เมคินออกเดินทางตั้งแต่เช้าเขาเลือกใช้เส้นทางสระบุรี -หล่มสัก ระหว่างทางก็แวะทานอาหารที่ปั๊มน้ำมันก่อนจะขับยาวไปถึงตัวอำเภอเขาค้อก็เวลาบ่าย ชายหนุ่มจอดรถที่ร้าน อาหารพื้นเมืองแห่งหนึ่ง ก่อนจะตรงไปยังที่พักทันที
เขาเลือกพักที่รีสอร์ตเล็กๆ แห่งหนึ่งในหมูบ้านชาวม้งเข็กน้อย บรรยากาศที่พักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพียงแค่จอดรถก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่น อากาศเย็นจนเขาต้องห่อไหล่
พนักงานต้อนรับในชุดพื้นเมืองรับกระเป๋าจากชายหนุ่มแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็กอิน พอกรอกรายละเอียดเสร็จแล้วก็เดินนำเขาไปยังห้องพักห้องริมสุดทางเดิน ลักษณะเหมือนยื่นออกมาจากพื้นราบ
“อาหารเช้าและเย็นเป็นแบบบุปเฟ่ต์จัดห้องอาหารด้านบนที่ชั้นสามนะคะ แต่ถ้าคุณจะสั่งอาหารมาทานที่ห้องพักก็ตามเบอร์ที่วางไว้ในห้อง ครัวของเราเปิดหกโมงเช้าปิดสามทุ่ม ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนนะคะ
พนักงานหญิงคนหนึ่งอายุไม่น่าจะเกิน 20 ปีแนะนำด้วยภาษากลางติดสำเนียงท้องถิ่นเล็กน้อย ฟังแล้วเพราะจนเขาอดชื่นชมไม่ได้ ชายหนุ่มหยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยขึ้นมาสองใบส่งให้เด็กทั้งสอง
“ขอบคุณค่ะ” ทั้งสองคนยกมือไหว้ขอบคุณแล้วก็เดินกลับ
เมคินวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ที่มุมห้อง เขาเดินไปยังระเบียงด้านหน้า พอเปิดออกก็ได้ยินเสียงน้ำตก เขายื่นหน้าออกไปมองก็เห็นน้ำตกสายเล็กๆ อยู่ไม่ไกล
เพราะห้องพักอยู่ลึกและไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวคนมาพักจึงไม่มากเท่าไหร่ ชายหนุ่มรู้สึกชอบที่นี่มากกว่าโรงแรมหรูๆ ที่เขามักเข้าพักเป็นประจำ
ระยะทางจากกรุงเทพมาถึงเข็กน้อยใช่เวลาไปหลายชั่วโมงวันนี้เขาจึงนอนพักก่อนที่จะเข้าไปคุยกับชาวบ้านในวันรุ่งขึ้น
ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องและเสียงน้ำตก บวกกับอากาศเย็นค่อนข้างเย็นทำให้เมคินหลับลึก พอรู้ตัวอีกทีท้องฟ้าด้านนอกก็มืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากระเบียงที่รอดผ่านมาตรงรอยแยกของผ้าม่านเท่านั้น
เมคินมองเวลาที่หน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วรีบลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกไปทานอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ตจัดไว้
เพราะมาช้าจึงไม่มีโต๊ะตัวไหนว่าง เขาหยิบบาร์บีคิวใส่จานแล้วเดินไปยังโต๊ะตัวในสุด ซึ่งยังมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ชายคนนี้ดูแล้วคงไม่ใช่คนไทย อาจจะเป็นลูกครึ่งเขาจึงทักทายเป็นภาษาอังกฤษออกไป
“Excuse me,Cound you mind if I sit here?” เมคินถามผู้ชายผิวขาวที่นั่งอยู่คนเดียว
“เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มผิวขาวตอบกลับด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว
“ขอโทษนะครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะพูดไทยได้แถมยังชัดขนาดนี้” เขาตอบไปตามจริง แม้จะรู้สึกหน้าแตกอยู่บ้างแต่ก็ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่ให้เขาปล่อยไก่ไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว” คนตอบใบหน้าเรียบเฉย
“มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ” เมคินถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว ปกติแล้วเขาเป็นคนพูดน้อยและยิ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อนก็แทบจะไม่ชวนใครคุยก่อนอยู่แล้ว
“ครับ คุณล่ะ” อีกคนถามกลับ
“ผมมาทำธุระครับ”
“อ๋อ”
ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนผมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าหล่อราวกับพระเอกเกาหลี ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นคนทำงานออฟฟิศหรือไม่ก็อาจจะยังเรียนไม่จบ เขาสวมเสื้อยืดเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นมาเล็กน้อยกางเกงผ้าขาสั้นแค่เข่าดูสบายๆ เหมาะกับการมาท่องเที่ยว เมคินเผลอสำรวจผู้ชายตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกคนนั่งทานอย่างเงียบๆ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พอทานเสร็จเขาก็ยกจานไปเก็บแล้วขอตัวกลับห้องพักโดยเมคินไม่ทันได้ถามชื่อ
ปกติแล้วเมคินไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่กับผู้ชายคนนี้เขาเห็นแววตาเศร้าๆ นั้นแล้วรู้สึกเห็นใจและอยากทำความรู้จักมากว่าปกติ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับเขาสักเท่าไหร่
ทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็กลับมาห้องพัก หยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมานั่งดื่มที่ริมระเบียง มองออกไปข้างหน้ามีแต่ความมืด บรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเสียงถอดหายใจมาจากระเบียงห้องพักที่อยู่ถัดไป
พอหันไปมองผ่านระเบียงซึ่งเป็นเพียงระแนงไม้กั้นอยู่ ก็เห็นผู้ชายนัยน์ตาเศร้านั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่ามีความทุกข์อะไรหนักหนาถึงได้เอาแต่นั่งดื่มคนเดียวอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจ พอกระดกเบียร์ในกระป๋องหมดแล้วเขาก็กลับเข้าห้องอาบน้ำเตรียมเข้านอน
พอหัวถึงหมอนก็เผลอคิดไปว่าอีกคนที่อยู่ผนังห้องติดกันยังนั่งดื่มอยู่หรือเปล่า เขาเปิดประตูระเบียงออกไปดูอีกครั้งก็ไม่เห็นชายคนนั้นแล้ว เมคินจึงกลับมานอน
เป็นคืนแรกเลยก็ว่าได้ที่ชายหนุ่มนอนในห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่มันกลับทำให้เขานอนหลับยาวจนรู้ตัวตื่นอีกทีเพราะแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาตรงระเบียง
เมคินเริ่มต้นวันใหม่อย่างไม่รีบร้อนเพราะหมู่บ้านที่เขาจะไปห่างจากที่นี่เพียงนิดเดียว
จุดรับประทานอาหารเป็นพื้นที่เปิดโล่งรับลมทุกทิศทาง ชายหนุ่มรินกาแฟในเหยือกใส่แก้ว หยิบขนมปังใส่เครื่อง แล้วยืนจิบกาแฟ ทอดสายตาไปข้างหน้า แม้จะสายมากแล้วแต่ก็ยังมีหมอกจางๆ กระจายอยู่รอบๆ
พอขนมปังได้ที่เขาก็หยิบมาวางบนจานก่อนไปหาที่นั่ง ตอนนี้คนอื่นคงออกไปเที่ยวกันหมดแล้วเพราะมองไปยังลานจอดรถก็เห็นแค่รถของตัวเองจอดอยู่แค่คันเดียวเท่านั้น
เมคินได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่เขาอยากให้ชาวบ้านส่งผลผลิตให้กับเขาโดยจะให้ราคาดีกว่าท้องตลาด แต่ผู้ใหญ่บ้านยังไม่ตัดสินใจในตอนนี้เพราะยังเหลือสัญญาเดิมอยู่อีกครึ่งปี แต่เพราะปีนี้ผลผลิตออกมากกว่าทุกปีจึงมีบางส่วนที่ชาวบ้านเอาไปขายกันเองในตลาด หรือบางคนก็ขายให้กับพ่อค้าคนกลางซึ่งกดราคาต่ำกว่าท้องตลาดอย่างมาก อีกปัญหาหนึ่งก็คือเรื่องการขนส่งเพราะชาวบ้านไม่มีรถ จึงจำเป็นต้องขายในราคาถูก เมคินรับฟังปัญหา พร้อมกับบอกว่าผลผลิตที่เกินมาเขาจะรับซื้อทั้งหมดในราคาที่ทุกคนรับได้ พร้อมทั้งจะให้รถของบริษัทมารับถึงที่ เมคินกับผู้ใหญ่บ้านแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กันแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวกลับ
พอจัดการธุระเสร็จเขาก็ถือโอกาสไปไหว้พระที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วซึ่งวันนี้มีคนมาเที่ยวสักการะเป็นจำนวนมาก เขาเลยไม่ได้ชื่นชมบรรยากาศอย่างที่คิดไว้ พอไหว้พระเสร็จเมคินเลยตัดสินใจขับรถกลับกรุงเทพเพราะทันที
ชายหนุ่มแวะเติมน้ำมันและเข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ขณะกำลังหาขนมขบเคี้ยวเพื่อนไปทานบนรถก็เจอกับผู้ชายนัยน์ตาเศร้าคนเดิม
“กลับแล้วเหรอครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น
“ครับ คุณก็คงเหมือนกัน โชคดีนะครับ”
“ครับ”
เมคินขับรถตามเส้นทางเดิมอย่างไม่เร่งรีบเพราะยังมีเวลาพักพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน เขาขับเลนซ้ายมาตลอดแล้วแล้วก็เห็นรถคันหนึ่งจอดเสียอยู่ที่ไหล่ทาง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจจะจอดช่วยเหลือ แต่พอขับผ่านความคิดก็ต้องเปลี่ยน
ชายหนุ่มขับเลยไปแล้วก็วนรถกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะจอดหลังรถคันเดิม แล้วเดินลงมาหา พอยืนเทียบกันแล้วเมคินรู้สึกเลยว่าตัวโตกว่าอีกคนเยอะพอสมควร วัดจากความสูงคนชายคนนั้นน่าจะสูงไม่เกิน 170 เพราะ ต่างจากเขาที่สูงถึง 185 ซม.แต่ก็นับว่าสูงกว่าผู้ชายอีกหลายคน
“ความร้อนขึ้นคิดว่าน่าจะเป็นหม้อน้ำรั่วครับ”
“ขับต่อไหวไหม” เขาถามอย่างคนไม่มีความรู้
“คงไม่ครับ ผมตามช่างแล้ว”
“อีกนานไหมกว่าช่างจะมา คุณไปรอในรถผมก่อนก็ได้ รอตรงนี้เดี๋ยวได้เป็นลมกันพอดี”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รบกวนคุณดีกว่า”
“เอาน่าคุณ ผมไม่ได้รีบไปไหน แล้วถ้าเกิดรถคุณซ่อมไม่เสร็จจะทำยังไง จะโบกรถเข้ากรุงเทพเหรอ คุณคิดว่าคนอื่นจะไว้ใจให้คุณ นั่งรถไปด้วยเหรอ”
“แล้วผมไว้ใจคุณได้ใช่ไหม”
“โธ่คุณ เราเคยเจอกันมาแล้วตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ไว้ใจผมแล้วคุณจะหาคนไว้ใจจากไหนได้” เมคินไม่เคยต้องง้อใครแบบนี้มาก่อน แต่กับผู้ชายคนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“แล้วคุณไว้ใจผมเหรอ”
“อืม ผมคิดว่าคุณไว้ใจได้ ไปนั่งรอในรถเถอะ ผมร้อน”
ระหว่างรอช่างทั้งสองก็มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อทิวาแต่ก่อนเคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งเชียงใหม่ เขามาเที่ยวและกำลังจะเขากรุงเทพเพื่อไปหาเพื่อนและสมัครงาน“คุณเป็นลูกครึ่งเหรอ”“ครับ”“ผมถามได้ไหม ว่าลูกครึ่งอะไร”“ผมไม่รู้” แล้วก็เหมือนเดดแอร์ เขานิ่งเงียบแววตาหม่นลงจนเห็นได้ชัดพอดีกับช่างที่โทรถามมาถึงพอดีทิวาเลยขอตัวลงไปคุยกับช่าง ก่อนจะกลับมาหาเขาที่รถ“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอติดรถไปได้ไหม”“ได้สิ ขึ้นมาเลย”“ผมขับให้ไหม” ทิวาไม่อยากเอาเปรียบ“ได้สิ”ทั้งสองสลับที่กัน เมคินไม่ถามเรื่องชาติกำเนิดของเขาเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่สะดวกที่จะตอบ“น่าจะอีกสักชั่วโมง คุณง่วงก็นอนก่อนได้นะครับ”“ไม่เป็นไร ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า” อยู่ๆ เมคินก็อยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าทิวามีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหา“จอดทำไมถึงที่พักคุณแล้วเหรอ”“ยังหรอก ผมนัดเพื่อนไว้ที่นี่”“ผมขอเบอร์คุณได้ไหม” เป็นครั้งแรกที่เมคินขอเบอร์โทรศัพท์คนอื่นทิวาหยิบโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองลงไปก่อนจะเดินเข้าไปยังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเพราะไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งกว่า
ทิวาเดินตามชายหนุ่มเข้ามาในลิฟต์ แล้วก็ยืนตัวลีบเพราะรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มันหรูหราเกินกว่าคนธรรมดาอย่างเขาจะมีโอกาสได้เข้ามาพักประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 30 ชายหนุ่มตัวสูงเดินนำเขาไปยังห้องซ้ายสุดของทางเดิน พอประตูห้องเปิดทิวาสำรวจไปทั่วห้องอย่างตื่นตาตื่นใจห้องขนาดไม่ใหญ่มากแต่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งดูดีกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้ โซฟาตัวยาวกลางห้องดูแล้วคงนั่งสบายกว่าห้องเดิมของตัวอยู่หลายเท่า ไหนจะเคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็กที่กั้นระหว่างห้องรับแขกกับห้องครัวก็ดูดี ถ้าเขาเป็นเจ้าของห้องคงเลือกที่จะนั่งดื่มอยู่ตรงนี้ดีกว่าไปดื่มในผับอย่างวันนี้เพราะไม่ต้องไปสูดกลิ่นควันบุหรี่ให้เสียสุขภาพทิวายืนสำรวจไปทั้งรู้ตัวอีกทีเจ้าของห้องก็เดินถือผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมายื่นให้“ชุดผมเอง คุณคงใส่ได้ อาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน อ้อ! แปรงสีฟันอยู่ในตู้เก็บของเหนืออ่างล้างหน้านะหยิบใช้ได้เลย”“แล้วคุณไม่อาบเหรอ”“ผมมีธุระคุยงานนิดหน่อย คุณใช้ห้องน้ำได้ตามสบายเลยไม่ต้องรีบ”“ครับ”ทิวาอาบน้ำสระผมจนไม่หลงเหลือกลิ่นบุหรี่ ก่อนจะสวมชุดที่เจ้าของห้องเตรียมให้ ชุดนอนผ้านุ่มลื่นกับกางเกงขายาวที่เลยปลายเท้าจนเขาต
การสมัครและสัมภาษณ์งานวันนี้ทำให้ทิวาคิดได้อย่างหนึ่งว่าประสมการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด เพราะทุกตำแหน่งดูเหมือนจะวางตัวคนที่ได้คัดเลือกไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนเข้าห้องน้ำเขาได้ยินคนสัมภาษณ์คุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์ทิวาเดินคอตกกลับห้องพัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขายื่นใบสมัครไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าจะมีสักที่รับเขาเข้าไปทำงานชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการใช้เส้นสาย ไม่ใช่เพราะโลกสวยหรือทำตัวเป็นพระเอก แต่เขาไม่มีเส้นสายเลยต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ ถ้าการใช้เส้นสายหมายถึงการได้โอกาสเขาก็ยินดีจะใช้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงาน แต่ที่ยังต้องมาลำบากแบบนี้เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ทิวาเดินเข้าออกอยู่หลายบริษัท คำตอบที่ได้รับมาส่วนใหญ่ก็คือ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อกลับอีกทีเขาเริ่มคิดแล้วว่ากรุงเทพไม่เหมาะกับเขา ถ้าสัปดาห์หน้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาคงต้องไปสมัครทำงานบนเรือสำราญซึ่งมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขามั่นใจว่าจะได้รับเลือกเพราะเขาพูดได้ทั้งไทย จีน และอังกฤษ และตอนเรียนเขาก็เคยทำงานบริการในโรงแรมมาก่อน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะมีเองที
พอถึงเวลาเปิดร้านลูกค้าก็ทยอยเข้าอย่างต่อเนื่อง ทิวาเดินจนแทบไม่ได้พัก แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาเกือบเดือนแล้วยังไม่ทันถึงเวลาปิดร้านแขกก็ทยอยกลับจนเหลืออยู่เพียงโต๊ะเดียว พศินเรียกทิวาเข้าไปคุย“ครับพี่ศิน”“ทิวช่วยดูตรงนี้ให้พี่หน่อย พี่ปวดตายังไงไม่รู้”“ได้ครับพี่”ทิวาเดินเข้ามาด้านเคาน์เตอร์ เขานั่งลงกดเครื่องคิดเลขเปรียบเที่ยวกับราคาที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ส่วนพศินก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ“พี่ศินครับพวกผมขอกลับก่อน”“อือ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วรอเคลียร์อีกนิด”“เฮ้ยทิว ไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” นวพลโบกมือให้เพื่อน“อือ”พอทุกคนออกไปแล้วทั้งร้านก็เหลือเพียงแค่วศินและทิวา“ทิว ดื่มน้ำก่อน มาทำงานวันแรกก็เหนื่อยเลย”“ไม่เป็นไรครับพี่” ทิวารับน้ำมาดื่มแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ เขาเริ่มง่วงเพราะไม่เคยนอนดึกอย่างนี้มาก่อน แต่ก็พยายามทำงานให้เร็วที่สุดเพราะอยากกลับไปนอนพัก“แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม”“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้พี่วินมารับ” เขาตอบแต่ไม่ได้มองหน้าคนถามจึงไม่เห็นสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการร้าน“ดึกแล้วยั
เกือบเดือนแล้วที่เมคินดึงตัวที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทมาเป็นผู้ช่วย เพราะช่วงนี้เขาต้องออกไปพบลูกค้าและเซ็นสัญญาซื้อขายอยู่หลายแห่ง“คุณเมคินครับเสร็จงานนี้แล้วผมว่าคุณควรหาเลขาได้แล้วนะครับ” ฉัตรภพทนายประจำบริษัทและยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนรักของอีกฝ่าย เริ่มจะหมดความอดทน เพราะลำพังงานของตัวเองก็หนักเอาการอยู่แล้ว“ก็นายไงเลขา”“มันไม่ตลกนะครับ บอกตามตรงนะผมเหนื่อยมาก”“เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินเดือนให้” เขาต่อรอง“โธ่ คุณเอาเงินมาล่อผมทุกที ให้ตายเหอะ”“แล้วยอมไหมล่ะ”ฉัตรภพไม่ตอบ เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ที่อิดออดอย่างนี้เพราะเขาทำแต่งานจนไม่มีเวลาไปสวีตกับคนรักอย่างเคย“ภพ” ถ้าลองได้เรียกชื่อจริงอย่างนี้แสดงความชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายกำลังเปลี่ยนมาเป็นโหมดเพื่อน“ว่า”“กูขอถามอะไรหน่อย”“ว่ามา”“เรื่องมึงกับแฟน ที่บ้านรู้เรื่องไหม”“รู้สิ ถามทำไม”“แล้วพ่อกับแม่มึงโอเคกับมึงหรือเปล่า”“ไม่ แต่กูไม่สน กูไม่ได้ทำอะไรผิด กูรู้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่กูอยู่แบบนี้มีความสุข เขาทำให้กูอยากมีชีวิตต่อ อยากตื่นมาเห็นหน้าเขาทุกๆ วัน”“ก็จริงนะ โลกมันไปไกลแล้ว ถ้าเอาแต่แคร์กับคำพูดคนอื่นก็คงใช้ชีวิต
เสียงเปิดประตูหน้าห้องทำให้คนที่กำลังนั่งเบื่ออยู่หน้าทีวีจอใหญ่รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา“คุณ เลิกงานแล้วเหรอ”ทิวากดรีโมตปิดทีวีแล้วเดินไปหาเจ้าของห้อง“อือ”เมคินตอบพร้อมหายใจหอบเหนื่อยเพราะเขารีบวิ่งเข้าลิฟต์ทันทีที่มาถึง“เหนื่อยเหรอครับ”เขาถามแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำมาให้เมคิน พร้อมกับจานชมพู่และฝรั่งที่เขาจัดใส่จานไว้“อือ ขอบใจ”เมคินรีบดื่มน้ำพรวดเดียวหมดแล้วหันไปมองหน้าคนถาม ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เขาถามว่าเหนื่อยไหม“เหมือนวิ่งมาเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่า หรือกลัวว่าผมจะยกเค้าห้องคุณไปแล้ว”“ถ้าจะยกเค้าจริงจะรอให้ผมกลับมาไหมล่ะ จริงไหม”“ที่ผมรอเพราะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือผม ทั้งให้ติดรถมากรุงเทพ ให้ที่พัก แล้วก็เมื่อคืน”สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนที่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน“แล้วจะเอายังไงต่อ คงไม่กลับไปทำงานร้านเดิมอีกนะ”“ถ้ากลับไปก็บ้าเต็มทนแล้ว ช่วงนี้ผมคงรองานที่ไปสัมภาษณ์มาวันก่อน แต่ดูเหมือนจะเงียบไปแล้ว คงต้องสมัครไปเรื่อยๆ”ทั้งคำพูดและแววตาที่ดูมุ่งมั่นทำให้เมคินคิดว่าถ้าเขามาร่วมงานด้วยก็คงดี“มาทำงานกับผมไหม” เขาตัดสินใจชวนออกไปเพราะอยากใช้เวลาศึกษาผู้ชายคนนี้ให้
บนถนนคืนวันอังคารรถค่อนข้างโล่งเลยทำให้เมคินมาถึงก่อนเวลานัดเกือบ 20 นาที แต่พอมาถึงก็เห็นว่าทิวานั่งรออยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนหน้าอาคารหลังเก่าอยู่แล้ว“รอนานไหม”“ไม่ครับ พี่คินมาก่อนเวลา”“พี่มาก่อนเวลาแต่นายก็นั่งรออยู่แล้ว” ยิ่งเห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกดี เพราะนั่นหมายถึงว่าทิวาเต็มใจจะย้ายไปอยู่กับเขาจริงๆ“ผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียเวลาครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจทิวามีเพียงกระเป๋าลากกับเป้อีกหนึ่งใบเท่านั้น พอยกใส่หลังรถแล้วเขาก็มานั่งคู่คนขับ“พี่ไม่น่าลำบากมารับผมเลย จริงๆ แล้วผมไปเองก็ได้”“ไม่ลำบากหรอก ยังไงก็ทางผ่าน”“ครับ” พยักหน้าเข้าใจเพราะไม่รู้ถนนหนทาง พอเขาบอกว่าทางผ่านก็เชื่อไปตามนั้น“กินข้าวเย็นแล้วใช่ไหม” เขาถามอย่างห่วงใย“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ละ”“อือ พี่กินมาจากบ้านแล้ว ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”“น่าจะมีอะไรแล้วครับ ของบางอย่างผมยังไม่เอาออกจากกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ”เพราะคิดว่าถ้าได้งานก็จะย้ายไปหาที่พักใกล้ที่ทำงาน แต่ตอนนี้ไม่ต้องติดเรื่องที่พักให้ปวดหัวแล้ว“ถ้างั้นไปกันเลยไหม”“ครับ”ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง Audi A6 Avant สีดำก็พาทั้งสองมายังถึงยังที่หมายประตูห้องคอนโด
ระยะทางจากคอนโดมาถึงบริษัทไม่ได้ไกลมากแต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาที ทิวาทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีเมคินคอยบอกทาง พอถึงบริษัทเขาก็จอดให้เจ้านายลงด้านหน้า“นายเอารไปเก็บตรงที่จอดรถผู้บริหารนะ มันจะที่ประจำอยู่ ดูตามเลขทะเบียน”“ครับ ผมตรงไปแผนกบุคคลเลยใช่ไหมครับ”“อือ แล้วเจอกันข้างบนนะ”“ครับ”เขาวนรถไปจอดตามที่เมคินบอก จอดรถนั้นหาไม่ยากเพราะมีชื่อและป้ายทะเบียนรถติดอยู่ เมคินไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองเป็นรองประธานบริษัท และเป็นบริษัทขนาดใหญ่เสียด้วย เขาเองก็ลืมถาม แล้วตอนนี้เขาจะถอนตัวทันไหมแต่คิดว่าถ้าถอนตัวไปตอนนี้เมคินอาจจะผิดหวังเพราะอุตส่าห์ชวนให้มาทำงานด้วย“เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้”ทิวาสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถแล้วตรงไปยังฝ่ายบุคคลเพื่อรายงานตัวตามที่เมคินบอกเขาขึ้นมายังฝ่ายบุคคลจากนั้นส่งเอกสารและรายงานตัวกับหัวหน้าฝ่ายบุคคล รับทราบขอปฏิบัติระหว่างทดลองงานรวมถึงอัตราเงินเดือน“ทำไมเงินเดินถึงสูงจังล่ะครับ”ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะกลัวว่าเมคินจะเป็นคนกำหนดเงินเดือนให้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สบายใจเข้าไปอีก“ไม่สูงหรอก ตามอัตราปกติ แต่ที่ดูสูงเพราะคุณพ่วงตำแหน่งคนขับรถด้วย”“อ๋อ
หลังหยุดยาวปีใหม่ทุกคนก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม รวมทั้งทิวาและเมคิน แม้สถานะจะเปลี่ยนไปแต่ในเวลางานพวกเขาก็เป็นบอสกับเลขาอย่างเดิมเรื่องขโมยที่เข้าห้องเมคินก็ยังจับไม่ได้ ป้ายประกาศหน้าที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของบริษัท ซึ่งเป็นรูปของคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นทำให้หลายคงยังคงคิดว่าเป็นทิวาอยู่ดี แม้ชายหนุ่มจะพ้นข้อกล่าวหาเพราะมีหลักฐานให้กับทางตำรวจแล้ว แต่ภาพจากกล้องมันก็ยังทำให้หลายไม่เชื่อสายตาหลายคู่เต็มไปด้วยคำถามมากมายมองมาจน ทิวารู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร เพราะเรื่องทุกอย่างมันจบตั้งแต่บนโรงพักในวันนั้นแล้วแต่ตราบใดที่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ทิวาก็ยังถูกมองด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจอยู่ดีเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานทำให้ทิวาหลุดออกจากความคิดตัวเอง เขารีบยกหูทันที“เข้ามาหาผมหน่อย”“ครับบอส”พอวางสายทิวาก็ถือแฟ้มของฝ่ายบุคคลเข้าไปในห้องเจ้านายตามคำสั่งทันที“แฟ้มที่ต้องเช็นตอนบ่ายครับ” เลขาหนุ่มวางลงบนโต๊ะอย่างเคย“ที่เรียกเข้ามาไม่ได้ให้เอาแฟ้มเข้ามาสักหน่อย”“บอสมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”“เปล่า แค่อยากเห็นหน้า” เขาทำเสียงสองเหมือนเวลาที่อยู่คอนโด“บอสครับ นี่มันที่ทำงาน”“แต่มันใน
แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่และเป็นแสงแรกของปีส่องผ่านผ้าม่านสีอ่อนเข้ามายังห้องนอนกว้าง ทิวาลืมตาสู้แสงทีละนิด ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น พยายามขยับตัวจะลุกนั่งแต่ช่วงล่างก็เจ็บปวดจนเกินจะทนเขาจึงได้แต่นอนนิ่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ชายหนุ่มจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ไม่ทั้งหมด รู้แต่ว่าตัวเองกับบอสนัวเนียกันตั้งแต่ในสระว่ายน้ำ จากนั้นก็ขึ้นมาทำเรื่องอย่างว่าที่ริมสระ ใบหน้าชายหนุ่มร้อนขึ้นทันทีครั้งแรกของเขากับเมคินแทนที่จะเป็นในห้องนอนเพราะเป็นสถานที่ส่วนตัวแต่กลับกลายเป็นริมสระว่ายน้ำ จากนั้นก็ถูกอุ้มเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ บอสให้เขานอนพัก เพียงไม่นานเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมคินมอบบทรักบทใหม่ให้อีกหลายต่อหลายครั้ง ภาพจำสุดท้ายเท่าที่พอนึกออกคือบอสกำลังเช็ดตัวให้ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น จากนั้นเขาก็หลับลึกจนถึงเช้าสมองตื่นตัวแล้ว หากแต่ร่างกายยังไม่อาจขยับเขยื้อน ใครจะคิดว่าครั้งแรกมันจะเจ็บถึงเพียงนี้ ถ้าถามว่าย้อนกลับไปเมื่อวานจะยอมให้เมคินทำแบบนี้กับตัวเองอีกไหม เลขาอย่างเขาก็ตอบได้ทันทีเลยว่าเขายอม เพราะมันมีความสุขที่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับคนที่ตัวเองรัก ยิ่
“นายก็คือพรหมลิขิตของพี่ พี่สัญญาจากนี้นายจะไม่โดดเดี่ยว นายจะมีพี่เป็นครอบครัวของนาย”ทิวาสบตาคมคู่นั้นแล้วยิ้ม ในเมื่อเมคินสัญญาแบบนั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วทั้งสองจ้องตากันอย่างมีความหมาย เมคินก้มหน้าลงมาประทับจูบลงบนริมฝีปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มหนักหน่วงขึ้น แรงบดเบียดเสียดสีจนทิวาต้องยกมือขึ้นจับไหล่กว้างไว้เพราะกลัวตัวเองจะจมหายไปกับห้วงอารมณ์พิศวาส“อ๊ะ!...อืมมม”ทิวาส่งเสียงเมื่อจมูกโด่งของเขาเคลื่อนไปบริเวณติ่งหู เขาขบเม้มวนเวียนบนผิวเนื้อขาวเนียนจากนั้นก็เลื่อนตำไปยังลำคอที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปตามผิว ร่างกายคนน้องร้อนผ่าว เมคินใช้ลิ้นร้อนลากผ่านดูดเบาๆ ไปตามซอกคอจนทิวาบีบไหล่เขาแรงขึ้น เลขาคู่ใจกัดริมฝีปากแน่นเพราะกลัวจะส่งเสียงครางออกไปให้อีกคนได้ยินเมคินขยับริมฝีปากร้อนไปยังไหปลาร้าและลำคอ เสียงจูบแผ่วเบาหากแต่ดังกังวานอยู่เต็มหัวใจ มือหนาเลื่อนมาสัมผัสหน้าอก ลากปลายนิ้วปัดป่ายจนโดนส่วนยอด ทิวาตัวสั่นเทา มือที่จับไหล่เปลี่ยนเป็นคล้องไปลำคอแกร่ง เขาแทบพยุงตัวเองไม่อยู่ เพียงสายน้ำที่โอบอุ้มก็ทำให้รู้สึกตัวเบาอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอสัมผัสแบบนี้ก็เหมือนกับตัวเ
แม้เช้านี้จะไม่ต้องรีบตื่นไปทำงานแต่ทิวาก็ยังคงตื่นเช้าตามปกติ เขามองอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ ท่อนแขนแข็งแรงยังกอดอยู่ที่เอว เรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนยังฉายชัดอยู่ในความทรงจำ คิดแล้วร่างกายก็ร้อนวูบวาบ ความเป็นชายที่มันมักจะตื่นตอนเช้าตามปกติก็ตื่นตัวยิ่งขึ้นไปอีก ชายหนุ่มขยับตัวออกจากอ้อมกอดของบอสก่อนจะรีบตรงไปห้องน้ำเขามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ มองรอยแดงเป็นจ้ำที่ลำคอแล้วยิ้ม เขาเคยช่วยตัวเองมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะมีความสุขเหมือนเมื่อวาน เพียงแค่ฝ่ามือร้อนๆ ของเมคินก็ทำเอาเขาแทบคุมสติไม่อยู่ ใบหน้าหวานแดงก่ำยิ่งขึ้นเมื่อนึกไปถึงความเป็นชายของเมคินที่มันใหญ่กว่าของตัวเองไปมากมันจะเขาไปในตัวเขาได้ยังไง มันจะฝืนธรรมชาติเกินไปหรือเปล่า ทิวาสับสนไปหมด แต่ในใจส่วนลึกก็อยากให้เขาทำมากกว่านั้น อยากเป็นส่วนหนึ่งกับเขาเขาเรียนรู้เรื่องการเตรียมตัวมาบ้างจากการอ่านในอินเทอร์เน็ตและจากกลุ่มลับในไลน์ที่องศาแนะนำ เขาใช้ไอดีหลุมเข้าไปสอบถาม เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แม้กระทั่งองศาก็ไม่รู้ว่าทิวใช้ชื่ออะไรในกลุ่มลับนั้น เขาจำคำพูดของสมาชิกในกลุ่มได้ดี ทุกคนย่อมมีครั้งแรก แล
ทิวาเดินตามเมคินออกมายังชายหาด ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด มองออกไปยังพื้นน้ำทะเลด้านหน้าเห็นแสงไฟจากเรือประมงอยู่หลายดวงสายตาของเขาจ้องมองไปยังไหลกว้าง ไหล่ที่เขาซบทีไรอบอุ่นถึงหัวใจทุกครั้ง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีความรู้สึกพิเศษแบบนี้ให้กับผู้ชายด้วยกัน หากแต่พอมันเกิดขึ้นแล้วก็อยากรักษาเอาไว้ให้นานที่สุด“มาช้าจัง”“ยากันยุงกลิ่นมันฉุนผมต้องล้างมือหลานรอบเลย”“ไหนมาดมหน่อย หายเหม็นหรือยัง” เมคินคว้าข้อมือของทิวาเข้าใกล้แล้วกดจมูกลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา จากนั้นก็มือวางลงบนท่อนขาของตัวเองทิวาเขินจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเขาจับมือไว้แล้วไล้นิ้วโป้งเบาๆ ชายหนุ่มก็แทบละลาย โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้ความมืดเข้าปกคลุมถ้าไม่อย่างนั้นเมคินคงได้เห็นเลขาหนุ่มหน้าแดงไปถึงใบหูแน่ๆ“ไม่มีกลิ่นแล้วใช่ไหม”“มีสิ”“ผมล้างตั้งหลายรอบแล้วนะพี่” ทิวาพยายามดึงมือตัวเองกลับมาดม แต่เขาก็รั้งไว้“ที่บอกว่ามีกลิ่นมันก็คือกลิ่นจากมือของนายไง”“อ๋อ พี่คินครับ ขอมือคืนได้ไหม ผมจะกินขนม”เมคินปล่อยมือทิวาออกแล้วใช้มือตัวเองโอบหลัง ดึงให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ทิวาขืนตัวเล็กน้อย แต่พอนึกได้ว่าที่นี่เป็นหาดส่วนตัวแถมย
หลังจากงานเลี้ยงปีใหม่พนักงานทุกคนก็ได้หยุดยาว เมคินและทิวาเตรียมจัดกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้ทั้งสองจะเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันทิวาจัดของตัวเองเสร็จเลยคิดจะไปช่วยเมคินจัดของบ้าง ประตูห้องเปิดแง้มอยู่เขาจึงดันเข้าไปเบาๆ“ทิวาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”ทิวาไม่รู้ว่าเมคินกำลังคุยอยู่กับใคร แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน เขายืนรอจนกระทั่งชายหนุ่มวางสาย“เกิดอะไรขึ้นครับ”“ไม่มีอะไร” เมคินรีบบอกปัดเพราะไม่อยากให้ทิวารู้“แต่ผมได้ยินพี่พูดชื่อผมนะครับ”เมคินนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเล่าว่าเมื่อคืนขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ที่งานเลี้ยงก็มีคนแอบเข้ามาในบริษัทลักษณะเหมือนกับทิวาทุกประการ ชายคนนั้นเข้าไปยังห้องทำงานของเมคินและพยายามเปิดตู้เซฟจนสัญญาณกันขโมยดังขึ้น รปภ. จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณตู้เซฟมีรอยงัดแงะ แต่คนร้ายก็เปิดไม่ได้ มันจึงเอาแต่โน้ตบุ๊กของเมคินไปเท่านั้น“จะเป็นผมไปได้ยังไงครับ”“ก็นั่นน่ะสิ พี่ว่าเราคงต้องเลื่อนเวลาเดินทางแล้ว”“ไม่เป็นไรครับ จัดการธุระให้เสร็จดีกว่าครับ”ระหว่างทางไปบริษัทเมคินก็จัดการเรื่องตัวเครื่องบิน แต่เพราะเป็นช่วงเทศกาลตั๋วเที่ยวบินอื่
แม้จะได้นอนไปเพียงสี่ชั่วโมงแต่ทิวากลับตื่นนอนด้วยความสดชื่น เขาออกมาทำอาหารอย่างเคย ไส้กรอก ไข่ดาวเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว ขอแค่เมคินกลับมาจากออกกำลังกายก็ปิ้งขนมปังอีกอย่างก็เรียบร้อยเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ทิวาก็หยิบขนมปังลงเครื่อง“พี่แต่งชุดนี้ไปวิ่งเหรอครับ” ก็ชุดที่เขาใส่ดูยังไงก็คือชุดนอน“เปล่า วันนี้ไม่ได้วิ่ง”“อ้าวแล้ว ไปไหนมาแต่เช้าล่ะครับ”“ไปซื้อน้ำส้ม” เพราะทิวาชอบฝากเขาซื้อน้ำส้มขากลับจากวิ่ง“ขอบคุณครับ แต่ครั้งหน้าถ้าพี่ไม่ออกไปวิ่งก็ไม่ต้องลงไปซื้อก็ได้ ผมเกรงใจ”“ไม่เป็นไร มันไม่ได้ไกลมาก อีกอย่างพี่รู้ว่าแฟนพี่ชอบกิน”“พี่คิน” เขาทำสีหน้าตกใจที่ได้ยินเมคินพูดแบบนั้น“เวลาทิวเขิน น่ารักดีนะ” พอเห็นเขาอายเมคินก็อยากแกล้งยิ่งเห็นเขาหน้าแดงหูแดงก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี“พี่คินห้ามพูดแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินนะครับ โดยเฉพาะที่ทำงาน”“ทำไม? เป็นแฟนพี่มาน่าอายมากเลยเหรอ” เขาทำหน้าเหมือนเสียใจหากแต่แววตาพราวระยิบ“ผมแค่ห่วงว่าคนอื่นจะมองพี่ไม่ดี”“ไม่เห็นต้องแคร์ เรื่องแบบนี้พี่ว่ามันเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว”“ครับ ผมเชื่อว่าพี่รู้ว่าเวลาอยู่บริษัทพี่ต้องปฏิบัติกับผมยังไง เพราะคนที่เ
“บอสครับของขวัญพร้อมแล้ว จะออกเดินทางกี่โมงครับ”ทิวาถือกล่องของขวัญที่คุณวีณาไปซื้อมาตอนบ่ายเข้ามาในห้องของเจ้านายในเวลาเกือบหกโมงเย็นเมคินลุกขึ้นสวมสูทสีน้ำเงินเข้าทับเชิ้ตสีขาว พร้อมสำหรับไปร่วมงาน“ไปสิ”“จะไปชุดนี้เหรอครับ” ทิวามองชุดที่เจ้านายสวมอยู่แล้วมันเคร่งขรึมเกินกว่าจะไปร่วมงานมงคล“อือ ทำไม”“เปลี่ยนไทหน่อยไหมครับ” เมคินก้มมองเนกไทสีกรมท่าสลับกับมองทิวาที่กำลังเปิดตู้เอกสารเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง“ผมว่าสีนี้ดีกว่า” ชายหนุ่มหยิบเนกไทสีฟ้าอ่อนออกมาจากกล่อง“เปลี่ยนให้หน่อยสิ”“บอสก็เปลี่ยนเองสิครับ”“ถ้าไม่เปลี่ยนให้ก็ไปกันเลย” เขาหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง“ก็ได้ครับ”เมคินยิ้มก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันกลับมาทิวาดึงเนกไทเส้นเดิมออก เอื้อมมือคล้องอีกเส้นไปด้านหลัง ก่อนจะวกกลับมาแล้วเริ่มผูกเป็นปม เมคินยืนนิ่งเขาชอบที่เห็นทิวาอยู่ใกล้แบบนี้ เขาชอบมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูไร้เล่ห์เหลี่ยมของคนตรงหน้า กลิ่นน้ำหอมสดชื่นลอยมาแตะจมูก เขาจำได้ว่าเป็นคนเลือกให้ แต่กลิ่นของมันไม่เหมือนกับตอนแรกที่ซื้อคงเพราะมันผสมกับกลิ่นกายจนทำให้เป็นกลิ่นเฉพาะที่รู้สึกหอมจนไม่อยากให้เข
“ผู้หญิงคนเมื่อวานเป็นน้องรหัส เขามาชวนไปงานปาร์ตี้สละโสด เขาชวนนายไปงานแต่งงานเขาด้วย”อยู่ๆ เมคินก็พูดขึ้นขณะที่กำลังทานอาหารเช้า เพราะคิดว่าอีกคนคงอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม เขาสังเกตว่าเช้านี้ทิวาเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาแถมยังนั่งเขี่ยไข่ดาวในจานเล่นจนมันเละไปหมด และพอพูดจบก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มที่มุมปาก“พี่บอกทำไม ผมยังไม่ได้ถามสักหน่อย”“ก็แค่อยากบอก เผื่อว่าคนบางคนแถวนี้จะเข้าใจผิด”“ใครจะเข้าใจผิดกัน” ทิวาปฏิเสธพร้อมหลบสายตาอีกคน“ไม่เข้าใจผิดก็ดีแล้ว คราวหน้าถ้าอยากรู้ก็ถาม ถ้าอยากให้กลับเร็วก็โทรตาม ไม่ใช่นอนรอแบบนั้น”“ถ้าโทรตามพี่จะรีบกลับเหรอ เกินว่าพี่ทำธุระอยู่หรือพี่กำลังสนุกกับเพื่อนแล้วผมโทรตาม พอกลับถึงห้องพี่จะไม่โกรธเอาเหรอ”“มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าพี่กลับเร็วได้ก็จะรีบกลับ แต่ถ้ากลับไม่ได้ก็จะบอก”“แล้วจะโกรธไหมครับ”“ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองโทรดู”“พูดแบบนี้ใครจะกล้าโทรตาม” ทิวาทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะยกจานไปเก็บ แต่ถ้าครั้งหน้าเมคินออกไปกับเพื่อนอีกเขาคิดว่าจะลองโทรตามดู ชายหนุ่มก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำตามที่พูดไหมตารางงานของเมคินตลอดทั้งสัปดาห์เพราะช่วงใกล้เทศกาลป