เสียงสะอื้นเริ่มปลดปล่อยออกมา หลังจากกักเก็บเอาไว้ตั้งแต่รู้สึกตัว ตอนนี้มันเก็บไม่ไหวแล้ว เมื่อความจริงวิ่งเข้ามาจิตใจของนาง เหตุการณ์เมื่อวานมันฉายชัดจนติดตาไปหมด ทุกการกระทำของบุรุษที่นางหลงโง่งมรักเขามานาน เขาเป็นดั่งปีศาจร้ายทำรอยช้ำตามเนื้อตัวเอาไว้ ตอนนี้นางมองเห็นมันคงเป็นส่วนน้อย ในตัวนั้นไม่อยากจะเห็น เพราะแค่ขยับก็รู้สึกเจ็บแปลบแล้ว
ช่างไม่ยุติธรรมกับนางเอาเสียเลย สองมือกำผ้าห่มแน่น มันทั้งหนาวทั้งทรมานทั้งร่างกายและจิตใจถูกทำร้ายจนเกินจะทน
“ฮือๆ ฮึกก..ท่านพ่อ..ลูกโง่เอง ที่คิดว่าเขาเป็นบุรุษที่ดี.. แท้จริงแล้วเขาเป็นปีศาจร้าย ฮึก..ฮือๆ”
เสียงร้องไห้สะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางคิดถึงจวนแม่ทัพที่จากมา ในจวนแม่ทัพนางเป็นคุณหนูที่ใครต่างก็รุมล้อมเอาใจ กินอิ่ม นอนหลับ แม้แต่ยุงสักตัวยังไม่ให้กัด แต่ดูตอนนี้สิ นางไม่ต่างจากทาสบำเรอกามของเขา แม้แต่แรงจะวิ่งหนี ก็ยังไม่มี
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่องค์ชายรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาคิดว่าจะออกไปหาเหมยลี่เสียหน่อย เพื่อปลอบประโลมนางไม่ให้นางคิดมาก แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็เจอกับองครักษ์ของฮ่องเต้เฝ้าอยู่
ซ่งเทียนทำเป็นมองไม่เห็น จะก้าวเท้าออกไป แต่องครักษ์ของฮ่องเต้ก็ใช้ทวนปิดทาง พลางเอ่ยเสียงแข็งขันว่า
“ฮ่องเต้มีรับสั่ง ให้องค์ชายอยู่ในตำหนักกับพระชายาห้ามออกไปไหนทั้งสิ้นจนกว่าจะครบกำหนด 3 วัน”
“หึ”
ซ่งเทียนได้ยินเช่นนั้น ก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในตำหนักอย่างหัวเสีย แม้ว่าเขาจะสามารถสู้ฝ่าออกไปได้ แต่เขาไม่ทำ เพราะไม่อยากขัดคำสั่งฮ่องเต้ เมื่อใดที่เขาไม่เชื่อฟัง บิดาของเขาก็จะทำโทษท่านแม่ ดังนั้น เพื่อให้มารดาของเขาได้อยู่อย่างสุขสบาย ตั้งแต่เล็กจนโตเมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาเขาจะเป็นบุตรชายที่เชื่อฟังที่สุด แต่ลับหลังนั้นเขาจะทำตรงข้ามทุกทาง !
“เก่อหลาง ไปเอาเซี่ยวฉือมาที่นี่ !”
ซ่งเทียนตวาดสั่ง เมื่อออกไปหาสตรีที่รักไม่ได้ เขาจึงเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่สตรีที่ทำให้เขาติดอยู่ในกรงขังแบบนี้
“........”
คำสั่งนั้นทำเอาคนถูกสั่งถึงกับมองหน้า นี่เจ้านายของเขากำลังทำอะไรที่น่ากลัวอีกแล้ว เพราะ ‘เซี่ยวฉือ’ คือ สุนัขล่าเนื้อที่ซ่งเทียนเลี้ยงเอาไว้เพื่อทรมานนักโทษ มันเป็นสุนัขที่โหดมาก ไม่มีใครแตะต้องมันได้นอกจากคนตรงหน้า เพราะหากใครแค่สัมผัสมันนิดเดียว เท่ากับตายเท่านั้น
“ไม่ได้ยินไง”
ซ่งเทียนมองหน้าองครักษ์ประจำตัวที่ยังนิ่งงันไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายที่สุด คือ การที่พวกเขาสนิทกันมากจนเกินไป ทำให้คนใต้บังคับบัญชาชอบทำตัวแบบนี้นี่แหละ
“เอ่อ... ตอนนี้เราไม่มีนักโทษรอการสืบสวนนะขอรับ...”
“เก่อหลาง... อย่าทำเป็นรู้ดี ข้าบอกให้ไปเอาเซี่ยวฉือมาที่นี่!! ”
ซ่งเทียนกระชากคอเสื้อองครักษ์หนุ่มขึ้น ก่อนจะย้ำคำสั่ง
เก่อหลางรีบจับมือของเขาเอาไว้ ละล่ำละลักเอ่ยว่า “ขอรับ ข้าจะไปเอาเซี่ยวฉือมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
เก่อหลางรับปากซ่งเทียนก่อนจะรีบไปเอาสิ่งที่นายต้องการมาทันที
ไม่นานนักองครักษ์หนุ่มก็จูงสนุขตัวใหญ่ ขนสีดำทมิฬ ดวงตาสีแดงก่ำอย่างหมาป่า ฟันแหลมดูน่ากลัว
“ข้าจะเข้าไปหาพระชายา ห้ามทุกคนเข้าไป”
ซ่งเทียนสั่งก่อนจะเข้าห้องไป
คนด้านนอกมองกันเลิ่กลั่ก เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ถูกดาบฟันฉับเดียวให้ตายไปเลยดีกว่าที่ให้เป็นของเล่นกับสนุขตัวใหญ่แสนดุร้ายนั่น
ลู่ซิ่วที่เพิ่งกลับจากห้องครัว กำลังจะเอาของหวานไปให้คุณหนูของตนก็ถูกเก่อหลางขวางเอาไว้
“เอ๊ะ ท่านองครักษ์มาขวางข้าทำไม ข้าจักนำขนมไปให้พระชายา”
“องค์ชายซ่งเทียนอยู่ในห้อง พระองค์มีรับสั่ง ห้ามผู้ใดรบกวน”
“ว่าไงนะ !”
สาวใช้ตาโตด้วยความตกใจ
“เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถิด อย่ารบกวนองค์ชายกับพระชายาเลย”
เก่อหลางพูดพลางดันหลังสาวใช้ให้ออกห่างหน้าประตู
ลู่ซิ่วเป็นห่วงคุณหนูของตน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินคอตกกลับไปอย่างกังวลใจ
ภายในห้องบรรทมของพระชายา
ซ่งเทียนพาสุนัขตัวโตเดินไปหยุดที่เตียงกว้าง เห็นฉู่เหลียนกำลังนอนอยู่ จากนั้นก็ลูบหัวมัน พลางเอ่ยว่า
“เซี่ยวฉือ หิวไหม นั่นไงอาหารของเจ้า”
สุนัขสีดำสนิทกระดิกหางด้วยท่าทางน่าเอ็นดูไม่น้อยเมื่อเห็นของเล่นตรงหน้า
โฮ่ง ! โฮ่ง!
มันเห่าเสียงดัง รอมอบความตายให้เท่านั้น
ร่างบางนอนแน่นิ่งอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย ดวงตากลมเริ่มขยับรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเห่าเหมือนดังอยู่ข้างกาย
ซ่งเทียนมองด้วยแววตาตื่นเต้น รอว่าเมื่อไหร่เหยื่ออันโอชะจะตื่นขึ้นมาให้สุนัขของเขาขย้ำให้ตายไปเสีย เพราะสุนัขตัวนี้เขาเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก มันโตมาพร้อมกับเขา นิสัยใจคอก็ไม่ต่างกัน หากเห็นศัตรูจะกัดให้ตาย แต่หากเป็นมิตร ก็จะซื่อสัตย์ภักดี ถึงมันจะเชื่องก็จริง แต่สัตว์ดุร้ายก็คือสัตว์ดุร้าย มันอาจจะกัดคนตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ได้โฮ่ง ! โฮ่ง!คราวนี้ เสียงชัดเจนมากจนฉู่เหลียนต้องฝืนตัวเองลุกขึ้น ภาพแรกที่เห็นทำเอาหัวใจของฉู่เหลียนเต้นแรงขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง“ว๊าย ! เอามันออกไปนะ”นางถอยกรูเข้ามุมเตียง เมื่อครู่นางร้องไห้จนเผลอหลับไป คิดไม่ถึงว่า ตื่นขึ้นมาจะเจอหมาตัวโตที่กำลังแยกเขี้ยวใส่นางโฮ่ง ! โฮ่ง!เซี่ยวฉือเห่าขู่คำรามน่ากลัว มันกระโจนตรงเข้าหาเหยื่อ แต่ถูกองค์ชายดึงสายจูงเอาไว้ เขาเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นอาการของคนที่เหมือนจะตกใจตายคาเตียงเสียให้ได้“ฮือ.. ฮึก เอาหมาบ้านี่ออกไปนะ ฮือ..”ฉู่เหลียนร้องออกมา นางกลัวจนตัวแข็งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ตัวของนางเริ่มสั่น เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้จะทำยังไงซ่งเทียนมองอย่างเย็นชา “กล้าดียังไงมาด่าสัตว์ที่น่ารักของข้าเป็น
ซ่งเทียนกดเบียดริมฝีปากของฉู่เหลียนอย่างรุนแรง ยอมรับว่าโมโหที่ฉู่เหลียนทำท่าทีรังเกลียจเขาแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาอยากจะเอาชนะนาง ยิ่งรังเกลียดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งอยากทำลาย ซ่งเทียนใช้แรงบีบคางสวยจนฉู่เหลียนเจ็บเผลอร้องออกมา เป็นจังหวะให้เขาได้สอดปลายลิ้นเข้าไปช่วงชิมความหวานภายใน มือเล็กจากที่ทุบตีไม่หยุดเปลี่ยนเป็นบีบรัดแขนแกร่งจนแน่น น้ำตาที่คลอเริ่มไหลออกมาจากดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่“หืม” เขาคำรามในอกอย่างซาบซ่าน ขณะที่ดันตัวฉู่เหลียนให้นอนลงไป ก่อนจะลุกขึ้นมาคร่อมร่างนางมอบจูบให้ฉู่เหลียนอีกครั้งจนพอใจแล้วจึงผละออกฉู่เหลียนนอนตัวสั่นไม่หยุด ริมฝีปากบวมเจ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กยังเกร็งจิกที่แขนของเขาค้างอยู่ซ่งเทียนมองสีหน้าฉู่เหลียนนิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้น“กล้าปากดีกับข้าอีกหรือไม่”“สารเลว”ฉู่เหลียนจ้องตาเขากลับน้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด ไม่คิดว่าต้องมาเจอกับบุรุษที่หยามเกียรติสตรีเช่นนี้ซ่งเทียนกัดฟันกรามแน่นด้วยความโมโห เพราะไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขา นางกล้าดียังไง“ไม่มีใครกล้าด่าข้าเช่นนี้ !!..”เขากดมือสองข้างของนางจับเอาไว้แน่น ดวงตาของซ่งเทียนวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
วันต่อมาลู่ซิ่ว ถืออ่างน้ำเข้ามาในห้องนอนเพื่อจะปรนนิบัติคุณหนูของตน"คุณหนูเจ้าคะ เช้าวันนี้คุณหนูจะใส่ชุดสีอะไรดีเจ้าคะ"เสียงเจื่อนแจ้วของสาวใช้เข้าไปในห้อง แต่ร่างบางบนเตียงยังไม่ขยับ“คุณเจ้าคะ คุณหนู”ลู่ซิ่วขยับเข้าไปใกล้ เมื่อเรียกแล้วอีกฝ่ายยังไม่ขยับ ด้วยความเป็นห่วงจึงแตะเบา ๆ ที่ตัว แล้วนางก็ต้องรีบชักมือกลับเมื่อร่างนั้นร้อนผ่าวราวกับกองไฟ“อ๊ะ ทำไมตัวร้อนจี๋แบบนี้”นางเห็นใบหน้าของคุณหนูซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก คิดว่าคงเป็นไข้หนักแน่แล้ว จึงรีบวิ่งไปรายงานองค์ชายเพื่อขอให้ส่งตัวหมอหลวงมาตรวจอาการ2 ชั่วยามผ่านไปฉู่เหลียนเริ่มรู้ตัวขึ้นมา ดวงตาหนักอึ้งจนลืมตาไม่ขึ้น เรี่ยวแรงขยับแขนขาแทบไม่มีแม้แต่น้อยนิด“คุณหนู อย่าเพิ่งขยับนะเจ้าคะ.. หมอหลวงให้ท่านนอนพักนิ่ง ๆ บนเตียง”ลู่ซิ่วรีบเข้าไปหาเจ้านายของตนด้วยความดีใจที่นายของตนฟื้นสติขึ้นมาแล้ว ฉู่เหลียนขมวดคิ้ว หมอหลวงอย่างนั้นเหรอ นางกะพริบตาเพื่อปรับสายตาให้มองเห็นได้ชัดขึ้น“ข้าเป็นอะไรไปหรือ”“คุณหนูเป็นไข้เพราะร่างกายอ่อนเพลียมากเจ้าคะ ท่านหมอได้จัดยาให้แล้ว.. และพักผ่อนเยอะๆ..อย่าเพิ่งคิดอะไร..ตอนนี้ร่างกายของคุณห
“องค์ชาย.... ข้าเป็นอนุ.. เป็นคนของท่านอย่างเต็มตัวแล้วนะ”เจียลี่เข้าไปคลอเคลีย พลางส่งสายตาหวานเยิ้มอย่างยั่วยวน“เจ้าอย่าลืม ที่ข้ารับเจ้าเข้าตำหนักก็เพื่อให้พระชายาหย่ากับข้าเท่านั้น เจ้าอย่าคิดเป็นอื่น”ซ่งเทียนเอ่ยเสียงขรึมเจียลี่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยเสียงหวานว่า “ข้าไม่ลืมข้อตกลงระหว่างพวกเรา องค์ชายสบายใจได้เจ้าค่ะ แต่ว่า.... วันนี้ ฤกษ์มงคลของเรา ท่านคงไม่ทำให้เสียฤกษ์หรอกใช่ไหมเจ้าคะ”ซ่งเทียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใช่ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด และเจ้าต้องร้องดัง ๆ ให้พระชายาของข้ารับรู้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน”“เจ้าค่ะ”สิ้นคำ ซ่งเทียนก็อุ้มนางขึ้นในท่าเจ้าสาวท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ เดินไปสู่เรือนหอหลังเล็กที่อยู่ติดกับห้องนอนของพระชายาภายในห้องหอของอนุ“งื้อออ..อะ ท่านพี่..อื้อออ. ข้าเสียวมากเลยเจ้าค่ะ...อื้อออ...อ๊า ~~”เจียลี่ขึ้นคร่อมซ่งเทียนจากนั้นก้ขย่มขึ้น ๆ ลงๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย "หืมมม.."ซ่งเทียนปล่อยให้เจียลี่นั่งขย่มแท่งมังกรร้อนของตน นางใช้มือจิกเข้าที่หน้าอกไปด้วยพลางร่อนสะโพกไปมาอย่างเสียวซ่าน“ท่านพี่.. ชอบหรือไม่เจ้าคะ”นางถามเสี
ขาเรียวถูกแขนแกร่งเกี่ยวรั้งขึ้นมาทั้งสองจนมันอ้าออกกว้างเพื่อรับความเป็นชายของเขา ซ่งเทียนกัดฟันแน่นพร้อมกับกดตัวของนางลงมากลืนกินแท่งมังกรใหญ่ของเขา“ซี้ดด... อ๊า~~”“อ๊ะ..จะ.. เจ็บ อา~~~..”ฉู่เหลียนซบใบหน้าลงที่อกแกร่ง สองมือสวมกอดอีกฝ่ายแน่น ร้องบอกเสียงสั่น เมื่ออีกคนจับให้นางอยู่แบบนั้น เรือนหยกนางบีบรัดท่อนมังกรที่ร้อนผ่าวไปทั้งแท่งทันทีที่มันชำแรกเข้ามาในตัว ถึงจะไม่รุนแรงเหมือนครั้งที่ผ่านมาก็เถอะ แต่มันก็ยังใหญ่โตมากสำหรับนาง“เจ็บอะไร..ข้าทำมากี่ครั้งแล้ว...”สิ้นคำ เขาก็จับสะโพกนางกดลงกระแทกกับแทงแท่งมังกรเขาเต็มแรงสวบ....“อ๊ะ ! เจ็บ..งื้อ ก็สิ่งนั้นของท่านมันใหญ่เกินไป เอาออกไปเลย..”ฉู่เหลียนร้องเสียงหลง ทั้ง ๆ วันนี้นางควรจะได้พักผ่อนแล้วแท้ๆ แต่ทำไมเขากลับตามนางมาจนได้ซ่งเทียนยิ้ม “ขยับสิ”“ห้ะ!”“ขยับ..หรือจะให้มันอึดอัดอยู่แบบนี้ ก็ได้นะ ข้าจได้ทรมานเจ้าทั้งคืน”“ ........”“เร็วๆ..ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นคนทำ ทำมากี่ครั้งจำได้ไหมว่ามันเป็นยังไง”เขาออกคำสั่งอย่างเลือดเย็นฉู่เหลียนกัดฟันยอมยกมือโอบคอแกร่งของซ่งเทียนพยุงตัวเองขย่มกดร่องสวยลงทับท่อนมังกรจนสุดลำ“อูววว
หลายวันต่อมาสายหมอกยามเช้าเกาะอยู่ตามเสาสีแดงชาดของประตูใหญ่ของตำหนัก โคมสีแดงงานมงคลยังแขวนอยู่นิ่งๆ ในยามอรุณรุ่งที่ไร้ลม ที่เชิงบนขั้นบันไดหน้าประตูนั้น ฉู่เหลียนยืนนิ่ง ร่างบอบบางของนางเหมือนกิ่งหลิวต้องลม นางเสื้อคลุมไหมสีเหมือนดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาของสงบนิ่งในขณะที่นางเฝ้าดูอนุที่มาจากหอนางโลมกำลังปรับสายรัดเอวห้อยพู่หยกที่เอวให้องค์ชายใหญ่วันนี้ องค์ชายซ่งเทียนต้องออกเดินทางไปทางเหนือเพื่อแจกเสบียงให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยทหารรักษาพระองค์สิบนายรออยู่ในระยะห่างที่เหมาะสม หอกของพวกเขารับแสงอาทิตย์สีทองแรกเริ่ม รถบรรทุกเสบียงทอดยาวเลยประตูไปเหมือนงูไม้ตัวใหญ่ แต่ละคันบรรทุกข้าวและยาซ่งเทียนลอบมองพระชายาแวบหนึ่ง แล้วหันมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับอนุเพื่อยั่วให้อีกฝ่ายช้ำใจเล่น ๆ ก่อนที่ตนจะเดินทางไกล"น้องหญิง ข้าจะต้องไปแจกเสบียงทางเหนือนานนับเดือน เจ้าอยู่ทางนี้ก็รักษาตัวดี ๆ ด้วยนะ"เจียลี่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม ไล้ปลายนิ้วเรียวไปตามสาบคอของเสื้อคลุมเดินทางของเขา “ท่านพี่เปรียบเสมือน หัวใจของประชาชน ยามราษฎรประสบทุกข์ท่านก็เปรียบเสมือนพรของสวรรค์ช่วยปัดเป่าความทุกข์นั้น ข
ณ ตำหนักองค์ชายใหญ่ส่วนหลังของตำหนักเป็นที่อยู่ของ เซี่ยวฉือ สุนัขล่าเนื้อดุร้ายของซ่งเทียน ดังนั้น ทุกคนในตำหนักจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณนั้นด้วยควาหวาดกลัวขนของมันสีดำเหมือนเงาของภูเขา ดวงตาของมันเปล่งประกายราวกับโคมไฟคู่ในยามค่ำคืน และเสียงคำรามของมันคล้ายกับฟ้าร้องที่อยู่ไกลออกไป คนในตำหนักต่างก็เรียกมันลับหลังองค์ชายใหญ่ว่า "สุนัขผี" เพราะคนที่เข้าใกล้มันหากไม่ใช่เจ้าของ ล้วนถูกมันสังหารจนกลายเป็นวิญญาณทั้งสิ้นหลายวันมานี้ องค์ชายซ่งเทียนเดินทางไปแจกเสบียงอาหารทางเหนือ ทำให้เซี่ยวฉือถูกขังอยู่ในกรงขนาดใหญ่ แม้จะมีอาหารและน้ำกินไม่ให้ขาดแต่ก็ยังเหงามาก มันจึงนอนหมอบด้วยสายตาเศร้าสร้อย บางครั้งก็ถอนหายใจหนักๆเช้าวันหนึ่งขณะที่หมอกยังคงเกาะติดยอดหญ้า จมูกของมันได้กลิ่นหอมๆ ของกระดูกซี่โครงย่าง มันจึงรีบผงกหัวขึ้น แล้วพบกับฉู่เหลียนที่ถือห่อเนื้อหมูย่างหอม ๆ หลายชิ้นไว้ในใบบัว นางค่อย ๆ ก้าวย่างเดินเข้าไปหาสุนัขตัวร้ายที่น่ากลัว มันส่งเสียงเห่าขึ้น ริมฝีปากโค้งงอเผยให้เห็นฟันที่สามารถบดกระดูกได้“เซี่ยวฉือ... เซียวฉือเด็กดี ข้ามาดีนะ ดูสิข้ามีของกินอร่อย ๆ มาให้เจ้าด้ว
“ฉู่เหลียน ! นี่เจ้าทำบ้าอะไร ทำไมต้องรังแกนางแบบนี้ด้วย!!”ซ่งเทียนกระชากตัวของฉู่เหลียนเข้าหาอย่างแรง เท้าของฉู่เหลียนที่ไม่ทันระวังเหยียบเศษแก้วจากไหสุราที่แตกเมื่อครู่ ส่งผลให้เท้าของนางเหยียบเข้าเต็มๆ“โอ๊ย ! ข้าเจ็บนะ”นางรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้าของตัวเอง ไม่มีแรงที่จะสู้เขาเลยสักนิด ได้แต่มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจว่า นางทำอะไรผิด“ข้าบอกแล้วไง ว่าอย่ารังแกเจียลี่”ซ่งเทียนบีบข้อมือของนางอย่างแรง“ข้าไม่ได้รังแกนาง ปล่อยข้าได้แล้ว”“ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้าทำไหสุราแตก แล้วกำลังจะตบตีนาง”“ท่านเห็นข้าปัดไหสุราลงพื้นหรือ ท่านเห็นข้าตบนางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถ้าไม่เห็นก็อย่ามากล่าวหากันเช่นนี้ ปล่อยข้า ข้าจะกลับห้อง”ฉู่เหลียนสะบัดข้อมือออกอย่างน้อยใจ แล้วฝืนความเจ็บแปลบทั้งที่เท้า และที่หัวใจเดินจากไป“.............”คำพูดแสนจะเย็นชาของนางครั้งนี้ทำให้ซ่งเทียนนิ่งไปชั่วขณะ เพราะเขาเห็นเพียงเจียลี่บีบน้ำตาก็คิดเอาเองว่านางถูกรังแก หรือเรื่องจริงไม่ใช่เช่นนั้นซ่งเทียนเพียงมองนางเดินออกจากไป ครั้งนี้เขาเองไม่ได้ตามไปหาเรื่องเหมือนทุกครั้ง สายตาเขาเห็นเลือดสีแดงสดอยู่ที่พื้นเป็นทางยาวออกไป
“อ๊า~~ เหลียนเอ๋อร์~~”ซ่งเทียนถึงกับครางเรียกชื่อนางด้วยความเสียวซ่านให้ตายเถอะ ! ทำไมสตรีที่ไร้เดียงสาในวันนั้นถึงเร่าร้อนได้เพียงนี้ ทำเอาเขาคลั่งรักหลงใหลนางมากขึ้น จนไม่อยากให้นางมองบุรุษอื่นแล้วฉู่เหลียนใช้มือรูดท่อนมังกรลำใหญ่ของสามี นางยิ้มให้ก่อนจะกดปากสวยลง แล้วใช้ลิ้นร้อนตวัดส่วนหัวที่มีน้ำใสๆ ปริ่มออกมา“อึกก..ม๊วบ”ฉู่เหลียนครอบปากลง กลืนกินท่อนมังกรลำใหญ่ของเขา นางได้กลิ่นเฉพาะของมัน รวมถึงน้ำคาวๆ ที่กระตุ้นอารมณ์ของนางแปลกๆ“ซี้ดด..โอ้วววว เหลียนเอ๋อร์ อา~~”ซ่งเทียนครงซี้ดปากด้วยความเสียวซ่านแปลบปลาบฉู่เหลียนได้ยินเช่นนั้นก็มั่นใจว่าตนเองทำถูกแล้ว ก็ใช้ปลายลิ้นร้อนไล้เลียที่ส่วนหัวร้อนฉ่าซ่งเทียนทนความเสียวซ่านไม่ไหวขยับลุกขึ้นมาแล้วใช้มือจับผมที่บดบังความสวยงามของใบหน้าสวยออก แล้วกดหัวนางขึ้น ๆ ลงๆ ตามความยาวของท่อนมังกรเป็นจังหวะถี่ ๆ “อึก..อือ”ลำมังกรของเขาเข้าลึกจนฉู่เหลียนเกือบจะสำลัก นางจึงอาศัยช่วงที่เขาดึงศีรษะนางออกใช้ลิ้นเล็กพยายามดุนดันรอบๆ หัวมังกร ทำเอาเขาถึงกับเสียวจนหน้าเหยเกครางออกมา“อู้ยยยย อา ซี้ดด~~~” ฉู่เหลียนเห็นว่าสามีใกล้จะถึงสวรรค์แล้ว น
วันล่องเรือสำราญองค์ชายซ่งเทียนสั่งให้คนซื้อเรือสำราญขนาดเล็กเอาไว้ เพื่อพาพระชายาล่องเรือชมเมืองยามค่ำคืนก่อนจะขึ้นเรือ เขาพานางไปเที่ยวชมตลาดฉู่เหลียนกวาดสายตามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น เพราะตลาดในเมืองท่ามีสินค้ามากมาย และราคาถูกๆ ทั้งนั้น ถูกจนนางคิดว่าจะขอให้องค์ชายซ่งเทียนเปิดร้านเล็ก ๆ เมืองหลวง แล้วซื้อของจากที่นี่ไปวางขายคงจะได้กำไรดีไม่น้อย“อ้ะ..”ฉู่เหลียนไม่ทันระวังกำลังจะสะดุดล้มลง แต่โชคดีที่ซ่งเทียนยืนอยู่ข้างๆ จึงคว้าตัวนางไว้ได้ทัน“ทำไมเดินไม่ระวังเลย”เขาส่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก“ก็เพราะข้ารู้ว่ามีท่านพี่ข้าง ๆ ไงเล่า”ฉู่เหลียนหอมแก้มเขาเป็นรางวัล อมยิ้มเมื่อเห็นเขาห่วงนาง หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่เดินตามนางด้วยซ้ำ คงจะไปนั่งรอในร้านน้ำชาซ่งเทียนยิ้มแก้มแทบปริ ตอนนี้เขากับฉู่เหลียนมาเดินเที่ยวตลาดโดยไม่มีองครักษ์ติดตาม เป็นการเที่ยวแบบแฝงตัวเป็นสามัญชน มันทำให้เขาแสดงความรู้สึกได้อย่างอิสระ ทำให้เขาเป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขมากจริงๆเมื่อเดินตลาดจนเหมื่อยขาแล้ว ซ่งเทียนก็พานางไปกินข้าวที่ร้านอาหารขึ้นชื่อในเมื่อท่า“อิ่มจัง.... เรือของเราจอดอยู่ที่ไหนหรือ
“ท่านพี่ข้าอยู่นี่”ฉู่เหลียนนั่งอยู่บนหลังม้า ท่ามกลางทหารนับร้อยตอนที่นางวิ่งหนีจนพ้นแนวป่าแล้วก็บังเอิญพบกับขบวนทหารที่กำลังเดินทัพมุ่งหน้ามาที่นี่ นางจึงนำขบวนทัพมาสู้กับองค์ชายรองด้วยตนเองซ่งเทียนเห็นพระชายาปลอดภัยก็ยิ้มออกมา ดาบในมือดูเหมือนจะทรงพลังขึ้นเป็นสิบเท่า เขาฟาดดาบใส่มือสังหารตายในพริบตาเดียวทหารนับร้อยโห่ร้องวิ่งกรูกันเข้ามาต่อสู้กับมือสังหารองค์ชายรองเห็นภาพนั้น ก็กลัวจนขนหัวลุกลนลานจนตกเก้าอี้ “หนีเร็ว !”เจียลี่รีบวิ่งหนีไปพร้อมกับองค์ชาย แต่นางพลาดท่าล้มลง นางรีบดึงชายกางเกงเขาไว้ แล้วร้องขอให้องค์ชายช่วย“องค์ชายช่วยข้าด้วย เท้าข้าเจ็บแล้ว วิ่งไม่ไหว”“เจ้าปล่อยข้าสิ พวกมันจะตามมาแล้ว”“ไม่ปล่อย ท่านต้องพยุงข้าไปด้วย”“โธ่เว้ย !”ฉั๊วะ !องค์ชายรองแทงดาบลงกลางหลังนาง เลือดทะลักไหลนองพื้น“อะ... องค์ชาย... อึก”เจียลี่สิ้นใจทันทีเขาเตะนางให้ปล่อยมือจากชายกางเกง แล้วเงยหน้าขึ้นกำลังจะวิ่งหนี กลับเจอซ่งเทียนยืนจ้องหน้าเขา รัศมีสังหารพวยพุ่งจนเขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้“สะ... เสด็จพี่ ข้าผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตข้าเถอะ”ซ่งเทียนกระตุกยิ้มที่มุมปาก ฟาดดาบลงไปฟิ้วววววว“อ
ณ ศาลเจ้า “โอ๊ย... ช่วยด้วย ข้าไม่ไหว โอ๊ย... ช่วยข้าด้วย”เสียงดังมาจากคนที่ถูกกุมขังอยู่ด้านใน มือสังหารสองนายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก“เอาไงดี”“องค์ชายรองสั่งว่าห้ามนางเป็นอะไร เพราะต้องใช้นางเป็นตัวล่อตามแผน”ในขณะที่พวกเขาปรึกษากันอยู่นั้น ฉู่เหลียนก็กรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้น“โอ๊ย ข้าปวดท้องจะตายอยู่แล้ว ช่วยด้วย...อึกก..ฮือๆ..จะตายแล้ว”มือสังหารได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดประตูเข้ามาหาสตรีที่ถูกมัดมือมัดเท้า“แม่นางเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” “ฮึก..ฮือ ข้าปวดท้อง...ช่วยพาข้าไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมพี่ชาย..ปวดท้องจะแย่แล้ว..” “เอ่อ....”มือสังหารลังเลฉู่เหลียนจึงร้องขึ้นอีกว่า “หากพวกท่านไม่พาข้าไปห้องน้ำ ไม่แก้มัดให้ข้า ข้าก็จะอึจะฉี่ให้มันเลอะตรงนี้ ดีไม่ดีข้าอาจจะเจ็บท้องท้องจนขาดใจตายไปเลยก็ได้”“ได้ๆ ข้าจะแก้มัดให้เจ้าไปห้องน้ำ”มือสังหารคิดว่าสตรีร่างบอบบางเช่นนี้คงสู้ตนไม่ได้ต่อให้นางไม่ถูกมัดเอาไว้“แก้มัดให้แล้ว ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเร็ว ๆ ข้าจะตามนางไปเอง เจ้าเฝ้าอยู่ทางนี้เผื่อว่าองค์ชายรองส่งข่าวมา”มือสังหารคนหนึ่งสั่งอีกคน แล้วผลักฉู่เหลียนให้เดินไปด้านหลังศาลเจ้าฉู่เหลียนพยายา
ณ วัดร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง“งื้ออ..”ฉู่เหลียนร้องออกมา เพราะมันเจ็บจี้ดที่ข้อมือ นางถูกมัดมือมัดเท้า รู้สึกมึนงงไปหมด นางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดขึ้นพบว่าตนเองนอนอยู่ในวัดร้างแห่ง ภาพก่อนที่นางจะสลบไปก็เข้ามาในหัวนางเดินตามเจียลี่เข้าไปในห้อง ขณะที่นางก้มลงไปเปิดหีบที่ใหญ่ที่สุดตรวจดูสิ่งของด้านใน บุรุษชุดดำคนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาซัดควันสีขาวใส่หน้านาง จากนั้นทุกอย่างก็มืดดับลง รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในวัดแห่งนี้แล้วแก๊ก !เสียงประตูเปิดออก สัญชาติทำให้นางรู้ว่าต้องตัวถอยหลังกรูดไปอยู่ชิดเสาต้นใหญ่ด้วยความกลัว“พระชายา.... ข้าเอง”เจียลี่เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับบุรุษในอาภรณ์หรูหราผู้หนึ่ง“เจียลี่... องค์ชายหานจิ้น !”ฉู่เหลียนอุทานตาโต ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักองค์ชายเจ้าสำราญผู้นี้“ใช่แล้วเป็นข้าเอง”เจียลี่ยิ้มเยาะเย้ย ในวันที่องค์ชายซงเทียนพาพระชายาไปหามารดา นางอาศัยโอกาสนั้นออกไปหาความสำราญที่เหลาสุรา แล้วองค์ชายหานจิ้นก็เข้าหา เขาบอกกับนางถึงความต้องการ แล้วเสนอผลประโยชน์ให้ แล้วบอกว่าหากตกลงร่วมมือกันเมื่อใดให้นำกำไรหยกมาหาเขาที่ตำหนัก วันนั้นนางยังลังเลใจเพราะยั
ณ เรือนอนุเจียลี่เจียลี่เดินกลับไปกลับมาภายในห้อง เมื่อคืนนางเห็นเต็มสองตาว่าองค์ชายซ่งเทียนรักฉู่เหลียนมากแค่ไหน วันนี้สายมากแล้วทั้งสองก็ยังคงคลุกตัวอยู่ในห้องราวบ่าวสาวที่เพิ่งเข้าเรือนหอกันในคืนแรกแต่งงาน“องค์ชายคงรักลูกสาวแม่ทัพผู้นั้นแน่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องขับออกจากตำหนักนี้แน่”เดิมทีนางคิดว่าจะใช้โอกาสที่ได้อยู่ตำหนักในฐานะอนุมัดใจองค์ชายใหญ่เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องกลับไปขายตัวที่หอนางโลมอีก แต่ตอนนี้ความหวังนางสิ้นแล้วเมื่อเขาไม่ต้องการหย่ากับพระชายาอีกต่อไป“ข้าไม่อยากกลับไปทุกข์ทรมานในหอคณิกาอีกแล้วนะ ข้าจะทำยังไงดี ทำยังไงดี”นางเดินกลับไปกลับมาจนสายตาไปสะดุดกับกำไลหยกชิ้นงามที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อจำได้ว่าใครเป็นคนให้กำไรหยกชิ้นนี้แก่นางมา นางก็ยิ้มออกมา“คนอย่างเจียลี่ไม่เคยอับจนหนทาง อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังเมตตาเหลือทางออกให้ข้า”หลายวันต่อมาเป็นจริงอย่างที่เจียลี่คาดไว้ องค์ชายซ่งเทียนใช้ให้เก่อหลางนำเงินมาให้นางจำนวนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนตามข้อตกลง แล้วให้นางออกจากตำหนักทันทีเจียลี่กำถุงเงินแน่น เจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ แม้แต่วันสุดท้ายซ่งเทียนยังไม่มาให้เห็นหน้าร
“อะๆ..อ้าห์ๆ..แรงอีก..กระแทกแรงๆ ข้าเสียว…อื้อออ~~” “หืม” เขากอดตัวของฉู่เหลียนแน่น ก่อนจะเร่งดันสวนทางขึ้นไปรับฉู่เหลียนแบบไม่ยั้ง“งื้ออ. ข้าไม่ไหว..แล้ว..อ้าห์…อึกก” อารมณ์ของฉู่เหลียนเตลิดไปไกล ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างบาง ไม่นานก็กระตุกเกร็งตัวสั่นอยู่บนตัวของเขาไม่หยุด น้ำหวานไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายซ่งเทียนผ่อนจังหวะนิดหน่อย ก่อนจะจับนางเปลี่ยนท่าให้ลุกขึ้นมายืนในท่าโก้งโค้ง“อ้ะ..อื้อ.”เขาชำแรกลำมังกรใหญ่ใส่นางอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกกระแทกเข้าต่อทันที มือหนารั้งเอวนางไว้ ปากหนาพรมจูบตามแผ่นหลังไปด้วย ฉู่เหลียนงอตัวเอามือท้าวไปที่ฝาผนังอย่างรู้งานเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับ ๆ ไม่ขาดสาย ผสมกับเสียงครางครวญ“อะๆ..อ๊าๆ”ฉู่เหลียนจุกไปหมด ท่านี้มันเข้าไปลึกจนนางรู้สึกว่ากำลังจะล่องลอยขึ้นสวรรค์อีกแล้ว“หืม”ซ่งเทียนกระแทกเข้าด้วยแรงอารมณ์จนตัวนางจะล้มไปทางด้านหน้าอยู่แล้ว ดีที่เขาคว้ามือของฉู่เหลียนไปทางด้านหลังทั้งสองข้าง แล้วสวนกระแทกเข้าสุดแรงตับๆ“อึกก..อือ..อ๊าซ์~~~”ฉู่เหลียนเกร็งสะท้าน ร่องนางบีบรัดท่อนมังกรลำใหญ่เร่งเร้าให้เขาตามนางขึ้นสวรรค์ไปติด ๆ“อ๊า
ในระยะประชิดเช่นนี้ ฉู่เหลียนเห็นอกแกร่งเต็มสองตา เรือนร่างใต้ผ้าบางเบาของบุรุษที่นั่งข้าง ๆ กำลังปลุกอารมณ์ของนางซ่งเทียนมองฉู่เหลียนที่ไม่ตอบเขา กลับเอาแต่มองร่างกายของเขา เขาจึงต้องบีบจมูกนางเพื่อดึงสติ“อ๊ะ..เจ็บ..อื้อ...” ฉู่เหลียนร้องทำหน้าหมุ้ยใส่เขา “ทำไมชอบทำร้ายด้วย”ฉู่เหลียนทำตาแดง ๆ เหมือนร้องไห้ออกมาจริง ๆซ่งเทียนตกใจรีบขอโทษ “เจ็บจริงหรือ ข้าขอโทษ”ฉู่เหลียนใช้มือจับใบหน้าเขา แล้วสบตาด้วยหัวใจที่เต้นแรง“ท่านพี่...”ฉู่เหลียนส่งสายตาออดอ้อนอย่างไม่เคยเป็น ซ้ำยังเรียกเขาว่าท่าพี่ซ่งเทียนทนความยั่วยวนในยามนี้ของนางไม่ไหวจึงช้อนคอสวยเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้ปากหนากดรับปากบาง“อื้อ..อึก”ปากร้อนของเขาบดเบียดปากบางของฉู่เหลียน มือเรียวโอบคอแกร่งอย่างรู้หน้าที่ เอียงศีรษะให้อยู่ในมุมที่เขาสามารถโน้มเข้าหาได้ง่าย แผ่นหลังบางเริ่มเอนลงพิงกับเตียงอย่างง่ายดาย นางจึงเอามือรั้งคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อเขาจับนางลุกขึ้นมา นั่ง“อ๊ะ... งื้อออ อา~~~”ฉู่เหลียนครางออกมา เมื่อซ่งเทียนซุกไซร้ที่ซอกคอรู้สึกหวามวูบไปหมดจนต้องจับแขนแกร่งเอาไว้แน่น พลางแอ่นหน้าอกขึ้น เพราะรู้สึกต้องการให้เขาทำมาก
ซ่งเทียนทำหน้าคล้ายคนเบื่อโลก อยากจะทุบนางเสียจริงๆ ดื่มสุราเมาจนคิดว่าตัวเองฝันฉู่เหลียนมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยอย่างไม่รู้ตัว“ซ่งเทียน..ท่านรู้ไหมคะ..อึกก..ท่านใจร้ายกับข้ามาก”มือเรียวยกขึ้นมาลูบในหน้าของเขาพร้อมกับพูดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว“........”ซ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรนอกจากสบตานางที่ระบายความรู้สึกออกมา โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านางกำลังจะบอกความในใจให้คนตรงหน้าฟัง“ฮึกก..ใจร้าย.. ใจร้ายที่สุด แต่ข้าก็ยังจะรักท่าน..ฮึกก..รักทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยรักข้าเลย....ฮึกก..ฮือ”ใบหน้าสวยซบลงที่อกของคนตรงหน้า เป็นเขาที่ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้ ต่อให้เขาบอกอะไรตอนนี้ นางคงฟังไม่รู้เรื่อง“ฮึกก..ฮือ..ข้าแอบชอบท่านมาตั้งนาน รักมาตั้งแต่เด็กๆ พอได้แต่งงานกับท่านจริง ๆ กลับพบว่า ท่านมีคนในใจแล้ว ฮือๆ ข้าอยากจะตัดใจเลิกรักท่าน แต่ทำไม่ได้สักที..ฮึกก..ฮือ.. สุดท้ายข้าก็เจ็บปวด..มันเจ็บเหลือเกิน” “ข้าขอโทษ.. หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ”ซ่งเทียนบอกให้นางเงียบ มือหนายกมือขึ้นปาดน้ำตาออกให้ แล้วจูบที่หน้าผากของนางเพื่อปลอบประโลม ยิ่งได้ยินว่านางรักเขาด้วยใจจริง และรักมานานแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อนางฉู่เหลี