ณ ร้านเครื่องหอม
‘เหมยลี่’ สตรีในอาภรณ์สีขาวชมพูปักลายดอกเหมยกำลังตั้งอกตั้งใจปักลวดลายลงในถุงหอม นางเป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ซึ่งได้รับการส่งต่อมาจากบิดา
นางจะเปิดร้านยามซวี เมื่อเก็บร้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว นางก็มักจะมานั่งปักถุงสำหรับเตรียมขายในวันพรุ่งนี้
ในขณะที่นางจดจ่อกับการปักผ้า บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ค่อย ๆ ย่องเข้ามาแล้วกอดนางจากด้านหลัง
“เอ๊ะ..พี่ซ่งเทียนทำอะไรเนี่ย”
เหมยลี่สะดุ้ง แต่ไม่ตกใจมากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนรักของนางเท่านั้นที่มาในยามนี้
“คิดถึง”
ปากหนากดจูบซอกคอขาวของนางเพื่อเติมพลัง ทำเอาใบหน้าของเหมยลี่ร้อนผ่าวไปหมด
“อื้อ.... ไม่เอาเจ้าค่ะ พี่ซ่งเทียนหยุดก่อน” แขนเรียวรีบดึงแขนชายคนรักออกห่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาจูบปากนางทันที
“อึก...อือ”
เหมยลี่ครางนำคอ เมื่อถูกลิ้นอุ่นดุนดันริมฝีปากบางของนางให้รับมันเข้าไป
“หืม~~”
ซ่งเทียนคำรามในอก ขณะที่ดันตัวของนางให้เอนไปกับเก้าอี้ตัวยาวอย่างง่ายดาย
“เหมยลี่ข้าคิดถึงเจ้า อยากอยู่กับเจ้าทุกวัน”
เขาพูดหลังจากละจูบออก
ใบหน้าของเหมยลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ้มพรายตอบรับ แค่ได้ยินคำหวานแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว มองบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง นางไม่คิดไม่ฝันว่า องค์ชายอย่างเขาจะลดตัวมารักแม่ค้าอย่างนาง อีกทั้ง เขายังบอกกับนางว่า เมื่ออยู่ด้วยกันเพียงลำพังให้เห็นเขาเป็นเพียงบุรุษธรรมดาคนหนึ่งที่รักนางมาก ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ หรือไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เมื่อพูดกับเขา
“สีหน้าของพี่ซ่งเทียนไม่ดีเลย มีอะไรหนักใจหรือเปล่า” เหมยลี่ถามเมื่อเห็นบุรุษตรงหน้าสีหน้าเครียดจัด
ซ่งเทียนยิ้มขมขื่นมีอะไรในใจ ดึงมือของเหมยลี่ไปจูบพร้อมกับเอ่ยว่า
“สีหน้าข้าแสดงออกขนาดนั้นหรือ”
“ข้ากับท่านคบหาดูใจกันมาร่วม 3 ปีแล้ว มีหรือข้าจะอ่านท่านไม่ออก”
อีกทั้งนางยังเป็นแม่ค้าเครื่องหอม ในแต่ละวันพบผู้คนไม่น้อย จึงมีทักษะในการอ่านสีหน้าคน รวมถึงการเอาอกเอาใจอยู่ไม่น้อย
“เรื่องของเรา”
ซ่งเทียนสบตาดวงตาหวานล้ำ วันนี้ที่เขามาหานางช้ากว่าทุกวันเพราะฮ่องเต้ทรงเรียกให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ คุยเรื่องพระราชทานอภิเษกสมรสให้เขากับบุตรสาวท่านแม่ทัพ !
เขาปฏิเสธทันที แล้วโยนให้น้องรอง แต่เสด็จพ่อก็ยังยืนยันที่จะให้เขาแต่งงกับสตรีที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตา
“พี่ซ่ง.....”
“พี่ซ่งเทียน! เป็นอะไรหรือเปล่า”
เหมยลี่เรียกอยู่หลายครั้ง เรื่องมันเครียดขนาดนั้นเลยหรือไงกัน
ซงเทียนมองหน้าเหมยลี่ ตัดสินใจบอกกับนางตรง ๆ
“ฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสให้ข้ากับลูกสาวแม่ทัพฉู่”
“.......”
เหมยลี่ถึงกลับพูดอะไรไม่ออก เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ทั้ง ๆ ที่นางเตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว นางรู้ตัวดีเสมอว่า ตนเองไม่เหมาะสมที่จะเป็นพระชายาขององค์ชาย ทั้งด้วยชาติตระกูล หรืออำนาจเงินทอง นางยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียเขาไปจึงมี ทำสีหน้าหม่นลงไป
ซ่งเทียนเองรู้ว่าสตรีในดวงใจเสียใจกับข่าวนี้มากแค่ไหน เขาจึงดึงตัวของนางไปสวมกอดเอาไว้พลางปลอบใจว่า
“เจ้าไม่ต้องห่วงนะ แม้ข้าจะแต่งงานกับนางตามคำสั่งของเสด็จพ่อ แต่ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้นางหย่ากับข้าให้เร็วที่สุด แล้วเมื่อถึงวันนั้น เราสองคนจะได้ครองคู่อยู่ด้วยกัน”
ซ่งเทียนพูดบอกให้เหมยลี่สบายใจ ในขณะที่นางน้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ
........................................................
องค์ชายซ่งเทียนปลอบประโลมเหมยลี่อยู่นาน รอจนกระทั่งส่งนางเข้านอนแล้วเขาจึงเดินออกมาหน้าร้านซึ่งมีรถม้าจอดคอยอยู่
“ไปหอบุปผา”
เสียงทุ้มสั่ง ‘เก่อหลาง’ ซึ่งเป็นทั้งองครักษ์ประจำตัว และเป็นทั้งคนขับรถม้า
ด้วยความสนิทสนมที่คอยรับใช้องค์ชายมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงกล้าทักท้วงขึ้นว่า “องค์ชาย ข้าขอบังอาจทูล องค์ชายกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับบุตรสาวของท่านแม่ทัพฉู่ หากเรื่องที่ท่านไปหอนางโลมแพร่ออกไป เกรงจะไม่เหมาะ”
ซ่งเทียนมององครักษ์คนสนิทเขาแทบจะกินหัว “ไม่เหมาะก็ไม่ต้องแต่ง ข้าไม่อยากแต่งงานกับนางอยู่แล้ว เจ้าจะขับรถม้าพาข้าไปดี ๆ หรืออยากจะถูกตัดหัว”
เก่อหลางสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา ก็กลืนน้ำลายเฮือก แล้วรีบเอ่ยว่า “ไปหอบุปผาขอรับ”
จากนั้น รถม้าก็วิ่งไปตามถนน จนกระทั่งถึงอาคารหลังใหญ่ ประดับประดาด้วยบุปผานานาชนิด ตกแต่งด้วยโคมไฟตระการตา สาวสวยแห่งหอบุปผาต่างยืนโบกผ้าเช็ดหน้าเรียกบุรุษเข้าไปใช้บริการ
“ถึงแล้วขอรับองค์ชาย”
เก่อหลางรายงาน พร้อมเปิดม่านประตูรถม้าเชิญให้เจ้าชีวิตลง
“เจ้าไปพักดื่มน้ำชารอข้าสักสองชั่วยาม แล้วค่อยกลับมารับข้าที่นี่”
“ขอรับ”
จากนั้น องค์ชายซ่งเทียนก็ย่างกายเข้าหอนางโลมด้วยใบหน้าบึ้งตึง
องค์ชายซ่งเทียนมาที่หอบุปผาก็เรียกหาดาวเด่นของหอคณิกาไปรับใช้ที่ห้องพิเศษในขณะที่เจียลี่ สตรีที่งดงามที่สุดในหอแห่งนี้กำลังเล้าโลมเรือนกายกำยำขององค์ชายอย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็ถูกเขากระชากรวงผมจนเงยหน้ามาสบตาเขาพลึ่บ!!“อย่าทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้สั่ง”เขามองนางด้วยสายตาดุดัน กล้าดียังไงมาทำรอยเอาไว้บนตัวของเขาเจียลี่มองเขาด้วยความกลัว แล้วรีบอ้อนอย่างยั่วเย้า“ท่อนมังกรขององค์ชายมันน่าดูดนี่เจ้าคะ..จ๊วบ..จ๊วบ”นางโลมอันดับหนึ่งใช้เล่ห์มารยา ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าที่ยั่วยวน นางนั่งอยู่หว่างขาของบุรุษหล่อเหลา ใจนางนั้นอยากจะทำให้นานกว่านี้ สร้างอารมณ์ให้มันซาบซ่านก็เท่านั้น แต่โดนดึงตัวขึ้นมาซะก่อน“อย่าพูดมาก รีบ ๆ ช่วยข้าปลดปล่อยให้หายหงุดหงิด” ซ่งเทียนสั่งเสียงเข้ม“เจ้าค่ะ”เจียลี่ทำตาเยิ้ม ใครมันไม่อยากทำล่ะ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่มีสิทธิ์ได้นั่งครองบัลลังก์ หากนางปรนนิบัติเขาดี ๆ บางทีอาจถูกเรียกไปเป็นสนมก็เป็นได้ นางจึงรีบขึ้นคร่อมตัวของซ่งเทียน มือเล็กจับแท่งมังกรร้อนอย่างรู้งานซ่งเทียนเอนตัวลงนอนลงไปให้เจียลี่ช่วยดับอารมณ์เขาที่มันหงุดหงิดอยู่ให้คลายลงบ้าง“อ๊ะ.. อะ องค์ชาย แท่งมั
ในที่สุดพิธีอภิเษกสมรสก็มาถึง....‘ฉู่เหลียน’ บุตรีของท่านแม่ทัพ ผู้เป็นเจ้าสาวนั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดง นางบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเอาไว้ ริมฝีปากแย้มนิดๆ ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะได้แต่งเป็นภรรยาของบุรุษที่นางแอบชอบมาตั้งแต่เด็กเมื่อฮ่องเต้มีพระบัญชาพระราชทานมงคลสมรส แม่ทัพฉู่เหวินรับราชโองการด้วยสีหน้าหนักใจ “เหลียนเอ๋อร์... พ่อทำให้เจ้าลำบากแล้ว”ฉู่เหวินในวัยห้าสิบปี ผมสีขาวขึ้นแซมเกือบทั้งศีรษะ กอบกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง และหวงแหนเป็นที่สุดฉู่เหลียนยิ้มให้บิดา “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย อีกทั้งข้าเต็มใจเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่”องค์ชายซ่งเทียนยังคงแจ่มชัดในความทรงจำนางเสมอ เมื่อสิบปีก่อน นางอายุเพียงแปดขวบได้ไปเที่ยวกับบิดาในการล่าสัตว์ประจำปี เพราะความซุกซนจึงทำให้นางหลงเข้าไปในป่าคนเดียว ในขณะที่นางกำลังจะถูกเสือขย้ำ องค์ชายซ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตนางได้ทันเวลาพอดี นับตั้งแต่วันนั้น นางก็เฝ้าคิดถึงเพียงเขาฉู่เหวินมองบุตรสาวเต็มตา บัดนี้ ลูกของเขาได้เติบโตเป็นดรุณีแรกสาว ใบหน้าสดใสงดงาม ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา “แต่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกัน
“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา“โอ๊ย..เจ็บ~~~” เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้ว
เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงามซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ"ซี้ดดด.....หืม.."บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่านซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก"อื้อ..อึก"เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่ง
นางแทบไม่มีเรี่ยวแรงผลักเขาออกจากตัว คำด่าทอของนางไปกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวของเขาให้ทวีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม "เกลียดอย่างนั้นเหรอ..หึ… มีสิทธิ์อะไรมาด่าข้า ! ปากดีนัก..ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า อำมหิตที่แท้จริงเป็นอย่างไร"สิ้นคำ ซ่งเทียนก็กระชากร่างที่แทบจะไม่มีแรงเดิน ให้เดินมาที่โต๊ะกลม เขากระชากผ้าปูโต๊ะออก อาหาร สุราที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็ร่วงหล่นเพล้ง !!!จอกสุรา ถ้วยจาน หล่นกระทืบพื้นแตกกระจาย แต่ซ่งเทียนไม่สน จับเจ้าสาวเหวี่ยงไปที่โต๊ะ แล้วเขาก็เข้าไปบดจูบนางอย่างเร่าร้อน ใช้ปลายลิ้นร้อนกวาดต้อนลิ้นเล็กอย่างรุนแรง"อะ..อึก"นางถูกจับขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นพลาดบ่า แล้วเขาก็ส่งแรงกระแทกไม่ได้ยั้ง"ข้าเป็นสามีที่เจ้าเลือกเอง ต้องทนอยู่กับความอำมหิตของข้าให้ได้.."ซ่งเทียนหมุนวนแท่งมังกรร้อน ใช้นิ้วกดบดขยี้ติ่งเสียวของร่างบางไปด้วย ทำเอานางบิดส่ายสะโพกอย่างทรมานซ่านเสียว เขามองนางด้วยความเหยียดหยาม ปากบอกว่าเกลียด แต่ร่างกายตอบรับสิ่งที่เขาทำไม่หยุด"งื้ออ อะ..อ้าา..อืออ.."นางครางออกมาไม่หยุด ยิ่งซ่งเทียนจับตัวนางยืน แล้วยกขาข้างหนึ่งยกขึ้นวางกับขอบโต๊ะ จากนั้นก็กระหน่ำซอยแท่งมังกรร้อนเข้
เสียงสะอื้นเริ่มปลดปล่อยออกมา หลังจากกักเก็บเอาไว้ตั้งแต่รู้สึกตัว ตอนนี้มันเก็บไม่ไหวแล้ว เมื่อความจริงวิ่งเข้ามาจิตใจของนาง เหตุการณ์เมื่อวานมันฉายชัดจนติดตาไปหมด ทุกการกระทำของบุรุษที่นางหลงโง่งมรักเขามานาน เขาเป็นดั่งปีศาจร้ายทำรอยช้ำตามเนื้อตัวเอาไว้ ตอนนี้นางมองเห็นมันคงเป็นส่วนน้อย ในตัวนั้นไม่อยากจะเห็น เพราะแค่ขยับก็รู้สึกเจ็บแปลบแล้วช่างไม่ยุติธรรมกับนางเอาเสียเลย สองมือกำผ้าห่มแน่น มันทั้งหนาวทั้งทรมานทั้งร่างกายและจิตใจถูกทำร้ายจนเกินจะทน“ฮือๆ ฮึกก..ท่านพ่อ..ลูกโง่เอง ที่คิดว่าเขาเป็นบุรุษที่ดี.. แท้จริงแล้วเขาเป็นปีศาจร้าย ฮึก..ฮือๆ”เสียงร้องไห้สะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางคิดถึงจวนแม่ทัพที่จากมา ในจวนแม่ทัพนางเป็นคุณหนูที่ใครต่างก็รุมล้อมเอาใจ กินอิ่ม นอนหลับ แม้แต่ยุงสักตัวยังไม่ให้กัด แต่ดูตอนนี้สิ นางไม่ต่างจากทาสบำเรอกามของเขา แม้แต่แรงจะวิ่งหนี ก็ยังไม่มีอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่องค์ชายรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาคิดว่าจะออกไปหาเหมยลี่เสียหน่อย เพื่อปลอบประโลมนางไม่ให้นางคิดมาก แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็เจอกับองครักษ์ของฮ่องเต้เฝ้าอยู่ซ่งเทียนทำเป็นมองไม
ซ่งเทียนมองด้วยแววตาตื่นเต้น รอว่าเมื่อไหร่เหยื่ออันโอชะจะตื่นขึ้นมาให้สุนัขของเขาขย้ำให้ตายไปเสีย เพราะสุนัขตัวนี้เขาเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก มันโตมาพร้อมกับเขา นิสัยใจคอก็ไม่ต่างกัน หากเห็นศัตรูจะกัดให้ตาย แต่หากเป็นมิตร ก็จะซื่อสัตย์ภักดี ถึงมันจะเชื่องก็จริง แต่สัตว์ดุร้ายก็คือสัตว์ดุร้าย มันอาจจะกัดคนตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ได้โฮ่ง ! โฮ่ง!คราวนี้ เสียงชัดเจนมากจนฉู่เหลียนต้องฝืนตัวเองลุกขึ้น ภาพแรกที่เห็นทำเอาหัวใจของฉู่เหลียนเต้นแรงขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง“ว๊าย ! เอามันออกไปนะ”นางถอยกรูเข้ามุมเตียง เมื่อครู่นางร้องไห้จนเผลอหลับไป คิดไม่ถึงว่า ตื่นขึ้นมาจะเจอหมาตัวโตที่กำลังแยกเขี้ยวใส่นางโฮ่ง ! โฮ่ง!เซี่ยวฉือเห่าขู่คำรามน่ากลัว มันกระโจนตรงเข้าหาเหยื่อ แต่ถูกองค์ชายดึงสายจูงเอาไว้ เขาเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นอาการของคนที่เหมือนจะตกใจตายคาเตียงเสียให้ได้“ฮือ.. ฮึก เอาหมาบ้านี่ออกไปนะ ฮือ..”ฉู่เหลียนร้องออกมา นางกลัวจนตัวแข็งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ตัวของนางเริ่มสั่น เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้จะทำยังไงซ่งเทียนมองอย่างเย็นชา “กล้าดียังไงมาด่าสัตว์ที่น่ารักของข้าเป็น
ซ่งเทียนกดเบียดริมฝีปากของฉู่เหลียนอย่างรุนแรง ยอมรับว่าโมโหที่ฉู่เหลียนทำท่าทีรังเกลียจเขาแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาอยากจะเอาชนะนาง ยิ่งรังเกลียดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งอยากทำลาย ซ่งเทียนใช้แรงบีบคางสวยจนฉู่เหลียนเจ็บเผลอร้องออกมา เป็นจังหวะให้เขาได้สอดปลายลิ้นเข้าไปช่วงชิมความหวานภายใน มือเล็กจากที่ทุบตีไม่หยุดเปลี่ยนเป็นบีบรัดแขนแกร่งจนแน่น น้ำตาที่คลอเริ่มไหลออกมาจากดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่“หืม” เขาคำรามในอกอย่างซาบซ่าน ขณะที่ดันตัวฉู่เหลียนให้นอนลงไป ก่อนจะลุกขึ้นมาคร่อมร่างนางมอบจูบให้ฉู่เหลียนอีกครั้งจนพอใจแล้วจึงผละออกฉู่เหลียนนอนตัวสั่นไม่หยุด ริมฝีปากบวมเจ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กยังเกร็งจิกที่แขนของเขาค้างอยู่ซ่งเทียนมองสีหน้าฉู่เหลียนนิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้น“กล้าปากดีกับข้าอีกหรือไม่”“สารเลว”ฉู่เหลียนจ้องตาเขากลับน้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด ไม่คิดว่าต้องมาเจอกับบุรุษที่หยามเกียรติสตรีเช่นนี้ซ่งเทียนกัดฟันกรามแน่นด้วยความโมโห เพราะไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขา นางกล้าดียังไง“ไม่มีใครกล้าด่าข้าเช่นนี้ !!..”เขากดมือสองข้างของนางจับเอาไว้แน่น ดวงตาของซ่งเทียนวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“อ๊า~~ เหลียนเอ๋อร์~~”ซ่งเทียนถึงกับครางเรียกชื่อนางด้วยความเสียวซ่านให้ตายเถอะ ! ทำไมสตรีที่ไร้เดียงสาในวันนั้นถึงเร่าร้อนได้เพียงนี้ ทำเอาเขาคลั่งรักหลงใหลนางมากขึ้น จนไม่อยากให้นางมองบุรุษอื่นแล้วฉู่เหลียนใช้มือรูดท่อนมังกรลำใหญ่ของสามี นางยิ้มให้ก่อนจะกดปากสวยลง แล้วใช้ลิ้นร้อนตวัดส่วนหัวที่มีน้ำใสๆ ปริ่มออกมา“อึกก..ม๊วบ”ฉู่เหลียนครอบปากลง กลืนกินท่อนมังกรลำใหญ่ของเขา นางได้กลิ่นเฉพาะของมัน รวมถึงน้ำคาวๆ ที่กระตุ้นอารมณ์ของนางแปลกๆ“ซี้ดด..โอ้วววว เหลียนเอ๋อร์ อา~~”ซ่งเทียนครงซี้ดปากด้วยความเสียวซ่านแปลบปลาบฉู่เหลียนได้ยินเช่นนั้นก็มั่นใจว่าตนเองทำถูกแล้ว ก็ใช้ปลายลิ้นร้อนไล้เลียที่ส่วนหัวร้อนฉ่าซ่งเทียนทนความเสียวซ่านไม่ไหวขยับลุกขึ้นมาแล้วใช้มือจับผมที่บดบังความสวยงามของใบหน้าสวยออก แล้วกดหัวนางขึ้น ๆ ลงๆ ตามความยาวของท่อนมังกรเป็นจังหวะถี่ ๆ “อึก..อือ”ลำมังกรของเขาเข้าลึกจนฉู่เหลียนเกือบจะสำลัก นางจึงอาศัยช่วงที่เขาดึงศีรษะนางออกใช้ลิ้นเล็กพยายามดุนดันรอบๆ หัวมังกร ทำเอาเขาถึงกับเสียวจนหน้าเหยเกครางออกมา“อู้ยยยย อา ซี้ดด~~~” ฉู่เหลียนเห็นว่าสามีใกล้จะถึงสวรรค์แล้ว น
วันล่องเรือสำราญองค์ชายซ่งเทียนสั่งให้คนซื้อเรือสำราญขนาดเล็กเอาไว้ เพื่อพาพระชายาล่องเรือชมเมืองยามค่ำคืนก่อนจะขึ้นเรือ เขาพานางไปเที่ยวชมตลาดฉู่เหลียนกวาดสายตามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น เพราะตลาดในเมืองท่ามีสินค้ามากมาย และราคาถูกๆ ทั้งนั้น ถูกจนนางคิดว่าจะขอให้องค์ชายซ่งเทียนเปิดร้านเล็ก ๆ เมืองหลวง แล้วซื้อของจากที่นี่ไปวางขายคงจะได้กำไรดีไม่น้อย“อ้ะ..”ฉู่เหลียนไม่ทันระวังกำลังจะสะดุดล้มลง แต่โชคดีที่ซ่งเทียนยืนอยู่ข้างๆ จึงคว้าตัวนางไว้ได้ทัน“ทำไมเดินไม่ระวังเลย”เขาส่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก“ก็เพราะข้ารู้ว่ามีท่านพี่ข้าง ๆ ไงเล่า”ฉู่เหลียนหอมแก้มเขาเป็นรางวัล อมยิ้มเมื่อเห็นเขาห่วงนาง หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่เดินตามนางด้วยซ้ำ คงจะไปนั่งรอในร้านน้ำชาซ่งเทียนยิ้มแก้มแทบปริ ตอนนี้เขากับฉู่เหลียนมาเดินเที่ยวตลาดโดยไม่มีองครักษ์ติดตาม เป็นการเที่ยวแบบแฝงตัวเป็นสามัญชน มันทำให้เขาแสดงความรู้สึกได้อย่างอิสระ ทำให้เขาเป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขมากจริงๆเมื่อเดินตลาดจนเหมื่อยขาแล้ว ซ่งเทียนก็พานางไปกินข้าวที่ร้านอาหารขึ้นชื่อในเมื่อท่า“อิ่มจัง.... เรือของเราจอดอยู่ที่ไหนหรือ
“ท่านพี่ข้าอยู่นี่”ฉู่เหลียนนั่งอยู่บนหลังม้า ท่ามกลางทหารนับร้อยตอนที่นางวิ่งหนีจนพ้นแนวป่าแล้วก็บังเอิญพบกับขบวนทหารที่กำลังเดินทัพมุ่งหน้ามาที่นี่ นางจึงนำขบวนทัพมาสู้กับองค์ชายรองด้วยตนเองซ่งเทียนเห็นพระชายาปลอดภัยก็ยิ้มออกมา ดาบในมือดูเหมือนจะทรงพลังขึ้นเป็นสิบเท่า เขาฟาดดาบใส่มือสังหารตายในพริบตาเดียวทหารนับร้อยโห่ร้องวิ่งกรูกันเข้ามาต่อสู้กับมือสังหารองค์ชายรองเห็นภาพนั้น ก็กลัวจนขนหัวลุกลนลานจนตกเก้าอี้ “หนีเร็ว !”เจียลี่รีบวิ่งหนีไปพร้อมกับองค์ชาย แต่นางพลาดท่าล้มลง นางรีบดึงชายกางเกงเขาไว้ แล้วร้องขอให้องค์ชายช่วย“องค์ชายช่วยข้าด้วย เท้าข้าเจ็บแล้ว วิ่งไม่ไหว”“เจ้าปล่อยข้าสิ พวกมันจะตามมาแล้ว”“ไม่ปล่อย ท่านต้องพยุงข้าไปด้วย”“โธ่เว้ย !”ฉั๊วะ !องค์ชายรองแทงดาบลงกลางหลังนาง เลือดทะลักไหลนองพื้น“อะ... องค์ชาย... อึก”เจียลี่สิ้นใจทันทีเขาเตะนางให้ปล่อยมือจากชายกางเกง แล้วเงยหน้าขึ้นกำลังจะวิ่งหนี กลับเจอซ่งเทียนยืนจ้องหน้าเขา รัศมีสังหารพวยพุ่งจนเขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้“สะ... เสด็จพี่ ข้าผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตข้าเถอะ”ซ่งเทียนกระตุกยิ้มที่มุมปาก ฟาดดาบลงไปฟิ้วววววว“อ
ณ ศาลเจ้า “โอ๊ย... ช่วยด้วย ข้าไม่ไหว โอ๊ย... ช่วยข้าด้วย”เสียงดังมาจากคนที่ถูกกุมขังอยู่ด้านใน มือสังหารสองนายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก“เอาไงดี”“องค์ชายรองสั่งว่าห้ามนางเป็นอะไร เพราะต้องใช้นางเป็นตัวล่อตามแผน”ในขณะที่พวกเขาปรึกษากันอยู่นั้น ฉู่เหลียนก็กรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้น“โอ๊ย ข้าปวดท้องจะตายอยู่แล้ว ช่วยด้วย...อึกก..ฮือๆ..จะตายแล้ว”มือสังหารได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดประตูเข้ามาหาสตรีที่ถูกมัดมือมัดเท้า“แม่นางเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” “ฮึก..ฮือ ข้าปวดท้อง...ช่วยพาข้าไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมพี่ชาย..ปวดท้องจะแย่แล้ว..” “เอ่อ....”มือสังหารลังเลฉู่เหลียนจึงร้องขึ้นอีกว่า “หากพวกท่านไม่พาข้าไปห้องน้ำ ไม่แก้มัดให้ข้า ข้าก็จะอึจะฉี่ให้มันเลอะตรงนี้ ดีไม่ดีข้าอาจจะเจ็บท้องท้องจนขาดใจตายไปเลยก็ได้”“ได้ๆ ข้าจะแก้มัดให้เจ้าไปห้องน้ำ”มือสังหารคิดว่าสตรีร่างบอบบางเช่นนี้คงสู้ตนไม่ได้ต่อให้นางไม่ถูกมัดเอาไว้“แก้มัดให้แล้ว ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเร็ว ๆ ข้าจะตามนางไปเอง เจ้าเฝ้าอยู่ทางนี้เผื่อว่าองค์ชายรองส่งข่าวมา”มือสังหารคนหนึ่งสั่งอีกคน แล้วผลักฉู่เหลียนให้เดินไปด้านหลังศาลเจ้าฉู่เหลียนพยายา
ณ วัดร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง“งื้ออ..”ฉู่เหลียนร้องออกมา เพราะมันเจ็บจี้ดที่ข้อมือ นางถูกมัดมือมัดเท้า รู้สึกมึนงงไปหมด นางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดขึ้นพบว่าตนเองนอนอยู่ในวัดร้างแห่ง ภาพก่อนที่นางจะสลบไปก็เข้ามาในหัวนางเดินตามเจียลี่เข้าไปในห้อง ขณะที่นางก้มลงไปเปิดหีบที่ใหญ่ที่สุดตรวจดูสิ่งของด้านใน บุรุษชุดดำคนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาซัดควันสีขาวใส่หน้านาง จากนั้นทุกอย่างก็มืดดับลง รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในวัดแห่งนี้แล้วแก๊ก !เสียงประตูเปิดออก สัญชาติทำให้นางรู้ว่าต้องตัวถอยหลังกรูดไปอยู่ชิดเสาต้นใหญ่ด้วยความกลัว“พระชายา.... ข้าเอง”เจียลี่เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับบุรุษในอาภรณ์หรูหราผู้หนึ่ง“เจียลี่... องค์ชายหานจิ้น !”ฉู่เหลียนอุทานตาโต ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักองค์ชายเจ้าสำราญผู้นี้“ใช่แล้วเป็นข้าเอง”เจียลี่ยิ้มเยาะเย้ย ในวันที่องค์ชายซงเทียนพาพระชายาไปหามารดา นางอาศัยโอกาสนั้นออกไปหาความสำราญที่เหลาสุรา แล้วองค์ชายหานจิ้นก็เข้าหา เขาบอกกับนางถึงความต้องการ แล้วเสนอผลประโยชน์ให้ แล้วบอกว่าหากตกลงร่วมมือกันเมื่อใดให้นำกำไรหยกมาหาเขาที่ตำหนัก วันนั้นนางยังลังเลใจเพราะยั
ณ เรือนอนุเจียลี่เจียลี่เดินกลับไปกลับมาภายในห้อง เมื่อคืนนางเห็นเต็มสองตาว่าองค์ชายซ่งเทียนรักฉู่เหลียนมากแค่ไหน วันนี้สายมากแล้วทั้งสองก็ยังคงคลุกตัวอยู่ในห้องราวบ่าวสาวที่เพิ่งเข้าเรือนหอกันในคืนแรกแต่งงาน“องค์ชายคงรักลูกสาวแม่ทัพผู้นั้นแน่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องขับออกจากตำหนักนี้แน่”เดิมทีนางคิดว่าจะใช้โอกาสที่ได้อยู่ตำหนักในฐานะอนุมัดใจองค์ชายใหญ่เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องกลับไปขายตัวที่หอนางโลมอีก แต่ตอนนี้ความหวังนางสิ้นแล้วเมื่อเขาไม่ต้องการหย่ากับพระชายาอีกต่อไป“ข้าไม่อยากกลับไปทุกข์ทรมานในหอคณิกาอีกแล้วนะ ข้าจะทำยังไงดี ทำยังไงดี”นางเดินกลับไปกลับมาจนสายตาไปสะดุดกับกำไลหยกชิ้นงามที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อจำได้ว่าใครเป็นคนให้กำไรหยกชิ้นนี้แก่นางมา นางก็ยิ้มออกมา“คนอย่างเจียลี่ไม่เคยอับจนหนทาง อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังเมตตาเหลือทางออกให้ข้า”หลายวันต่อมาเป็นจริงอย่างที่เจียลี่คาดไว้ องค์ชายซ่งเทียนใช้ให้เก่อหลางนำเงินมาให้นางจำนวนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนตามข้อตกลง แล้วให้นางออกจากตำหนักทันทีเจียลี่กำถุงเงินแน่น เจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ แม้แต่วันสุดท้ายซ่งเทียนยังไม่มาให้เห็นหน้าร
“อะๆ..อ้าห์ๆ..แรงอีก..กระแทกแรงๆ ข้าเสียว…อื้อออ~~” “หืม” เขากอดตัวของฉู่เหลียนแน่น ก่อนจะเร่งดันสวนทางขึ้นไปรับฉู่เหลียนแบบไม่ยั้ง“งื้ออ. ข้าไม่ไหว..แล้ว..อ้าห์…อึกก” อารมณ์ของฉู่เหลียนเตลิดไปไกล ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างบาง ไม่นานก็กระตุกเกร็งตัวสั่นอยู่บนตัวของเขาไม่หยุด น้ำหวานไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายซ่งเทียนผ่อนจังหวะนิดหน่อย ก่อนจะจับนางเปลี่ยนท่าให้ลุกขึ้นมายืนในท่าโก้งโค้ง“อ้ะ..อื้อ.”เขาชำแรกลำมังกรใหญ่ใส่นางอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกกระแทกเข้าต่อทันที มือหนารั้งเอวนางไว้ ปากหนาพรมจูบตามแผ่นหลังไปด้วย ฉู่เหลียนงอตัวเอามือท้าวไปที่ฝาผนังอย่างรู้งานเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับ ๆ ไม่ขาดสาย ผสมกับเสียงครางครวญ“อะๆ..อ๊าๆ”ฉู่เหลียนจุกไปหมด ท่านี้มันเข้าไปลึกจนนางรู้สึกว่ากำลังจะล่องลอยขึ้นสวรรค์อีกแล้ว“หืม”ซ่งเทียนกระแทกเข้าด้วยแรงอารมณ์จนตัวนางจะล้มไปทางด้านหน้าอยู่แล้ว ดีที่เขาคว้ามือของฉู่เหลียนไปทางด้านหลังทั้งสองข้าง แล้วสวนกระแทกเข้าสุดแรงตับๆ“อึกก..อือ..อ๊าซ์~~~”ฉู่เหลียนเกร็งสะท้าน ร่องนางบีบรัดท่อนมังกรลำใหญ่เร่งเร้าให้เขาตามนางขึ้นสวรรค์ไปติด ๆ“อ๊า
ในระยะประชิดเช่นนี้ ฉู่เหลียนเห็นอกแกร่งเต็มสองตา เรือนร่างใต้ผ้าบางเบาของบุรุษที่นั่งข้าง ๆ กำลังปลุกอารมณ์ของนางซ่งเทียนมองฉู่เหลียนที่ไม่ตอบเขา กลับเอาแต่มองร่างกายของเขา เขาจึงต้องบีบจมูกนางเพื่อดึงสติ“อ๊ะ..เจ็บ..อื้อ...” ฉู่เหลียนร้องทำหน้าหมุ้ยใส่เขา “ทำไมชอบทำร้ายด้วย”ฉู่เหลียนทำตาแดง ๆ เหมือนร้องไห้ออกมาจริง ๆซ่งเทียนตกใจรีบขอโทษ “เจ็บจริงหรือ ข้าขอโทษ”ฉู่เหลียนใช้มือจับใบหน้าเขา แล้วสบตาด้วยหัวใจที่เต้นแรง“ท่านพี่...”ฉู่เหลียนส่งสายตาออดอ้อนอย่างไม่เคยเป็น ซ้ำยังเรียกเขาว่าท่าพี่ซ่งเทียนทนความยั่วยวนในยามนี้ของนางไม่ไหวจึงช้อนคอสวยเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้ปากหนากดรับปากบาง“อื้อ..อึก”ปากร้อนของเขาบดเบียดปากบางของฉู่เหลียน มือเรียวโอบคอแกร่งอย่างรู้หน้าที่ เอียงศีรษะให้อยู่ในมุมที่เขาสามารถโน้มเข้าหาได้ง่าย แผ่นหลังบางเริ่มเอนลงพิงกับเตียงอย่างง่ายดาย นางจึงเอามือรั้งคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อเขาจับนางลุกขึ้นมา นั่ง“อ๊ะ... งื้อออ อา~~~”ฉู่เหลียนครางออกมา เมื่อซ่งเทียนซุกไซร้ที่ซอกคอรู้สึกหวามวูบไปหมดจนต้องจับแขนแกร่งเอาไว้แน่น พลางแอ่นหน้าอกขึ้น เพราะรู้สึกต้องการให้เขาทำมาก
ซ่งเทียนทำหน้าคล้ายคนเบื่อโลก อยากจะทุบนางเสียจริงๆ ดื่มสุราเมาจนคิดว่าตัวเองฝันฉู่เหลียนมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยอย่างไม่รู้ตัว“ซ่งเทียน..ท่านรู้ไหมคะ..อึกก..ท่านใจร้ายกับข้ามาก”มือเรียวยกขึ้นมาลูบในหน้าของเขาพร้อมกับพูดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว“........”ซ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรนอกจากสบตานางที่ระบายความรู้สึกออกมา โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านางกำลังจะบอกความในใจให้คนตรงหน้าฟัง“ฮึกก..ใจร้าย.. ใจร้ายที่สุด แต่ข้าก็ยังจะรักท่าน..ฮึกก..รักทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยรักข้าเลย....ฮึกก..ฮือ”ใบหน้าสวยซบลงที่อกของคนตรงหน้า เป็นเขาที่ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้ ต่อให้เขาบอกอะไรตอนนี้ นางคงฟังไม่รู้เรื่อง“ฮึกก..ฮือ..ข้าแอบชอบท่านมาตั้งนาน รักมาตั้งแต่เด็กๆ พอได้แต่งงานกับท่านจริง ๆ กลับพบว่า ท่านมีคนในใจแล้ว ฮือๆ ข้าอยากจะตัดใจเลิกรักท่าน แต่ทำไม่ได้สักที..ฮึกก..ฮือ.. สุดท้ายข้าก็เจ็บปวด..มันเจ็บเหลือเกิน” “ข้าขอโทษ.. หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ”ซ่งเทียนบอกให้นางเงียบ มือหนายกมือขึ้นปาดน้ำตาออกให้ แล้วจูบที่หน้าผากของนางเพื่อปลอบประโลม ยิ่งได้ยินว่านางรักเขาด้วยใจจริง และรักมานานแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อนางฉู่เหลี