ระหว่างรอช่างทั้งสองก็มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อทิวาแต่ก่อนเคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งเชียงใหม่ เขามาเที่ยวและกำลังจะเขากรุงเทพเพื่อไปหาเพื่อนและสมัครงาน
“คุณเป็นลูกครึ่งเหรอ”
“ครับ”
“ผมถามได้ไหม ว่าลูกครึ่งอะไร”
“ผมไม่รู้” แล้วก็เหมือนเดดแอร์ เขานิ่งเงียบแววตาหม่นลงจนเห็นได้ชัด
พอดีกับช่างที่โทรถามมาถึงพอดีทิวาเลยขอตัวลงไปคุยกับช่าง ก่อนจะกลับมาหาเขาที่รถ
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอติดรถไปได้ไหม”
“ได้สิ ขึ้นมาเลย”
“ผมขับให้ไหม” ทิวาไม่อยากเอาเปรียบ
“ได้สิ”
ทั้งสองสลับที่กัน เมคินไม่ถามเรื่องชาติกำเนิดของเขาเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่สะดวกที่จะตอบ
“น่าจะอีกสักชั่วโมง คุณง่วงก็นอนก่อนได้นะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า” อยู่ๆ เมคินก็อยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าทิวามีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหา
“จอดทำไมถึงที่พักคุณแล้วเหรอ”
“ยังหรอก ผมนัดเพื่อนไว้ที่นี่”
“ผมขอเบอร์คุณได้ไหม” เป็นครั้งแรกที่เมคินขอเบอร์โทรศัพท์คนอื่น
ทิวาหยิบโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองลงไปก่อนจะเดินเข้าไปยังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เพราะไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งกว่าเขาจะตึกที่เพื่อนนัดพบก็เกือบแย่ โชคดีที่เจอแม่บ้าคนหนึ่งบอกทางให้
“ทิวนั่งก่อน” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนรักนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
ธนาเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ทั้งสองยังอยู่ที่ลำพูน พอเรียนจบสอบบรรจุอยู่หลายครั้งกว่าจะได้มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้
“เป็นไงบ้างวะ ไม่เจอนานเลย” คนถามเดินไปหยิบน้ำเปล่าดื่มในตู้เย็นออกมาให้เพื่อน
“ก็อย่างที่เล่า”
“เฮ้อ กูล่ะสงสารมึงจริงๆ อุตส่าห์รักมาตั้งนานสุดท้ายเขาก็ทิ้งไปหาคนที่รวยกว่า”
“อย่าพูดถึงมันเลย” ทิวาส่ายหัวไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“แล้วมาครั้งนี้กะอยู่ยาวเลยไหม” ธนาเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่รู้ ว่าจะลองหางานดูก่อน”
“อือ กูว่าหางานตามบริษัทใหญ่ดูก่อน ระดับผู้จัดการอย่างมึงคงหางานไม่ยาก เรื่องไปทำงานในเรืออะไรนั้นกูว่าอย่าพึ่งเลย”
เพราะก่อนมาที่นี่ทิวาเปรยๆ กับเพื่อนไว้ว่าอยากไปทำงานในเรือสำราญเพราะเงินดี
“กูยังไม่ตัดสินใจ ถ้ามีอะไรน่าสนใจกูก็คงยังไม่ลงเรือ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ มึงโสดมานานแล้ว หาใครสักคนก็ดี”
“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น กูหมายถึงเรื่องงาน บางทีกูอาจลองหาอะไรที่มันทำแล้วไม่เบื่อ ส่วนเรื่องหัวใจกูขอพักไว้ก่อน”
“มึงจะสนใจอดีตทำไมวะ เดินหน้าสิ หน้าตาดีอย่างมึงคงหาแฟนได้ไม่ยาก”
“สมัยนี้เขาไม่ได้ดูที่หน้าตาเอย่างเดียว หล่อแต่ในกระเป๋าไม่มีเงิน ใครเขาอยากจะคบด้วย” เขาถอนหายใจ
“เออน่า อย่าเพิ่งท้อเดี๋ยวเย็นนี้กูพามึงไปเลี้ยงเหล้า”
ระหว่างรอให้เพื่อนจัดการกับงานเอกสารตรงหน้าทิวาก็นั่งคิดถึงเรื่องราวความรักของตัวเอง ที่ผ่านมาเขาเคยมีแฟนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คบกันอยู่หลายปี ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต แต่ทุกอย่างกลับไปได้สวยงามอย่างที่คิดไว้เพราะทางบ้านของอีกฝ่ายไม่สามารถยอมรับในตัวตน ทั้งเรื่องฐานะและชาติกำเนิด
จากนั้นทิวาก็ไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตอีกเลย เขาไม่ได้เข็ดกับความรัก แต่ยังไม่เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้เลยต่างหาก
ธนาพาเพื่อนรักมายังผับแห่งหนึ่ง แสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพทำให้ทิวาตื่นเต้นไม่น้อย นานแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาในสถานที่แบบนี้กับเพื่อน
ทั้งสองคนเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว ทิวาเป็นคนไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ เขาชอบดูบรรยากาศมากกว่า แต่ธนานั้นเป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
นั่งดื่มไปได้สักพักธนาก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ทิวายังนั่งอยู่ที่ดื่ม เขาสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้วระหว่างรอให้ธนากลับมา แต่เพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกสั้นๆ ว่ามีธุระด่วน คืนนี้ให้เขาหาโรงแรมใกล้ๆ นอนไปก่อน
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจดูเหมือนว่าวันนี้ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่คิดเลย ตั้งแต่เรื่องรถเสียกลางทางและไหนจะต้องหาที่นอนในเมืองที่กว้างใหญ่อย่างนี้อีก
แต่เมื่อคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อกลางวันเอาก็ยิ้ม เพราะนั่นเป็นเรื่องโชคดีเพียงอย่างเดียวที่เขาได้เจอ นึกแล้วก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ยอมให้เขาติดรถมาด้วย แต่ถ้ามีโอกาสได้เจออีกครั้งเขาจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวสักมือ
ขณะกำลังคิดเพลินสายตาก็ปะทะกับคนที่กำลังนึกถึง ทิวาเพิ่งได้มองรูปร่างของเขาอย่างชัดเจนก็ครั้งนี้ ชายหนุ่มมีรูปร่างสูง การแต่งกายสะอาดสุภาพ สีผิวไม่ได้ขาวมาก แต่ก็ไม่ถึงกับคล้ำ แต่ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นคนชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ทรงผมตัดสั้นจัดทรงเรียบร้อย เขายังคงดูดีเหมือนครั้งแรกที่เจอกันในรีสอร์ต และเหมือนรู้ว่ากำลังมีคนกำลังมองอยู่ ชายหนุ่มเลยหันมา เขาเผลอยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่อีกคนกลับเดินตรงมาหาทันที
“โลกมันกลมนะครับ” เขาทักทาย
“ครับ”
“ครับ คุณล่ะ ไหนว่าไปหาเพื่อน แล้วทำไมมานั่งดื่มคนเดียว”
“มากับเพื่อนครับ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปแล้ว”
“ผมนั่งดื่มด้วยคนนะ”
“ครับ” มีเขานั่งด้วยก็ยังดีว่าต้องนั่งดื่มคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
เมคินสั่งเครื่องดื่มจากนั้นก็ชวนเขาคุยเรื่องทั่วๆ ไป การได้ดื่มแล้วมีคนนั่งคุยด้วยทำให้เขาลืมดูเวลาไปเลย
“คุณเมาหรือเปล่า”
“นิดหน่อย คอนโดผมอยู่ใกล้แค่นี้ ไม่มีด่าน”
“ที่ผมถามเพราะกลัวคุณจะเกิดอุบัติเหตุ” ไม่รู้ทำไมทิวาถึงได้เป็นห่วงคนตรงหน้า
“ผมจะระวัง แล้วคุณจะกลับยังไง ให้ผมไปส่งไหม บอกที่อยู่เพื่อนคุณมา”
“ไม่เป็นไร ดึกแล้วคุณกลับเถอะ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่”
“ใช่ ดึกแล้วและคุณอาจต้องรอแท็กซี่นาน ให้ผมไปส่งเถอะ ผมไม่ได้เมา ปกติดื่มเยอะกว่านี้”
“คุณไปส่งผมโรงแรมที่ใกล้ที่สุดก็ได้”
“อ้าว ไหนว่าจะไปพักกับเพื่อน” คนตัวสูงถามอย่างแปลกใจ
“คงไม่ได้แล้ว เพื่อนผมมีธุระด่วน คืนนี้ผมคงต้องหาโรงแรมใกล้ คุณไปส่งผมโรงแรมไหนก็ได้ แต่อย่าแพงมากนะ ผมกำลังตกงาน”
“อือ”
เมคินเดินนำเขาไปที่รถ จากนั้นก็ขับออกไประหว่างนั้นในหัวก็กำลังคิดถึงโรงแรมที่ใกล้ที่สุด เมคินรู้จักแต่โรงแรมระดับสามดาวขึ้นไปทั้งนั้นแต่ทิวาบอกว่าอยากได้ราคาไม่แพงเพราะกำลังตกงาน เขาจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวเขามาจอที่คอนโดของตัวเอง
“นี่ไม่ใช่โรงแรม” ทิวามองหน้าอย่างสงสัย
“นี่คอนโดผม”
“คุณจะให้ผมพักที่นี่เหรอ”
“ใช่ พักกันผมนี่แหละ ไม่ต้องไปเสียเงินนอนโรงแรมหรอก”
“คุณไว้ใจผมมากไปแล้ว เราเพิ่งรู้จักกันเองจะเรียกว่าคนแปลกหน้าก็ได้”
“แปลกหน้าที่ไหน เจอกันตั้งหลายครั้ง อยู่ในรถอีกตั้งหลายชั่วโมง มาเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เมคินเดินนำ ทิวาทั้งง่วงทั้งเพลียเลยยอมเดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย
ทิวาเดินตามชายหนุ่มเข้ามาในลิฟต์ แล้วก็ยืนตัวลีบเพราะรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มันหรูหราเกินกว่าคนธรรมดาอย่างเขาจะมีโอกาสได้เข้ามาพักประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 30 ชายหนุ่มตัวสูงเดินนำเขาไปยังห้องซ้ายสุดของทางเดิน พอประตูห้องเปิดทิวาสำรวจไปทั่วห้องอย่างตื่นตาตื่นใจห้องขนาดไม่ใหญ่มากแต่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งดูดีกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้ โซฟาตัวยาวกลางห้องดูแล้วคงนั่งสบายกว่าห้องเดิมของตัวอยู่หลายเท่า ไหนจะเคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็กที่กั้นระหว่างห้องรับแขกกับห้องครัวก็ดูดี ถ้าเขาเป็นเจ้าของห้องคงเลือกที่จะนั่งดื่มอยู่ตรงนี้ดีกว่าไปดื่มในผับอย่างวันนี้เพราะไม่ต้องไปสูดกลิ่นควันบุหรี่ให้เสียสุขภาพทิวายืนสำรวจไปทั้งรู้ตัวอีกทีเจ้าของห้องก็เดินถือผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมายื่นให้“ชุดผมเอง คุณคงใส่ได้ อาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน อ้อ! แปรงสีฟันอยู่ในตู้เก็บของเหนืออ่างล้างหน้านะหยิบใช้ได้เลย”“แล้วคุณไม่อาบเหรอ”“ผมมีธุระคุยงานนิดหน่อย คุณใช้ห้องน้ำได้ตามสบายเลยไม่ต้องรีบ”“ครับ”ทิวาอาบน้ำสระผมจนไม่หลงเหลือกลิ่นบุหรี่ ก่อนจะสวมชุดที่เจ้าของห้องเตรียมให้ ชุดนอนผ้านุ่มลื่นกับกางเกงขายาวที่เลยปลายเท้าจนเขาต
การสมัครและสัมภาษณ์งานวันนี้ทำให้ทิวาคิดได้อย่างหนึ่งว่าประสมการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด เพราะทุกตำแหน่งดูเหมือนจะวางตัวคนที่ได้คัดเลือกไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนเข้าห้องน้ำเขาได้ยินคนสัมภาษณ์คุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์ทิวาเดินคอตกกลับห้องพัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขายื่นใบสมัครไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าจะมีสักที่รับเขาเข้าไปทำงานชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการใช้เส้นสาย ไม่ใช่เพราะโลกสวยหรือทำตัวเป็นพระเอก แต่เขาไม่มีเส้นสายเลยต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ ถ้าการใช้เส้นสายหมายถึงการได้โอกาสเขาก็ยินดีจะใช้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงาน แต่ที่ยังต้องมาลำบากแบบนี้เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ทิวาเดินเข้าออกอยู่หลายบริษัท คำตอบที่ได้รับมาส่วนใหญ่ก็คือ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อกลับอีกทีเขาเริ่มคิดแล้วว่ากรุงเทพไม่เหมาะกับเขา ถ้าสัปดาห์หน้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาคงต้องไปสมัครทำงานบนเรือสำราญซึ่งมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขามั่นใจว่าจะได้รับเลือกเพราะเขาพูดได้ทั้งไทย จีน และอังกฤษ และตอนเรียนเขาก็เคยทำงานบริการในโรงแรมมาก่อน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะมีเองที
พอถึงเวลาเปิดร้านลูกค้าก็ทยอยเข้าอย่างต่อเนื่อง ทิวาเดินจนแทบไม่ได้พัก แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาเกือบเดือนแล้วยังไม่ทันถึงเวลาปิดร้านแขกก็ทยอยกลับจนเหลืออยู่เพียงโต๊ะเดียว พศินเรียกทิวาเข้าไปคุย“ครับพี่ศิน”“ทิวช่วยดูตรงนี้ให้พี่หน่อย พี่ปวดตายังไงไม่รู้”“ได้ครับพี่”ทิวาเดินเข้ามาด้านเคาน์เตอร์ เขานั่งลงกดเครื่องคิดเลขเปรียบเที่ยวกับราคาที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ส่วนพศินก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ“พี่ศินครับพวกผมขอกลับก่อน”“อือ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วรอเคลียร์อีกนิด”“เฮ้ยทิว ไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” นวพลโบกมือให้เพื่อน“อือ”พอทุกคนออกไปแล้วทั้งร้านก็เหลือเพียงแค่วศินและทิวา“ทิว ดื่มน้ำก่อน มาทำงานวันแรกก็เหนื่อยเลย”“ไม่เป็นไรครับพี่” ทิวารับน้ำมาดื่มแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ เขาเริ่มง่วงเพราะไม่เคยนอนดึกอย่างนี้มาก่อน แต่ก็พยายามทำงานให้เร็วที่สุดเพราะอยากกลับไปนอนพัก“แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม”“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้พี่วินมารับ” เขาตอบแต่ไม่ได้มองหน้าคนถามจึงไม่เห็นสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการร้าน“ดึกแล้วยั
เกือบเดือนแล้วที่เมคินดึงตัวที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทมาเป็นผู้ช่วย เพราะช่วงนี้เขาต้องออกไปพบลูกค้าและเซ็นสัญญาซื้อขายอยู่หลายแห่ง“คุณเมคินครับเสร็จงานนี้แล้วผมว่าคุณควรหาเลขาได้แล้วนะครับ” ฉัตรภพทนายประจำบริษัทและยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนรักของอีกฝ่าย เริ่มจะหมดความอดทน เพราะลำพังงานของตัวเองก็หนักเอาการอยู่แล้ว“ก็นายไงเลขา”“มันไม่ตลกนะครับ บอกตามตรงนะผมเหนื่อยมาก”“เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินเดือนให้” เขาต่อรอง“โธ่ คุณเอาเงินมาล่อผมทุกที ให้ตายเหอะ”“แล้วยอมไหมล่ะ”ฉัตรภพไม่ตอบ เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ที่อิดออดอย่างนี้เพราะเขาทำแต่งานจนไม่มีเวลาไปสวีตกับคนรักอย่างเคย“ภพ” ถ้าลองได้เรียกชื่อจริงอย่างนี้แสดงความชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายกำลังเปลี่ยนมาเป็นโหมดเพื่อน“ว่า”“กูขอถามอะไรหน่อย”“ว่ามา”“เรื่องมึงกับแฟน ที่บ้านรู้เรื่องไหม”“รู้สิ ถามทำไม”“แล้วพ่อกับแม่มึงโอเคกับมึงหรือเปล่า”“ไม่ แต่กูไม่สน กูไม่ได้ทำอะไรผิด กูรู้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่กูอยู่แบบนี้มีความสุข เขาทำให้กูอยากมีชีวิตต่อ อยากตื่นมาเห็นหน้าเขาทุกๆ วัน”“ก็จริงนะ โลกมันไปไกลแล้ว ถ้าเอาแต่แคร์กับคำพูดคนอื่นก็คงใช้ชีวิต
เสียงเปิดประตูหน้าห้องทำให้คนที่กำลังนั่งเบื่ออยู่หน้าทีวีจอใหญ่รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา“คุณ เลิกงานแล้วเหรอ”ทิวากดรีโมตปิดทีวีแล้วเดินไปหาเจ้าของห้อง“อือ”เมคินตอบพร้อมหายใจหอบเหนื่อยเพราะเขารีบวิ่งเข้าลิฟต์ทันทีที่มาถึง“เหนื่อยเหรอครับ”เขาถามแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำมาให้เมคิน พร้อมกับจานชมพู่และฝรั่งที่เขาจัดใส่จานไว้“อือ ขอบใจ”เมคินรีบดื่มน้ำพรวดเดียวหมดแล้วหันไปมองหน้าคนถาม ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เขาถามว่าเหนื่อยไหม“เหมือนวิ่งมาเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่า หรือกลัวว่าผมจะยกเค้าห้องคุณไปแล้ว”“ถ้าจะยกเค้าจริงจะรอให้ผมกลับมาไหมล่ะ จริงไหม”“ที่ผมรอเพราะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือผม ทั้งให้ติดรถมากรุงเทพ ให้ที่พัก แล้วก็เมื่อคืน”สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนที่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน“แล้วจะเอายังไงต่อ คงไม่กลับไปทำงานร้านเดิมอีกนะ”“ถ้ากลับไปก็บ้าเต็มทนแล้ว ช่วงนี้ผมคงรองานที่ไปสัมภาษณ์มาวันก่อน แต่ดูเหมือนจะเงียบไปแล้ว คงต้องสมัครไปเรื่อยๆ”ทั้งคำพูดและแววตาที่ดูมุ่งมั่นทำให้เมคินคิดว่าถ้าเขามาร่วมงานด้วยก็คงดี“มาทำงานกับผมไหม” เขาตัดสินใจชวนออกไปเพราะอยากใช้เวลาศึกษาผู้ชายคนนี้ให้
บนถนนคืนวันอังคารรถค่อนข้างโล่งเลยทำให้เมคินมาถึงก่อนเวลานัดเกือบ 20 นาที แต่พอมาถึงก็เห็นว่าทิวานั่งรออยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนหน้าอาคารหลังเก่าอยู่แล้ว“รอนานไหม”“ไม่ครับ พี่คินมาก่อนเวลา”“พี่มาก่อนเวลาแต่นายก็นั่งรออยู่แล้ว” ยิ่งเห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกดี เพราะนั่นหมายถึงว่าทิวาเต็มใจจะย้ายไปอยู่กับเขาจริงๆ“ผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียเวลาครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจทิวามีเพียงกระเป๋าลากกับเป้อีกหนึ่งใบเท่านั้น พอยกใส่หลังรถแล้วเขาก็มานั่งคู่คนขับ“พี่ไม่น่าลำบากมารับผมเลย จริงๆ แล้วผมไปเองก็ได้”“ไม่ลำบากหรอก ยังไงก็ทางผ่าน”“ครับ” พยักหน้าเข้าใจเพราะไม่รู้ถนนหนทาง พอเขาบอกว่าทางผ่านก็เชื่อไปตามนั้น“กินข้าวเย็นแล้วใช่ไหม” เขาถามอย่างห่วงใย“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ละ”“อือ พี่กินมาจากบ้านแล้ว ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”“น่าจะมีอะไรแล้วครับ ของบางอย่างผมยังไม่เอาออกจากกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ”เพราะคิดว่าถ้าได้งานก็จะย้ายไปหาที่พักใกล้ที่ทำงาน แต่ตอนนี้ไม่ต้องติดเรื่องที่พักให้ปวดหัวแล้ว“ถ้างั้นไปกันเลยไหม”“ครับ”ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง Audi A6 Avant สีดำก็พาทั้งสองมายังถึงยังที่หมายประตูห้องคอนโด
ระยะทางจากคอนโดมาถึงบริษัทไม่ได้ไกลมากแต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาที ทิวาทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีเมคินคอยบอกทาง พอถึงบริษัทเขาก็จอดให้เจ้านายลงด้านหน้า“นายเอารไปเก็บตรงที่จอดรถผู้บริหารนะ มันจะที่ประจำอยู่ ดูตามเลขทะเบียน”“ครับ ผมตรงไปแผนกบุคคลเลยใช่ไหมครับ”“อือ แล้วเจอกันข้างบนนะ”“ครับ”เขาวนรถไปจอดตามที่เมคินบอก จอดรถนั้นหาไม่ยากเพราะมีชื่อและป้ายทะเบียนรถติดอยู่ เมคินไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองเป็นรองประธานบริษัท และเป็นบริษัทขนาดใหญ่เสียด้วย เขาเองก็ลืมถาม แล้วตอนนี้เขาจะถอนตัวทันไหมแต่คิดว่าถ้าถอนตัวไปตอนนี้เมคินอาจจะผิดหวังเพราะอุตส่าห์ชวนให้มาทำงานด้วย“เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้”ทิวาสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถแล้วตรงไปยังฝ่ายบุคคลเพื่อรายงานตัวตามที่เมคินบอกเขาขึ้นมายังฝ่ายบุคคลจากนั้นส่งเอกสารและรายงานตัวกับหัวหน้าฝ่ายบุคคล รับทราบขอปฏิบัติระหว่างทดลองงานรวมถึงอัตราเงินเดือน“ทำไมเงินเดินถึงสูงจังล่ะครับ”ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะกลัวว่าเมคินจะเป็นคนกำหนดเงินเดือนให้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สบายใจเข้าไปอีก“ไม่สูงหรอก ตามอัตราปกติ แต่ที่ดูสูงเพราะคุณพ่วงตำแหน่งคนขับรถด้วย”“อ๋อ
ทิวาขับรถมารับเจ้านายที่หน้าบริษัท เมคินเดินออกมาพอดีเขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งคู่กับคนขับอย่างรวดเร็ว“บอสควรนั่งข้างหลังนะครับ” ทิวาบอกอย่างสุภาพเมคินหัวเราะแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย“จะนั่งตรงไหนก็เหมือนกัน ออกรถได้แล้วพี่หิว”“บอสจะไปร้านไหนครับ ผมไม่ค่อยรู้ทาง”“ขับออกไปก่อน เดี๋ยวพี่บอกทางให้”“แค่บอกมาก็ได้ เดี๋ยวผมขับถามGPSเอง”“นายเชื่อ GPS มากกว่าพี่เหรอ”“เปล่าครับ”เมคินบอกให้ชายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเลขาและคนขับรถจอดริมถนนแห่งหนึ่ง ถอดสูทออกพาดไว้กับเบาะรถ จากนั้นก็พาเดินลัดเลาะเข้ามาในซอยแคบๆ“ร้านนี้เหรอครับ”“อือร้านนี้แหละพี่กินตั้งแต่เรียนแล้ว ผัดซีอิ๊วร้านนี้อร่อยที่สุด ทิวจะกินอะไร เอาเมนูไหม” เมคินทำท่าจะเดินไปหยิบเมนูที่ว่างอยู่อีกโต๊ะ“ไม่เป็นไรครับบอสเดี๋ยวผมไปหยิบเอง”“อยู่นอกบริษัทไม่ต้องเรียกแบบนั้น”“ครับ”ทิวารับคำแล้วเดินไปสั่งอาหารกับแม่ค้า แวะหยิบน้ำเปล่าในตู้แช่มาสองขวด“ไม่กินน้ำอัดลมเหรอ”“ไม่ครับ พี่ล่ะ ผมหยิบตามความเคยชิน”“น้ำเปล่านั่นแหละ”ขากลับจากทานอาหารกลางวันเมคินเปลี่ยนมาเป็นคนขับ ทิวาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่อยากขัดใจเขา“เราเปลี่ยนร้านได้ไหมครับพี่คิ
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เมคินและทิวาก็สามารถจับมือกันก้าวผ่านมาได้ เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเขาและเลขายังมีคนพูดถึงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาก้าวก่ายทิวาเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นเพราะที่บริษัทให้ทิวาถ่ายโฆษณาสินค้าอีกหลายตัว แต่เขาก็ยังคงทำตัวปกติ มีสินค้าหลายประเภทติดต่อเข้ามาให้เขาเป็นพรีเซนเตอร์ แต่ทิวาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เพราะคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดและไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินวันนี้ทุกคนนัดรวมตัวกันที่บ้านโอภาสธนรัตน์เพราะเป็นวันเกิดของเมคิน คุณจีรญาจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้กับลูกชายนอกจากคนในครอบครัวแล้ว ฉัตรภพและองศาก็มาร่วมงานด้วย เมคินสั่งทุกคนไม่ให้นำของขวัญมา ถ้าหากใครจะอยากจะมอบของขวัญให้ชายหนุ่มขอเป็นเงินสดเพราะตั้งใจว่าจะนำเงินเหล่านั้นไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอันเป็นบ้านอีกหลังของทิวาเลขาคู่ใจของเขาเจ้าของวันเกิดดูจะมีความสุขมากกว่าใครเพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยคนรัก ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านจนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกคนรอ ทิวาถือเค้กออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทุกคนร่วมกันร้องเพลงอย่างพร้อมเพรียงพอเสียงเพลง Happy
คุณราเมศและลูกสาวออกมาขอโทษเมคินสำหรับเรื่องที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด พร้อมกับยอมรับว่าที่ทำไปเพราะหวังอยากให้ทั้งสองกลับมาคบกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องลูกในท้องของรมิดานั้น หญิงสาวไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกของใครแม้เจ้าตัวจะออกมายอมรับและขอโทษแล้ว แต่คนส่วนใหญ่กลับมองว่าสิ่งที่สองพ่อลูกพูดออกไปนั้นเพราะถูกทางเมคินกดดันให้พูดกระแสตีกลับมาที่เมคินอีกครั้ง เพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนไปกดดันให้เธอออกมาขอโทษ เรื่องราวเลยไปกันใหญ่ บางคนถึงขั้นบอกจะแบนสินค้าทุกชนิดจากบริษัทเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ หุ้นของบริษัทดิ่งลงจนบอร์ดบริหารยื่นคำขาดให้เมคินจัดการเรื่องนี้ให้จบภายในสัปดาห์นี้ ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งรองประธานบริษัทหลังเลิกงานวันนี้เมคินและทิวาเลยมาที่บ้านใหญ่เพื่อปรึกษากับทุกคนเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นสีหน้าของทุกคนในห้องทำงานในบ้านโอภาสธนรัตน์ดูเคร่งเครียดกว่าทุกครั้งคุณเมฆาดูวิตกกังวลมากกว่าคนอื่นเพราะบริษัทนี้เขาเป็นคนเริ่มก่อตั้งจึงไม่อยากให้ตำแหน่งรองประธานตกไม่อยู่ในมือคนอื่น อีกอย่างที่ผ่านมาเมคินก็ทำงานได้เป็นอย่างดี“คนเราก็แปลกเรื่องจริงกลับไม่เชื่อกัน” คุณจีรญาเห็นใจลูกชา
การกลับมาทำงานหลังการหยุดยาวช่างเป็นอะไรที่โหดร้ายที่สุด ทิวาไม่เคยรู้สึกขี้เกียจอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“พี่คิน ลางานต่อเลยได้ไหม”“เอาสิ พี่ลาด้วย”“ไม่คิดจะห้ามเลยเหรอครับ”“จะห้ามทำไมล่ะ ว่าแต่เป็นอะไรพี่ไม่เคยเห็นทิวเป็นแบบนี้มาก่อน”“ไม่รู้สิครับ ความรู้สึกมันไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ มันเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง”“นี่เชื่อเรื่องโชคลางด้วยเหรอ”“เชื่อสิครับ”“คงไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีปัญหาเรื่องงานเราก็ช่วยกันแก้ได้เหมือนทุกครั้ง”“นั่นสิครับ มีพี่อยู่ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”แม้ปากจะบอกไปอย่างนั้นแต่ทิวาก็ยังไม่ค่อยสบายใจตลอดช่วงเช้างานทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา ทิวาเลยรู้สึกดีขึ้น บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ แต่เรื่องมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเลขาอย่างเขาเพราะมันเกิดขึ้นกับบอสภาพข่าวในโซเชียลที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้คือข่าวว่าลูกสาวคนเดียวของคุณราเมศเข้าโรงพยาบาลกะทันหันโดยมีอาการตกเลือด แต่หมอช่วยไว้ได้ทัน เด็กในท้องเลยไม่ได้รับอันตรายทางนั้นยังให้สัมภาษณ์ว่า เธอตั้งครรภ์กับนักธุรกิจรายหนึ่ง แต่ถูกปฏิเสธ แถมยังบังคับให้เธอไปเอาเด็กออก พอเธอไม่ทำตามก็เลยให้แอบ