Chapter 5
[5/1] เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัว ร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน เธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว “เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?” “กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?” ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคย ญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม “พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากยิ่งขึ้น “เหอะ! เงินที่พี่ชายฉันให้มาคงจะหนักมากพอสมควรสินะ ถึงได้ลงทุนลงแรงมาตามฉันถึงที่นี่ เธอกลับไปเถอะ อีก 2 ชั่วโมงฉันจะลงแข่งแล้ว อ่อ! กลับไปแล้วก็อย่าลืมโทรไปฟ้องพ่อฉันด้วยล่ะ ฉันจะได้โดนด่าทีเดียวพร้อมกัน 2 คนเลย” “ฉันกลับแน่ค่ะ แต่เมื่อคุณกลับกับฉันเท่านั้น” “เดี๋ยวก่อนๆ นะ ทั้งสองคนเลย คือ อย่างนี้นะครับคุณญาริน ผมว่าวันนี้ไอ้ณัฐคงจะกลับไปไม่ได้หรอกครับ งานนี้สำคัญกับเรามากจริงๆ ถ้ามันชิ่งกลับเอาตอนนี้พวกผมก็ซวยกันหมดเลยนะครับคุณ รวมทั้งทีมงานและสปอนเซอร์ด้วย คือตอนนี้คุณคงไม่เข้าใจ แต่ผมว่ารอให้มันแข่งเสร็จก่อนไม่ได้หรอครับ” อัครเดชรับบทเป็นทนายอาสาเข้ามาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะลงมวยกันเลยเถิดไปมากกว่านี้ เท่าที่เขาฟังบุคคลทั้งสองโต้งเถียงกันแล้ว คาดว่าคงจะไม่จบง่ายๆ แน่นอน “แข่งเสร็จก็คงกลับไปไม่ทันงานที่บริษัทหรอกค่ะคุณ ถ้าจะพูดเข้าข้างเพื่อนคุณขนาดนี้ ไม่รู้แหละค่ะ! งั้นฉันก็จะอยู่ที่นี่ จะตามราวีกันไปแบบนี้แหละ! ไหนๆ กลับไปก็โดนว่าอยู่ดี” จากที่จะรับบทเป็นคนดี ทว่าตอนนี้โดนผลักไสให้เป็นผู้ร้ายเข้าข้างเพื่อนสนิทของเขาเสียอย่างนั้น ส่วนญารินเองก็ดูอารมณ์ร้อนเหมือนกัน เพราะวันนี้ทั้งวันเธอเจอแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัว ‘ท่องไว้ญาริน 3 ล้านๆ เธอต้องทำมันให้ได้’ ณัฐกานต์เองเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้นก็เลยหงุดหงิดขึ้นไปกันใหญ่ แต่แล้วไงใครอยากอยู่รอก็ช่างมันปะไร ถ้าเขาไม่กลับก็คือไม่กลับ ไม่อยู่ทำงานที่บริษัทวันเดียวมันไม่ทำให้กำไรของพ่อหายไป 10 ล้านหรอก “ยัยบ้าเอ๊ย! ช่างแม่งเถอะ เราไปกันเถอะ ถ้าใครอยากอยู่ก็อยู่ไปสิ” “อ่าๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเลขาฯ สุดสวย” ว่าจบก็ชวนเพื่อนของเขาออกไปจากตรงนี้เลย ทิ้งไว้ให้ญารินยืนหัวร้อนอยู่ในห้องนี้คนเดียว “คอยดูเถอะ ไอ้เจ้านายบ้าเอ๊ย!” (YARIN TALK) ขณะที่เจ้านายของฉันเดินออกจากห้องรับแขกไปพร้อมกับเพื่อนของเขาแล้ว ฉันได้แต่ยืนอึ้งไปกับคำพูดของเขาที่ไม่แม้แต่จะใส่ใจใครบนโลกนี้เลย คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด สาธุเถอะ! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเกิดมาชาตินี้ขอให้ลูกอย่าได้มีสามีนิสัยแบบอิตาบ้านี่เลย ขอร้องล่ะ ไหนๆ วันนี้ก็คงจะไปไม่ทันเข้างานตอนบ่ายแล้ว งั้นขอทำอะไรสนุกๆ แก้เผ็ดเจ้านายคนนี้หน่อยก็แล้วกัน อยากแข่งรถมากนักใช่ไหม? ได้เลยเดี๋ยวแม่จัดให้ เริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ งั้นเดินตามทั้งสองคนนั้นออกไปด้วยเลยก็แล้วกัน โอเค ตอนนี้ฉันเดินตามสองคนนั้นมาจนถึงจุดที่เขาทั้งสองกำลังยืนเช็ครถกันอยู่ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นรถคันนี้สินะที่จะใช้ลงสนาม คนที่ชื่อโอมเพื่อนสนิทของเจ้านายฉันกำลังเช็คเครื่องยนต์อยู่กระโปรงรถด้านหน้า ส่วนคุณณัฐก็กำลังเช็คอะไรสักอย่างอยู่ด้านในรถ และในตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวฉันเองคิดอะไรอยู่ ถึงได้เปิดประตูรถออกมาแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งประจำจุดผู้โดยสาร “เฮ๊ย! เธอจะเข้ามาทำไม!?” “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าคุณยังยืนยันจะอยู่ที่นี่ ฉันก็จะอยู่ด้วย” คุยกันดีๆ ไม่ชอบนักก็ต้องเอาแบบนี้แหละ ขืนกลับเข้าบริษัทโดยไม่มีเขากลับไปด้วยก็โดนคุณนาฟด่าอยู่ดี สู้อยู่ที่นี่กวนประสาทเขายังจะดีซะกว่า “เธอมันบ้า!” ในตอนนี้อีกคนมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง ดูเหมือนเขาจะหัวเสียไม่น้อย จนทุบมือหนาเข้าไปที่พวงมาลัยรถ “แล้วไง” ส่วนฉันเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าให้หรอกนะ บอกเลยวันนี้ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง “แล้วไง? เธออยากรู้จริงๆ ใช่ไหม หื้ม?” “นะ ...นี่คุณ” แต่ในขณะที่ตัวฉันมั่นใจว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอีกคน พอเจอคำพูดของเขาพร้อมทั้งสายตาเริ่มมองมาที่ฉันเหมือนกับตอนที่อยู่ในโรงแรมของเขาไม่มีผิด จนตอนนี้ฉันเริ่มหวาดผวาขึ้นมา กลัวว่าเขาจะเล่นสกปรกเหมือนที่ผ่านมา ไวเท่าความคิดของฉันเลย เพราะตอนนี้มือหนาของเขาเริ่มลูบไล้ตรงหน้าท้องของฉัน และนิ้วแกร่งที่สอดเข้ามาด้านในเสื้อเชิ้ตผ่านตรงช่องว่างระหว่างกระดุมเม็ดเล็ก “คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ นี่มันไม่ได้มีแค่คุณกับฉันนะ” “แปลว่าถ้ามีแค่เรา เธอจะยอมงั้นหรอ?” “อย่ามาคิดเองเออเอง เอามือของคุณออกไป! ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วย” ไอ้คนบ้า! เอะอะอะไรก็ฉวยโอกาสตลอด ทั้งๆ ที่เพื่อนของเขาก็อยู่แถวๆ นี้ด้วย “เห็นปากดีแบบนี้ ....อยากรู้จังเลยว่าเกิดอยู่บนเตียงลีลาจะดีขนาดไหน” ดูเขาพูดเข้าสิ โอ๊ย! แม่จ๋าหนูอยากถอนตัว “เอ่อ ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้คุณคงไม่สะดวก” แพ้อีกแล้ว ...แพ้เขาอีกแล้วหรอเรา เล่นเกมแบบนี้ทีไรฉันไม่มีทางสู้เขาได้เลย เอาวะ! กลับไปตั้งหลักกันก่อนก็ได้ “หื้ม? ไม่อยู่ต่อหน่อยหรอ ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอกนะถ้าจะอยู่ต่อน่ะ แต่มันคงต้อง.... มี ‘อะไร’ แลกกันซักหน่อย หึๆ” “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ปึ่กก! หลังจากลงจากรถของเขามาได้ฉันก็รีบวิ่งแจ่นออกมาเลย โดยที่ระหว่างวิ่งออกมาก็เห็นท่าทางมึนงงเพื่อนเขาเหมือนกัน คงจะงงล่ะสิว่าฉันเข้าไปในรถตอนไหน แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มหลงทางเข้าแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาอยู่ที่ไหนแล้ว สนามแข่งมีซุ้มมากมายหลายที่ผู้คนก็เยอะมาก ฉันกำลังพยายามตั้งสตินึกคิดให้ได้ก่อนว่าจะออกจากงานได้อย่างไร ตุ๊บ!! ขณะที่เดินหมุนตัวและมองหาทางออกอยู่นั้นก็ได้ชนเข้ากับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จนอีกฝ่ายที่ถูกชนโดนแก้วน้ำที่ตัวเองถือมาด้วยเลอะเต็มๆ ใส่เสื้อของเขา “ว้าย! ตายแล้วฉันขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรมากไหมคะ? ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” ฉันรีบขอโทษผู้ชายทรงอ้อนแอ้นตรงหน้า พร้อมกับหยิบเอาทิชชู่ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง เข้าไปเช็ดน้ำที่หกเลอะใส่เสื้อเขาอย่างเร็ว “กรี๊ดดดด!!” เอาแล้วไง เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูแบบนี้ เขาคงไม่พอใจฉันอยู่แน่ๆ เลย ทำไงดีญาริน ฮือออ “เอ่อ คะ คุณ คือว่าฉันในขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ฉันยินดีรับผิดชอบคุณเลยค่ะ จะให้ฉันซักเสื้อมาคืนคุณก็ได้นะคะ” “ในที่สุด!” จู่ๆ ชายทรงอ้อนแอ้นก็พูดอะไรออกมาแบบที่ทำให้ฉันมึนงงไปกับคำพูดของเขา “คะ?” “ในที่สุด!!!” นี่เขาโดนน้ำหกใส่จนเพี้ยนไปแล้วงั้นหรอ 0_0 “??” “ในที่สุดฉันก็เจอเธอแล้ว แม่นางฟ้านางสวรรค์ส่งมาโปรดของเจ้” คนทีเรียกตัวเองว่าเจ้า ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฉันชนเขาเลย แถมยังทำท่าทางดีใจอะไรบางอย่างเมื่อมองหน้าฉัน “คุณพูดกับฉันอยู่รึเปล่าคะ?” “Of course!! ใช่สิจ๊ะ นี่เจ้กำลังคุยกับหนูอยู่” “เอ่อ คือเรื่องเมื่อกี้นี้ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ และก็ยินดีชดใช้หากคุณต้องการ” เรื่องเมื่อกี้นี้ฉันผิดเต็มๆ เลยที่ไม่ดูทางจนเผลอทำความเดือดร้อนให้เจ้สาวสองคนนี้ “เจ้ไม่เป็นไรมากหรอกจ้ะหนู แต่! ถ้าหนูยินดีจะชดใช้เจ้ เจ้ก็พร้อมรับค่ะ” "หนูชื่ออะไรหรอ?" "ญารินค่ะ" "ว้าวชื่อเก๋มากกก นี่เจ้ชื่อผักหวานนะ" “แล้ว... ฉันจะชดใช้ยังไงคะ?” “ตามเจ้มา!!! หุ๊ๆๆ” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบตกลงเลยว่าจะไปไหม แต่กลับโดนอีกฝ่ายดึงแขนของฉันให้เดินตามเขาไปทางด้านเต็นท์ขนาดใหญ่ และฉันก็ไม่รู้ว่าข้างในเต็นท์นั้นคืออะไร แล้วเขาจะพาฉันไปทำอะไรที่นั่น คิดแล้วก็แอบหวั่นว่าเจ้คนนี้จะทำอะไร จนกระทั่งเดินมาถึงด้านในเต็นท์ ฉันก็เลยถึงบางอ้อแล้วตอนนี้ ช่างแต่งหน้าและผู้หญิงสวยๆ มากมายถูกจับเข้าคู่ให้พอดีกับช่างแต่งหน้าพร้อมกับบรรเลงงานศิลป์ลงบนใบหน้าแต่ละคนให้สะสวย ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นพริตตี้ในงานแข่งรถครั้งนี้แน่นอนเลย “มาๆๆ เข้ามานั่งตรงนี้นะหนู” “อ้าว! อิเจ้ผักหวาน นี่มึงไปหาพริตตี้ที่ไหนมาแทนน้องชมพู่ได้วะนั่น โอ้โห... นี่มึงเล่นจ้างดารา เซเลบฯ เลยหรอ?” “ไม่ใช่ๆๆ อะ เอ่อ.. คือหนูไม่ใช่ดาราเซเลบค่ะ” ดูเหมือนตอนนี้ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเจ้คนที่ชื่อผักหวานพาฉันมาที่นี่ทำไม ปฏิเสธตอนนี้จะทันไหมนะ ฮือออChapter 5[5/2]ทางฝั่งของณัฐกานต์เองหลังจากที่เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนลงสนามแข่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามแข่งกันแบบจริงจังเสียที ระหว่างเตรียมพร้อมในจุดสตาร์ทคนนั่งอยู่ด้านใน Ford Mustang TA2 ม้าเหล็กคู่ใจคันนี้ ที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ 5.2 ลิตร ฝีมือจากวิศวะกรคนเก่งของเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากเจ้าของรถคันนี้เอง ....แข่งเองแต่งเองไปเลยสิครับด้วยความที่ณัฐกานต์เองก็เรียนจบด้านวิศวะฯ เครื่องกล มาเองกับมือ ทุกอย่างที่อยู่บนรถคันนี้เขาเป็นคนสรรหามาใส่เพิ่มความแรงของรถหมดทุกสิ่งอย่าง โดยมีลูกมืออย่างอัครเดชเพื่อนที่เรียนด้วยมาด้วยกันเป็นคนช่วยอีกแรง“แกล้งแพ้บ้างก็ได้นะมึง กูสงสารสปอนเซอร์คู่แข่งว่ะ” อัครเดชที่ยืนอยู่นอกรถแซวเพื่อนอย่างเซ็งๆ“แสดงว่ามึงอยากเสียตังค์?”“หึ! เบื่อแม่ง มึงแข่งทีไรกูไม่มีลุ้นเลย วินตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทเครื่องแล้วไอ้สัสณัฐ”เป็นอย่างที่อัครเดชพูดทุกอย่างเลย ตั้งแต่ที่จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกสนามและทุกรายการณัฐกานต์ไม่เคยแพ้เลยแม้ครั้งเดียว คู่แข่งขันจะชนะก็ต่อเมื่อเขาจะยอมสละสิทธิ์ไม่ลงแข่งก็เท่านั้น“เหอะ! งั้นพ
Chapter 6[6/1]หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตามร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเองเธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้วพอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ“หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ”ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว“อ่ะนี่! เรื่องเสื้
Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 7[7/2]Line~~เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’‘จะมาหรอ?’‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วยจากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ“เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน“ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม“คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ”ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้
Introจะมีใครสักกี่คนบนโลกที่อาจจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมาแบกรับภาระหน้าที่ที่ถูกสร้างความหวังไว้จากคนในครอบครัว บางคนถูกคาดหวังเรื่องการเรียนบางคนถูกคาดหวังเรื่องหน้าที่การงาน หน้าที่การงานต้องมั่นคงเข้าไว้เพื่อภายหน้าต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับคนในครอบครัวมันจะคอยบีบบังคับให้เราต้องเลือก ระหว่างสิ่งที่เราอยากทำหรือสิ่งที่เราควรทำ ...สองสิ่งนี้ถ้าลองให้ชั่งน้ำหนักใส่กันดูคุณจะเลือกแบบไหน?‘รินเข้าใจพี่นะ ว่าพี่คงหางานให้รินเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว’‘บริษัทเอเจนซี่ของเราก็เข้าขั้นวิกฤติมากเลยตอนนี้ พนักงานรวมทั้งนางแบบในสังกัดก็แทบจะไม่มีอีเว้นให้ออกกันอยู่แล้ว’ความลำบากของคนมันต่างกัน เพราะความลำบากทุกข์ยากนี้ทำให้เราไม่สามารถเลือกหนทางเดินชีวิตของตนเองไม่มากนักเฉกเช่นเดียวกันกับ ‘ญาริน สรหณุรักษ์’ นางแบบสาวสวยที่เพิ่งจะกำลังโดนถูกจ้างให้ออกจากงาน อย่างกะทันหันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่บริษัทไม่สามารถพยุงกิจการให้ไปต่อได้‘รินเข้าใจค่ะ แต่การพี่ lay-off พนักงานออกกะทันหันแบบนี้ แล้วเราจะไปทันหางานจากที่ไหนได้ล่ะคะ’ไม่มีใครอยากหางานทำใหม่กะทันหันแบบนี้แต่ถ้าจะยื้อกันไป ก็ไม่สามา
Chapter 1[1/1]ยามรุ่งเช้าเข้าวันใหม่แสงพระอาทิตย์ยังสาดส่องไม่ทั่วพื้นที่จากฟากฟ้า โดยเฉพาะภายในคอนโดสุดหรูที่ถูกผ้าม่านหนาทึบปกปิดแสงต่างๆ จากด้านนอกเอาไว้ทำให้คนที่กำลังนอนหลับได้ที่อยู่ไม่ได้สนใจเวลาตื่นเลยสักนิดร่างกำยำตามแบบฉบับของชายหนุ่มลูกครึ่งยุโรปทางตอนใต้ ถึงแม้จะนอนหลับอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว ทว่าความหล่อบนใบหน้าไม่ได้ทำให้ดูจืดจางลงแม้แต่นิดเดียวร่างกายที่นอนเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่เผยให้เห็นรอยสักต่างๆ มากมายทั่วทุกจุดสำคัญทั้งตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายสักชื่อภาษาอังกฤษของตัวเองเป็นลายมินิมอลถัดมาบริเวณใกล้เคียงกันตรงกล้ามแขนด้านซ้ายยังสรรหาประโยคคำคมมาประทับไว้เตือนใจตนเองส่วนหลังมือหนาด้านซ้ายก็ยังนำรูปนกฟินิกส์มาใส่แบบเท่ๆ อีกทั้งข้างขวาก็ยังมีประโยคคำคมเป็นภาษาอิตาลีทำให้ดูเก๋ไปอีกแบบรวมๆ แล้วทุกอย่างบนร่างกายของเขามันออกมาดูเหมาะกับตัวของเขาที่สุดหากมีคนมองเชื่อได้เลยว่าถ้าเกิดเป็นผู้ชายก็คงต้องอิจฉารูปร่างหน้าตา ส่วนถ้าเกิดเป็นพวกผู้หญิงก็คงจะอยากได้เขาคนนี้มาครอบครองอย่างนั้นแน่นอนติ๊ดด~~~แกร่ก!“ตื่นนนน!!! ตื่นได้แล้ววว นี่ๆ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยคุณ”ขณะที่ภาย
Chapter 2[2/1]หลังเลิกงานตอนเย็นวันนี้เช่นเดียวกับทุกๆ วันที่ญารินจะต้องนั่งงมอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์และแฟ้มเอกสารต่างๆ มากมายที่กองวางไว้ตรงหน้า ขณะที่พนักงานและผู้บริหารคนอื่นๆ ในชั้นนี้ต่างก็ทยอยกันกลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วโดยเฉพาะกับเจ้านายที่ไม่เอาอ่าวของเธอ ออกจากบริษัทไปตั้งแต่บ่ายสองครึ่งแล้วไม่รู้ว่าชีวิตของเขามันมีอะไรให้ทำอีกมากหรืออย่างไร ถึงชอบหายตัวไปแล้วทิ้งงานที่ตัวเองจะต้องเซ็นกองไว้ให้เธออยู่แบบนี้มันก็เลยกลายเป็นเคลียร์งานส่งให้อีกฝ่ายไม่ได้ เพราะยังติดต่อณัฐกานต์กลับมาเซ็นให้ไม่ได้อีกเพียงแค่งานของตัวเธอเองก็ยังทำไม่เสร็จอยู่เลย ยิ่งถูกตำหนิจากฝ่ายอื่นอยู่ว่าฝ่ายของเธอปัญหาเยอะบกพร่องตรงนั้นตรงนี้บ้าง ทว่าก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำตำหนิจากฝ่ายอื่นได้เลยก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงทั้งเธอและณัฐกานต์ต่างก็มือใหม่กันทั้งคู่ เธอเองถึงแม้จะมาทำงานที่ตรงไม่กับสายที่เรียนแต่เธอก็กำลังพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ในทุกๆ วันอย่างเช่นเดียวกับวันนี้ที่ญารินก็ต้องมานั่งทำงานล่วงเลยเวลาถึงแม้จะไม่ได้ค่าโอทีเนื่องจากเป็นความล่าช้าของเธอเองแต่กระนั้นเธอเองก็ต้องมีความรับผิดชอบเพ
Chapter 7[7/2]Line~~เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’‘จะมาหรอ?’‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วยจากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ“เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน“ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม“คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ”ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 6[6/1]หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตามร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเองเธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้วพอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ“หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ”ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว“อ่ะนี่! เรื่องเสื้
Chapter 5[5/2]ทางฝั่งของณัฐกานต์เองหลังจากที่เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนลงสนามแข่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามแข่งกันแบบจริงจังเสียที ระหว่างเตรียมพร้อมในจุดสตาร์ทคนนั่งอยู่ด้านใน Ford Mustang TA2 ม้าเหล็กคู่ใจคันนี้ ที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ 5.2 ลิตร ฝีมือจากวิศวะกรคนเก่งของเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากเจ้าของรถคันนี้เอง ....แข่งเองแต่งเองไปเลยสิครับด้วยความที่ณัฐกานต์เองก็เรียนจบด้านวิศวะฯ เครื่องกล มาเองกับมือ ทุกอย่างที่อยู่บนรถคันนี้เขาเป็นคนสรรหามาใส่เพิ่มความแรงของรถหมดทุกสิ่งอย่าง โดยมีลูกมืออย่างอัครเดชเพื่อนที่เรียนด้วยมาด้วยกันเป็นคนช่วยอีกแรง“แกล้งแพ้บ้างก็ได้นะมึง กูสงสารสปอนเซอร์คู่แข่งว่ะ” อัครเดชที่ยืนอยู่นอกรถแซวเพื่อนอย่างเซ็งๆ“แสดงว่ามึงอยากเสียตังค์?”“หึ! เบื่อแม่ง มึงแข่งทีไรกูไม่มีลุ้นเลย วินตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทเครื่องแล้วไอ้สัสณัฐ”เป็นอย่างที่อัครเดชพูดทุกอย่างเลย ตั้งแต่ที่จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกสนามและทุกรายการณัฐกานต์ไม่เคยแพ้เลยแม้ครั้งเดียว คู่แข่งขันจะชนะก็ต่อเมื่อเขาจะยอมสละสิทธิ์ไม่ลงแข่งก็เท่านั้น“เหอะ! งั้นพ
Chapter 5[5/1]เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัวร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านในเธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว“เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?”“กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?”ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคยญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม“พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากย
Chapter 4[4/2]@สนามแข่งรถกว่าที่ญารินจะหาตำแหน่งที่ณัฐกานต์อยู่ได้ก็ใช้เวลาเกือบเป็นชั่วโมงเลย โชคดีที่วจีเลขาฯ สาวรุ่นใหญ่ของภัทรกาฬเป็นคนให้ข้อมูลกับเธอมา ไม่อย่างนั้นญารินคงจะหาไม่เจอและคงไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายแน่นอน“นี่ค่ะพี่ ไม่ต้องทอนนะคะ”“จะทอนได้ไงล่ะน้อง ก็มันพอดีแล้วนี่ ฮ่าๆๆ”“อู๊ยย! แฮร่ๆ” ร่างเพรียวบางกำลังเดินลงจากรถแท็กซี่มาหลังจากที่ชำระค่าเดินทางเสร็จแล้ว จะบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ขายขำแต่อย่างใด เพราะเธอเองก็ไม่ทันรู้เลยปล่อยไก่ตัวโตใส่คนขับไปเลยตอนนี้ญารินเข้ามาด้านในสนามแข่งรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในงานก็ต้องเสียเงินอีกรอบ เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นงานแข่งรถด้วยหญิงสาวเองก็เพิ่งรู้จากพนักงานขายบัตรด้านหน้าร่างเพรียวบางกำลังมองหาที่นั่งตามเลขบัตรที่ตนเองได้มา แสงแดดส่องลงกลางหัวแบบนี้ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ยังจะต้องทนแบกหน้าหาที่นั่งอีกเธอเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วแต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลับฉุดคิดได้ว่าหากมัวแต่รอให้ถึงเวลาเริ่มแข่งก็คงจะเลยเวลางานหรือไม่ ญารินจึงเกิดความคิดว่าจะต้องไปหาเจ้านายหนุ่มของตนก่อนที่งานจะเริ่มให้ได้ และแล้วขาเรียวย
Chapter 4[4/1]@The Willington N group10.00 น.ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ บรรยากาศรอบๆ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับญารินอยู่ไม่ใช่น้อย การประชุมงานในครั้งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่การประชุมงานทั่วไปที่จะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงแต่วันนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายจากภายนอกองค์กร ที่เสียสละเวลามาฟังบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อที่จะเสนอร่างงบประมาณและจัดแผนการระดมทุนเพิ่มจากเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่างเพรียวบางยืนเตรียมสคริปต์มากมายที่จะใช้ในการนำเสนอสำหรับวันนี้ด้วยความตื่นเต้นและปนไปด้วยความกดดัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อจากนี้จะออกมาดีหรือไม่ที่จริงแล้วเธอไม่ควรได้รับเกียรตินี้ด้วยซ้ำ ทว่าคนที่จะต้องนำเสนอมันจริงๆ กลับผลักภาระมาให้ลูกน้องอย่างเธอแทน ส่วนตนเองน่ะเหรอก็คงจะไปมีความสุขอยู่แถวๆ สนามแข่งรถแล้ว“คุณญารินพร้อมไหมคะ?” เลขาฯ ของท่านประธานบริษัทเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของร่างเพรียวบางผู้เป็นเลขาฯ หน้าใหม่“พอไหวอยู่ค่ะพี่วจี ขอบคุณนะคะ”“ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็ออกไปเถอะ ทุกคนพร้อมแล้ว”“ค่ะ!!” ใบหน้าที่
Chapter 3[3/2]ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตามโชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใสตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็นคร่อกกก~เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลยญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่ จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแ