Chapter 6
[6/1] หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตาม ร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเอง เธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้ว พอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ “หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ” ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว “อ่ะนี่! เรื่องเสื้อเจ้ไม่ติดใจหรอกนะ แต่ต้องขอบคุณและขอโทษหนูด้วยจริงๆ ที่ลากมาทำงานแทนคนก่อนแบบกะทันหัน” ผักหวานยื่นซองสีขาวใบหนึ่งมาให้ญาริน “หื้ม? ซองอะไรคะเจ้” หญิงสาวรับซองนั้นมา และเปิดดูด้านในทันที จนกระทั่งเห็นเงินจำนวนมากอยู่ในนั้น “0_0 เจ้เอาเงินให้หนูหรอคะ!?” “นี่เป็นค่าตัวของหนูจ้ะ เจ้ขอบคุณมากเลยนะ... เนี่ย! แขกผู้ใหญ่น่ะชมว่าหนูสวยไม่หยุดปากเลยนะเจ้จะบอก หุ๊ๆ” “ตั้งเป็นหมื่นเลยหรอคะ? เอ่อ คือจริงๆ หนูก็แค่อยากจะช่วยเจ้นะคะ เรื่องเงินนี่.....” ญารินนับเงินนมือพร้อมกับตาลุกวาวขึ้นมา ทำไมมันถึงได้มากขนาดนี้ “หื้อ? หรือหนูจะไม่เอา?” “เอาค่า! ตั้งหลักหมื่นแหนะ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณนะคะเจ้ ถือว่าวันนี้ยังพอมีเรื่องดีๆ บ้าง” เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ โดยเฉพาะคนที่จำเป็นต้องใช้มันอย่างเธอ “ฮ่าๆๆๆ นึกว่าจะไม่เอาซะแล้ว เจ้จะได้เก็บคืน... งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วเจ้ขอตัวกลับก่อนเลยนะ หนูกลับเองได้ใช่ไหม? โทษทีนะวันนี้เจ้คงเสียมารยาทไม่ไปส่ง เพราะว่าเจ้ต้องขอตัวไปนวดก่อนเมื่อยตัวไปหมดเลย เด็กๆ ที่อ่างคงจะรอเจ้แล้วล่ะ” “ค่ะเจ้ กลับดีๆ นะคะ” หลังจากที่เจ้ผักหวานเดินออกไปแล้วสักพัก ร่างเพรียวบางก็สะพายกระเป๋าออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับเงินค่าจ้างที่ได้มา ร่างเพรียวบางเดินไปตามถนนที่เฉอะแฉะหลังจากฝนตกไปเมื่อตอนแข่งรถ ญารินมองหาประตูทางออกจากสนามแข่งรถทว่าก็ค่อนข้างที่จะไกลอยู่ พอเห็นเป้าหมายแล้วขาเรียวยาวก็มุ่งหน้าไปทางนั้นทันที ปิ๊งง!!! แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูทางออกก็มีเสียงรถยนต์สปอร์ตคันหรูของใครบางคนขับบีบแตรไล่มาหาเธอ จนต้องหันหน้าไปดูว่าคนในรถคือใคร เอี๊ยดด ปึก! “อ้าว! คุณญาริน ยังไม่กลับอีกหรอครับ?” “คุณ? อ่อคือฉันกำลังจะกลับน่ะค่ะ” เจ้าของรถสปอร์ตสีดำ ที่ลงจากรถมาทักทายเธอก็คืออัครเดช เพื่อนของณัฐกานต์นั่นเอง “ถ้าไม่รังเกียจ... ให้ผมขับไปส่งคุณได้ไหมครับ?” “เอ่อ... คือ จะดีหรอคะ รินเกรงใจ” เธอกำลังคิดว่าจะเอาอย่างไรดีตอนนี้ก็หกโมงเย็นได้แล้ว อีกอย่างฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ แถมที่นี่ก็อยู่ตั้งไกลมากเพราะเป็นแถวชานเมือง หากจะนั่งรถโดยสารค่ายสีเขียวกลับก็คงจะหมดไปหลายตังค์อยู่ “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เพอิญว่าผมชอบขับรถเล่นอยู่แล้ว” “งั้นรินรบกวนด้วยนะคะ” ด้วยความที่เธอเองก็ประหยัดเป็นทุนเดินอยู่แล้ว คงจะไม่เสียหายอะไรหรอกถ้าจะขอติดรถกลับกับเขาคนนี้ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแล้วญารินรู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะเอเองก็ไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรดี อีกทั้งยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหนำซ้ำก็เพิ่งจะเจอกันวันนี้วันแรกอีกด้วย “วันนี้คุณญารินสวยมากเลยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “โทษนะครับ คือผมงงมากว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงได้ไปอยู่ที่นั่นล่ะครับ?” ไม่ใช่เพียงอัครเดชที่งง เพื่อนเขาอีกคนก็งงหนักเหมือนกันว่าเลขาฯ ของตัวเองมารับงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “พอดีมีเหตุสุดวิสัยค่ะ รินเลยต้องได้ไปทำอะไรแบบนั้น” ญารินบอกพลางเอนตัวลงเล็กน้อย พร้อมหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นมากอดเพราะความหนาว “หนาวหรอครับ?” อัครเดชเห็นท่าทางตัวสั่นของร่างเพรียวบางก็พอจะทราบ อากาศแปรปรวนทั้งวันช่วงเช้าแดดแรงจ้าพอบ่ายมาก็ฝนตก แถมตอนนั้นเขายังเห็นญารินยืนถือป้ายในสนามท่ามกลางสายฝนอีก หมับ! “อู๊ย!!” ใบหน้าสวยสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆ คนที่ขับรถอยู่ก็เอื้อมมือขึ้นมาแตะหน้าผากของเธอ “โอ้โห ตัวเริ่มร้อนแล้วนะครับ ผมว่าคุณไม่สบายแน่เลย” “เริ่มมีปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” ญารินบอกอาการอีกคนไป “งั้นเราแวะร้านขายยากันก่อนดีไหมครับ คุณจะได้มียาเอาไว้ทาน” อัครเดชเสนอความคิดเห็นออกมา ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังพรุ่งนอนคนข้างๆ ต้องนอนซมไข้แน่ๆ “ฮัดชิ่ววว!! เอ่อ... อย่าดีกว่าค่ะรินเกรงใจ แค่คุณมาส่งรินก็ขอบคุณมากๆ แล้ว” เพียงแค่เขาใจดีมาส่งเธอก็ขอบคุณมากแล้ว อย่าให้ต้องเป็นบุญคุณกันมากกว่านี้เลยหญิงสาวคิดแบบนั้น “แต่ผมคงไม่สบายใจนะครับ ถ้าคนที่ผมมาส่งเกิดไม่สบายขึ้นมา” “ก็ได้ค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตจากญารินแล้ว รถสปอร์ตหรูคันงามราคาหลายล้านก็หาป้ายร้านยาข้างทางสักร้าน ก่อนจะแวะจอดและลงอาสาลงไปซื้อให้เธอเอง “อ่ะนี่ครับยาของคุณ ไหวไหมครับ?” หลังจากที่ไปซื้อมาแล้ว ชายหนุ่มก็เข้ามานั่งประจำตำแหน่งเดิมพร้อมกับยื่นถุงยาให้คนข้างๆ ไป “ไหวคะ ตอนนี้แค่เริ่มแสบจมูก ขอบคุณนะคะ งั้นเรารีบกลับกันเถอะค่ะ จะดึกซะก่อน” “คุณกลับบ้านดึกไม่ได้หรอครับ? แฟนคุณจะว่ารึเปล่า” อัครเดชตั้งคำถามหยั่งเชิงหญิงสาว อยากรู้ว่าเธอมีแฟนแล้วหรือยัง เพราะบอกตามตรงว่าเขาก็กำลังสนใจเธออยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าวันนี้จะโดนเพื่อนเขาเมินเฉยไม่ยอมติดต่อเธอให้ก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังมีโชคอยู่บ้างที่ตอนขากลับออกจากงานเขาเจอตัวเธอ “รินยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ” “ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคนสวยๆ แบบคุณจะไม่มีแฟน” อัครเดชพูดไปอมยิ้มไป เหมือนพอใจในคำตอบอยู่พอสมควร “เคยมีตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่นู่นแหละค่ะ” “หรอครับ เอ้อ! เราแวะกินข้าวกันก่อนได้ไหมครับ คุณจะได้กินยาด้วย ....ห้ามปฏิเสธผมนะครับ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่ผมมาส่งคุณ” ทีแรกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เพื่อนของเขาโทรนัดหญิงสาวมาทานข้าวด้วยกัน แต่ดันล่มเสียก่อนเมื่อณัฐกานต์ไม่ยอมทำตามที่เขาขอ แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับเธอแล้วคงไม่ต้องเพิ่งเพื่อนสนิทอีกต่อไป “ก็ได้ค่ะ แต่ขออย่าดึกมากนะคะ คือรินกลัวพี่สาวเป็นห่วงน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบตกลงพลางมองดู Smart watch ที่ข้อมือของตัวเองที่ตอนนี้ก็ปาเข้าทุ่มกว่าๆ แล้ว “คุณญารินนี่เป็นเด็กติดบ้านรึเปล่าครับนี่ ฮ่าๆๆ” เขาพาผู้หญิงมากินข้าวก็บ่อย แต่ไม่เคยมีคนไหนที่เร่งรัดอยากจะกลับบ้านเหมือนเธอมาก่อนเลย มีแต่จะขออยู่ค้างกับเขาต่อเสียด้วยซ้ำ “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ที่บ้านที่มีหลานที่เพิ่งคลอด เกรงว่าถ้ากลับดึกมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก” “อ๋ออย่างนี้เอง ข้างหน้ามีร้านอาหารประจำของผมกับไอ้ณัฐอยู่เจ้าหนึ่งครับ ผมว่าคุณน่าจะชอบ” “ค่ะ” ญารินแอบคิดในใจว่าณัฐกานต์กับเพื่อนคนนี้ของเขานั้นคบกันมาได้นานขนาดไหนแล้ว เท่าที่เธอสัมผัสดูในวันนี้ อัครเดชเป็นคนที่ค่อนข้างสุขภาพมากกว่าเจ้านายของเธอ ดูใจเย็น อารมณ์ดียิ้มแย้มเก่ง ไม่เหมือนเขาเลยสักนิด นี่เขาเป็นเพื่อนกันจริงหรือเธอสงสัย ไม่นานทั้งสองก็แวะเข้ามาที่ร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้แถวบ้านของญารินอีกด้วย เธอจึงหมดกังวลไปหนึ่งอย่างแล้ว ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินลงจากรถเธอก็ไม่ลืมหยิบยาลงมาด้วย เผื่อทานข้าวเสร็จแล้วจะได้กินเลย ภายในห้องอาหารแห่งนี้ญารินไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่เลย อาหารแพงๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก อย่างเธอข้างทางง่ายๆ สะดวกกว่าเยอะ แต่เอาเถอะอย่างไรเสียวันนี้เธอเองก็ได้ค่าจ้างมาไม่ใช่น้อย เธอคิดว่าก็คงพอจะจ่ายได้อยู่ “อ้าว! ไอ้ณัฐหนิครับ?” ระหว่างเดินไปยังโต๊ะนั่งตามพนักงานบริการไป สายตาคมของอัครเดชก็เหลือบไปเจอเพื่อนสนิทของเขากับพาร์ทเนอร์สาวอย่างเจนจิรา ก็ “คะ?” ญารินเองก็หันไปมองตามสายตาของอัครเดชด้วย “เราไปทักมันสักหน่อยไหมครับ หึหึ” พอทราบว่าทั้งสองมีนัดมื้อเย็นกัน แต่ไม่คิดว่าจะเจอกันที่ร้านนี้ “อย่าดีกว่าค่ะ ปล่อยให้เค้าทานกันไปเถอะ”Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 7[7/2]Line~~เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’‘จะมาหรอ?’‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วยจากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ“เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน“ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม“คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ”ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้
Chapter 8[8/1]01.30 น.หมั่บ!“แค่กกๆ .... อ่ะ อื้มม... หนาว” เวลาผ่านพ้นไปจนเข้าวันใหม่แล้ว ร่างเพรียวบางที่นอนหลับอยู่ด้านนอกระเบียง ตอนนี้ถูกใครอีกคนอุ้มขึ้นมาจากพื้นและเดินเข้าไปด้านในห้องนอน โดยที่เธอยังไม่รู้สึกตัว“แม่งเอ๊ย! ตัวทำไมร้อนแบบนี้วะ!?” ร่างสูงที่อุ้มญารินมาจนถึงที่นอนของเขา สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านมาจนถึงเขาณัฐกานต์ยอมรับว่าเขาลืมอีกคนที่อยู่นอกห้องไปแล้ว หลังจากที่ดารันกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอนของตนเองไปจนเกือบจะเผลอหลับถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าตัวเองเอาใครอีกคนไปไว้ที่ระเบียงไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทันทีที่นึกขึ้นได้เขาถึงได้รีบออกไปดูเลขาฯ สาวเมื่อเห็นว่าเธอนอนหลับอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้า หนำซ้ำยังมีไข้อีก เขาก็ไม่นิ่งนอนใจรีบพามาที่เตียงนอน ก่อนจะยืนคิดกับตัวเองอยู่ว่าจะทำอย่างไร สารภาพว่ารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ปล่อยให้เธอต้องรอนานอยู่ข้างนอกคนเดียวแบบนั้น“เอาไงดีวะ?”“อื้ม~ หนาว ฮึกก.. แม่ ...หนาว หนูหนาว” ร่างเพรียวบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซซ์ของเจ้านาย เริ่มละเมอขึ้นจนณัฐกานต์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงได้แต่
Chapter 8[8/2]ตอนนี้ณัฐกานต์ได้ตกเป็นจำเลยของญารินแล้ว ไม่ว่าวันนี้เธอจะสั่งอะไรอีกฝ่ายก็ต้องทำโดยที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ภารกิจแรกของวันนี้เริ่มจากการที่เขาจะต้องสั่งข้าวมาให้เธอทาน และอย่างที่สองคือต้องเอาเสื้อผ้าของเธอไปซักด้วยมือของเขาเองห้ามปั่นเครื่องเด็ดขาด“เสร็จยังคุณ?”“ก็นี่ไง แล้วตากยังไงวะ?” ขณะที่ญารินกำลังนอนเล่นอยู่โซฟาหน้าทีวี ณัฐกานต์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับตะกร้าเสื้อผ้าที่เขาเพิ่งจะลงมือซักเองกับมือเป็นครั้งแรก“แอ่กๆๆ ...ข้างนอกไงเอาไม้แขวนไปด้วยนะ” คนป่วยเหมือนจะพอใจอยู่ไม่น้อยที่ได้แกล้งอีกคน ณัฐกานต์ในสภาพนี้เหมือนเสือถอดเขี้ยวเชื่องๆ ตัวหนึ่งหลังจากได้รับคำสั่งของคนป่วยแล้วเขาก็เดินไปเก็บไม้แขวนออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ระเบียงห้องทันที ด้วยใบหน้าหงุดหงิดเขาไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ แค่ยัดเข้าเครื่องซักผ้ามันจะยากตรงไหนวะ!?ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับตะกร้าใบเปล่าที่ถูกนำเอาผ้าของญารินตากให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะตากได้ก็ทะเลาะกับเสื้อของเธอนานอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องจับด้านไหนใส่ไม้แขวน เสื้อกับกระโปรงไม่เท่าไหร่หรอก มันงงก็แต่แพนตี้น้อยกับบล
Chapter 9[9/1]บรรยากาศข้างนอกในตอนนี้กำลังดีมาก ญารินเลยตัดสินใจที่จะยกอาหารออกมาทานกันข้างนอกกับเจ้านายหนุ่ม พอได้ลองคุยกันในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเองก็คิดว่ามันไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ในทางกลับกันเธอยิ่งรู้สึกว่าณัฐกานต์จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้เป็นเจ้านายที่ไม่เอาไหนเลย เพียงแต่มันอาจจะมีเรื่องราวที่ทำให้เขาไม่ลงรอยกันกับพ่อของตัวเอง ถึงได้หัวรั้นขนาดนี้“อ๊ะ!!” ญารินออกอาการตกใจ เมื่อโดนมือหนาเอื้อมมาแนบกับหน้าผากของเธอ“ตัวเธอไม่ร้อนแล้วนี่” ร่างสูงที่เอื้อมมือไปวัดไข้ให้เลขาฯ สาว ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังดีขึ้นมาบ้างแล้ว“ก็น่าจะแหละ กินเสร็จแล้วฉันกลับเลยนะ เดี๋ยวจะดึกเอา”“กลับบ้าน?”“อื้ม”วันนี้ทั้งวันเธอขลุกตัวอยู่กับเขามานานมากแล้วรวมทั้งเมื่อวานอีก หากอยู่ที่นี่นานกว่านี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ อีกอย่างเธอและเขาก็เป็นเจ้านายกับลูกน้อง หากไม่มีเรื่องงานแล้วก็ไม่ควรอยู่ต่อญารินตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับมาเอง ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็เอ่ยปากแล้วว่าจะมาส่ง ทว่าที่เธอปฏิเสธเขาไปก็เพราะเห็นว่าเจ้านายหนุ่มดื่มไวน์ไปมากแล้ว จึงไม่อยากเสี่ยง“พี่ริน หายไปไหนมาตั้งแต่เมื่อวานห๊ะ?” ทันท
Chapter 9[9/2]ช่วงบ่ายทั้งสองกลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้ง คราวนี้เจ้านายหนุ่มไม่หายไปไหนอีกแล้ว เพราะมีญารินออกไปทานอาหารด้วยและก็เป็นเธออีกที่คอยเป็นหูเป็นตาไม่ให้เขาไปไหนได้อีก“น้องรินคะ บอสของพี่เรียกหนูและก็ท่านรองฯ เข้าพบด่วนเลยค่ะ” วจีเลขาฯ ของภัทรกาฬเดินมาบอกหญิงสาวรุ่นน้องที่โต๊ะ“มีเรื่องอะไรหรอคะพี่วจี?”“พี่ว่ารีบไปกันทั้งสองคนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวบอสพี่จะกริ่วเอา ไปนะ... รีบๆ ตามมาจ้ะ” วจีพูดทิ้งท้ายให้ญารินรู้สึกขนลุกไปด้วย ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองญารินไม่รู้แน่ชัดว่าท่านประธานบริษัทจะเรียกเธอและเจ้านายหนุ่มเข้าพบทำไม แต่ดูจากสีหน้าและคำพูดของรุ่นพี่เลขาฯ อย่างวจี ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆนิ้วเรียวกดสายตรวจเข้าเครื่องไอพีโฟนไปยังใครอีกคนที่อยู่ในห้องรองประธานบริษัทในตอนนี้ เพื่อแจ้งเรื่องให้เขาทราบ“คุณ.... ท่านประธานเรียกให้คุณกับฉันเข้าพบด่วนเลยค่ะ ตอนนี้”“ห๊ะ! จะมีเรื่องด่วนอะไรอีก โว๊ะ! คนจะนอน” น้ำเสียงของคนด้านในห้องเหมือนกับคนเพิ่งตื่นนอนมา และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จนเลขาฯ อย่างเธอต้องถอนหายใจใส่แรงๆ“เฮ้อ!! นี่คุณนอนอยู่หรอ? รีบออกมาเลยค่ะก่อนที่พี่ชายคุณ
Chapter 10[10/1]“คุณเคยมีแฟนไหม?”“หื้ม? ฉันน่ะหรอ?” ณัฐกานต์เกือบสำลักไวน์ออกมา เมื่อเจอคำถามอีกคนเข้า“แต่ฉันไม่น่าถามหรอก อย่างคุณคงไม่เคยมีหรอก”“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันไม่เคยมี”“คนอย่างคุณ... ถ้าให้ฉันเดานะ ก็คงเป็นพวกชอบสนุกไปวันๆ ไม่ผูกมัดกับใคร อย่างงั้นใช่ไหมล่ะ?”ณัฐกานต์ไม่รู้หรอกว่าญารินใช้อะไรมามองว่าคนอย่างเขาไม่เคยมีแฟน แต่ก็นั่นแหละ... เธอพูดถูกเพราะว่าเขาไม่เคยมีเลยตลอดชีวิตหนุ่มโสดอย่างเขา วันๆ แค่ได้มีคู่นอนเล่นๆ แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่เห็นจะต้องอยากแสวงหาความยุ่งยากด้วยการมีใครสักคนเลยที่ผ่านมามันก็มีบทเรียนให้เห็นอยู่แล้ว ว่าชีวิตคู่ของคนรอบตัวเขามันเป็นแบบไหน การที่อยู่เป็นโสดแบบนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่คนอื่นบอกสักหน่อย“หึ! แล้วเธอเคยมีไหม?” เจ้านายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง ก่อนจะถามเลขาฯ สาวที่กำลังเมาได้ที่“ก็เคยมีนะ”“แล้วทำไมเลิก?” เขาคิดไว้แล้วว่าผู้หญิงสวยๆ แซ่บๆ แบบนี้คงไม่รอดหรอก ผ่านมากี่คนแล้วก็ไม่รู้“ก็เพราะมันเฮ็งซวยไง ฮึก! แม่งโคตรเหี้ย ฮืออ~~”จู่ๆ คนตอบก็เริ่มรับบทเศร้าขึ้นมา อาจจะเพราะว่าเมาหรือมีความหลังฝังใจบางอย่างกับความรักครั้ง
Chapter 32[32/2]@มิลาน, ประเทศอิตาลี่วันนี้ญารินมีนัดคุยงานถ่ายแบบงานชิ้นสำคัญในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากการเดินแบบแล้วเธอก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้ขึ้นปกหนังสือนิตยสารเลยสักครั้ง ต้องขอบคุณโรสมากๆ ที่ทำให้ความฝันของญารินได้กลายเป็นจริงสักทีก่อนหน้านี้โรสได้รับการติดต่อให้จัดหานางแบบในสังกัดให้มาถ่ายนิตยสารจากแบรนด์เสื้อแบรนด์หนึ่งที่เป็นฝีมือของคนไทยเองโดยที่เจ้าของแบรนด์ให้โจทย์กับโรสมาว่าจะต้องเป็นหญิงหน้าไทย แต่ยังมีโครงหน้าที่ดูทันสมัยด้วย เนื่องจากแบรนด์นี้ใช้ผ้าไทยหลายชนิดมาตัดทำเป็นชุด แต่ยังเพิ่มดีไซน์ผสมผสานให้ทันสมัยตามแบบของผู้หญิงยุคใหม่ซึ่งจากโจทย์ที่ให้มาโรสไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้เลย นอกจากญารินนางแบบหน้าไทยสวยเก๋เซ็กซี่คนนี้ เธอคือตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ เหมาะสมกับแบรนด์ VANIDEE ที่สุดแล้วภายในร้านอาหารสัญชาติอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์ Museo del Novecento ทำให้เราสามารถมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นทิวทัศน์อันงดงามได้อย่างประทับใจของ Piazza del Duomo หรือที่เรียกกันว่าจัตุรัสหลวง“วิวสวยจังเลยนะคะพี่โรส” ญารินนั่งมองวิวด้านนอกจากในร้านอาหารแห่งนี้ด้วยความร
Chapter 32[32/1]“คุณหนูคะ คุณยุวดีกลับมาแล้วค่ะ ท่านเรียกให้ไปพบค่ะ” ขณะที่พี่น้องสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ก็มีหญิงแม่บ้านชาวอิตาเลี่ยนวัยกลางคนเดินมาเรียกณัฐกานต์ก่อน“แม่? ครับๆ เดี๋ยวผมไป”“ท่านรออยู่ที่ห้องรับแขกนะคะ”“ขอบคุณครับ” ณัฐกานต์หันไปบอกแม่บ้าน เธอรับคำพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นอีกครั้งเขายังอยากนั่งคุยกับผู้เป็นพี่ชายต่ออีกสักพัก ถ้านอกจากออสโม่กับแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งตระกูลนี้ก็คงมีพี่ชายคนนี้นี่แหละที่เขาพอจะพูดคุยด้วยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ“ไปหาแม่เถอะ ฉันขอนั่งอยู่แบบนี้สักพักก่อน” ภัทรกาฬบอกน้องชายแบบนี้เพราะกลัวว่ายุวดีจะรอนานเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวภัทรกาฬเองก็รับรู้ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนแบบณัฐกานต์ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาก็ยังรักลูกเสมอ เพียงแต่พวกท่านไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบเหมือนที่ครอบครัวอื่นเขาปฏิบัติกัน หวังว่าสักวันน้องชายของเขาจะมองพวกท่านทั้งสองในอีกมุมที่เขาได้มองบ้าง“อย่าคิดมากนะเฮีย” ณัฐกานต์รับคำจากพี่ชาย พลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป แต่ก่อนจะไปเขา
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 31[31/1]@โรม, ประเทศอิตาลี่ณัฐกานต์เดินทางมาถึงที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเศรษฐีไร่องุ่นคนเก่าแก่ในย่านกรุงโรม ด้านหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นและโรงหมักไวน์ขนาดใหญ่ และทั้งหมดนี้กินเนื้อที่ไปหลายร้อยไร่โดยประมาณ ซึ่งทรัพย์สินทุกอย่างในที่แห่งนี้เป็นของออสโม่ปู่ของเขาเองชายหนุ่มนั่งรถจากสนามบินมาถึงที่นี่ใช้เวลาไม่นานมาก ตอนแรกคิดว่าจะบินตรงไปมิลานเลย ทว่าพอลองมาคิดใหม่เขาอยากจะแวะมาที่นี่ก่อน เพื่อมาเยี่ยมปู่และพี่ชายของตัวเอง เพราะไม่ได้เจอทั้งสองคนนานมากแล้วพอทำธุระที่นี่แล้วเสร็จก็จะรีบไปมิลานเลยทันที เพราะนอกจะไปหาญารินแล้วเขาก็คิดว่าจะไปดูความเป็นอยู่ของยุวดีสักหน่อย ได้ข่าวว่าช่วงนี้ธุรกิจของผู้เป็นแม่กำลังเติบโตไปได้สวยเลยรถ SUV สุดหรูอย่าง Rolls-Royce Black Badge รุ่นปี 2022 ราคาในไทยโดยประมาณอยู่ที่ 41 ล้าน แต่ราคาที่อิตาลี่ไม่รู้ว่าขึ้นไปเท่าไหร่บ้างแล้วตอนนี้คนขับรถของคฤหาสน์ออกมารับณัฐกานต์ที่สนามบิน ตอนนี้กำลังขับเคลื่อนและชะลอความเร็วลงเพื่อเลี้ยงเข้าสู่คฤหาสน์กาเซียโน่ของเศรษฐีคนดังในย่านนี้ ก่อนจะลงจากรถแล้วเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่ตอนนี้รอต้อนร
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 30[30/1]ก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปในวันพรุ่งนี้ คนที่บอกว่าจะเคลียร์งานของตัวเองให้เสร็จทันก่อนจะขึ้นเครื่อง ทว่าตอนนี้ยังมะงุมมะงาหราอยู่กับกองเอกสารที่ต้องเซ็นจนป่านนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่าแล้ว ท่านรองประธานบริษัทหนุ่มหล่อไฟแรงก็ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนเลยLine~Dar.runnn : กลับเพ้นท์เฮ้าส์ยังคะ? น้องดาอยากไปหาDar.runnn : วันนี้คุณย่าบ่นๆ คิดถึงพี่ณัฐด้วยนะ ถ้าว่างๆ ก็อยากให้พี่แวะมาคุณย่าบ้างDar.runnn : พรุ่งนี้เลยดีไหมคะ วันหยุดด้วยน่าจะเหมาะเลย น้องดาจะได้ทำกับข้าวไว้เผื่อเสียงโทรศัพท์ข้างๆ ตัวณัฐกานต์ดังขึ้น สายตาคมเหลือบไปมองการแจ้งเตือนบนหน้าจอ ถึงได้รู้ว่าเป็นใครที่ส่งมาวันนี้ทั้งวันดารันยังไม่ได้มาหาเขาเลย ซึ่งถ้าปกติแล้วเธอจะมาที่นี่แทบทุกวัน โดยมาพร้อมกับของกินตลอดและในแต่ละครั้งที่มาหาณัฐกานต์ก็ไม่เคยห้ามเลยสักครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ญารินยังอยู่รวมถึงตอนที่เธอไม่อยู่ที่นี่แล้วร่างสูงไม่ได้หยิบสมาร์ตโฟนสีเซียร่าบลูของตัวเองขึ้นมาตอบแต่อย่างใด ก่อนจะหันหน้ากลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ เพราะเขาต้องรีบทำเวลาให้ทันก่อนขึ้นเครื่องในวันพรุ่งนี้@มิลาน, ประเทศอิตาลี่ญารินได้
Chapter 29[29/2]กริ๊งงง!~~รถสปอร์ตหรูจอดเทียบท่าอยู่หน้าบ้านหลังใหม่ของญารินแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองลงจากรถมายืนกดกริ่งรอคนด้านในมาเปิดประตูรั้วให้ซึ่งณัฐกานต์เองก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามีใครอยู่ที่นี่หรือไม่ เพราะว่าเขาและอัครเดชก็ยืนตากแดดกดกริ่งเรียกแบบนี้นานแล้วกระทั่งความพยายามของพวกเขาสำเร็จ เมื่อมีคนเดินออกมาจากด้านในบ้านแล้วทว่ากลับไม่ใช่ญาริน คนที่ณัฐกานต์อยากเจอ“อ้าว สวัสดีค่ะคุณ”“สวัสดีครับ ญารินอยู่บ้านหรือเปล่าครับคุณนลิน?”เป็นนลินพี่สาวของญารินเองที่เดินออกมาเปิดประตูพร้อมกับอุ้มลูกชายตัวน้อยออกมาด้วย และเมื่อสักครู่ที่เธอออกมาเปิดประตูช้าก็เพราะว่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับลูกชายของตัวเองอยู่ แม้จะได้ยินเสียงกดกริ่งนานสักพักแล้วก็ตามนลินรู้มาว่าณัฐกานต์และน้องสาวของตัวเองทะเลาะอะไรบางอย่างกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ถึงสาเหตุของเรื่องจริงๆ เลยว่าเพราะอะไรที่ทำให้น้องสาวของเธอรีบเก็บข้าวของบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงต่างประเทศ“นี่รินไม่ได้บอกคุณไว้หรอคะ? ว่าจะไปทำงานกับเจ้านายคนเก่าที่ต่างประเทศ”“ห๊ะ!? อะไรนะ ญารินไปต่างประเทศงั้นหรอ?” ณัฐกานต์ตกใจกับคำพูดของพี่สาวญารินจนเผลอทำสีหน้า
Chapter 29[29/1]@มิลาน, ประเทศอิตาลี่สนามบิน Milan Malpensa เป็นสนามบินนานาชาติที่ถือว่าใหญ่ที่สุดแล้วในมิลาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี่ และเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับสองรองจากสนามบินในกรุงโรมถ้าถามว่าทำไมถึงมีผู้คนเนืองแน่นมาใช้บริการสนามบิน Malpensa ก็คงจะเป็นเพราะว่ามิลานเป็นแลนมาร์คสำคัญอีกหนึ่งเมืองสำหรับนักช้อปสายแฟชั่นทั้งหลายจะต้องเดินทางมาที่นี่ เพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าหลากหลายแบรนด์ดังทั่วโลกนอกจากร้านแบรนด์เนมต่างๆ แล้ว ในมิลานยังมีงานจัดแสดงโชว์เกี่ยวกับแฟชั่นมากมายแทบจะทุกวันเลยด้วยซ้ำเหล่าเซเลบฯ คนดัง รวมถึงนางแบบและนายแบบหลายคนจึงไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชมความสวยงามในเมืองนี้เช่นเดียวกันกับญาริน“ขอบคุณพี่โรสมากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์มารับแถมยังเป็นธุระเรื่องที่พักให้รินอีก”“ไม่เป็นไรเลยจ้าคนสวยของพี่ ขอแค่หนูมาพี่ก็ดีใจแล้ว”ญารินเพิ่งจะเช็คเอาท์ลงจากเครื่องเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ตอนนี้มีโรสเอเจนซี่สาวสองคนสนิท มารับเธอถึงสนามบินหลังจากที่วจีโทรมาบอกเรื่องใบลาออกของเธอแล้ว แต่กลับโดนปฏิเสธและยังมีหน้ามาบอกให้เธอสามารถพักร้อนได้ 1 เดือนจากนั
Chapter 28[28/2]เหตุการณ์ก่อนหน้านี้....,(ณัฐกานต์ ทอร์ค)ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ผมกับญารินทะเลาะกัน จนผ่านมาถึงวันนี้ผมยังไม่เห็นเธอเข้ามาทำงานเลยผมนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานที่มีงานกองเท่าภูเขาได้แต่ก็ไม่ได้สนใจมันเลย สิ่งที่สนใจอยู่กลับเป็นโต๊ะว่างเปล่าที่ตอนนี้ไร้เจ้าของมานั่งทำงานผมจับโทรศัพท์สแกนนิ้วปลดล็อกแล้วก็กดปิดหน้าจอไว้เหมือนเดิม เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว ในใจอยากจะโทรไปหาญารินให้ได้ทันทีทันใดแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ที่ผ่านมาผมก็ง้อเธอมาตลอดจนอาจจะทำให้เธอเสียคนขนาดนี้ ถ้าหากจะง้อเธออีกครั้งก็คิดว่าเธออาจจะได้ใจอีกเรื่องวันนั้นญารินวู่วามเกินเหตุจริงๆ ต่อหน้าต่อตาผมขนาดนั้นยังไม่มีความเกรงใจกันเลยสักนิด และหลายครั้งหลายคราวที่ดารันมาหาผมเธอก็มักจะเป็นอารมณ์นี้อย่างวันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น ดารันทำขนมมาให้ผมลองชิมสูตรใหม่แบบไม่หวาน เพราะเธอรู้ว่าผมไม่ชอบกินอะไรหวานๆ แต่ญารินก็ทำท่าหาเรื่องใส่ดารัน จนไล่เธอกลับบ้านไปตอนเด็กๆ ดารันตัวเล็กมากและไม่สู้คนเลย มีผมกับเฮียนาฟสองคนที่คอยปกป้องเสมอเพราะเราสามคนเรียนที่เดียวกันมาตลอด ก่อนที่ดารันจะแยกย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศในช่วง