก็ทิ้งฐานะเสด็จอาได้อย่างหมดสิ้นในวันนี้เอง”“ไม่คิดว่าพระองค์จะอย
จวินลู่หานถามชุนถง สาวใช้คนสนิทของเยว่ซินเมื่อเห็นนางเดินออกมาจากห้องของเยว่ซิน“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูไปอาบน้ำเพคะ”“อ่อ งั้นหรือ เข้าใจแล้วเจ้าไปเถอะ”“เพคะ”เขาเดินตามเยว่ซินเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที เมื่อเข้ามาก็เห็นว่านางนั่งพิงของสระอยู่ เขาจึงได้ค่อยๆเดินลงไปแช่น้ำกับนางทันที เมื่อลงไปแล้ว นางกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือกล่าวว่าเขา อันที่จริง นางไม่พูดเลยต่างหาก“เยว่ซิน …เจ้ามาอาบน้ำนานแล้วงั้นหรือ”“…..”เยว่ซินมิได้ตอบเขานางหันข้างให้ท่านอ๋องเล็กน้อยแต่มิได้หนีไปที่ใด เขาจึงเดินไปอีกทางเพื่อดักนางเอาไว้“เยว่ซิน เหตุใดไม่ตอบข้า เจ้ายังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ”นางเดินและเตรียมจะขึ้นเมื่อเขาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน“เดี๋ยวสิอย่าพึ่งไป เจ้า….หากว่าเจ้าโกรธข้าจะด่าข้าก็ได้ หรือตีข้าก็ได้ แต่อย่าเดินหนีแล้วไม่คุยกับข้าเช่นนี้”หลันเยว่ซินหันไปมองท่านอ๋องแวบนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เรียบไร้ความรู้สึก“รีบอาบแล้วตามขึ้นมา”“เยว่ซิน…”นางสลัดมือเขาออกและเดินขึ้นไปสวมเสื้อคลุมและเดินออกไปทันที ทิ้งให้ท่านอ๋องที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีที่เย็นชานั้น เขาไม่เคยง้อสตรีที่มีอาการเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าต
มีดปลายแหลมซึ่งเป็นอาวุธลับของแคว้นอวิ๋น ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ ซึ่งอาวุธนี้มีเพียงคนของแคว้นอวิ๋นเท่านั้นที่มีใช้เพราะพวกเขาทำขึ้นมาเอง ทั้งร้ายแรงและคมดุจกระบี่และยังอาบยาพิษร้ายแรงอีกด้วย ซ่งเหมยลี่พุ่งตัวเข้าไปบังท่านอ๋องไว้ พร้อมกับมีดสั้นสีเงินด้านหลังที่พึ่งปักไปที่กลางหลังของซ่งเสวียน“เยว่ซิน!!”“แม่นางซ่ง!!”ซ่งเหมยลี่ใช้ตัวบังท่านอ๋องไว้ ครานี้นางได้ปกป้องชีวิตของเขาเอาไว้ตามแผนการที่บิดานางวางไว้เสียทีในที่สุด แต่อาวุธที่ปักที่อกของนางกลับเป็นมีดที่พ่อนางซัดใส่เองกับมือ“เหมย…เหมยลี่ ทำไม!!”ร่างของนางล้มลงพร้อมกับบาดแผลจากเลือดสีแดงสด เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำเพราะยาพิษที่อาบเอาไว้ที่มีด ท่านอ๋องรับซ่งเหมยลี่เอาไว้ในอ้อมแขน ซ่งเสวียนถูกฟู่หย่งเล่อจับตัวเอาไว้ แต่เขาเองก็กำลังหายใจรวยรินอยู่เช่นกันเพราะมีดของหลันเยว่ซินที่พุ่งมาปักกลางหลังของเขา“ท่านฆ่าพ่อข้าสินะ ข้าจะไม่กลายเป็นคนบ้านแตก หากมิใช่การกระทำของท่านในครั้งนั้น วันนี้ยังกล้าลอบสังหารท่านอ๋อง ท่านคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นหรือ!!”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ นึกไม่ถึง….ว่าข้าจะถูกบุตรของศัตรูฆ่าเอาได้ เดิมทีคิดว่าจะตายเพร
“ตะ…แต่ว่า….”ท่านอ๋องเพียงแค่หันมาส่งสายตาเย็นให้เขาและเดินจากไปเมื่อทหารองครักษ์ควบคุมสองพ่อลูกเดินตามท่านอ๋องเข้าไปที่ท้องพระโรงด้านในท้องพระโรงเหล่าบรรดาขุนนาง กองทัพหลวงและขุนนางบางส่วนรอพวกเขาอยู่ด้านใน บางคนถูกเรียกเข้าเฝ้าโดยด่วน ส่วนใหญ่คือกรมคลัง สำนักหมอหลวง สำนักบัญชีและรองเจ้ากรมพิธีการ“พวกท่าน….”ซ่งเสวียนมองหน้าเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่และมองมายังซ่งเสวียนสลับกับท่านอ๋องที่ขึ้นไปนั่งที่บัลลังก์แล้ว“วันนี้ข้าเรียกพวกท่านมาในเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ ต้องขออภัยด้วย แต่ข้ามีเรื่องจำเป็นจะต้องแจ้งให้ทราบคิดว่าพวกท่านบางคน น่าจะพอทราบอยู่แล้วจากข่าวลือที่เป็นที่พูดถึงกันอยู่ในตอนนี้”“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินชาวบ้านร่ำลือกันแล้วเรื่องพระชายาหลันเยว่ซิน”“ท่านอ๋อง!! แล้วบุตรีของกระหม่อมที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ข่าวลือนี้…”“ใต้เท้าซ่งคงจะหมายถึง คนที่ท่านพยายามให้ไปป่าวประกาศเรื่องที่ซ่งเหมยลี่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยข้าจากคนร้ายสินะ”“ทะ…ท่านอ๋องตรัสสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้เรื่อง”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็…นำตัวนางเข้ามา!!”ฟู่หย่งเล่อพาต
เสียงนั้นดังไปทั่วจนคนเริ่มวิ่งหนีกันแตกตื่น คนร้ายล่าถอยไปจนหมดแล้วท่านอ๋องและเยว่ซินจึงเดินกลับมามอง จงลี่ประคองซ่งเหมยลี่เอาไว้ นางถูกแทงที่แขนขวา ซึ่งนางหันไปโดยรอบ“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่”“แม่นางซ่ง ข้าปลอดภัยดี”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันดีใจยิ่งนักที่พระองค์…..”“พานางขึ้นรถม้าไปสำนักหมอหลวง หย่งเล่อ เอาม้าให้ข้าตัวหนึ่งข้าจะพาเยว่ซินกลับตำหนัก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันจะตายหรือไม่เพคะ”ซ่งเหมยลี่เอื้อมมือมาที่ท่านอ๋องหมายจะให้เขาเห็นใจเพราะนางรับดาบแทนเขา แต่ท่านอ๋องทำเพียงหันไปมองนางเท่านั้น“บาดแผลเพียงแค่รอยถากนั่น คงไม่ถึงกับตายหรอกเจ้าเพียงแค่ตกใจเท่านั้น คุณชายลี่ ข้าฝากจัดการที่นี่ด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”“พี่ลู่หานนี่มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”“ขึ้นม้า กลับตำหนักกับข้าก่อน”“เพคะ”ท่านอ๋องพาเยว่ซินขึ้นม้าและวิ่งเข้าเมืองเฉินโจวไปทันที ท่ามกลางเสียงที่กระจายไปทั่วว่าซ่งเหมยลี่ช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องกำลังพานางกลับเข้าเมืองและคงจะแต่งตั้งพระชายาเร็วๆนี้ ข่าวนี้กระจายอย่างรวดเร็ว และคงจะเป็นที่พูดถึงอีกนานหากพระองค์ไม่ได้เสด็จเข้าประตูเมืองมาพร้อมกับหลันเยว่ซ
แม้ว่ายังไม่เข้าหน้าหนาว แต่อากาศที่ฮั่วซูในยามราตรีก็หนาวจนเยว่ซินตัวสั่น ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องกับนางจะพึ่งเสร็จสงครามรักที่เร่าร้อนบนเตียงมา แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามท่านอ๋องก็ต้องหาผ้าห่มมาเพิ่มให้นางและกอดนางเอาไว้“อุ่นหรือไม่”“อุ่นแล้วเพคะ เหตุใดถึงได้หนาวเช่นนี้”“เจ้าคงไม่จับไข้หรอกนะเยว่ซิน ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”“ไม่เป็นไรเพคะ กอดแน่นๆหน่อย หม่อมฉันหนาว”แม้ว่าท่านอ๋องจะกอดนางแต่เยว่ซินก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหายตัวสั่น จวินลู่หานคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาที่รักนางหนักมากเกินไป เขาเองควรจะหยุดพักเสียบ้างเพราะร่างกายเยว่ซินอาจจะรับไม่ไหวเข้าสักวัน แม้ว่าความต้องการในตัวนางสำหรับเขานั้นไม่มีสิ้นสุดก็ตามห้าวันต่อมา“เสด็จพอ ครั้งนี้ข้าไปไม่นานจะรีบกลับ ไม่ต้องห่วงนะเพคะ”“เจ้าอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ท่านอ๋องกับพระชายาล่ะ”“ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันรักองค์หญิงดั่งน้องสาว ย่อมดูแลนางเป็นอย่างดีแน่เพคะ”“ท่านอ๋อง หลานสาวข้าฝากเข่ออ้ายด้วย อย่างน้อยมีเจ้าอยู่ นางก็คงจะยอมฟังบ้าง”“เพคะ”ภารกิจในเมืองกู่ที่เ่หลือหลังจากที่สองดินแดนลงนามสัญญาสร้างเขื่อนร่วมกันแล้ว ฝ่ายโยธาและ
หลันเยว่ซินที่ถูกคนข้างๆจ้องมองจนตาขวาง ในตอนนี้หลานเฟินและเข่ออ้ายเองก็เริ่มรู้สึกว่าเยว่ซินดูท่าจะลำบากไม่น้อยเมื่อท่านอ๋องดูท่าทางจะไม่ค่อยพอพระทัยเท่าใดนัก“พี่หลานเฟิน หรือนี่จะเป็น…เสด็จอาที่พี่เยว่ซินเคยพูดถึง”“ใช่ ผู้เดียวในใต้หล้าที่คว้าหัวใจสตรีอันดับหนึ่งของป๋อเหวิน และคนเดียวที่ทำให้เยว่ซินยอมได้ขนาดนี้”“แต่ว่าในตอนนั้นนางแทบจะไม่พูดถึงเสด็จอาเลย พวกเราได้รู้เรื่องก็เพราะพี่เยว่ซินไม่สบายแล้วเพ้อถึงเขา”“คืนนี้คงมีแค่เราสองคนแล้วล่ะ หากเจ้าอยากคุยกับเยว่ซินคงยากหน่อย ขนาดพวกข้าร่วมเดินทางมาพร้อมกันยังแทบจะไม่ได้พบหน้านางเลย เจ้าดูเอาเถอะ”“แล้วคนเช่นนี้นะหรือที่เสด็จพ่อจะส่งข้าไปแต่งกับเขา ไม่มีทางเสียล่ะ ก็ได้เช่นนั้นมีแค่เราสองคนก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้…ปรึกษาท่านเกี่ยวกับเรื่องของพี่ใหญ่ท่าน…”“หา นี่เข่ออ้าย เจ้าอย่าบอกข้านะว่า…เจ้ารู้สึกอะไรกับพี่ใหญ่ของข้าน่ะ”“ก็…เขาดูน่าสนใจกว่าท่านอ๋องผู้นั้นตั้งเยอะ ท่าทางที่เขาสู้กับข้าเมื่อครู่นี้ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจยิ่งนัก”“เฮ้อ…เจ้านี่คงตาบอดโดยแท้ กล้าเอาเขาไปเทียบกับจวินอ๋องเชียวนะ ท่านอ๋องที่รูปงามดุจหยกประดับ กับ…เจ้าข