องค์ชายซ่งเทียนมาที่หอบุปผาก็เรียกหาดาวเด่นของหอคณิกาไปรับใช้ที่ห้องพิเศษ
ในขณะที่เจียลี่ สตรีที่งดงามที่สุดในหอแห่งนี้กำลังเล้าโลมเรือนกายกำยำขององค์ชายอย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็ถูกเขากระชากรวงผมจนเงยหน้ามาสบตาเขา
พลึ่บ!!
“อย่าทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้สั่ง”
เขามองนางด้วยสายตาดุดัน กล้าดียังไงมาทำรอยเอาไว้บนตัวของเขา
เจียลี่มองเขาด้วยความกลัว แล้วรีบอ้อนอย่างยั่วเย้า
“ท่อนมังกรขององค์ชายมันน่าดูดนี่เจ้าคะ..จ๊วบ..จ๊วบ”
นางโลมอันดับหนึ่งใช้เล่ห์มารยา ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าที่ยั่วยวน นางนั่งอยู่หว่างขาของบุรุษหล่อเหลา ใจนางนั้นอยากจะทำให้นานกว่านี้ สร้างอารมณ์ให้มันซาบซ่านก็เท่านั้น แต่โดนดึงตัวขึ้นมาซะก่อน
“อย่าพูดมาก รีบ ๆ ช่วยข้าปลดปล่อยให้หายหงุดหงิด” ซ่งเทียนสั่งเสียงเข้ม
“เจ้าค่ะ”
เจียลี่ทำตาเยิ้ม ใครมันไม่อยากทำล่ะ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่มีสิทธิ์ได้นั่งครองบัลลังก์ หากนางปรนนิบัติเขาดี ๆ บางทีอาจถูกเรียกไปเป็นสนมก็เป็นได้ นางจึงรีบขึ้นคร่อมตัวของซ่งเทียน มือเล็กจับแท่งมังกรร้อนอย่างรู้งาน
ซ่งเทียนเอนตัวลงนอนลงไปให้เจียลี่ช่วยดับอารมณ์เขาที่มันหงุดหงิดอยู่ให้คลายลงบ้าง
“อ๊ะ.. อะ องค์ชาย แท่งมังกรของท่านใหญ่มาก ข้าเสียวจังเลย..อะ อื้อ..~~”
ร่างบางขึ้นขย่มแท่งมังกรใหญ่ของซ่งเทียนอย่างเร่าร้อน มือหนาจับประคองก้นสวยเอาไว้เพื่อไม่ให้คนข้างบนรีบร้อนจนเกินไป ริมฝีปากหนาเม้มแน่น เกร็ง เขาเด้งสวนแท่งมังกรเข้าออกอย่างไม่คิดว่าคนด้านบนจะรู้สึกยังไง
มือเล็กดันหน้าท้องเขาไว้เพื่อพยุงตัวสำหรับออกแรงขย่ม พลางส่งสายตายั่วยวนบุรุษหนุ่มสุดๆ องค์ชายผู้นี้ช่างรูปงามมากจริงๆ หากนางทำให้เขาดีๆ คงได้ใช้เงินอย่างสุขสบายไปทั้งชีวิต
“อ๊ะ..อื้อ..องค์ชายซ่ง..อา~~~”
“ฮึ้ม…ซี้ดดด..อา~~~~”
ตับ! ตับ! ตับ!
มือหนารั้งเอวหญิงสาวกระแทกแท่งมังกรเข้าออกไม่หยุด ก่อนจะจับเปลี่ยนท่าให้นางมาอยู่ในท่าคลาน
ซ่งเทียนจับขาข้างหนึ่งของเจียลี่ยกขึ้น ก่อนจะจับแท่งมังกรแทงเข้าร่องสวยเข้าไปจนสุด เสียงครางของสตรีสาวร้องออกมาไม่หยุด เมื่อซ่งเทียนกระหน่ำแทงเข้าไม่ให้นางพัก เขาจับร่างบางเปลี่ยนท่าจนมาถึงช่วงเวลาสุดท้าย เจียลี่ก็มานอนอยู่ที่เตียงกว้าง บุรุษหนุ่มจับนางอ้าขาจนกว้างแล้วยังคงชำแรกแท่งร้อนเข้าออกไม่หยุดพัก
“อ๊ะ ๆ..อื้อ..คุณซ่งเทียน.. อ๊ะ..อ๊ะ..อ้าห์~~~”
เสียงครางลั่นห้องพร้อมกับร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่บุรุษด้านบนก็ยังกระแทกใส่ไม่หยุด
“ฮึ้มมม…ซี้ดดด….อ้าห์~~~”
แล้วสุดท้ายโอรสสวรรค์ก็ปลดปล่อยน้ำมังกรสีขาวขุ่นออกมา อารมณ์หงุดหงิดมันไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด แต่จะทำต่อก็หมดอารมณ์กับคนตรงหน้าแล้วจริงๆ เขาขยับสะโพกชำแรกเข้าสองสามครั้ง เมื่อมั่นใจว่ารีดน้ำออกจนหมด เขาก็พลิกตัวออกจากร่างกายนั้น
เจียลี่เห็นใบหน้าของเขายังคงบึ้งตึงจึงเอ่ยปากถาม “ข้าปรนนิบัติองค์ชายไม่ดีหรือเจ้าคะ”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ซ่งเทียนตอบเสียงแข็งพลางลุกขึ้น คว้าเอาอาภรณ์ขึ้นมาสวม
นางโลมอันดับหนึ่งเห็นเช่นนั้นก็เข้าไปเอาใจ โดยการลุกไปช่วยเขาสวมเสื้อผ้า พลางเอ่ยถามต่อไปว่า “มีเรื่องทุกข์ใจอันใดก็ระบายออกมาเถิด เผื่อว่าองค์ชายจะหายหงุดหงิด”
เจียลี่ขยับตัวเปล่าเล่าเปลือยเข้าใกล้เขา สองแขนสวมกอดทางด้านหลังเพื่อจะอ้อน
“เดือนหน้าข้าต้องเข้าพิธีอภิเษกกับลูกสาวแม่ทัพ ข้าไม่ได้รักนาง ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว”
“บุรุษจะมีภรรยากี่คนได้ เหตุใดท่านไม่ตกแต่งสตรีที่ท่านรักไปเป็นภรรยาด้วยอีกคนเล่า”
“ก็เพราะว่าข้ารักนาง ข้าจึงอยากทะนุถนอมนาง ให้นางเป็นที่หนึ่งในจวน อีกอย่าง ข้าไม่รู้ว่า บุตรสาวแม่ทัพนั้นจะร้ายกาจแค่ไหน ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมารักแกคนที่ข้ารักหรอกนะ”
เจียลี่ได้ยินองค์ชายใหญ่รักและเถิดทูลสตรีอื่นเช่นนั้น ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ลอบเบ้ปาก แล้วปั้นหน้าแย้มยิ้มเอ่ยต่อว่า
“เช่นนั้น เมื่อแต่งแล้วก็หาทางหย่าให้เร็วที่สุด”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ว่าข้าไม่แน่ใจว่าจะทำให้นางหย่ากับข้าให้เร็วที่สุดได้อย่างไร”
นางคณิกาอันดับเห็นสบโอกาสจึงเสนอเขาไปว่า “สตรีมีเรื่องเดียวที่ทนไม่ได้ คือ สามีรับอนุภรรยา แล้วช้ำใจมากที่สุดเมื่อเห็นว่าท่านรักสตรีอีกคนมากกว่า หากองค์ชายไม่รังเกียจ ข้ายอมแกล้งเป็นอนุภรรยาของท่าน เพื่อไปสร้างความวุ่นวายใจให้ลูกสาวแม่ทัพอยู่ในจวนท่านอย่าไม่เป็นสุข รับรอง... ไม่เกินสามเดือน นางต้องขอหย่ากับท่านแน่”
ซ่งเทียนยิ้มที่มุมปาก “สมแล้วที่เจ้าเป็นสตรีอันดับหนึ่งแห่งขอบุปผา ทั้งงดงาม และเฉลียวฉลาด”
เจียลี่ยิ้มยั่ว “หากองค์ชายตกลงทำตามแผนของข้า เมื่อท่านหย่ากับลูกสาวแม่ทัพแล้ว ข้าก็จะออกจากจวนท่าน ให้ท่านกับสตรีที่ท่านรักครองคู่กัน ท่านว่าดีหรือไม่”
“ดี ข้าตกลง เจ้าเตรียมตัวไว้เถิด หลังพิธีอภิเษกสมรส 3 วันข้าจะส่งเกี้ยวมารับตัวเจ้าไปเป็นอนุ”
“ขอบคุณ.. องค์ชายที่เมตตาข้าเจ้าค่ะ”
ในที่สุดพิธีอภิเษกสมรสก็มาถึง....‘ฉู่เหลียน’ บุตรีของท่านแม่ทัพ ผู้เป็นเจ้าสาวนั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดง นางบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเอาไว้ ริมฝีปากแย้มนิดๆ ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะได้แต่งเป็นภรรยาของบุรุษที่นางแอบชอบมาตั้งแต่เด็กเมื่อฮ่องเต้มีพระบัญชาพระราชทานมงคลสมรส แม่ทัพฉู่เหวินรับราชโองการด้วยสีหน้าหนักใจ “เหลียนเอ๋อร์... พ่อทำให้เจ้าลำบากแล้ว”ฉู่เหวินในวัยห้าสิบปี ผมสีขาวขึ้นแซมเกือบทั้งศีรษะ กอบกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง และหวงแหนเป็นที่สุดฉู่เหลียนยิ้มให้บิดา “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย อีกทั้งข้าเต็มใจเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่”องค์ชายซ่งเทียนยังคงแจ่มชัดในความทรงจำนางเสมอ เมื่อสิบปีก่อน นางอายุเพียงแปดขวบได้ไปเที่ยวกับบิดาในการล่าสัตว์ประจำปี เพราะความซุกซนจึงทำให้นางหลงเข้าไปในป่าคนเดียว ในขณะที่นางกำลังจะถูกเสือขย้ำ องค์ชายซ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตนางได้ทันเวลาพอดี นับตั้งแต่วันนั้น นางก็เฝ้าคิดถึงเพียงเขาฉู่เหวินมองบุตรสาวเต็มตา บัดนี้ ลูกของเขาได้เติบโตเป็นดรุณีแรกสาว ใบหน้าสดใสงดงาม ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา “แต่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกัน
“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา“โอ๊ย..เจ็บ~~~” เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้ว
เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงามซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ"ซี้ดดด.....หืม.."บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่านซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก"อื้อ..อึก"เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่ง
ณ ร้านเครื่องหอม‘เหมยลี่’ สตรีในอาภรณ์สีขาวชมพูปักลายดอกเหมยกำลังตั้งอกตั้งใจปักลวดลายลงในถุงหอม นางเป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ซึ่งได้รับการส่งต่อมาจากบิดานางจะเปิดร้านยามซวี เมื่อเก็บร้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว นางก็มักจะมานั่งปักถุงสำหรับเตรียมขายในวันพรุ่งนี้ในขณะที่นางจดจ่อกับการปักผ้า บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ค่อย ๆ ย่องเข้ามาแล้วกอดนางจากด้านหลัง“เอ๊ะ..พี่ซ่งเทียนทำอะไรเนี่ย”เหมยลี่สะดุ้ง แต่ไม่ตกใจมากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนรักของนางเท่านั้นที่มาในยามนี้“คิดถึง”ปากหนากดจูบซอกคอขาวของนางเพื่อเติมพลัง ทำเอาใบหน้าของเหมยลี่ร้อนผ่าวไปหมด“อื้อ.... ไม่เอาเจ้าค่ะ พี่ซ่งเทียนหยุดก่อน” แขนเรียวรีบดึงแขนชายคนรักออกห่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาจูบปากนางทันที“อึก...อือ”เหมยลี่ครางนำคอ เมื่อถูกลิ้นอุ่นดุนดันริมฝีปากบางของนางให้รับมันเข้าไป“หืม~~”ซ่งเทียนคำรามในอก ขณะที่ดันตัวของนางให้เอนไปกับเก้าอี้ตัวยาวอย่างง่ายดาย“เหมยลี่ข้าคิดถึงเจ้า อยากอยู่กับเจ้าทุกวัน”เขาพูดหลังจากละจูบออกใบหน้าของเหมยลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ้มพรายตอบรับ แค่ได้ยินคำหวานแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว มองบุร
เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงามซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ"ซี้ดดด.....หืม.."บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่านซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก"อื้อ..อึก"เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่ง
“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา“โอ๊ย..เจ็บ~~~” เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้ว
ในที่สุดพิธีอภิเษกสมรสก็มาถึง....‘ฉู่เหลียน’ บุตรีของท่านแม่ทัพ ผู้เป็นเจ้าสาวนั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดง นางบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเอาไว้ ริมฝีปากแย้มนิดๆ ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะได้แต่งเป็นภรรยาของบุรุษที่นางแอบชอบมาตั้งแต่เด็กเมื่อฮ่องเต้มีพระบัญชาพระราชทานมงคลสมรส แม่ทัพฉู่เหวินรับราชโองการด้วยสีหน้าหนักใจ “เหลียนเอ๋อร์... พ่อทำให้เจ้าลำบากแล้ว”ฉู่เหวินในวัยห้าสิบปี ผมสีขาวขึ้นแซมเกือบทั้งศีรษะ กอบกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง และหวงแหนเป็นที่สุดฉู่เหลียนยิ้มให้บิดา “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย อีกทั้งข้าเต็มใจเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่”องค์ชายซ่งเทียนยังคงแจ่มชัดในความทรงจำนางเสมอ เมื่อสิบปีก่อน นางอายุเพียงแปดขวบได้ไปเที่ยวกับบิดาในการล่าสัตว์ประจำปี เพราะความซุกซนจึงทำให้นางหลงเข้าไปในป่าคนเดียว ในขณะที่นางกำลังจะถูกเสือขย้ำ องค์ชายซ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตนางได้ทันเวลาพอดี นับตั้งแต่วันนั้น นางก็เฝ้าคิดถึงเพียงเขาฉู่เหวินมองบุตรสาวเต็มตา บัดนี้ ลูกของเขาได้เติบโตเป็นดรุณีแรกสาว ใบหน้าสดใสงดงาม ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา “แต่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกัน
องค์ชายซ่งเทียนมาที่หอบุปผาก็เรียกหาดาวเด่นของหอคณิกาไปรับใช้ที่ห้องพิเศษในขณะที่เจียลี่ สตรีที่งดงามที่สุดในหอแห่งนี้กำลังเล้าโลมเรือนกายกำยำขององค์ชายอย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็ถูกเขากระชากรวงผมจนเงยหน้ามาสบตาเขาพลึ่บ!!“อย่าทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้สั่ง”เขามองนางด้วยสายตาดุดัน กล้าดียังไงมาทำรอยเอาไว้บนตัวของเขาเจียลี่มองเขาด้วยความกลัว แล้วรีบอ้อนอย่างยั่วเย้า“ท่อนมังกรขององค์ชายมันน่าดูดนี่เจ้าคะ..จ๊วบ..จ๊วบ”นางโลมอันดับหนึ่งใช้เล่ห์มารยา ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าที่ยั่วยวน นางนั่งอยู่หว่างขาของบุรุษหล่อเหลา ใจนางนั้นอยากจะทำให้นานกว่านี้ สร้างอารมณ์ให้มันซาบซ่านก็เท่านั้น แต่โดนดึงตัวขึ้นมาซะก่อน“อย่าพูดมาก รีบ ๆ ช่วยข้าปลดปล่อยให้หายหงุดหงิด” ซ่งเทียนสั่งเสียงเข้ม“เจ้าค่ะ”เจียลี่ทำตาเยิ้ม ใครมันไม่อยากทำล่ะ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่มีสิทธิ์ได้นั่งครองบัลลังก์ หากนางปรนนิบัติเขาดี ๆ บางทีอาจถูกเรียกไปเป็นสนมก็เป็นได้ นางจึงรีบขึ้นคร่อมตัวของซ่งเทียน มือเล็กจับแท่งมังกรร้อนอย่างรู้งานซ่งเทียนเอนตัวลงนอนลงไปให้เจียลี่ช่วยดับอารมณ์เขาที่มันหงุดหงิดอยู่ให้คลายลงบ้าง“อ๊ะ.. อะ องค์ชาย แท่งมั
ณ ร้านเครื่องหอม‘เหมยลี่’ สตรีในอาภรณ์สีขาวชมพูปักลายดอกเหมยกำลังตั้งอกตั้งใจปักลวดลายลงในถุงหอม นางเป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ซึ่งได้รับการส่งต่อมาจากบิดานางจะเปิดร้านยามซวี เมื่อเก็บร้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว นางก็มักจะมานั่งปักถุงสำหรับเตรียมขายในวันพรุ่งนี้ในขณะที่นางจดจ่อกับการปักผ้า บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ค่อย ๆ ย่องเข้ามาแล้วกอดนางจากด้านหลัง“เอ๊ะ..พี่ซ่งเทียนทำอะไรเนี่ย”เหมยลี่สะดุ้ง แต่ไม่ตกใจมากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนรักของนางเท่านั้นที่มาในยามนี้“คิดถึง”ปากหนากดจูบซอกคอขาวของนางเพื่อเติมพลัง ทำเอาใบหน้าของเหมยลี่ร้อนผ่าวไปหมด“อื้อ.... ไม่เอาเจ้าค่ะ พี่ซ่งเทียนหยุดก่อน” แขนเรียวรีบดึงแขนชายคนรักออกห่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาจูบปากนางทันที“อึก...อือ”เหมยลี่ครางนำคอ เมื่อถูกลิ้นอุ่นดุนดันริมฝีปากบางของนางให้รับมันเข้าไป“หืม~~”ซ่งเทียนคำรามในอก ขณะที่ดันตัวของนางให้เอนไปกับเก้าอี้ตัวยาวอย่างง่ายดาย“เหมยลี่ข้าคิดถึงเจ้า อยากอยู่กับเจ้าทุกวัน”เขาพูดหลังจากละจูบออกใบหน้าของเหมยลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ้มพรายตอบรับ แค่ได้ยินคำหวานแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว มองบุร