การสมัครและสัมภาษณ์งานวันนี้ทำให้ทิวาคิดได้อย่างหนึ่งว่าประสมการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด เพราะทุกตำแหน่งดูเหมือนจะวางตัวคนที่ได้คัดเลือกไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนเข้าห้องน้ำเขาได้ยินคนสัมภาษณ์คุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์
ทิวาเดินคอตกกลับห้องพัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่เขายื่นใบสมัครไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าจะมีสักที่รับเขาเข้าไปทำงาน
ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการใช้เส้นสาย ไม่ใช่เพราะโลกสวยหรือทำตัวเป็นพระเอก แต่เขาไม่มีเส้นสายเลยต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ ถ้าการใช้เส้นสายหมายถึงการได้โอกาสเขาก็ยินดีจะใช้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำงาน แต่ที่ยังต้องมาลำบากแบบนี้เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้น
ตลอดทั้งสัปดาห์ทิวาเดินเข้าออกอยู่หลายบริษัท คำตอบที่ได้รับมาส่วนใหญ่ก็คือ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อกลับอีกที
เขาเริ่มคิดแล้วว่ากรุงเทพไม่เหมาะกับเขา ถ้าสัปดาห์หน้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาคงต้องไปสมัครทำงานบนเรือสำราญซึ่งมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เขามั่นใจว่าจะได้รับเลือกเพราะเขาพูดได้ทั้งไทย จีน และอังกฤษ และตอนเรียนเขาก็เคยทำงานบริการในโรงแรมมาก่อน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะมีเองที่กังวลอยู่คือเขาว่ายน้ำไม่เป็น แม้คุณสมบัติของผู้สมัครไม่ได้ระบุไว้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ควรช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งถ้าได้ไปทำงานบนเรือจริงสิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปเรียนว่ายน้ำ
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้จะลองไปหางานพิเศษเพราะถ้ารอให้ได้งานประจำจะได้ไม่รู้สึกเบื่ออย่างนี้
วันนี้ทิวาตื่นนอนสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาไปเกือบจะตีหนึ่ง เขาลงมาทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยเพราะเป็นเวลาทำงานของคนส่วนใหญ่
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอพ่อหนุ่ม” ป้าเจ้าของร้านทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะตั้งแต่มาพักที่นี่เขาก็มาทานเป็นประจำทุกวัน
“วันนี้ว่างครับ”
“แล้วทำงานอะไรล่ะ ถึงได้ว่างแบบนี้” ขณะมือควงตะหลิวปากก็ชวนคุย
“ผมกำลังหางานอยู่ครับ”
“แย่หน่อยนะ ช่วงนี้งานการหายากเหลือเกิน”
“ครับป้า”
“เรียนจบอะไรมาเผื่อป้าแนะนำได้แถวนี้ป้ารู้จักคนเยอะ”
“บัญชีครับป้า”
“งานแบบนั้นแถวนี้ไม่มีหรอก จะมีก็แต่งานเสิร์ฟ เอ็งเห็นผับฝั่งตรงถนนใหญ่ไหม มันเพิ่งเปิดใหม่ ลองไปสมัครดูสิ เห็นว่ารับหลายคนเลย”
“จริงเหรอครับป้า”
“จริงสิ หลานชายป้าก็ไปสมัครมา แต่มันพูดภาษาปะกิตไม่เลยได้แค่ล้างจาน”
“ขอบคุณมากครับป้า เดี๋ยวผมจะลองไปสมัครดู”
แม้ไม่ชอบสถานที่แบบนั้นแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์พอทานข้าวเสร็จชายหนุ่มเลยรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวและเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่ง
ไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวที่มาสมัครงานในวันนี้ เพราะตอนที่มาถึงก็มีคนรออยู่แล้วนับสิบคน เขาเดินไปหยิบใบสมัครและกรอกข้อมูลจนครบก็ไปยื่นที่โต๊ะซึ่งมีพนักงานหญิงคนหนึ่งรอรับอยู่
รอไปได้สักพักพนักงานคนเดิมก็เรียกให้เข้าไปในผับทีละคน
“จบบัญชี ทำไมมาสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟล่ะ” ผู้จัดการผับเป็นคนถาม
“ผมเบื่อตัวเลขครับ” เขาตอบตามตรง
“แต่เงินมันดีกว่านะ”
“พี่ไม่ได้บังคับ เอาเป็นว่าพี่รับเราในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟแต่ถ้าพี่ไม่ว่างก็อยากมาช่วยแทนนิดหน่อยได้ไหม แล้วพี่จะให้พิเศษ”
“ครับ” เพราะไม่อยากเรื่องมากตั้งแต่ครั้งแรกเขาเลยตกลงไปอย่างนั้น ได้งานทำก็ยังดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“สะดวกมาเริ่มงานวันไหน”
“วันนี้ก็ได้ครับ”
“ร้านเปิดสี่ทุ่มถึงตีสอง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เปิดสามทุ่ม เวลาเข้างานก่อนร้านเปิดชั่วโมงครึ่ง ทุกคนต้องมาช่วยกันทำความสะอาดร้าน ส่วนเวลาเลิกงานก็ตอนที่เคลียร์แขกหมดแล้ว สะดวกไหม ทำงานประจำหรือเปล่า”
“สะดวกครับ”
“งั้นเจอกันตอนเย็น ใส่กางเกงยีนนะ ส่วนเสื้อให้มาเปลี่ยนที่ร้าน ออกไปแล้วก็บอกพนักงานข้างหน้าว่าใส่เสื้อไซร์ไหน”
“ขอบคุณครับ”
ทิวาออกมาจากห้อง คนที่ต่อคิวอยู่ก็เดินสวนเข้าไป เขาแวะบอกไซร์เสื้อตามที่ผู้จัดการร้านบอก จากนั้นก็โทรตามพี่วินคนเดิมให้มารับ
ยังพอมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน ทิวาเลยมีโอกาสได้นอนพัก แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นมาอีกทีก็ตอนหกโมงเย็นเพราะเสียงไลน์
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่
เพราะยุ่งอยู่กับการสมัครงานทิวาเลยลืมว่าเคยบอกเขาว่าจะเลี้ยงข้าว แต่มันไม่ได้ผิดอะไรเพราะเขาเองก็เพิ่งจะได้งาน
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่งได้งานวันนี้
Kin : เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว หวังว่าคงมีข่าวดีนะ ผมรอคุณเลี้ยงข้าวอยู่นะ
Tiwa : เหมือนรู้เลย ผมเพิ่มได้งานวันนี้
Kin : จริงเหรอครับ ผมดีใจด้วย
Tiwa : ผมได้งานที่ ผับ***
Kin : ผมโทรหาได้ไหม
Tiwa : ครับ
ยังไม่ขึ้นว่าอ่านเมคินก็โทรเข้ามาแล้ว
เพราะหลายวันมานี้เขาได้แต่คุยกับตัวเอง พอมีคนโทรมาหาทิวาเลยเล่าเรื่องทุกอย่างอีกฝ่ายฟังเหมือนกับเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
“ผมขอโทษนะครับ ที่เอาแต่พูดถึงเรื่องของตัวเอง”
“ไม่เป็นไร”
“ถ้าผมจะนัดทานข้าวช่วงกลางวันคุณจะสะดวกหรือเปล่า”
“นี่คุณคิดว่าที่ผมติดต่อมาเพราะเรื่องทานข้าวเหรอ”
“ครับ” ทิวานึกไม่ออกว่านอกจากเรื่องนี้เขาจะติดต่อมาทำไม
“ผมไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้น พอดีว่าพรุ่งนี้ผมจะไปสระบุรีเลยอยากจะถามคุณว่ารถคุณซ่อมเสร็จหรือยัง ผมจะได้แวะไปเอาให้”
“ผมขายไปแล้ว”
“ขายไปแล้ว” เมคินทวนซ้ำ
“ครับขายไปแล้ว ผมมาอยู่กรุงเทพไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถ อีกอย่างมันก็เก่ามาแล้ว ถึงจะซ่อมไปผมก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีมันจะเสียตรงไหนอีก”
“มันก็จริง ผมรบกวนคุณนานแล้วคงต้องวางสายก่อน”
“ครับ”
พอวางสายแล้วทิวาก็อาบน้ำ ทานข้าวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน
เขามาถึงที่ทำงานเป็นคนที่สองรองจากผู้จัดการร้าน
“สวัสดีครับพี่”
“สวัสดี ชื่ออะไรนะ”
“ทิวาครับ พี่เรียนผมทิวก็ได้”
“ทิว ชื่อเพราะดี พี่ชื่อวศินเรียนพี่ศินก็ได้ มาก่อนคนอื่นเลยตื่นเต้นเหรอ”
“นิดหน่อยครับพี่”
“เดี๋ยวพอคนอื่นมาก็จเริ่มทำความสะอาด ระหว่างรอเพื่อน มาเรียนรู้งานกับพี่ก่อนไหม”
“ได้ครับ”
ทิวาเดินอ้อมเข้าในเคาน์เตอร์ซึ่งมีเครื่องดื่มจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ พี่วศินให้เขาดูเมนูเครื่องดื่มที่ต้องแนะนำลูกค้า จากนั้นก็สอนให้เขาใช้เครื่องคิดเงิน
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าเครื่องคิดเงินโดยมีวศินยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง เขายืนชิดจนทิวารู้สึกถึงลงหายใจที่รดต้นขอ
“พี่ศินครับ ผมพอจำได้แล้ว”
“แน่จะ ไหนลองทำให้พี่ดูอีกทีสิ” เขายื่นหน้ามาใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่จางๆ
ทิวารู้สึกว่าผู้จัดการร้านยืนชิดเขาจนเกินไป ชายหนุ่มจึงย่อตัวลงแล้วออกจากอ้อมแขนที่กักเขาไว้
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเรียนรู้เหรอ พี่บอกแล้วถ้าช่วยพี่ตรงนี้จะได้เงินพิเศษ”
“ครับพี่ แต่ผมได้ยินเสียงคนอื่นมากันแล้ว ผมออกไปรอดีกว่าครับ”
ประตูหน้าร้านเปิดเข้ามาพร้อมกับทิวาที่ออกมายืนหน้าเคาน์เตอร์พอดี ทุกคนทักทายผู้จัดการร้าน แนะนำตัวคร่าวๆ จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาด
“ทิว นายมาทำวันแรกเหรอ” นวพลหรือพล เข้ามาถามขณะที่เขานั่งพักเหนื่อย
“อือ”
“แต่ก่อนเคยทำที่ไหน”
“ไม่เคย นายล่ะ”
“เราเคยทำที่*** แต่ที่นี่จ่ายดีกว่าก็เลยลองมาทำ”
“แล้วดีกว่าจริงไหม”
“จริงสิ ทิปเยอะด้วย”
ทิวาพยักหน้า แม้จะไม่ใช่งานที่ตั้งใจทำในคราแรก แต่เมื่อมีงานอะไรเข้ามาเขาก็ต้องคว้าไว้ก่อน
พอถึงเวลาเปิดร้านลูกค้าก็ทยอยเข้าอย่างต่อเนื่อง ทิวาเดินจนแทบไม่ได้พัก แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาเกือบเดือนแล้วยังไม่ทันถึงเวลาปิดร้านแขกก็ทยอยกลับจนเหลืออยู่เพียงโต๊ะเดียว พศินเรียกทิวาเข้าไปคุย“ครับพี่ศิน”“ทิวช่วยดูตรงนี้ให้พี่หน่อย พี่ปวดตายังไงไม่รู้”“ได้ครับพี่”ทิวาเดินเข้ามาด้านเคาน์เตอร์ เขานั่งลงกดเครื่องคิดเลขเปรียบเที่ยวกับราคาที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ส่วนพศินก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ“พี่ศินครับพวกผมขอกลับก่อน”“อือ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วรอเคลียร์อีกนิด”“เฮ้ยทิว ไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” นวพลโบกมือให้เพื่อน“อือ”พอทุกคนออกไปแล้วทั้งร้านก็เหลือเพียงแค่วศินและทิวา“ทิว ดื่มน้ำก่อน มาทำงานวันแรกก็เหนื่อยเลย”“ไม่เป็นไรครับพี่” ทิวารับน้ำมาดื่มแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ เขาเริ่มง่วงเพราะไม่เคยนอนดึกอย่างนี้มาก่อน แต่ก็พยายามทำงานให้เร็วที่สุดเพราะอยากกลับไปนอนพัก“แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม”“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมให้พี่วินมารับ” เขาตอบแต่ไม่ได้มองหน้าคนถามจึงไม่เห็นสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการร้าน“ดึกแล้วยั
เกือบเดือนแล้วที่เมคินดึงตัวที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทมาเป็นผู้ช่วย เพราะช่วงนี้เขาต้องออกไปพบลูกค้าและเซ็นสัญญาซื้อขายอยู่หลายแห่ง“คุณเมคินครับเสร็จงานนี้แล้วผมว่าคุณควรหาเลขาได้แล้วนะครับ” ฉัตรภพทนายประจำบริษัทและยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนรักของอีกฝ่าย เริ่มจะหมดความอดทน เพราะลำพังงานของตัวเองก็หนักเอาการอยู่แล้ว“ก็นายไงเลขา”“มันไม่ตลกนะครับ บอกตามตรงนะผมเหนื่อยมาก”“เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินเดือนให้” เขาต่อรอง“โธ่ คุณเอาเงินมาล่อผมทุกที ให้ตายเหอะ”“แล้วยอมไหมล่ะ”ฉัตรภพไม่ตอบ เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ที่อิดออดอย่างนี้เพราะเขาทำแต่งานจนไม่มีเวลาไปสวีตกับคนรักอย่างเคย“ภพ” ถ้าลองได้เรียกชื่อจริงอย่างนี้แสดงความชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายกำลังเปลี่ยนมาเป็นโหมดเพื่อน“ว่า”“กูขอถามอะไรหน่อย”“ว่ามา”“เรื่องมึงกับแฟน ที่บ้านรู้เรื่องไหม”“รู้สิ ถามทำไม”“แล้วพ่อกับแม่มึงโอเคกับมึงหรือเปล่า”“ไม่ แต่กูไม่สน กูไม่ได้ทำอะไรผิด กูรู้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่กูอยู่แบบนี้มีความสุข เขาทำให้กูอยากมีชีวิตต่อ อยากตื่นมาเห็นหน้าเขาทุกๆ วัน”“ก็จริงนะ โลกมันไปไกลแล้ว ถ้าเอาแต่แคร์กับคำพูดคนอื่นก็คงใช้ชีวิต
เสียงเปิดประตูหน้าห้องทำให้คนที่กำลังนั่งเบื่ออยู่หน้าทีวีจอใหญ่รีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา“คุณ เลิกงานแล้วเหรอ”ทิวากดรีโมตปิดทีวีแล้วเดินไปหาเจ้าของห้อง“อือ”เมคินตอบพร้อมหายใจหอบเหนื่อยเพราะเขารีบวิ่งเข้าลิฟต์ทันทีที่มาถึง“เหนื่อยเหรอครับ”เขาถามแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำมาให้เมคิน พร้อมกับจานชมพู่และฝรั่งที่เขาจัดใส่จานไว้“อือ ขอบใจ”เมคินรีบดื่มน้ำพรวดเดียวหมดแล้วหันไปมองหน้าคนถาม ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เขาถามว่าเหนื่อยไหม“เหมือนวิ่งมาเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่า หรือกลัวว่าผมจะยกเค้าห้องคุณไปแล้ว”“ถ้าจะยกเค้าจริงจะรอให้ผมกลับมาไหมล่ะ จริงไหม”“ที่ผมรอเพราะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือผม ทั้งให้ติดรถมากรุงเทพ ให้ที่พัก แล้วก็เมื่อคืน”สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนที่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน“แล้วจะเอายังไงต่อ คงไม่กลับไปทำงานร้านเดิมอีกนะ”“ถ้ากลับไปก็บ้าเต็มทนแล้ว ช่วงนี้ผมคงรองานที่ไปสัมภาษณ์มาวันก่อน แต่ดูเหมือนจะเงียบไปแล้ว คงต้องสมัครไปเรื่อยๆ”ทั้งคำพูดและแววตาที่ดูมุ่งมั่นทำให้เมคินคิดว่าถ้าเขามาร่วมงานด้วยก็คงดี“มาทำงานกับผมไหม” เขาตัดสินใจชวนออกไปเพราะอยากใช้เวลาศึกษาผู้ชายคนนี้ให้
บนถนนคืนวันอังคารรถค่อนข้างโล่งเลยทำให้เมคินมาถึงก่อนเวลานัดเกือบ 20 นาที แต่พอมาถึงก็เห็นว่าทิวานั่งรออยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนหน้าอาคารหลังเก่าอยู่แล้ว“รอนานไหม”“ไม่ครับ พี่คินมาก่อนเวลา”“พี่มาก่อนเวลาแต่นายก็นั่งรออยู่แล้ว” ยิ่งเห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกดี เพราะนั่นหมายถึงว่าทิวาเต็มใจจะย้ายไปอยู่กับเขาจริงๆ“ผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียเวลาครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจทิวามีเพียงกระเป๋าลากกับเป้อีกหนึ่งใบเท่านั้น พอยกใส่หลังรถแล้วเขาก็มานั่งคู่คนขับ“พี่ไม่น่าลำบากมารับผมเลย จริงๆ แล้วผมไปเองก็ได้”“ไม่ลำบากหรอก ยังไงก็ทางผ่าน”“ครับ” พยักหน้าเข้าใจเพราะไม่รู้ถนนหนทาง พอเขาบอกว่าทางผ่านก็เชื่อไปตามนั้น“กินข้าวเย็นแล้วใช่ไหม” เขาถามอย่างห่วงใย“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ละ”“อือ พี่กินมาจากบ้านแล้ว ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”“น่าจะมีอะไรแล้วครับ ของบางอย่างผมยังไม่เอาออกจากกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ”เพราะคิดว่าถ้าได้งานก็จะย้ายไปหาที่พักใกล้ที่ทำงาน แต่ตอนนี้ไม่ต้องติดเรื่องที่พักให้ปวดหัวแล้ว“ถ้างั้นไปกันเลยไหม”“ครับ”ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง Audi A6 Avant สีดำก็พาทั้งสองมายังถึงยังที่หมายประตูห้องคอนโด
ระยะทางจากคอนโดมาถึงบริษัทไม่ได้ไกลมากแต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาที ทิวาทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีเมคินคอยบอกทาง พอถึงบริษัทเขาก็จอดให้เจ้านายลงด้านหน้า“นายเอารไปเก็บตรงที่จอดรถผู้บริหารนะ มันจะที่ประจำอยู่ ดูตามเลขทะเบียน”“ครับ ผมตรงไปแผนกบุคคลเลยใช่ไหมครับ”“อือ แล้วเจอกันข้างบนนะ”“ครับ”เขาวนรถไปจอดตามที่เมคินบอก จอดรถนั้นหาไม่ยากเพราะมีชื่อและป้ายทะเบียนรถติดอยู่ เมคินไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองเป็นรองประธานบริษัท และเป็นบริษัทขนาดใหญ่เสียด้วย เขาเองก็ลืมถาม แล้วตอนนี้เขาจะถอนตัวทันไหมแต่คิดว่าถ้าถอนตัวไปตอนนี้เมคินอาจจะผิดหวังเพราะอุตส่าห์ชวนให้มาทำงานด้วย“เอาวะ ไม่ลองก็ไม่รู้”ทิวาสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถแล้วตรงไปยังฝ่ายบุคคลเพื่อรายงานตัวตามที่เมคินบอกเขาขึ้นมายังฝ่ายบุคคลจากนั้นส่งเอกสารและรายงานตัวกับหัวหน้าฝ่ายบุคคล รับทราบขอปฏิบัติระหว่างทดลองงานรวมถึงอัตราเงินเดือน“ทำไมเงินเดินถึงสูงจังล่ะครับ”ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะกลัวว่าเมคินจะเป็นคนกำหนดเงินเดือนให้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สบายใจเข้าไปอีก“ไม่สูงหรอก ตามอัตราปกติ แต่ที่ดูสูงเพราะคุณพ่วงตำแหน่งคนขับรถด้วย”“อ๋อ
ทิวาขับรถมารับเจ้านายที่หน้าบริษัท เมคินเดินออกมาพอดีเขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งคู่กับคนขับอย่างรวดเร็ว“บอสควรนั่งข้างหลังนะครับ” ทิวาบอกอย่างสุภาพเมคินหัวเราะแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย“จะนั่งตรงไหนก็เหมือนกัน ออกรถได้แล้วพี่หิว”“บอสจะไปร้านไหนครับ ผมไม่ค่อยรู้ทาง”“ขับออกไปก่อน เดี๋ยวพี่บอกทางให้”“แค่บอกมาก็ได้ เดี๋ยวผมขับถามGPSเอง”“นายเชื่อ GPS มากกว่าพี่เหรอ”“เปล่าครับ”เมคินบอกให้ชายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเลขาและคนขับรถจอดริมถนนแห่งหนึ่ง ถอดสูทออกพาดไว้กับเบาะรถ จากนั้นก็พาเดินลัดเลาะเข้ามาในซอยแคบๆ“ร้านนี้เหรอครับ”“อือร้านนี้แหละพี่กินตั้งแต่เรียนแล้ว ผัดซีอิ๊วร้านนี้อร่อยที่สุด ทิวจะกินอะไร เอาเมนูไหม” เมคินทำท่าจะเดินไปหยิบเมนูที่ว่างอยู่อีกโต๊ะ“ไม่เป็นไรครับบอสเดี๋ยวผมไปหยิบเอง”“อยู่นอกบริษัทไม่ต้องเรียกแบบนั้น”“ครับ”ทิวารับคำแล้วเดินไปสั่งอาหารกับแม่ค้า แวะหยิบน้ำเปล่าในตู้แช่มาสองขวด“ไม่กินน้ำอัดลมเหรอ”“ไม่ครับ พี่ล่ะ ผมหยิบตามความเคยชิน”“น้ำเปล่านั่นแหละ”ขากลับจากทานอาหารกลางวันเมคินเปลี่ยนมาเป็นคนขับ ทิวาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่อยากขัดใจเขา“เราเปลี่ยนร้านได้ไหมครับพี่คิ
ครบหนึ่งเดือนแล้วกับการมาทำงานของทิวา ชายหนุ่มเรียนรู้งานได้เร็วจนฉัตรภพไม่มีอะไรจะต้องแนะนำอีกแล้วตอนนี้เวลาออกไปพบลูกค้านอกบริษัทเมคินจะพาทิวาไปด้วยทุกครั้งยกเว้นต้องไปเซ็นสัญญาหรือมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องจึงจะให้ฉัตรภพตามไปด้วย“ทิว เย็นนี้พี่จะไปกินข้าวกับที่บ้านจะไปด้วยกันไหม”“ไม่ดีกว่าครับ”ทิวาเคยไปที่บ้านของเมคินมาแล้วครั้งหนึ่งทุกคนให้การต้อนรับและพูดคุยอย่างเป็นกันเองทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ที่ไม่ยอมไปกับเมคินวันนี้เพราะมีเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ“แล้วจะไปกินข้าวที่ไหน”“ก็ร้านใต้คอนโดนั่นแหละครับ พี่คินจะค้างที่นั่นไหม”“ยังไม่แน่ใจ นายอยู่คนเดียวได้ไหม”“พี่ผมอายุ 25 แล้วนะครับไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”“อ้าวเหรอก็พี่เห็นนายยังชอบดูการ์ตูนอยู่เลย ก็นึกว่ายังไม่โต”“พี่เองก็ดูอย่ามาว่าแต่ผม รีบไปสิครับเดี๋ยวคุณแม่ก็รอนานหรอก”“ไม่ไปด้วยแน่นะ”“ไม่ครับ วันนี้ผมจะไปฟิตเนส”“พี่ฟังไม่ผิดใช่ไหม” เพราะมีหลายครั้งที่เขาชวนทิวาไปออกกำลังกายด้วยแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยไปด้วยสักครั้ง“ไม่ผิด ต่อไปนี้ผมจะออกกำลังกาย”“งั้นพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องทำอาหาร ไปวิ่ง
เมคินกลับถึงห้องเกือบจะเที่ยงคืน คิดว่ายังไงทิวาก็คงหลับไปแล้ว แต่พอเปิดประตูห้องเขาไป ทิวาก็นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าดูดีใจที่เห็นเขา ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามานั่งคุยด้วย“ทำไมยังไม่นอน”“ยังไม่ง่วงครับ” อันที่จริงก็รอเขานั่นแหละ แต่ไม่กล้าบอก“ทิว ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากออกกำลังกาย” เมื่ออีกคนบอกไม่ง่วงเขาก็ชวนคุย“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่อยากหุ่นดีแบบพี่คินเท่านั้นเอง”“หุ่นนายก็ดีอยู่แล้วนี่”ทิวาเป็นคนที่หุ่นดีคนหนึ่งอาจจะดูตัวเล็กกว่าเขาอยู่บ้าง แต่มันก็ดูสมส่วน ไม่ได้เก้งก้างหรือผอมจนเกินไป“ผมอยากมีซิกซ์แพกเหมือนพี่ มันเซ็กซี่ดี”“งั้นพี่ก็เซ็กซี่ใช่ไหม” ถามแล้วก็อมยิ้มคำชมนี้เมคินเคยได้ยินมาก็บ่อย แต่พอฟังจากปากของทิวาแล้วมันทำให้เขารู้สึกดีกว่าครั้งไหน“คงงั้น” เขาตอบพร้อมก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา เพราะไม่เคยชมผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่พอชมไปแล้วก็รู้สึกเขินตัวเองเมคินเห็นอย่างนั้นเลยเปลี่ยนเรื่องคุย“ที่บริษัทมีสาวๆ คนไหนถูกใจบ้างไหม” เพราะได้ข่าวเข้าหูมาบ่อยๆ ว่าทิวาเป็นขวัญใจของสาวๆ ในบริษัท“ไม่มีครับ”เขายังไม่คิดจะคบหากับใครตอนนี้ เพราะตัวเองยังไม่มั่นคงพอจะให้ใครมาลำบากด้วย อีกอย่าง
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เมคินและทิวาก็สามารถจับมือกันก้าวผ่านมาได้ เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเขาและเลขายังมีคนพูดถึงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาก้าวก่ายทิวาเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นเพราะที่บริษัทให้ทิวาถ่ายโฆษณาสินค้าอีกหลายตัว แต่เขาก็ยังคงทำตัวปกติ มีสินค้าหลายประเภทติดต่อเข้ามาให้เขาเป็นพรีเซนเตอร์ แต่ทิวาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เพราะคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดและไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินวันนี้ทุกคนนัดรวมตัวกันที่บ้านโอภาสธนรัตน์เพราะเป็นวันเกิดของเมคิน คุณจีรญาจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้กับลูกชายนอกจากคนในครอบครัวแล้ว ฉัตรภพและองศาก็มาร่วมงานด้วย เมคินสั่งทุกคนไม่ให้นำของขวัญมา ถ้าหากใครจะอยากจะมอบของขวัญให้ชายหนุ่มขอเป็นเงินสดเพราะตั้งใจว่าจะนำเงินเหล่านั้นไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอันเป็นบ้านอีกหลังของทิวาเลขาคู่ใจของเขาเจ้าของวันเกิดดูจะมีความสุขมากกว่าใครเพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยคนรัก ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านจนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกคนรอ ทิวาถือเค้กออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทุกคนร่วมกันร้องเพลงอย่างพร้อมเพรียงพอเสียงเพลง Happy
คุณราเมศและลูกสาวออกมาขอโทษเมคินสำหรับเรื่องที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด พร้อมกับยอมรับว่าที่ทำไปเพราะหวังอยากให้ทั้งสองกลับมาคบกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องลูกในท้องของรมิดานั้น หญิงสาวไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกของใครแม้เจ้าตัวจะออกมายอมรับและขอโทษแล้ว แต่คนส่วนใหญ่กลับมองว่าสิ่งที่สองพ่อลูกพูดออกไปนั้นเพราะถูกทางเมคินกดดันให้พูดกระแสตีกลับมาที่เมคินอีกครั้ง เพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนไปกดดันให้เธอออกมาขอโทษ เรื่องราวเลยไปกันใหญ่ บางคนถึงขั้นบอกจะแบนสินค้าทุกชนิดจากบริษัทเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ หุ้นของบริษัทดิ่งลงจนบอร์ดบริหารยื่นคำขาดให้เมคินจัดการเรื่องนี้ให้จบภายในสัปดาห์นี้ ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งรองประธานบริษัทหลังเลิกงานวันนี้เมคินและทิวาเลยมาที่บ้านใหญ่เพื่อปรึกษากับทุกคนเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นสีหน้าของทุกคนในห้องทำงานในบ้านโอภาสธนรัตน์ดูเคร่งเครียดกว่าทุกครั้งคุณเมฆาดูวิตกกังวลมากกว่าคนอื่นเพราะบริษัทนี้เขาเป็นคนเริ่มก่อตั้งจึงไม่อยากให้ตำแหน่งรองประธานตกไม่อยู่ในมือคนอื่น อีกอย่างที่ผ่านมาเมคินก็ทำงานได้เป็นอย่างดี“คนเราก็แปลกเรื่องจริงกลับไม่เชื่อกัน” คุณจีรญาเห็นใจลูกชา
การกลับมาทำงานหลังการหยุดยาวช่างเป็นอะไรที่โหดร้ายที่สุด ทิวาไม่เคยรู้สึกขี้เกียจอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“พี่คิน ลางานต่อเลยได้ไหม”“เอาสิ พี่ลาด้วย”“ไม่คิดจะห้ามเลยเหรอครับ”“จะห้ามทำไมล่ะ ว่าแต่เป็นอะไรพี่ไม่เคยเห็นทิวเป็นแบบนี้มาก่อน”“ไม่รู้สิครับ ความรู้สึกมันไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ มันเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง”“นี่เชื่อเรื่องโชคลางด้วยเหรอ”“เชื่อสิครับ”“คงไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีปัญหาเรื่องงานเราก็ช่วยกันแก้ได้เหมือนทุกครั้ง”“นั่นสิครับ มีพี่อยู่ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”แม้ปากจะบอกไปอย่างนั้นแต่ทิวาก็ยังไม่ค่อยสบายใจตลอดช่วงเช้างานทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา ทิวาเลยรู้สึกดีขึ้น บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ แต่เรื่องมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเลขาอย่างเขาเพราะมันเกิดขึ้นกับบอสภาพข่าวในโซเชียลที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้คือข่าวว่าลูกสาวคนเดียวของคุณราเมศเข้าโรงพยาบาลกะทันหันโดยมีอาการตกเลือด แต่หมอช่วยไว้ได้ทัน เด็กในท้องเลยไม่ได้รับอันตรายทางนั้นยังให้สัมภาษณ์ว่า เธอตั้งครรภ์กับนักธุรกิจรายหนึ่ง แต่ถูกปฏิเสธ แถมยังบังคับให้เธอไปเอาเด็กออก พอเธอไม่ทำตามก็เลยให้แอบ