รอเพียงพวกเต๋อหลินนำสินค้ามาถึง ก็สามารถจัดวางสินค้าภายในร้านและเปิดกิจการได้ทันที ข้าจะรบกวนท่านพ่อช่วยอวยพรในวันเปิดกิจการและข้าได้ตั้งชื่อร้านค้าไว้ว่าสวีเฟิงฟู่ขอรับ” เซียวหนิงหลงบอกที่มาของขบวนสินค้าที่บิดาของตนสงสัย“อืม สินค้าของว่าที่ลูกสะใภ้จะวางขายที่เมืองหลวงแล้วงั้นรึ เช่นนั้นเจ้าต้องขาย
หลังจากไทเฮาเสด็จกลับมาถึงวังหลวง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอีกสองวันต่อจากนี้ เพื่อให้ไทเฮาได้พักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล เพราะพระองค์ก็ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้วนั่นเองฮ่องเต้กับฮองเฮาจึงไปส่งไทเฮาถึงตำหนักหนิงจิ้งกง แต่ด้านหลังยังมีนางสนมตำแหน่งต่าง ๆ องค์ชายองค์หญิงอีกหลายพ
“อืม” แม้ใบหน้าจะเย็นชาเคร่งขรึมต่อหน้าผู้อื่น แต่พอได้ยินว่าลู่ชิงมีของฝากมาถึงตนก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย“นี่ขอรับซื่อจื่อ กล่องไม้นี้คุณหนูลู่ชิงถึงกับข่มขู่พวกข้าน้อยไว้เชียวขอรับ” เต๋อหลินวิ่งไปที่รถม้าหยิบเอากล่องไม้ออกมาได้ ก็วิ่งกลับมาหาเซียวหนิงหลง“ขอบใจมาก เจ้าไปทำงานต่อเถิด”“ขอรับ ข้าน้อย
จิ่งมู่อิงที่ยืนปรนนิบัติจิ่งไท่เฟยอยู่ด้านหลัง แอบใช้สายตาชำเลืองมองไปที่เซียวหนิงหลงอยู่บ่อยครั้ง แต่เซียวหนิงหลงไม่ได้สนใจจะมองตอบกลับไปแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางยังคงมั่นใจว่าจิ่งไท่เฟยจะขอสมรสพระราชทานให้นางได้สำเร็จเมื่อการแสดงผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงของขันทีด้านนอกประกาศการมาถึงของรัชทายาท
จิ่งมู่อิงที่ก่อนหน้านี้ยังมีความมั่นใจ เมื่อได้ยินคำประกาศกร้าวของเซียวหนิงหลง นางถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจปนกับความกลัว เพราะนางเคยได้ยินทหารพูดต่อ ๆ กันมาถึงความเหี้ยมโหดของเขา“เซียวซื่อจื่อมันจะมากเกินไปแล้วนะ เจ้ากล้าข่มขู่ทำร้ายหลานสาวอายเจียขนาดนี้เชียวรึ” จิ่งไท่เฟยแม้จะตกใจแต่ยัง
“ซื่อจื่อช่างรู้จักเอาใจคนแก่เสียจริง ไหนขออายเจียดูสักหน่อยว่าสินค้าที่ซื่อจื่อนำมามอบให้หน้าตาเป็นอย่างไร ยังไม่ทันเปิดกล่องก็มีกลิ่นหอมลอยออกมาแล้วรึ พอจะบอกได้หรือไม่ว่าเจ้าขวดที่มีกลิ่นหอมนี้คืออันใด แล้วที่เป็นผง ๆ อยู่ในกระปุกอันใหญ่คือสิ่งใด” ไทเฮาได้กลิ่นหอมละมุนทำให้สดชื่นมากกว่ามีกลิ่นฉุน
หลังจบงานเลี้ยงเหล่าขุนนางทั้งหลาย กล่าวย้ำกับฮูหยินของตนเรื่องการอบรมบุตรสาว ให้มีความพร้อมสำหรับการออกเรือน ตอนนี้ทุกคนมุ่งเป้าไปที่องค์รัชทายาท ด้วยเมื่อก่อนพระองค์มีอาการป่วยจึงไม่มีขุนนางคนใดสนใจ คิดส่งบุตรสาวเข้าตำหนักบูรพาเพื่อแต่งเข้าไปเป็นพระชายาแม้สักคนครั้งนี้พอเห็นว่ารัชทายาทหายจากอาการ
“ไม่เกินเจ็ดวันน่าจะมาถึงแล้วขอรับ ข้าว่าจะส่งตันเจียงไปรอรับที่นอกเมือง เพื่อป้องกันพวกที่คิดจะเล่นงานข้าฉวยโอกาสลงมือกับขบวนสินค้าขอรับ” เซียวหนิงหลงมักจะมีแผนระวังป้องกันเอาไว้เสมอ“อืม เจ้ารอบคอบดีมากแม้พวกมันจะไม่ลงมือ แต่ระวังเอาไว้ย่อมดีที่สุด แล้วเรื่องจิ่งไท่เฟยเล่าเจ้าจะเอาอย่างไร ถึงตอนนี
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่