ในที่สุดพิธีอภิเษกสมรสก็มาถึง....
‘ฉู่เหลียน’ บุตรีของท่านแม่ทัพ ผู้เป็นเจ้าสาวนั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดง นางบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเอาไว้ ริมฝีปากแย้มนิดๆ ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะได้แต่งเป็นภรรยาของบุรุษที่นางแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อฮ่องเต้มีพระบัญชาพระราชทานมงคลสมรส แม่ทัพฉู่เหวินรับราชโองการด้วยสีหน้าหนักใจ
“เหลียนเอ๋อร์... พ่อทำให้เจ้าลำบากแล้ว”
ฉู่เหวินในวัยห้าสิบปี ผมสีขาวขึ้นแซมเกือบทั้งศีรษะ กอบกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง และหวงแหนเป็นที่สุด
ฉู่เหลียนยิ้มให้บิดา “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย อีกทั้งข้าเต็มใจเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่”
องค์ชายซ่งเทียนยังคงแจ่มชัดในความทรงจำนางเสมอ เมื่อสิบปีก่อน นางอายุเพียงแปดขวบได้ไปเที่ยวกับบิดาในการล่าสัตว์ประจำปี เพราะความซุกซนจึงทำให้นางหลงเข้าไปในป่าคนเดียว ในขณะที่นางกำลังจะถูกเสือขย้ำ องค์ชายซ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตนางได้ทันเวลาพอดี นับตั้งแต่วันนั้น นางก็เฝ้าคิดถึงเพียงเขา
ฉู่เหวินมองบุตรสาวเต็มตา บัดนี้ ลูกของเขาได้เติบโตเป็นดรุณีแรกสาว ใบหน้าสดใสงดงาม ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา
“แต่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกันว่า องค์ชายใหญ่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต อีกทั้ง ยังใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกชาวบ้าน”
บิดาพูดไม่ทันจบ ฉู่เหลียนก็เอ่ยเสริมต่อท้ายว่า “ทุกคนต่างขนานนามเขาว่าเป็นองค์ชายทรราชแห่งแคว้นผิงอัน ใช่ไหมเจ้าคะท่านพ่อ”
แม่ทัพชราสีหน้าไม่สู้ดี “นั่นแหะที่ทำให้พ่อไม่วางใจ เป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน กลัวว่าเจ้าจะถูกรังแก”
ฉู่เหลียนหัวเราะคิกคักโผเข้ากอดบิดา “ท่านพ่ออย่าได้กังวลไปเลย เสียงเล่าลือเล่าอ้างทั้งนั้น อีกอย่าง... ตามที่ข้ารู้มา คนที่องค์ชายใหญ่รังแกล้วนเป็นพ่อข้าหน้าเลือดทั้งนั้น หรือไม่ก็พวกขุนนางที่เอาแต่ประจบสอพลอวัน ๆ ไม่ทำอะไร”
ฉู่เหวินเลิกคิ้วสูงประหลาดใจไม่น้อยที่บุตรสาวรู้เรื่ององค์ชายใหญ่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องขององค์ชายซ่งเป็นอย่างดี?”
ฉู่เหลียนใบหน้าร้อนผ่าว กลัวว่าบิดาจะจับได้ว่าเป็นสตรีที่ทำตัวไม่เหมาะสม จึงรีบแก้ตัวว่า ”แหมท่านพ่อ ใคร ๆ เขาก็รู้เรื่องขององค์ชายใหญ่กันทั้งนั้น ข้าไปเดินตลาดยังได้ยินแม่ค้าพ่อค้าเขาพูดกัน ข้าก็เพียงแค่รับฟังบ้าง ไม่รับฟังบ้างก็เท่านั้น”
“เอาเถอะ... หากลูกเต็มใจแต่งงานจริงพ่อก็วางใจ แต่หากว่าองค์ชายรังแกเจ้า เจ้าก็รีบมาบอกพ่อ พ่อจะไปทูลขอให้ฮ่องเต้มีคำสั่งหย่าให้เจ้าด้วยตัวเอง”
“เจ้าค่ะ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลย”
ฉู่เหลียนโผเข้าหอมแก้มบิดา นางเหลือบิดาเพียงคนเดียว แม่ตายไปตั้งแต่นางอายุไม่ถึงห้าขวบ ดังนั้น สองพ่อลูกจึงรัก และสนิทกันมาก
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงประทัดก็ดังสนั่นหวั่นไหว ดึงสติของฉู่เหลียนกลับมาอีกครั้ง
“ถึงตำหนักขององค์ชายซ่งเทียนแล้ว”
เสียงแม่สื่อเอ่ยเบา ๆ ขณะที่บุรุษชุดสีแดงทั้งแปดคนหามวางเกี้ยวลง แม่สื่อก็เลิกผ้าม่านขึ้นพร้อมกับจับจูงเจ้าสาวในชุดสีแดงส่งให้ถึงมือเจ้าบ่าวที่มารับอยู่ที่ประตูทางเข้า
พิธีอภิเษกสมรสดำเนินไปตามลำดับขั้นตอน คู่บ่าวสาวคํานับฟ้าดิน ไหว้บรรพบุรุษ จนกระทั่งเสร็จสิ้นการยกน้ำชารับพรจากญาติผู้ใหญ่ เจ้าสาวจึงถูกนำตัวส่งเข้าห้องหอเพื่อรอเจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้า
ณ เรือนหอ
ฉู่เหลียนในชุดเจ้าสาวนั่งรอเจ้าบ่าวในห้องหอตั้งแต่ยามอู่ ล่วงเข้ายามซวีเจ้าบ่าวของนางก็ยังไม่เข้าห้องมา นางไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าหิวก็หิว ปวดเหมือนทั้งตัวก็ปวด เพราะต้องแบกรับน้ำหนักของมงกุฎเจ้าสาวไว้บนศีรษะรอให้เจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้าเสียก่อนจึงจะถอดออกได้ และได้กินอาหารบนโต๊ะ
“เมื่อไหร่องค์ชายจะมาสักทีนะ ข้าหิวจนตาลายหมดแล้ว”
ฉู่เหลียนลูบท้องตัวเอง มองผ่านผ้าคลุมหน้าเห็นอาหารบนโต๊ะเลือนรางก็กลืนน้ำลายลงคอ
แก๊ก....
เสียงเปิดประตู ตามด้วยเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
ฉู่เหลียนนั่งตัวตรง... นิ่ง.. แต่หัวใจนางกับเต้นระทึกอยู่กลางอก
บุรุษในชุดสีแดง หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปมาก ซ่งเทียนจ้องมองเจ้าสาวบนเตียงด้วยแววตารังเกียจผสมกับความไม่พอใจ สตรีที่ควรจะอยู่ในห้องหอกับเขาวันนี้ควรเป็นเหมยลี่ ไม่ใช่นาง !
“ลุกขึ้นมาดื่มเหล้ามงคลให้จบ ๆ ไป จะได้เสร็จสิ้นพิธีบ้าบอนี้”
เจ้าบ่าวเอ่ยเสียงต่ำพลางใช้ไม้เขี่ยผ้าคลุมหน้าเปิดขึ้น
“........”
ฉู่เหลียนมองเจ้าบ่าวตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นางเคยเห็นเขาอยู่ไกล ๆ ก็นับว่าดูดีแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใกล้ ๆ ยิ่งรูปงามราวกับเทพเซียน ทำเอานางเกือบลืมหายใจไปเสียสนิท
“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา“โอ๊ย..เจ็บ~~~” เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้ว
เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงามซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ"ซี้ดดด.....หืม.."บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่านซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก"อื้อ..อึก"เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่ง
ณ ร้านเครื่องหอม‘เหมยลี่’ สตรีในอาภรณ์สีขาวชมพูปักลายดอกเหมยกำลังตั้งอกตั้งใจปักลวดลายลงในถุงหอม นางเป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ซึ่งได้รับการส่งต่อมาจากบิดานางจะเปิดร้านยามซวี เมื่อเก็บร้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว นางก็มักจะมานั่งปักถุงสำหรับเตรียมขายในวันพรุ่งนี้ในขณะที่นางจดจ่อกับการปักผ้า บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ค่อย ๆ ย่องเข้ามาแล้วกอดนางจากด้านหลัง“เอ๊ะ..พี่ซ่งเทียนทำอะไรเนี่ย”เหมยลี่สะดุ้ง แต่ไม่ตกใจมากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนรักของนางเท่านั้นที่มาในยามนี้“คิดถึง”ปากหนากดจูบซอกคอขาวของนางเพื่อเติมพลัง ทำเอาใบหน้าของเหมยลี่ร้อนผ่าวไปหมด“อื้อ.... ไม่เอาเจ้าค่ะ พี่ซ่งเทียนหยุดก่อน” แขนเรียวรีบดึงแขนชายคนรักออกห่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาจูบปากนางทันที“อึก...อือ”เหมยลี่ครางนำคอ เมื่อถูกลิ้นอุ่นดุนดันริมฝีปากบางของนางให้รับมันเข้าไป“หืม~~”ซ่งเทียนคำรามในอก ขณะที่ดันตัวของนางให้เอนไปกับเก้าอี้ตัวยาวอย่างง่ายดาย“เหมยลี่ข้าคิดถึงเจ้า อยากอยู่กับเจ้าทุกวัน”เขาพูดหลังจากละจูบออกใบหน้าของเหมยลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ้มพรายตอบรับ แค่ได้ยินคำหวานแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว มองบุร
องค์ชายซ่งเทียนมาที่หอบุปผาก็เรียกหาดาวเด่นของหอคณิกาไปรับใช้ที่ห้องพิเศษในขณะที่เจียลี่ สตรีที่งดงามที่สุดในหอแห่งนี้กำลังเล้าโลมเรือนกายกำยำขององค์ชายอย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็ถูกเขากระชากรวงผมจนเงยหน้ามาสบตาเขาพลึ่บ!!“อย่าทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้สั่ง”เขามองนางด้วยสายตาดุดัน กล้าดียังไงมาทำรอยเอาไว้บนตัวของเขาเจียลี่มองเขาด้วยความกลัว แล้วรีบอ้อนอย่างยั่วเย้า“ท่อนมังกรขององค์ชายมันน่าดูดนี่เจ้าคะ..จ๊วบ..จ๊วบ”นางโลมอันดับหนึ่งใช้เล่ห์มารยา ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าที่ยั่วยวน นางนั่งอยู่หว่างขาของบุรุษหล่อเหลา ใจนางนั้นอยากจะทำให้นานกว่านี้ สร้างอารมณ์ให้มันซาบซ่านก็เท่านั้น แต่โดนดึงตัวขึ้นมาซะก่อน“อย่าพูดมาก รีบ ๆ ช่วยข้าปลดปล่อยให้หายหงุดหงิด” ซ่งเทียนสั่งเสียงเข้ม“เจ้าค่ะ”เจียลี่ทำตาเยิ้ม ใครมันไม่อยากทำล่ะ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่มีสิทธิ์ได้นั่งครองบัลลังก์ หากนางปรนนิบัติเขาดี ๆ บางทีอาจถูกเรียกไปเป็นสนมก็เป็นได้ นางจึงรีบขึ้นคร่อมตัวของซ่งเทียน มือเล็กจับแท่งมังกรร้อนอย่างรู้งานซ่งเทียนเอนตัวลงนอนลงไปให้เจียลี่ช่วยดับอารมณ์เขาที่มันหงุดหงิดอยู่ให้คลายลงบ้าง“อ๊ะ.. อะ องค์ชาย แท่งมั
เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงามซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ"ซี้ดดด.....หืม.."บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่านซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก"อื้อ..อึก"เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่ง
“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา“โอ๊ย..เจ็บ~~~” เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้ว
ในที่สุดพิธีอภิเษกสมรสก็มาถึง....‘ฉู่เหลียน’ บุตรีของท่านแม่ทัพ ผู้เป็นเจ้าสาวนั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดง นางบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเอาไว้ ริมฝีปากแย้มนิดๆ ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะได้แต่งเป็นภรรยาของบุรุษที่นางแอบชอบมาตั้งแต่เด็กเมื่อฮ่องเต้มีพระบัญชาพระราชทานมงคลสมรส แม่ทัพฉู่เหวินรับราชโองการด้วยสีหน้าหนักใจ “เหลียนเอ๋อร์... พ่อทำให้เจ้าลำบากแล้ว”ฉู่เหวินในวัยห้าสิบปี ผมสีขาวขึ้นแซมเกือบทั้งศีรษะ กอบกุมมือลูกสาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง และหวงแหนเป็นที่สุดฉู่เหลียนยิ้มให้บิดา “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย อีกทั้งข้าเต็มใจเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่”องค์ชายซ่งเทียนยังคงแจ่มชัดในความทรงจำนางเสมอ เมื่อสิบปีก่อน นางอายุเพียงแปดขวบได้ไปเที่ยวกับบิดาในการล่าสัตว์ประจำปี เพราะความซุกซนจึงทำให้นางหลงเข้าไปในป่าคนเดียว ในขณะที่นางกำลังจะถูกเสือขย้ำ องค์ชายซ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตนางได้ทันเวลาพอดี นับตั้งแต่วันนั้น นางก็เฝ้าคิดถึงเพียงเขาฉู่เหวินมองบุตรสาวเต็มตา บัดนี้ ลูกของเขาได้เติบโตเป็นดรุณีแรกสาว ใบหน้าสดใสงดงาม ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา “แต่ใคร ๆ ต่างก็เล่าลือกัน
องค์ชายซ่งเทียนมาที่หอบุปผาก็เรียกหาดาวเด่นของหอคณิกาไปรับใช้ที่ห้องพิเศษในขณะที่เจียลี่ สตรีที่งดงามที่สุดในหอแห่งนี้กำลังเล้าโลมเรือนกายกำยำขององค์ชายอย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็ถูกเขากระชากรวงผมจนเงยหน้ามาสบตาเขาพลึ่บ!!“อย่าทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้สั่ง”เขามองนางด้วยสายตาดุดัน กล้าดียังไงมาทำรอยเอาไว้บนตัวของเขาเจียลี่มองเขาด้วยความกลัว แล้วรีบอ้อนอย่างยั่วเย้า“ท่อนมังกรขององค์ชายมันน่าดูดนี่เจ้าคะ..จ๊วบ..จ๊วบ”นางโลมอันดับหนึ่งใช้เล่ห์มารยา ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าที่ยั่วยวน นางนั่งอยู่หว่างขาของบุรุษหล่อเหลา ใจนางนั้นอยากจะทำให้นานกว่านี้ สร้างอารมณ์ให้มันซาบซ่านก็เท่านั้น แต่โดนดึงตัวขึ้นมาซะก่อน“อย่าพูดมาก รีบ ๆ ช่วยข้าปลดปล่อยให้หายหงุดหงิด” ซ่งเทียนสั่งเสียงเข้ม“เจ้าค่ะ”เจียลี่ทำตาเยิ้ม ใครมันไม่อยากทำล่ะ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่มีสิทธิ์ได้นั่งครองบัลลังก์ หากนางปรนนิบัติเขาดี ๆ บางทีอาจถูกเรียกไปเป็นสนมก็เป็นได้ นางจึงรีบขึ้นคร่อมตัวของซ่งเทียน มือเล็กจับแท่งมังกรร้อนอย่างรู้งานซ่งเทียนเอนตัวลงนอนลงไปให้เจียลี่ช่วยดับอารมณ์เขาที่มันหงุดหงิดอยู่ให้คลายลงบ้าง“อ๊ะ.. อะ องค์ชาย แท่งมั
ณ ร้านเครื่องหอม‘เหมยลี่’ สตรีในอาภรณ์สีขาวชมพูปักลายดอกเหมยกำลังตั้งอกตั้งใจปักลวดลายลงในถุงหอม นางเป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ซึ่งได้รับการส่งต่อมาจากบิดานางจะเปิดร้านยามซวี เมื่อเก็บร้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว นางก็มักจะมานั่งปักถุงสำหรับเตรียมขายในวันพรุ่งนี้ในขณะที่นางจดจ่อกับการปักผ้า บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ก็ค่อย ๆ ย่องเข้ามาแล้วกอดนางจากด้านหลัง“เอ๊ะ..พี่ซ่งเทียนทำอะไรเนี่ย”เหมยลี่สะดุ้ง แต่ไม่ตกใจมากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนรักของนางเท่านั้นที่มาในยามนี้“คิดถึง”ปากหนากดจูบซอกคอขาวของนางเพื่อเติมพลัง ทำเอาใบหน้าของเหมยลี่ร้อนผ่าวไปหมด“อื้อ.... ไม่เอาเจ้าค่ะ พี่ซ่งเทียนหยุดก่อน” แขนเรียวรีบดึงแขนชายคนรักออกห่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับโน้มใบหน้าลงมาจูบปากนางทันที“อึก...อือ”เหมยลี่ครางนำคอ เมื่อถูกลิ้นอุ่นดุนดันริมฝีปากบางของนางให้รับมันเข้าไป“หืม~~”ซ่งเทียนคำรามในอก ขณะที่ดันตัวของนางให้เอนไปกับเก้าอี้ตัวยาวอย่างง่ายดาย“เหมยลี่ข้าคิดถึงเจ้า อยากอยู่กับเจ้าทุกวัน”เขาพูดหลังจากละจูบออกใบหน้าของเหมยลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ้มพรายตอบรับ แค่ได้ยินคำหวานแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว มองบุร