หนิงหลง " พอแล้วอย่าพูดเสียงดัง " จื่อหานพยักหน้าเบาๆ แต่ในขณะนั้นลั่วเอ๋อร์ได้นั่งมองหนิงหลงจนเบ้าตาแทบจะหลุดอยู่แล้ว หนิงหลงเห็นดังนั้นจึงทำทีจับเส้นผมไปมาที่อยู่บริเวณศรีษะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและสายตาของนางยังบอกให้ลั่วเอ๋อร์รับรู้ว่า นางไม่กลัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเสียงปรบมือและเสียงเชยชมก็ดังขึ้น ขุนนาง " คุณหนูรองเก่งกาจยิ่งนักว่าแต่บุรุษผู้ใดเล่าจะได้แต่งงานกับนาง "ชุ่ยเหรินเห็นเช่นนั้นจึงชมเชยฟางหรงอย่างยุติธรรม ชุ่ยเหริน " เจ้าเก่งมาก " ฟางหรง " ขอบพระทัยเสด็จพ่อ " ลั่วเอ๋อร์ " ต่อไปก็คงถึงตาหนิงหลงแล้วรีบออกมาเต้นรำเถิดจะได้ไม่เสียเวลา " หนิงหลง " ใจเย็นๆท่านจะรีบร้อนไปไหนรึ " ไม่นานนักหนิงหลงก็เดินเข้ามายังกลางท้องพระโรงซึ่งทำให้ทุกคนนั้นสนใจนางเป็นพิเศษทั้งรูปร่างหน้าตาได้เปรียบกว่าฟางหรงเป็น 10 เท่า เมื่อดนตรีบรรเลงร่างกายก็ขยับตามอย่างอ่อนช้อยการเต้นรำท่าแปลกใหม่ที่สวยงามทำให้เหล่าขุนนางนั้นซุบซิบนินทาว่าการเต้นรำเหล่านี้ช่างแปลกประหลาดแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมองนางได้ ซ้ำยังทำให้เสนาบดีทั้ง 3 ฝ่ายหันมาสนใจ จนฟางหรงที่นั่งดูอยู่เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเพราะ
.จื่อหานได้ใช้จอกเหล้าสกัดกั้นมีดเล่มเล็กในมือของฟางหรงไว้ได้ทันเวลา หากช้ามากกว่านี่หนิงหลงคงไม่รอด จื่อหาน " นางหญิงชั่ว ? ออกไป " จื่อหานผลักฟางหรงลงพื้นอย่างง่ายดายเหมือนโยนนุ่นขึ้นอากาศ หนิงหลง " ทหารจับตัวนางไว้ นำทั้งสองแม่ลูกไปกักขังบริเวณ จนกว่าจะมีรับสั่งให้ออกมา " อันอัน " เหตุใดคุณหนูถึงยอมปล่อยสองแม่ลูกไปง่าย ๆ " อันอัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่แน่ใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงหลง " เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ที่ข้าทำเช่นนี่เพราะว่าเรื่องชั่วช้าของสองแม่ลูกมันยังเปิดเผยไม่หมด " อันอันได้ฟังคำตอบแล้วก็เข้าใจมันที หลังจากนั้นหนิงหลง จึงสั่งให้เหล่าขุนนางทั้งหลายไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และให้เหล่าขุนนางนั้นอยู่ฉลองต่อไป ส่วนชุ่ยเหรินดูท่าทางแล้วจะไม่ไหว หนิงหลงจึงสั่งให้ขันทีพาฝ่าบาทกลับตำหนักทันที เมื่อสถาณการณ์กลับมาปกติอีกครั้งความโล่งใจหลังจากผ่านพ้นปัญหา หนิงหลงถอนหายใจอย่างโล่งอกเหมือนปลดปล่อยจากภาระหนัก หนิงหลง " อันอัน ๆ อาหารเหล่านี่เหล่าขุนนางคงกินไม่หมด เจ้าจงนำไปให้นางกำนัลทุกคน ให้มารับอาหารที่นี่ " อันอัน " เจ้าค่ะ " จื่อหาน " ขนไ
จากหลังที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร้จแล้วต่างคนต่างคิดเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ หนิงหลงจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องตัดเย็ยกางเกงในเก็บชุดชั้นในใหม่อีกรอบ นางจึงสั่งให้อันอัน นำผ้าไหมชั้นดีมาให้นาง อันอัน " คุณหนู ผ้าไหมเหล่านี่ราคาสุงยิ่งนัก ท่านไม่เสียดายรึ " หนิงหลง " อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้เอาตัดเล่น " อันอัน " แล้วคุณหนูจะเอามาทำอะไรเจ้าค่ะ " หนิงหลง " ข้าจะนำมาัีีคุณตัดเย็บเสื้อชั้นในและกางเกงใน " อันอันยังยืนงงอยู่ชั่วขณะ เพราะไม่เข้าใจว่าคุณหนูจะทำอะไรจึงได้แต่ไปนำผ้าไหมมาให้หนิงหลงตามที่นางสั่งเอาไว้ อันอัน " ว่าแต่อะไร คือชั้นใน " อันอันเกาหัวยิก ๆ แล้วเดินส่ายหน้าด้วยความสับสน จื่อหาน " นั้นมันบ่าวรับใช้ของคุณหนูหนิงหลง " จื่อหานบังเอิญเดินผ่านมายังหน้าร้านผ้าไหมพอดี จึงหยุดฝีเท้าเพื่อมองดูว่าบ่าวรับใช้เหตุใดถึงมาที่นี่ จื่อหาน " ผ้าไหมงั้นรึ " .ในขณะที่ยืนแอบดูอยู่นั้นความสงสัยสัยทำให้จื่อหานตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา จื่อหาน " คุณหนูใหญ่จะเอาผ้าไหมไปทำอะไร แต่ดูไปแล้วเนื้อผ้าเช่นนี่มันช่างคุ้นตายิ่งนัก " ทันใดนั้นจท่อหานก็นึกออกทันที ว่าเนื้อลายผ้ามันคล้ายกับ
ตำหนักลั่วเอ๋อร์ลั่วเอ๋อร์ " ออกไปให้หมด จะเยาะเย้ยข้ารึ " สองแม่ลูกได้โวยวายให้นางกำนัลโดยไม่มีเหตุผล ด่าทอบ่าวทั้งหลายจนหน้าและลำตัวสั่นเทาไปหมดแล้ว ฟางหรง " ท่านแม่ ใจเย็น ๆ ก่อน หากเรื่องนี่รู้ถึงท่านพ่อ ท่านพ่อจะยิ่งสงสัยในตัวท่านแม่มากขึ้น หากจะแก้แค้นเอาคืนนางหนิงหลงคงยากมากกว่าเดิม " เมื่อได้ฟังลูกสาวกล่าวเช่นนี่ลั่วเอ๋อร์จึงควบคุมสติ นางพยายามถอนหายใจเข้าออกด้วยความหงุดหงิดรู้สึกเหมือนมีเสียงแมลงหวี่ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงกะนั้น เมื่อสงบสติความบ้าคลั่งยังไม่ถึงสองนาที หนิงหลงก็เดินเข้ามาที่นี่พอดี ในจังหวะนั้นฟางหรง ได้สะกิดลำแขนลั่วเอ๋อร์อย่างตื่นตระหนกฟางหรง " ท่านแม่ นางมาที่นี่ " ลั่วเอ๋อร์ที่กำลังนั่งหันหลังเอาฝ่ามือกุมขมับแน่น พอได้ยินลูกสาวบอกกล่าวยิ่งทำให้ความร้อนรุมในตัวเริ่มปะทุขี้นมาอีกครั้ง ลั่วเอ๋อร์ " มาสมน้ำหน้าข้ารึ นางสาระเลว " น้ำเสียงที่คับแค้นใจกำลังกำมัดแน่นจนอยากจะหยิบมีดในที่ซ่อนออกมาฆ่าหนิงหลงให้รู้แล้วรู้รอด หนิงหลง " เป็นอย่างไรบ้าง พระชายา " ลั่วเอ๋อร์ค่อย ๆหันหน้ามาเล็กน้อย นางยังคงเก็บสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจนั้นแทบจะไม่ไหว
อินทรีส่งข่าว ตำหนักอันกว้างใหญ่ในห้องชั้นหนังสือส่วนตัวกำลังนั่งขาพาดโต๊ะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ในเวลานั้นเจ้านกอินทรีได้ล่องเดินทางมาเพื่อส่งข่าว จื่อหานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตนนั้นรีบไปหลังตำหนักทันที จื่อหาน " มาแล้ว " ดวงตาและสัญญาณการตอบรับประสาททั้งห้ารีบเดินไปยังหลังตำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย จื่อหาน" เจ้ากลับไปได้ " เจ้านกได้บินมาเกาะที่รั้วประตูหลังตำหนักอย่างเงียบ ๆ จื่อหานรีบเอากระดาษที่ผูกกับข้อขาเจ้านกออกมาไว้กับตัวทันที จากนั้นจึงสั่งให้เจ้านกรีบบินกลับไป ( ข้อความในกระดาษ )คืนนี่พวกมันจะนำตัวสตรีทั้งหมดไปที่หุบเขาห่างจากราชศวงค์ซางไปประมาณห้าลี้ ทางเทือกเขาอันตราย กระหม่อมจะลงมือคืนนี่ นัดเจอกันที่เดิมขอรับ จื่อหาน " ข้าต้องหาข้ออ้างบอกหนิงหลงว่าจะพักที่ตำหนักตัวเอง " อันอัน " องค์ชายท่านอยู่ที่ใด หม่อมฉันนำของว่างมาให้ท่าน " จื่อหาน " ข้ารู้แล้วข้ากำลังจะออกไปเจ้าไม่ต้องเข้ามา " ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยืนชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมเปิดประตูออกมารอรับของว่างอย่างอารมณ์ดีอันอัน " องค์ชายคืนนี้ท่านจะนอนที่นี่รึ"จื่อหาน " ฮ่าๆๆใช่ๆข้าจะลองนอนที่น
.หนิงหลง " เลือดกำเดาไม่ไหลแล้ว ต่อไปก็ระวังให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ " ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความหวังดีจื่อหานฟังแล้วยิ้มเยาะพลางย้อนถามจื่อหาน " ท่านช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน.." หนิงหลงเบิกตากลมโตมองจื่อหานที่กำลังโน้มตัวเข้ามาจูบหน้าผากนาง ในขณะนั้นจื่อหาน สังเกตเห็นใบหน้าหนิงหลงที่กำลังตื่นตระหนกเล็กน้อย หนิงหลง " ผู้ใดสอนเจ้าให้ทำเช่นนี้ " จื่อหาน " ข้าเคยเห็นคู่รักอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเล่นสนุกอย่างสุขใจ " ในระหว่างที่ฟังคำตอบของจื่อหานอยู่นั้น ความรู้สึกลุ้นระทึกทำให้แทบกลั้นหายใจ หนิงหลง " พอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร ห้ามทำตามเป็นอันขาด " จื่อหาน " ข้าจะไม่ทำตาม ข้าจะทำแค่กับภรรยา " ได้ยินคำนี่จากปากจื่อหาน ก็รู้สึกจะอาเจียนออกมา นางจึงสั่งให้อันอัน พาองค์ชายจื่อหานออกไปเล่นที่ลานกลางตำหนักสักพัก แล้วค่อยกลับเข้ามา หนิงหลง " คนบ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ " หนิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกจากตำหนักไปยังลานกลางตำหนัก ลานกลางแจ้งที่เงียบและไร้เสียงผู้คนมานาน บัดนี่จื่อหานมาทำให้มันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าตำหนักต้องหยุด
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ฟางหรง " เจ้ามันตัวกาลกิณีของบ้านเมืองริอาจจะก่อกบฏ ยังจะมาทำหน้าซื่อตาใสแสดงให้ทุกคนเห็นอีกหรือ "ฟางหรงดักนางทุกทางเพื่อไม่ให้หนิงหลงได้แก้ตัวเลย หนิงหลง " ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้ทำอะไรผิด หากเจ้าอยากค้นเรือนข้าก็เชิญตามสบายเถิด " สองแม่ลูกได้ยินดังนั้นจึงสะใจและยิ้มหวานๆขึ้นมาทันที หนิงหลง " แต่ข้ามีข้อแม้ "ชุ่ยเหริน " ข้อแม้อะไรหรือลูกพ่อข้าเชื่อว่าลูกนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้นเป็นแน่ " หนิงหลง " หากว่าเรือนข้าไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมายขอให้ท่านได้ลงโทษสองแม่ลูกคู่นี้อย่างเป็นธรรมข้อหาใส่ความว่าร้ายให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน " ลั่วเอ๋อร์ " คุณหนูใหญ่ท่านช่างมีอคติกับข้าเหลือเกิน " นางเอื้อนเอ่ยความจึงใจให้ฝ่าบาทนั้นได้ยินแสร้งทำหน้าเศร้าสร้อยเหงาหงอยและน่าสงสารในระหว่างการสนทนาชุ่นเหริน " จงเงียบปากเสียเถิดจะพูดมากไปไย " ลั่วเอ๋อร์โดนฝ่าบาทตักเตือนจึงสงบปากสงบคำไปชั่วคราว หนิงหลงจึงรีบสั่งให้ทหารนั้นไปค้นเรือนของตนปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นได้ใจไปก่อน ในระหว่างเดินทางเข้าเรือนนั้นฟางหลงได้พูดเหน็บแนมหนิงหลงไม่หยุดหย่อน ฟางหรง " หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปชาวบ้านคงสาปแช่งหลายภพหลายชาติก็ไม่
หนิงหลง " คนโง่รักษาแผลได้ดียิ่งกว่าคนปกติเสียอีก " หนิงหลงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนล้าจนแววตาเหม่อลอยเมื่อเดินทางไปสักพักรู้สึกว่าเส้นทางนั้นเริ่มจะไม่ปกติเหมือนล้อม้ากำลังเหยียบหลุมอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว เมื่อนางมองออกไปยังนอกหน้าต่างก็พบว่าเส้นทางที่กำลังเดินทางกลับนั้นกลับมีบ่อหลุมขนาดเล็กมากมายเต็มไปหมดหนิงหลง " ก่อนที่จะมาก็ไม่เห็นมีอะไรเลย " นางชะโงกหน้าออกหน้าต่างเพื่อตระโกนถามผู้คุมม้าพร้อมกับน้ำเสียงแฝงความจริงจังและไม่มั่นใจหนิงหลง " เหตุใดขากลับถึงมีบ่อหลุมเป็นทางไปหมด " ทหาร " คุณหนูใหญ่ตอนที่กระหม่อมมามันไม่มีทางแยกแต่พอขากลับมันกลับมีทางแยกกระหม่อมเลยเดินทางมาทางนี้"หนิงหลง" แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดก่อนค่อยคิดพิจารณาก็ควรจะไปทางใด "ทหาร " เส้นทางมันเหมือนกันมากขอรับ " ดังนั้นหนิงหลงเจอขอพรวิเศษอีกครั้งเพื่อดูว่าเส้นทางนี้ประวัติของมันนั้นเป็นมาอย่างไรในขณะนั้นภาพในหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เห็นนั้นคือหากผู้ใดเดินทางมายังหุบเขาอันตรายแล้วออกมาได้ผู้นั้นก็จะเห็นทางแยก 2 ทาง ที่ปีศาจนั้นบังบดเอาไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางลับไปยังราชวงศ์ซางในสมัยอดีต หนิงหลง "
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง
.หนิงหลง " เลือดกำเดาไม่ไหลแล้ว ต่อไปก็ระวังให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ " ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความหวังดีจื่อหานฟังแล้วยิ้มเยาะพลางย้อนถามจื่อหาน " ท่านช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน.." หนิงหลงเบิกตากลมโตมองจื่อหานที่กำลังโน้มตัวเข้ามาจูบหน้าผากนาง ในขณะนั้นจื่อหาน สังเกตเห็นใบหน้าหนิงหลงที่กำลังตื่นตระหนกเล็กน้อย หนิงหลง " ผู้ใดสอนเจ้าให้ทำเช่นนี้ " จื่อหาน " ข้าเคยเห็นคู่รักอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเล่นสนุกอย่างสุขใจ " ในระหว่างที่ฟังคำตอบของจื่อหานอยู่นั้น ความรู้สึกลุ้นระทึกทำให้แทบกลั้นหายใจ หนิงหลง " พอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร ห้ามทำตามเป็นอันขาด " จื่อหาน " ข้าจะไม่ทำตาม ข้าจะทำแค่กับภรรยา " ได้ยินคำนี่จากปากจื่อหาน ก็รู้สึกจะอาเจียนออกมา นางจึงสั่งให้อันอัน พาองค์ชายจื่อหานออกไปเล่นที่ลานกลางตำหนักสักพัก แล้วค่อยกลับเข้ามา หนิงหลง " คนบ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ " หนิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกจากตำหนักไปยังลานกลางตำหนัก ลานกลางแจ้งที่เงียบและไร้เสียงผู้คนมานาน บัดนี่จื่อหานมาทำให้มันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าตำหนักต้องหยุด
อินทรีส่งข่าว ตำหนักอันกว้างใหญ่ในห้องชั้นหนังสือส่วนตัวกำลังนั่งขาพาดโต๊ะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ในเวลานั้นเจ้านกอินทรีได้ล่องเดินทางมาเพื่อส่งข่าว จื่อหานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตนนั้นรีบไปหลังตำหนักทันที จื่อหาน " มาแล้ว " ดวงตาและสัญญาณการตอบรับประสาททั้งห้ารีบเดินไปยังหลังตำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย จื่อหาน" เจ้ากลับไปได้ " เจ้านกได้บินมาเกาะที่รั้วประตูหลังตำหนักอย่างเงียบ ๆ จื่อหานรีบเอากระดาษที่ผูกกับข้อขาเจ้านกออกมาไว้กับตัวทันที จากนั้นจึงสั่งให้เจ้านกรีบบินกลับไป ( ข้อความในกระดาษ )คืนนี่พวกมันจะนำตัวสตรีทั้งหมดไปที่หุบเขาห่างจากราชศวงค์ซางไปประมาณห้าลี้ ทางเทือกเขาอันตราย กระหม่อมจะลงมือคืนนี่ นัดเจอกันที่เดิมขอรับ จื่อหาน " ข้าต้องหาข้ออ้างบอกหนิงหลงว่าจะพักที่ตำหนักตัวเอง " อันอัน " องค์ชายท่านอยู่ที่ใด หม่อมฉันนำของว่างมาให้ท่าน " จื่อหาน " ข้ารู้แล้วข้ากำลังจะออกไปเจ้าไม่ต้องเข้ามา " ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยืนชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมเปิดประตูออกมารอรับของว่างอย่างอารมณ์ดีอันอัน " องค์ชายคืนนี้ท่านจะนอนที่นี่รึ"จื่อหาน " ฮ่าๆๆใช่ๆข้าจะลองนอนที่น
ตำหนักลั่วเอ๋อร์ลั่วเอ๋อร์ " ออกไปให้หมด จะเยาะเย้ยข้ารึ " สองแม่ลูกได้โวยวายให้นางกำนัลโดยไม่มีเหตุผล ด่าทอบ่าวทั้งหลายจนหน้าและลำตัวสั่นเทาไปหมดแล้ว ฟางหรง " ท่านแม่ ใจเย็น ๆ ก่อน หากเรื่องนี่รู้ถึงท่านพ่อ ท่านพ่อจะยิ่งสงสัยในตัวท่านแม่มากขึ้น หากจะแก้แค้นเอาคืนนางหนิงหลงคงยากมากกว่าเดิม " เมื่อได้ฟังลูกสาวกล่าวเช่นนี่ลั่วเอ๋อร์จึงควบคุมสติ นางพยายามถอนหายใจเข้าออกด้วยความหงุดหงิดรู้สึกเหมือนมีเสียงแมลงหวี่ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงกะนั้น เมื่อสงบสติความบ้าคลั่งยังไม่ถึงสองนาที หนิงหลงก็เดินเข้ามาที่นี่พอดี ในจังหวะนั้นฟางหรง ได้สะกิดลำแขนลั่วเอ๋อร์อย่างตื่นตระหนกฟางหรง " ท่านแม่ นางมาที่นี่ " ลั่วเอ๋อร์ที่กำลังนั่งหันหลังเอาฝ่ามือกุมขมับแน่น พอได้ยินลูกสาวบอกกล่าวยิ่งทำให้ความร้อนรุมในตัวเริ่มปะทุขี้นมาอีกครั้ง ลั่วเอ๋อร์ " มาสมน้ำหน้าข้ารึ นางสาระเลว " น้ำเสียงที่คับแค้นใจกำลังกำมัดแน่นจนอยากจะหยิบมีดในที่ซ่อนออกมาฆ่าหนิงหลงให้รู้แล้วรู้รอด หนิงหลง " เป็นอย่างไรบ้าง พระชายา " ลั่วเอ๋อร์ค่อย ๆหันหน้ามาเล็กน้อย นางยังคงเก็บสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจนั้นแทบจะไม่ไหว