หลังจากจัดการคนของจ้าวเฉิงเรียบร้อยแล้ว เซียวอี้เซียนก็เริ่มจัดการคัดกรองคน นางมาอยู่ที่นี่ต้องคัดคนที่ไว้ใจไม่ได้ออกไป ยุคโบราณคนมักหน้าเนื้อใจเสือ แม้ว่ายุคปัจจุบันที่นางจากมาจะมีพวกใส่หน้ากากเข้าหากัน แต่เรื่องวางแผนการกลับไม่อาจล้ำลึกเช่นคนโบราณได้เลย
เมื่อคัดกรองแล้ว ก็ปรากฏว่ามีแม่บ้านที่ไม่อาจไว้ใจได้อีกสองคน เรื่องนี้ดูไม่ยากคนไม่เคยมีพอมีขึ้นมาก็อยากอวด ป้าฝางมีสัญญาขายตัวเดิมทีไม่มีเงินเดือนแต่กลับมีกำไลสวมใส่ วงนั้นน่าจะไม่ต่ำกว่าสามตำลึง สาวใช้เรือนซักล้างยิ่งแล้วใหญ่ งานต่ำสุดที่ไม่มีใครอยากทำกลับมีปิ่นเงินราคาสองตำลึงเช่นกัน ส่วนคนที่เหลือก็ทำงานปกติ นางยังไม่จัดการ รอราชโองการมาถึงก่อนนางจะตัดรากถอนโคนต้นไม้พิษเหล่านี้ให้เกลี้ยง
"ฉลาดเสียด้วยเลือกใช้คนที่ไม่มีใครคาดคิด หึ สกุลจ้าวปัญหาภัยแล้งที่พวกเจ้าแก้ไม่ได้ข้าจะทำให้สกุลจ้าวของพวกเจ้าต้องกลืนเลือดตนเองเชียวล่ะ"
เมื่อวาดแบบกังหันวิดน้ำเรียบร้อยเซียวอี้เซียนก็เข้านอน นางวาดแบบแยกกัน หากไม่ใช่นางต่อให้ใครได้ไปก็ไม่อาจสร้างออกมาได้ ชิ้นส่วนการคำนวณกว้างยาว ความสูงของฐานนางแยกเป็นส่วนๆเอาไว้กันผิดพลาด เด็กน้อยเสี่ยวฮวาหลับไปแล้ว น้ำลายไหลย้อยมุมปากเชียว
เซียวอี้เซียนห่มผ้าให้สาวใช้ตนเอง นางให้เสี่ยวฮวามานอนด้วยข้างล่างของเตียงเอาผ้านวมผืนหนามาปูให้ เสี่ยวฮวาชอบที่สุดที่ได้นอนกับคุณหนู สองนายบ่าวหลับไปแล้ว วันพรุ่งนี้คงมีเรื่องให้ปวดหัวอีกแน่นอน จ้าวอันป๋อเสียหน้าเพียงนั้นไม่มีวันปล่อยนางไปแน่ๆ
ดรุณีน้อยไม่รู้เลยว่าหลังจากนางหลับไปแล้ว ปรากฏร่างสูงของบุรุษหนุ่มคนหนึ่งมานั่งมองนางอยู่เกือบครึ่งคืน หยางเทียนหลงนั่งมองนางที่กำลังนอนหลับ เขาได้รับข่าวว่าจ้าวอันป๋อคิดทำร้ายนาง จึงให้คนไปดักรอคนของจ้าวอันป๋อเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเองก็มานั่งอยู่ในห้องนี้
เซียวอี้เซียนนอนตัวเกร็งนางมิได้หลับ แม้จะรับรู้ว่าในห้องมีคนแต่นางกลับนอนนิ่ง มีเพียงลมหายใจที่แรงขึ้น หยางเทียนหลงจึงเอ่ยออกมา
"คุณหนูเซียวเจ้าไม่ได้หลับ แปลว่ายาที่ถูกพ่นเอาไว้ทำอันใดเจ้าไม่ได้ ข้าเป็นห่วงเจ้าเสียเที่ยวแล้ว"
เซียวอี้เซียนลุกขึ้นมองหน้าเขา แต่แสงสลัวของดวงจันทร์สว่างไม่พอ นางได้กลิ่นยาสลบแต่แรกแล้วจึงหาทางแก้ อยู่ในโรงพยาบาลมาทั้งชีวิตอยู่กับกลิ่นยาทุกวันนางจึงจมูกไว เซียวอี้เซียนเอ่ยถามคนตรงหน้า
"พี่ชาย..ข้ารู้ว่าท่านมิได้มาร้าย ว่าแต่ท่านมาในห้องข้าได้อย่างไร"
"ข้าได้ข่าวไม่ดีมาว่ามีคนจะมาทำร้ายเจ้า"
"ท่านเป็นผู้ใดกันเจ้าคะ เหตุใดถึงรู้เรื่องนี้"
"ข้าเป็นองครักษ์ ข้าคือคนที่ฝ่าบาทส่งมาคุ้มครองเจ้า คุณหนูเซียวขออย่าได้กังวลใจ"
"อืม..หากท่านอยากทำร้ายข้า ท่านคงลงมือไปแล้ว ว่าแต่เข้าห้องสตรีเกรงว่าจะไม่ควร รบกวนท่านออกไปเถอะ ด้านหลังเรือนข้ามีห้องว่างไปนั่งเฝ้าที่ห้องนั้นเถิด มีหมอนกับผ้าห่มอยู่สำหรับรับแขก แต่จวนเซียวไร้แขกมาเยี่ยมเยือนนานมากแล้ว อาจอับชื้นไปสักหน่อย"
หยางเทียนหลงอมยิ้มในความมืด สตรีตรงหน้าไม่หวาดกลัวเขาทั้งที่เขาเป็นคนแปลกหน้า อีกทั้งนั่งเจรจากับเขาเสียอีก แต่ประโยคต่อมาทำให้เขาถึงกับต้องมองนางใหม่
"องครักษ์ท่านนี้ เราเคยเจอกันมาก่อนข้าจำเสียงท่านได้ เป็นถึงองครักษ์เงินทองคงมีไม่น้อย ปิ่นเล่มนั้นท่านยังค้างข้าอยู่สี่สิบห้าตำลึง บวกดอกเบี้ยอีกห้าตำลึงรบกวนท่านจ่ายข้าด้วย ไม่ทราบท่านแม่ของท่านพอใจของขวัญวันเกิดจากบุตรชายหรือไม่เล่า"
หยางเทียนหลงหันกลับมามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียง ฉลาดอะไรเยี่ยงนี้กันนะ นางจำกระทั่งเสียงของเขาได้ พระชายาคนนี้อย่างไรเขาก็ต้องแต่ง ยอมให้เป็นของคนอื่นไม่ได้ นางคือของเขาคนเดียวเท่านั้น หยางเทียนหลงปลดถุงเงินออกจากเอวส่งให้นางก่อนจะเอ่ย
"ข้าเพิ่มดอกเบี้ยให้เจ้าอีกเป็นห้าร้อยตำลึง พอใจหรือไม่คุณหนูเซียว"
"ไม่ล่ะ ..ข้าต้องการเท่าที่ข้าควรได้ พี่ชายท่านนี้ท่านไปได้แล้ว หากมีคนมาเห็นท่านเดินออกจากห้องข้าจะไม่ดี ท่านย่าของข้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นางรับอะไรที่รุนแรงสะเทือนจิตใจอีกไม่ไหวแล้ว"
หยางเทียนหลวงรับถุงเงินกลับมาก่อนจะล้วงเอาตั๋วเงินห้าสิบตำลึงส่งให้นาง คนตัวสูงออกไปจากห้องแล้ว เซียวอี้เซียนนอนคิดหาทางทำห้องให้มิดชิดปลอดภัยกว่านี้ เขามาตอนไหนเมื่อไหร่นางไม่รู้เลย คนยุคโบราณนี้เหมือนผีจริงๆเชียว
ยามเหมาเสี่ยวฮวาน้อยตื่นขึ้นมาพร้อมกับเก็บห่มพับผ้าเรียบร้อย ก็ไปที่ครัวเล็กต้มน้ำให้คุณหนูของตนเอง วันนี้เซียวอี้เซียนใส่ชุดสีชมพูหวาน ชายกระโปรงปักดอกไม้สีขาวเล็กๆรอบชาย ปิ่นแมลงปอตัวน้อยที่เสียบแซมมวยผมที่เกล้าต่ำทำให้นางดูงดงามเย้ายวน ใบหน้าหวานดวงหน้าที่เรียวเล็กดวงตาสุกใสราวผลซิ่งหากประคองด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวก็คงหมด
ยามเฉินสองคนนายบ่าวเดินออกมาจากห้องก่อนจะไปคารวะท่านพ่อและไปหาท่านย่าอีกด้วย เซียวอี้เซียนเจอกับหมอเทวดาซุนเจิ้นหนานนางคารวะผู้อาวุโสก่อนจะเอ่ยถาม
"ท่านปู่เจ้าคะ อาการท่านย่าเป็นเช่นไรบ้าง ส่วนอาการของท่านพ่อเล่าเจ้าคะ"
"อืม..ย่าเจ้าขอเพียงไม่มีเรื่องสะเทือนใจอีกก็นับว่าดีแล้ว ส่วนบิดาเจ้านั้นขับพิษยาปลุกกำหนัดหมดแล้ว เพียงแต่ยังคงลุกไม่ไหวน่ะ"
"เซี่ยนเซี่ยนขอบพระคุณท่านปู่ซุนมากนะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านข้าอาจเสียคนที่รักไปถึงสองคนเลยทีเดียว"
"เจ้าอย่าเกรงใจเลย หากมิใช่เพราะเจ้าหวังพึ่งคนอื่นมากเกินไปจนเหตุการณ์ล่วงเลยก็ไม่ลำบากเช่นนี้ เซี่ยนเซี่ยน ตาดีใจที่ในที่สุดสายเลือดสกุลเซียวก็คือสายเลือดสกุลเซียว ปู่ของเจ้าเซียวหานจากชาวนาขาเปื้อนโคลน เป็นเด็กฝึกงานอยู่โรงไม้ มเป็นคนงานทำงานให้กรมโยธา จนได้เป็นถึงเจ้ากรมทุกอย่างได้มาด้วยความสามารถมิใช่อาศัยโชคช่วยหรือแรงสนับสนุนจากผู้ใด บิดาเจ้าร่างกายอ่อนแอแต่กลับมีปัญญา สองคนพ่อลูกร่วมใจในต้าฉินใครจะกล้าต่อว่าสกุลเซียวเป็นเพียงสกุลเล็กๆที่ไม่สำคัญอีก จากนี้ไปจงเดินตามรอยปู่เจ้าเถอะ ไม่มีขาคู่ใดเดินได้มั่นคงเท่ากับขาเจ้าเอง"
"เซี่ยนเซี่ยนจะจำไว้เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านตาเจิ้นหนานที่เตือนสติ จากนี้ไป ข้าจะเอาความรู้ที่ท่านปู่เคยสอนมากอบกู้สกุลเซียวให้รุ่งเรือง ทำให้ยืนอยู่แถวหน้าแม้ว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งไม่ได้แต่ก็จะให้อยู่หนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง"
"ดีๆๆ เห็นเจ้ามุ่งมั่นเช่นนี้ข้าที่เป็นสหายของปู่เจ้าก็ดีใจแทนเขา เสี่ยวฮวาเด็กคนนั้นฉลาดรอบรู้ ข้าเอ่ยไม่กี่คำนางก็จำได้ ข้าอายุปูนนี้แล้วหากได้คนมาสืบทอดวิชาแพทย์ก็คงตายตาหลับ"
ท่านตาเจิ้นหนานจะรับเสี่ยวฮวาเป็นลูกศิษย์หรือเจ้าคะ เสี่ยวฮวายังไม่ขอบคุณอีก"
สาวน้อยทำหน้างงเมื่อคุณหนูของตนหันมาบอก แต่ก็กล่าวขอบคุณผู้อาวุโสตรงหน้า ที่ผ่านมาคุณหนูมักสอนนางเขียนหนังสือจนนางอ่านออกเขียนได้ หากได้เรียนวิชาแพทย์ ท่านยายที่ป่วยบ่อยๆก็จะได้ไม่ต้องทรมาน
"เสี่ยวฮวาขอบคุณหมอเทวดาเจ้าค่ะ แต่ว่าแล้วคุณหนูจะทำเช่นไรเจ้าคะ"
"อย่าห่วงข้าเลย เจ้าไปเรียนกับท่านตาพอเรียนจบก็มาเป็นหมอประจำจวนให้ข้าไง"
ทั้งสามพูดคุยกันอีกเล็กน้อยจากนั้นเซียวอี้เซียนก็ไปเยี่ยมบิดาและท่านย่า ก่อนจะแวะโรงครัวขออาหารเพิ่ม นางบอกว่าเมื่อคืนนางออกแรงเยอะจึงหิว แม่ครัวจัดอาหารเพิ่มให้คุณหนูอีกชุด เซียวอี้เซียนกลับมายังห้องของตนก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องรับรองด้านหลังเรือนของนางแล้วเดินจากมาหยางเทียนหลงเปิดประตูออกมาก็เจอตะกร้าวางตั้งไว้ เขาเปิดผ้าออกดูก็พบปิ่นโตไม้เถาหนึ่ง ในนั้นมีอาหารอย่างดี บุรุษหนุ่มยิ้มให้กับตนเองก่อนจะหันไปยังทิศที่คนตัวเล็กเดินกลับไป กลิ่นกายหอมกรุ่นของนางยังไม่จางไปเลย ชายหนุ่มหยิบตะกร้าอาหารเข้ามาในห้องก่อนจะเริ่มกิน อืม..ทำไมอาหารวันนี้ช่างหวานไปเสียทุกคำกันนะยามซื่อมีคนจากในวังมาเยือน เซียวอี้เซียนประคองบิดาที่เพิ่งฟื้นออกมาจากห้อง ลู่กงกงเห็นหน้าดรุณีน้อยตรงหน้าก็เข้าใจทันทีเหตุใดท่านอ๋องถึงอยากแต่งกับนาง ช่างงดงามเหลือเกิน "นายท่านเซียวมิทราบว่าที่ยืนอยู่ข้างท่านใช่บุตรสาวท่านคุณหนูเซียวอี้เซียนหรือไม่""เอ่อ แค่กๆๆ ขอรับใต้เท้า เอ่อ เซียนเอ๋อร์คารวะท่านกงกงเสียสิ เขาคือคนของฝ่าบาทน่ะ""ข้าน้อยเซียวอี้เซียนคารวะลู่กงกงเจ้าค่ะ""อืม..รูปงามนามไพเราะ กิริ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจ้าวอันป๋อจำต้องกลับจวน เขาให้คนส่งจดหมายไปหาจ้าวอันพี่ชายคนโตที่เป็นคนหมั้นหมายหลานชายของตนกับเซียวอี้เซียน บัดนี้นางกลายเป็นคนของหนิงอ๋องไปแล้ว จะแย่งกลับมาคงไม่ได้ แต่แผนการก่อสร้างที่สกุลเซียวครอบครองอยู่นั้นเขาจำต้องวเอามาให้ได้หากสกุลจ้าวสามารถกุมเอากรมโยธาและแบบแผนการสร้างเมืองมาอยู่ในกำมือได้เขายังต้องหวาดกลัวอันใดกัน เสียดายสกุลจ้าวไร้บุตรีมิเช่นนั้นเขาคงส่งเข้าวังไปเป็นสนมฮ่องเต้สักคน ยังต้องกังวลเรื่องที่อำนาจจะถูกแย่งชิงอีกหรือเมื่อกลับมาถึงจวนก็เรียกหาหลานชายตนเองทันที แต่จ้าวเฉิงไม่ว่างกำลังทะเลาะกับหลิวเย่วอยู่ เมื่อคืนแทนที่เขาจะนอนเรือนกลางกลับไปนอนเรือนเล็กเรียกหาสาวใช้ที่ชื่อเหยาเหยามาปรนนิบัติ จ้าวเฉิงกำลังดีใจที่จะได้เซียวอี้เซียนมาครอบครองก็ต้องฝันสลาย เพราะลู่เสวียนนำพระราชโองการมาประกาศว่าเซียวอี้เซียนขอถอนหมั้นกับเขา และที่สำคัญฝ่าบาทเป็นคนอนุญาตเอง จ้าวอันป๋อเดินมาก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันลอดออกมา"เจ้ามันสตรีใจแคบ เหยาเหยานางก็แค่สาวใช้ ตำแหน่งเมียเอกเจ้าก็ได้ไปแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ""หึ เจ้ามันมักมาก สารเลวแต่งข้า
จ้าวเฉิงเดินมาที่ศาลา มองน้องชายต่างมารดาอย่างรังเกียจ เขาสั่งห้ามจ้าวเหวินเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เป็นเพียงบุตรนางโลมก็เหมือนบ่าวในเรือน เหตุใดเขาต้องยอมรับมัน จ้าวเหวินที่มองมายังเขาสายตามีแววอาฆาตนิดหนึ่งก่อนจะกลบเกลื่อน จ้าวเฉิงมองไม่ออก แต่ชายชรากลับทันได้เห็น ดูท่าสกุลจ้าวต้องเลือกสักคนแล้วไม่เช่นนั้นอาจนองเลือด จ้าวเหวินหันกลับมาหาชายชราก่อนจะเอ่ย"สกุลเซียวขายทอดสินสอดของคุณชายใหญ่อย่างไร้ค่า นำเงินที่ได้พร้อมกับออกเงินอีกสองแสนตำลึงถวายให้ฝ่าบาทนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ราษฎรที่ประสบภัย คนที่มาซื้อสินค้าวันนั้นนางจดชื่อถวายรายงาน ตอนนี้ป้ายทองคำที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทประทับอยู่หน้าร้านพวกเขา รวมถึงขุนนางเล็กๆเหล่านั้นมีสิทธิ์ที่ส่งบุตรหลานเข้าสำนักศึกษาหลวงด้วยขอรับ"ปัง!!!เสียงทุบโต๊ะดังลั่น สำนักศึกษาหลวงเป็นสถานที่ๆสกุลจ้าวกอบโกยได้มากไม่น้อย หากให้พวกบุตรหลานขุนนางปลายแถวมาเรียนปะปนจะทำให้การเงินของเขาสั่นคลอน จ้าวเฉิงที่ได้ฟังก็ยิ้มเยาะก่อนจะเอ่ย"หึ..ดูท่านเจ้าจะแตกตื่นเสียเหลือเกินนะจ้าวเหวิน แค่ขุนนางปลายแถวกับพ่อค้าตัวเล็กๆ นางอยากขอให้พวกมันก็ขอไปสิ สกุลจ้าวเก่าแก่เ
ทันทีที่เซียวอี้เซียนเอ่ยจบบ่าวก็ชวนเสี่ยวฮวาออกไปเดินเล่นนอกจวน กำจัดเกลือเป็นหนอนไปหมดแล้วที่เหลือแค่เดินตามแผนที่วางเอาไว้ นางมาอยู่ที่นี่ได้ห้าวันแล้วนับแต่ลืมตาขึ้นมา ที่นางยอมทำเพื่อสกุลเซียวเพียงนี้เพราะเห็นแก่ความรักที่พวกเขามีต่อร่างเดิม อีกทั้งที่ร่างเดิมต้องจากไปก็เพราะอยากให้พวกเขามีชีวิตดีขึ้นแต่กลับตกหลุมพรางผูู้อื่น นางมาอยู่ร่างนี้จึงต้องเอาคืนให้สาสม อีกอย่างหากต้องแต่งงานกับคนอย่างจ้าวเฉิงจริงๆ ชีวิตคงไร้ความสุขเสียงเรียกนางดังมาจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปก็เจอจ้าวเฉิงที่มากับเพื่อบัณฑิตด้วยกัน ยังเป็นเพียงลูกแหง่ขอเงินพ่อแม่ไปโรงเรียนกล้ามาลูบคมเจ๊เหรอย่ะ อยากตายหรือ หึ"อี้เซียน..พอถอนหมั้นกับข้าก็หาทางมาหาบุรุษใหม่แล้วหรือ ข้าไม่คิดจริงๆว่าเจ้าเป็นสตรีเช่นนี้""โอ่ว..ต้องเป็นสตรีเช่นไรถึงจะเหมาะกับคุณชายไร้ค่าเช่นเจ้าหรือจ้าวเฉิง เอ๋ใบหน้าคุณชายไปโดนสตรีนางใดตบมาเล่านั้น ไอ้หยาในหมู่พวกเจ้าภรรยาผู้ใดคลอดบุตรก็พินิจหน้าตาบุตรที่คลอดออกมาสักหน่อยเล่า เผื่อทารกเหล่านั้นจะเหมือนสหายมากกว่าบิดาตนเอง"หลายคนมองหน้ากัน จ้าวเฉิงถือว่าเป็นบุรุษเจ้าชู้ที่รูปงามมากนัก หรือว่า
หลังจากมีเรื่องกับจ้าวเฉิงเรียบร้อยแล้ว เซียวอี้เซียนก็เดินฮัมเพลงอย่างสบายใจ นางหาซื้อข้าวของพะรุงพะรังเพื่อกลับไปทำของบำรุงให้บิดากับมารดาและท่านย่าของนาง หยางเทียนหลงลุกจากโรงเตี๊ยมเดินลงมาทางที่นางเดินเลือกซื้อสินค้าอยู่ เซียวอี้เซียนที่ก้มๆเงยๆไม่ได้มองว่าเป็นเขา กระทั่งเขาเข้ามาใกล้ๆแล้วเอ่ยทักทาย"คุณหนูเซียว....วันนี้ออกมาเดินเที่ยวได้หรือ"เซียวอี้เซียนหันไปหาทิศที่มาของเสียงก็ได้เจอกับเขา เมื่อคืนไม่เห็นใบหน้าแต่จำเสียงเขาได้ ให้ตายสิตอนที่เขาแต่งตัวเป็นยาจกขอทานก็ว่าไม่อาจบดบังความหล่อเหลาได้แล้ว มาตอนนี้คือออร่าพุ่งมาก เซียวอี้เซียนได้แต่คิดในใจ ยุคโบราณมีผู้ชายหล่อเพียงนี้ด้วยหรือ"แม่เจ้า...หล่อน้ำเดินเลยแฮะ เสียดายจังอีกไม่ถึงเจ็ดวันเจ๊ก็จะมีผัวแล้ว ไม่งั้นจะเอามานอนกอดเล่นๆสักคืนสองคืน"หยางเทียนหลงที่เดินมาใกล้ๆถึงกับต้องล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายของนางที่ไหลอยู่มุมปาก ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู"คุณหนูเซียวเจ้าจะไม่เก็บอาการสักหน่อยหรือ ข้ารู้ว่าตนเองนั้นรูปงาม แต่เจ้าก็ไม่ควรแสดงอาการว่าต้องการข้าถึงเพียงนี้กระมัง"เซียวอี้เซียนถึงกับหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะปรับ
บุรุษต่างวัยมองหน้ากันจากนั้นก็พยักหน้าเดินตามเซียวอี้เซียนไปทางสวนหลังจวน ปกติที่ตรงนี้มิค่อยมีคนมาเท่าไหร่ บุตรสาวเขาพามาทำไมกัน จนกระทั่งทั้งหมดมาถึงหลังภูเขาจำลอง เซียวอี้เซียนก็พาทั้งคู่มานั่งลงที่แอ่งน้ำแอ่งเล็กๆที่นางสร้างขึ้นมา จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้น"ท่านพ่อท่านสามารถทำให้น้ำในแอ่งลึกที่ข้าขุดผันมายังเส้นทางน้ำด้านบนที่สูงกว่าได้หรือไม่เจ้าคะ""อืม..แอ่งน้ำของเจ้ามันต่ำเพียงนั้นจะผันน้ำให้ขึ้นมายังทางระบายน้ำนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ มีเพียงน้ำล้นแอ่งเท่านั้นเอง""อืม..บิดาเจ้ากล่าวถูกแล้ว ว่าแต่หลานพาพวกเรามาทำไมหรือเซี่ยนเซี่ยนหรือว่าเจ้ามีวิธี""ท่านปู่เจิ้นหนาน ท่านพ่อข้ามีวิธีแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับฝ่าบาท แต่วันนี้อยากให้ท่านพ่อรับปากข้าสักเรื่องหนึ่งก่อนเจ้าค่ะ""ลูกบอกว่ามีวิธีหรือ หนังสือสามเล่มที่เจ้าเขียนถวายฝ่าบาทนั้นคือวิธีแก้ภัยแล้วใช่หรือไม่เซียนเอ๋อร์""ท่านพ่อ...ในนั้นลูกเขียนเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น หากฝ่าบาทอยากแก้ปัญหาจริงๆลูกพอจะช่วยพระองค์ได้เจ้าค่ะ""แล้วเจ้ามีวิธีอันใดหรือเซี่ยนเซี่ยน ปู่รู้ว่าเจ้าฉลาดเจ้ามีเลือดของท่านปู่เจ้าอยู่ในตัวสายเลือดสกุลเซียวย่อมต้องเ
เซียวอี้เซียนกินมื้อค่ำเรียบร้อยก็กลับห้องนอน และมีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ที่ห้องนาง ดีที่เสี่ยวฮวาไม่อยู่นางไล่ให้ไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว องครักษ์คนนี้คือคนที่ฮ่องเต้ส่งให้มาคุ้มครองนาง แต่เหตุใดเขาดูเอาแต่ใจเหลือเกิน เซียวอี้เซียนจำต้องเอ่ยออกไปอย่างข่มขู่"องครักษ์ท่านนี้ ฮ่องเต้ส่งท่านมาคุ้มครองข้าหรือส่งท่านมาคุกคามข้ากันแน่""คุณหนูเซียว....ข้ามาตรวจความปลอดภัยของท่าน เผื่อมีคนของสกุลจ้าวลักลอบเข้ามาจะทำเช่นไร""นี่ท่านองครักษ์ ข้ากำลังจะแต่งงาน หากมีใครรู้ว่ามีบุรุษมาพบข้ายามวิกาล อีกทั้งยังเป็นที่รโหฐานจะให้ข้าแก้ตัวแก่คู่หมั้นเช่นไร""ดูเหมือนคุณหนูเซียวจะให้ความสำคัญกับท่านอ๋องเสียจริงๆนะ""ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นเขาคือคนที่จะมาเป็นสามีของข้า ท่านออกไปเถอะข้ามิเป็นอันใดหรอก"หยางเทียนหลงอมยิ้มก่อนจะเดินออกไป เขาหยุดที่ประตูแล้วหันกลับมาเอ่ยถามนาง"คุณหนูเซียวท่านชอบหนิงอ๋องหรือไม่""จะว่าไปนี่เป็นเรื่องข้าสองคนสามีภรรยา ท่านมีหน้าที่มาแค่ดูแลความปลอดภัยของข้ามิใช่หรือ เหตุใดซอกแซกนัก ข้าอยากรู้เสียแล้วว่าท่านใช่คนของฮ่องเต้แน่หรือเปล่า แน่นอนท่านคิดว่าข้าคงกลัวเรื่องเสียชื่อเสียงหา
เซียวอี้เซียนได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางสงสารเซียวอี้เซียนคนเดิมยิ่งนัก นางจะรู้ไหมว่านางมีคนรักมากมาย เหตุใดต้องโทษตนเองจนสุดท้ายชีวิตตนเองก็รักษาไม่ได้ ดรุณีน้อยยิ้มให้หญิงชราก่อนจะเอ่ย"ท่านย่า ในยามนั้นท่านปู่เมาจึงรับปากเขาไป มาตอนนี้คิดๆดูแล้วคืนนั้นท่านปู่ถูกสองพี่น้องสกุลจ้าวมอมเหล้าหรือเปล่าเพื่อหลอกล่อให้รับปาก""เฮ้อ..คนจากไปชาก็เย็นชืด สองพี่น้องสกุลจ้าวจิตใจชั่วร้าย เซี่ยนเซี่ยนหลานต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีล่ะ อีกอย่างแต่งงานไปแล้วเรื่องหลังบ้านต้องระวัง รีบมีบุตรเสียเพื่อจะได้มัดใจสามี หากรั้งนานเกินไปหนิงอ๋องอาจหาคนมาอุ้มท้องแทนเจ้า""ท่านย่า ต่อให้หลานคลอดบุตรชายออกมาสิบคน หากบุรุษไร้ใจรั้งเช่นไรก็มิอาจรั้งได้นะเจ้าคะ""เซี่ยนเซี่ยน...ดับไฟใต้กะทะไม่สู้ถอนฟืนออกจากเตาเสีย จงอย่าประมาท ว่าแต่เรื่องบิดาของเจ้าเหตุใดคิดว่าเขาจะได้รับตำแหน่งกัน""ทำท่านย่าเป็นห่วงแล้วหลานอกตัญญูยิ่งนัก เอ่อ..ท่านย่าเจ้าคะ ตอนที่ท่านปู่ยังอยู่มักเรียกข้าไปสอนตำราและการทำงาน เนื่องจากท่านพ่อสุขภาพไม่ดี ท่านปู่ไม่อยากให้วิชาที่ท่านปู่ศึกษามาต้องสูญหายจึงยอมให้หลานเรียนรู้ หลานทำบางอย่างก็เพื่อให้เรายืน
เสียงในห้องเงียบไปแล้ว บนเตียงฉีฮุ่ยหมิ่นนอนหนุนแขนของหยางเฟยหยางอยู่ นางตะแคงกอดเขาเอาไว้ มือหนาลูบหลังนางปลอบโยน เอ่ยด้วยถ้อยคำรักใคร"หมิ่นเอ๋อร์ลำบากเจ้านัก หากพี่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาความรักของเราคงจะดีกว่านี้""ทรงแน่ใจหรือเพคะว่าจางลี่เฟยเป็นคนวางยาฮองเฮาพระองค์ก่อนจริงๆ นางทำได้อย่างไรกันนางเป็นเพียงสนมที่ฝ่าบาทไม่เคยพลิกป้ายด้วยซ้ำ""นางมีคนช่วย และคนๆนั้นก็มีอำนาจมากพอ เอาล่ะพี่ต้องไปแล้วอยากอยู่กับเจ้าทั้งคืนจริงๆไม่อยากห่างเลย เรื่องของหลานซิ่วเอ๋อร์เด็กดีเจ้าอดทนหน่อยนะ วันหน้าพี่จะชดเชยให้เจ้าเอง""เพคะ ขอแค่พระองค์ปลอดภัยหม่อมฉันยินดีอดทนทุกอย่าง"หยางเฟยหยางลุกขึ้นรั้งนางขึ้นมากอด เขาอยากรักนางมากกว่านี้แต่ทำไม่ได้ มีแค่ต้องเกลียดชังนางเพราะตระกูลของนางไร้บุรุษแล้วมีเพียงบ่าวไพร่และท่านย่าชราเท่านั้น นี่เป็นการปกป้องคนในครอบครัวนางด้วยฉีฮุ่ยหมิ่นลุกมาหยิบอาภรณ์แล้วส่งให้เขา หยางเฟยหยางเข้าใจจึงกระชากแล้วฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาใช้ปิ่นปักผมกรีดฝ่ามือตนเองก่อนจะหยดเลือดลงบนที่นอนว่าเขากับนางได้เข้าหอกันครั้งแรก ฉีฮุ่ยหมิ่น
หยางเฟยหยางกลับมาถึงตำหนักบูรพาก็ตรงไปหาฉีฮุ่ยหมิ่นทันที ไม่ได้เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วไม่เช่นนั้นแม่ตัวดีหลานซิ่วเอ๋อร์แทรกแซงแน่ๆ สตรีน่าตายนั่นหากไม่ใช่เพราะนางต้องสืบความลับให้กับเขาละก็เขาคงไม่เอาไว้แล้ว เมื่อเข้ามาถึงก็ถามหาพระชายาทันที แต่เงาดำพาดผ่านนอกตำหนักทำให้เขาไม่รีบร้อนจนเกินไป ดูท่าคนขององค์ชายใหญ่หรือสนมจางคงมาดูลาดเลาเพื่อไปรายงาน หยางเฟยหยางจึงออกอาการเกรี้ยวกราดเรียกคนด้านใน "ฉีฮุ่ยหมิ่นออกมานะข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า"เสียงเรียกดังกังวาน น้ำเสียงฟังก็รู้ว่าเขากำลังโมโห ซีซีหน้างอง้ำ มาถึงก็โวยวายคนอะไรหาเรื่องได้ทุกวัน ไม่หาเรื่องคนจะตายหรือไงกันนะก่อนจะเอ่ยแก่นายสาวของตน"พระชายา รัชทายาทมาหาเรื่องอีกแล้วเพคะ""อืม เจ้าออกไปเถอะ เดี๋ยวจะถูกลูกหลงเอาได้""แต่ว่า...""ไปเถอะ ข้าจะออกไปรับเสด็จน่ะ"ซีซีสวมเสื้อคลุมให้กับนายของตน จากนั้นทั้งคู่ก็มายังห้องโถง หยางเฟยหยางส่งสายตามายังร่างบางด้วยความเสน่หา ก่อนจะปรับเป็นสายตาเกรี้ยวกราดเอ่ยปากต่อว่านาง เสียงดังจนเหล่าข้ารับใช้สะดุ้ง"ฉีฮุ่ยหมิ่น นับวันเจ้าช่างใจกล้านักนะ แค่ซิ่วเอ๋อร์นาง
หยางเทียนหลงเสร็จจากข่มขู่หรานซิ่วเอ๋อร์ก็รีบกลับมายังจวนเซียวเพื่อรับพระชายาของตน ร่างสูงมาถึงก็เห็นเซียวอี้เซียนกำลังแยกเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ ใบหน้านวลมีรอยยิ้มทุกครั้งที่นางได้ทำงาน หยางเทียนหลงเดินมาหาคนตัวเล็กที่กำลังเขียนชื่อของพืชชนิดต่างๆ เซียวอี้เซียนกำกับว่าพืชชนิดใดเหมาะกับดินแบบใด ท่านย่าของนางช่างเก่งกล้าสามารถยิ่งนัก เมื่อนางเงยหน้าก็เห็นคนที่นางคิดถึงมายืนตรงหน้า"ท่านอ๋อง...ทรงมาแล้วหรือเพคะ ทรงรอหม่อมฉันรอสักครู่หม่อมฉันจะไปอุ่นอาหารให้นะเพคะ""อย่าเลย พี่ยังไม่หิว น้องหญิงเจ้าทำอะไรอยู่ เริ่มจะค่ำแล้วกลับจวนอ๋องก่อนเถอะ""หม่อมฉันแยกเมล็ดพันธุ์อยู่เพคะ จริงสิวันนี้ทรงไปจัดการเรื่องชิ้นส่วนเรียบร้อยดีหรือไม่เพคะ""อืม..วันพรุ่งนี้พร้อมที่จะติดตั้งแล้ว เสด็จลุงจะทรงเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้""แล้ว เรื่องความปลอดภัยของฝ่าบาท""เรื่องนี้อย่ากังวลลู่เสวียนวางแผนการไว้หมดแล้ว อย่าเห็นว่าปกติลู่กงกงเป็นคนแก่ชรา ท่านลุงของลู่เสวียนคนนี้ฝีมือติดหนึ่งในสิบของยุทธภพเชียวนะน้องหญิง"เซียวอี้เซียนยิ้มให้เขา จากนั้นนางก็เก็บพันธุ์พืชเข้ากล่องที่แย
หรานซิ่วเอ๋อร์เดินมาถึงก็จับมือแล้วโอบเอวบางให้ลงมา ยามนี้เซียวอี้เซียนอยู่ในอ้อมกอดของนาง องครักษ์ต่างมองหน้ากัน เซียวอี้เซียนค่อยๆเอาตัวเองออกมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณหรานซิ่วเอ๋อร์เบาๆ"ขอบคุณมากคุณหนูรอง ท่านมิใช่มาพบไท่จื่อเฟยหรอกหรือ เข้าด้านในกันเถอะ เอ่ออีกเรื่องไท่ฮูหยินนางป่วยอยู่คุณหนูรองหวังว่าท่านจะรู้ว่าอะไรควรพูดมิควรพูด""พระชายาวางใจ หม่อมฉันรู้ดีว่างสิ่งใดควรกล่าวเพคะ ไปกันเถอะ หม่อมฉันช่วยประคองนะเพคะ"เซียวอี้เซียนโบกมือแล้วส่งสายตาให้เสี่ยวฮวา สาวใช้ตัวน้อยรีบเข้ามาประคอง หรานซิ่วเอ๋อร์มองหน้าเซียวอี้เซียนอย่างหลงใหล แม้แต่เสี่ยวฮวานางยังมองราวกับจะกลืนกิน เสี่ยวฮวาลูบต้นแขนตนเองรู้สึกขนลุกปลกๆยามที่คุณหนูรองสกุลหรานคนนี้มองมายังนางทั้งหมดเข้ามายังลานด้านใน พ่อบ้านไปบอกแล้วว่าพระชายาหนิงอ๋องมาหา ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินออกมายิ้มแย้มกับเซียวอี้เซียน แต่เมื่อเห็นหน้าอีกคนรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้างดงามทันที หรานซิ่วเอ๋อร์คนนี้คือคนของลี่เฟย นางมาจวนฉีทำไม่กัน กระทั่งเสียงอ่อนหวานดังมาจากหรานซิ่วเอ๋อร์"หม่อมฉันหรานซิ่วเอ๋อร์ ถวายพระพรไท่จื่อเฟยเพคะ""เฮ้อ..ตามส
หลังจากที่เซียวอี้เซียนจากไปแล้ว หลิวต่งก็ไปหาน้องสาวที่เรือน เขาเห็นร่างที่เริ่มอุ้ยอ้ายของหลิวเย่วที่กำลังจะลุกมาหาก็โบกมือห้ามปราม ก่อนจะเดินไปนั่งตรงกันข้าม พรชายาพูดถูกจวนเขามิได้มีแต่คนภักดี"เสี่ยวชุ่ย ไปเฝ้าด้านนอกอย่าให้ใครเข้ามากวน บอกไปว่าคุณหนูเพลียอยากนอนต้องการความสงบ บ่าวไพร่เหล่านั้นไม่ต้องมากวาดลานบามนี้""เจ้าค่ะคุณชายใหญ่"สาวใช้เสี่ยวชุ่ยออกไปแล้ว หลิวต่งจึงเอ่ยปากพูดคุยกับน้องสาว หลิวเย่วรู้ดีว่าพี่ชายรักและเป็นห่วงนางจึงนั่งฟังเขาไม่ขัดคอ"เย่วเอ๋อร์ เจ้าลืมไอ้คนสาระเลวจ้าวเฉิงได้หรือยัง""ข้าไม่อาวรณ์แล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่ จะว่าไปก็อิจฉาพระชายาที่นางสามารถหลุดพ้นคนอย่างจ้าวเฉิงไปได้ อนาคตนางมีแต่หนทางสว่าง""พระชายาจะไปไหว้พระในอีกสามวัน นางให้ข้ามาบอกว่าหากเจ้าอยากไปด้วยนางก็ยินดี""พี่ใหญ่ บอกตามตรงข้าไม่กล้าสู้หน้านาง ที่ผ่านมาข้าวกับจ้าวเฉิงเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาง ทำให้นางกลายเป็นตัวตลก สกุลเซียวต้องเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วเมืองหลวง พี่ใหญ่ นางดีกับข้าเพียงนี้ ข้ารู้สึกละอายใจ""เฮ้อ...พระชายาทายไม่ผิด เจ้าต้องเอ่ยเช่นนี้ เย่วเ
สองชายชรามองหน้ากันทันที บ้านก็ไขายไม่ออก คนเช่าก็ไม่มีมานับแต่เกิดเรื่อง มาวันนี้นางยังจะเอาแต่ใจให้คนมาอาศัยในบ้านที่พวกเขาลงทุนอีก เซียวอี้เซียนคนนี้เหตุใดถึงได้กล่าวเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้กัน หลิวเว่ยกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์นิดหน่อย"พระชายา บ้านเหล่านั้นตอนมาจำนองทรุดโทรมอย่างมาก เมื่อเจ้าของไถ่คืนไม่ไหวพวกเราก็ต้องซ่อมแซมเพื่อขายต่อหรือปล่อยเช่า ค่าซ่อมแซมแน่นอนว่าใช้เงินตำลึงไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""จริงของหลิวเว่ย พระชายาสกุลหลิวมีรายได้มาจากการให้เช่าบ้านและปล่อยกู้ ยามนี้หากไม่มีบ้านให้เช่าลำพังเงินเดือนเจ้ากรมกับอดีตเจ้ากรมคงไม่พอเลี้ยงคนกว่าร้อยชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ"สองพี่น้องสกุลหลิวเอ่ยออกมา หลิวต่งเองก็ให้ไม่พอใจเท่าไหร่ นางบอกว่าจะมาเจรจานี่มันเป็นการเจรจาที่ไหนกันนางตั้งใจมาแล้วชัดๆ กระทั่งเซียวอี้เซียนยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่งสัญญาณ แม่นมจางและชุ่ยเหยียนรู้ว่าพระชายาต้องการสิ่งใดจึงเดินมาส่งม้วนกระดาษให้กับหลิวหลางเมื่อชายชรารับมาอ่านก็ตาเบิกโพลง นี่มันค่าตอบแทนมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่สำคัญตำแหน่งที่นางมอบให้เขานั้นนับว่าสูงกว่าตำแหน่งอำมาตย์ฝ่า
เซียวอี้เซียนที่สั่งให้ลงโทษสองแม่ลูกสกุลจ้าวก็เดินผ่านร่างของทั้งคู่ไปโดยไม่ใส่ใจ ไม่นานเรื่องที่เยี่ยหรานและจ้าวเฉิงดูหมิ่นพระชายาหนิงอ๋องและถูกศาลราชวงศ์ลงโทษด้วยตนเองก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง ปากต่อปากจากเพียงแค่ดูหมิ่นพระชายากลับขยายไปว่าจ้าวเฉิงลงมือทำร้ายพระชายา หลิวต่งคุณชายใหญ่ให้การช่วยเหลือกลับถูกจ้าวเฉิงชี้หน้าด่าทอ และกลับกล่าวหาว่าพระชายาไม่อาจตัดใจจากเขาได้จึงตามมาหาเรื่องหลิวเย่วถึงจวน สุดท้ายสองแม่ลูกถูกสั่งโบยตามกฎหมายต้าฉิน ทางด้านสองพี่น้องสกุลจ้าวที่อยู่ในวัง กำลังทำงานยังไม่รู้ว่าสะใภ้กับหลานชายบาดเจ็บเจียนตายและอยู่ในคุกหลวง เซียวอี้เซียนเดินตามหลิวต่งเข้าไปยังศาลากลางสระบัวที่หลิวหลางนั่งรออยู่ เซียวอี้เซียนอมยิ้มไม่ยอมมาต้อนรับ อยากให้นางยอมก้มหัวให้เพราะเรื่องที่ถูกยึดทรัพย์ครั้งก่อนตาแก่นี่สูญเสียไม่น้อยและคงโกรธนางแต่เพราะฐานะนางตอนนี้อยากเอาคืนนางก็ทำไม่ได้ หลิวหลางเห็นนางเดินมาแต่ยังคงวางท่า ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนอวดอำนาจอันใดกัน แต่เขารู้กาลเทศะดีกว่าสองแม่ลูกสกุลจ้าวนั่นจึงลุกขึ้นยืน ทำความเคารพนางตามธรรมเนียม"กระหม่อมหลิวหลางถวายพ
เซียวอี้เซียนกับหยางเทียนหลงกลับมาถึงจวนอ๋องก็เกือบยามซวีแล้ว ท่านอ๋องกับพระชายาแจ้งว่าอีกสามวันจะออกไปท่องเที่ยว สองสามีภรรยารู้ดีว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่เอาเรื่องท่องเที่ยวมาบังหน้าเพื่อตามหาคนหยางเทียนหลงส่งเซียวอี้เซียนเข้านอนจากนั้นก็ไปห้องหนังสือฟังรายงานจาก จินฮวนซึ่งเป็นพี่ชายจินฝานและเป็นองครักษ์เพียงหนึ่งเดียวของเขาที่ไม่มีใครรู้จัก หากพูดถึงเรื่องวรยุทธเขาเองยังเป็นรองจินฮวนด้วยซ้ำ"มีอะไรรายงานหรือไม่""ท่านอ๋อง วันนี้มีองครักษ์จากตำหนักองค์ชายใหญ่ไปเฝ้าที่จวนเซียวเกือบยี่สิบคน แต่พวกเขาไม่อาจหลบพ้นคนของท่านอ๋องกับคนของฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ""แล้วเรื่องอื่นๆเล่าสืบได้อะไรอีก""เหมือนสนมจางจะมีความสัมพันธ์กับองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ""หืม คบชู้หรือเป็นไปได้อย่างไรกัน เสด็จลุงมิใช่คนโง่เขลา แม้พระองค์จะไม่เคยพลิกป้ายนางแต่อย่างไรนางก็ไม่น่าจะเสี่ยงเช่นนี้""นางเป็นคนของราชวงศ์เก่า ฝ่าบาทแต่งนางเข้ามาเพราะสงสารไม่เช่นนั้นนางจะต้องถูกประหารตามธรรมเนียม ยามนั้นนางเพิ่งจะอายุสิบสองปี อีกอย่างฝ่าบาทไม่ได้ต้องการนางจริงๆ แต่งเพราะปกป้องนางพระองค์ก็ทราบนี่พ่ะย่ะค่ะ""อืม ข้
เซียวอี้เซียนที่ตอนนี้เพิ่งจะกลับถึงจวนก็ปรากฏว่าหยางเทียนหลงมารอแล้ว หน้าตาดูโกรธนิดๆ เขารู้ดีว่านางอยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเป็นเหยื่อล่อไหม มิเช่นนั้นหากชาวบ้านที่เชื่อคำโกหกลุกฮือขึ้นมานางจะมีอันตรายเซียวอี้เซียนโบกมือให้สาวใช้และองครักษ์ออกไปจากบริเวณจนหมด นางมาถึงก็ยกแขนเรียวคล้องคอของคนตัวโตเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอย่างรู้สึกผิด"พี่เทียนหลง เซี่ยนเซี่ยนผิดไปแล้ว วันหลังจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วเพคะ""ยังจะมีวันหลังอีกหรือเด็กเกเร ก่อนเข้าวังพี่บอกว่าอย่างไร แบบนี้ต้องลงโทษหนักๆแล้ว""ไม่มีวันหลังแล้วเพคะ อะ อื้อ"หยางเทียนหลงรวบร่างบางมาหาก่อนจะก้มหน้าลงจุมพิตนางอย่างหิวโหยเพื่อลงโทษที่นางขัดคำสั่งเขา ออกไปข้างนอกโดยพลการ องค์ชายใหญ่ไม่เหมือนตาเฒ่าสกุลจ้าว เล่ห์เหลี่ยมมากกว่า และมีคนใช้สอยมากกว่า กระทั่งเขาถอนจุมพิตออกจึงเอ่ยเสียงเข้มแฝงไปด้วยความห่วงใย"ต่อไปอย่าทำอะไรโดยไม่บอกอีก พอรู้ว่าเจ้าไปข้างนอกเพื่อล่อเหยื่อพี่อยากจะบินออกจากห้องทรงอักษรเลยเชียว เซี่ยนเซี่ยน หยางต่งมิใช่ตาแก่จ้าวสองพี่น้องนั่น เขามีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย พี่ก