Chapter 7
[7/2] Line~~ เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา ‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’ ‘จะมาหรอ?’ ‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วย จากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ “เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน “ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม “คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ” ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้เลขาฯ สาวของตนเองออกไปหลบที่ระเบียงห้องก่อน ร่างเพรียวบางที่ยังงงกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ กลับถูกชายหนุ่มดึงแขนให้ออกมาตรงระเบียงอย่างปฏิเสธไม่ได้ “โอ๊ย! คุณเป็นอะไรเนี่ย? แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย วุ่นวายชะมัด ฉันกลับก็ได้นะ” “ไม่ได้! ออกไปตอนนี้ไม่ทันแล้ว” หลังจากที่ทิ้งญารินไว้ตรงระเบียงห้องเสร็จแล้ว ร่างสูงก็เดินออกไปเปิดประตูรอคนที่กำลังจะมาใหม่ แกร่ก! “น้องดาขอโทษนะคะ ที่วันนี้น้องดามาซะดึกเลย” ทันทีที่เปิดประตูให้อีกคนได้เข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ช่วยเธอถือข้าวของมากมายที่หิ้วมาด้วย “แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะ?” ถุงพลาสติกที่เขาถือช่วยเธออยู่นั้น ได้กลิ่นหอมโชยออกมา ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นอาหาร “น้องดาไม่อยากกินข้าวคนเดียวค่ะ เลยซื้อมาให้พี่ณัฐช่วยกิน” “ตอนดึกขนาดนี้เนี่ยนะ?” ร่างสูงเข้าใจอยู่หรอกว่า ‘ดารัน’ เป็นคนที่ไม่ชอบการอยู่คนเดียว คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบนี้ก็ไม่แปลก ที่เวลาโตขึ้นเธอจะยังต้องการคนข้างกายเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยว ถ้าไม่มีเพื่อน หรือครอบครัวพาไป แหล่งพึ่งพิงสุดท้ายถึงจะตกมาที่เขา แล้วยิ่งถ้าเป็นพี่ชายของเขารายนั้นคงไม่มีทางพาดารันไปไหนด้วยหรอก ช่วงนี้ได้ข่าวง้อเมียหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ดารันเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทมัสซิโม่พ่อของเขาเอง สมัยเด็กๆ ภัทรกาฬ ดารัน และตัวเขา ได้มีเวลามาเล่นตัวด้วยกันบ่อยๆ ก็เพราะทั้งสองบ้านของเรารู้จักกันดี ทว่าหลังจากพ่อของดารันเสียไป คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อของเขาเรื่องที่จะให้ดารันแต่งงานกับภัทรกาฬพี่ชายของเขา ก็เริ่มจะเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น แต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนก็รู้มาจากภัทรกาฬแว่วๆ มาว่าปฏิเสธดารันเรื่องงานแต่งงานไปแล้วตอนพาเธอไปเลือกชุดงานหมั้น ทว่าหญิงสาวก็ยังดื้ออยากจะแต่งกับพี่ชายของเขาให้ได้ ทั้งๆ ที่ภัทรกาฬไม่ได้รักดารันเลย “เอ๊ะ! พี่ณัฐทำขนมอยู่หรอคะ?” ดารันและเจ้าของห้องเดินเข้ามาเอาข้างเก็บในครัว หญิงสาวผู้มาใหม่จึงเห็นข้าวของกระจัดกระจายอยู่เต็มโต๊ะในครัว เหมือนมีใครกำลังจะทำขนมอยู่ อุปกรณ์ทำขนมพวกนี้เป็นของเธอเองที่ขนมาจากบ้าน เมื่อตอนที่ว่างมาหาณัฐกานต์ “อ่อ! ใช่ พอดีว่าอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดู” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ตอบไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความจริงเลย ทว่าพอเขาได้อยู่กับดารันทุกครั้งเขารู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ทำไมเขาต้องแคร์คนคนนี้ด้วยก็ไม่รู้ “ว้าว! งั้นน้องดาช่วยทำดีไหมคะ? ครั้งแรกเลยนะที่เห็นพี่ณัฐทำ” ปกติชายหนุ่มจะจับต้องของแบบนี้ที่ไหนล่ะ แม้แต่ขนมหวานที่เธอเคยทำให้ทานยังไม่ค่อยอยากแตะเลย แต่วันนี้ดูแปลกไปเลยกับสิ่งที่เขาบอก “ไหนบอกจะกินข้าวไง?” “ก็ทำอันนี้เสร็จ เราจะได้กินหลายๆ อย่างไงคะ คิกๆ ...” “หึหึ” ร่างสูงยิ้มในความเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า ตั้งแต่เด็กจนโตเธอคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ มีผลกระทบต่อเขามากขนาดไหน ต่อให้เธอจะร้องไห้เสียใจจากพี่ชายของเขามาอย่างไร สุดท้ายคนที่ต้องปลอบใจกลับเป็นเขาเอง และเรื่องนี้ณัฐกานต์ก็ไม่เคยบอกพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ ว่าดารันมาหาเขาที่คอนโดเพราะเรื่องนี้บ่อยครั้ง “ไหนดูสิว่าพี่ณัฐทำถึงไหนแล้ว” ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความสุข ที่ได้ช่วยกันทำขนมอยู่ในครัว ทว่าอีกคนที่อยู่ด้านนอกในตอนนี้กลับเดือดร้อนในสิ่งที่ณัฐกานต์ทำกับเธอ ร่างเพรียวบางมองผ่านกระจกตรงระเบียงเข้าไปด้านใน เห็นผู้หญิงอีกคนที่เธอเองก็ไม่เคยเจอ กำลังทำขนมที่เธอค้างทิ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้ ส่วนอีกคนก็ช่วยผู้หญิงคนนั้นทำอย่างตั้งใจ บรรยากาศยามดึกเกือบจะเที่ยงคืนได้แล้ว ร่างบางยังคงติดอยู่ด้านนอกนี้ โดยไม่มีวี่แววว่าผู้หญิงคนนั้นจะกลับไปง่ายๆ เลย แล้วยิ่งความหนาวเหน็บในยามค่ำคืน ทำให้ญารินเริ่มขนลุกซู่และหนาวสั่น จากที่เริ่มมีอาการคันคอเหมือนจะเป็นไข้ เพราะตอนกลางวันไปตากฝนชูป้ายในงานแข่งรถนั่น ตอนนี้ร่างเพรียวบางเริ่มจะแสบลำคอและตัวร้อนบ้างแล้ว ญารินเริ่มถอดใจแล้วว่าเธอจะได้กลับเข้าไปง่ายๆ จนกระทั่งเธอนั่งลงกับพื้นริมระเบียง พร้อมกับชันเข่ากอดตัวเองไว้เพื่อคลายหนาว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับเข้าไป และไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย “ฮัดชิ่ว!!” น้ำค้างด้านนอกระเบียง ยิ่งกระตุ้นทำให้เธอไม่สบายเข้าไปอีก จำได้ว่ายาที่เพิ่งแวะซื้อมาน่าจะอยู่ที่ร้านอาหารเมื่อตอนหัวค่ำ เพราะณัฐกานต์เล่นลากเธอมาโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ คงไม่ทันจะได้หยิบถุงยานั้นมาด้วย “เหอะ! อิคนใจดำ! คอยดูนะถ้าฉันออกไปได้ คุณเจอดีนะ ….ฮัดชิ่ววว!!” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่คนด้านในยังอยู่ แต่คนด้านนอกอย่างญารินตอนนี้ด้วยความเหนื่อยและเพลียทั้งวัน และเพราะพิษไข้ที่เริ่มมากขึ้น ทำให้ร่างบางเผลอหลับไปทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่งกอดเข่าหัวพิงผนังอยู่แบบนี้ หยาดน้ำค้างหยดลงจากฟากฟ้ามาเรื่อยๆ ทว่าคนที่หลับอยู่คงจะไม่รู้สึกตัว เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกได้ดีว่าเธอหลับลึกมากแล้ว หากคนด้านในนึกได้สักนิดว่ามีใครอีกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ เขาจะยังรู้สึกเป็นห่วงเธอหรือไม่ หากดารันยังอยากอยู่ในห้องของเขาต่อเขาจะทำอย่างไรต่อไปIntroจะมีใครสักกี่คนบนโลกที่อาจจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมาแบกรับภาระหน้าที่ที่ถูกสร้างความหวังไว้จากคนในครอบครัว บางคนถูกคาดหวังเรื่องการเรียนบางคนถูกคาดหวังเรื่องหน้าที่การงาน หน้าที่การงานต้องมั่นคงเข้าไว้เพื่อภายหน้าต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับคนในครอบครัวมันจะคอยบีบบังคับให้เราต้องเลือก ระหว่างสิ่งที่เราอยากทำหรือสิ่งที่เราควรทำ ...สองสิ่งนี้ถ้าลองให้ชั่งน้ำหนักใส่กันดูคุณจะเลือกแบบไหน?‘รินเข้าใจพี่นะ ว่าพี่คงหางานให้รินเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว’‘บริษัทเอเจนซี่ของเราก็เข้าขั้นวิกฤติมากเลยตอนนี้ พนักงานรวมทั้งนางแบบในสังกัดก็แทบจะไม่มีอีเว้นให้ออกกันอยู่แล้ว’ความลำบากของคนมันต่างกัน เพราะความลำบากทุกข์ยากนี้ทำให้เราไม่สามารถเลือกหนทางเดินชีวิตของตนเองไม่มากนักเฉกเช่นเดียวกันกับ ‘ญาริน สรหณุรักษ์’ นางแบบสาวสวยที่เพิ่งจะกำลังโดนถูกจ้างให้ออกจากงาน อย่างกะทันหันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่บริษัทไม่สามารถพยุงกิจการให้ไปต่อได้‘รินเข้าใจค่ะ แต่การพี่ lay-off พนักงานออกกะทันหันแบบนี้ แล้วเราจะไปทันหางานจากที่ไหนได้ล่ะคะ’ไม่มีใครอยากหางานทำใหม่กะทันหันแบบนี้แต่ถ้าจะยื้อกันไป ก็ไม่สามา
Chapter 1[1/1]ยามรุ่งเช้าเข้าวันใหม่แสงพระอาทิตย์ยังสาดส่องไม่ทั่วพื้นที่จากฟากฟ้า โดยเฉพาะภายในคอนโดสุดหรูที่ถูกผ้าม่านหนาทึบปกปิดแสงต่างๆ จากด้านนอกเอาไว้ทำให้คนที่กำลังนอนหลับได้ที่อยู่ไม่ได้สนใจเวลาตื่นเลยสักนิดร่างกำยำตามแบบฉบับของชายหนุ่มลูกครึ่งยุโรปทางตอนใต้ ถึงแม้จะนอนหลับอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว ทว่าความหล่อบนใบหน้าไม่ได้ทำให้ดูจืดจางลงแม้แต่นิดเดียวร่างกายที่นอนเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่เผยให้เห็นรอยสักต่างๆ มากมายทั่วทุกจุดสำคัญทั้งตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายสักชื่อภาษาอังกฤษของตัวเองเป็นลายมินิมอลถัดมาบริเวณใกล้เคียงกันตรงกล้ามแขนด้านซ้ายยังสรรหาประโยคคำคมมาประทับไว้เตือนใจตนเองส่วนหลังมือหนาด้านซ้ายก็ยังนำรูปนกฟินิกส์มาใส่แบบเท่ๆ อีกทั้งข้างขวาก็ยังมีประโยคคำคมเป็นภาษาอิตาลีทำให้ดูเก๋ไปอีกแบบรวมๆ แล้วทุกอย่างบนร่างกายของเขามันออกมาดูเหมาะกับตัวของเขาที่สุดหากมีคนมองเชื่อได้เลยว่าถ้าเกิดเป็นผู้ชายก็คงต้องอิจฉารูปร่างหน้าตา ส่วนถ้าเกิดเป็นพวกผู้หญิงก็คงจะอยากได้เขาคนนี้มาครอบครองอย่างนั้นแน่นอนติ๊ดด~~~แกร่ก!“ตื่นนนน!!! ตื่นได้แล้ววว นี่ๆ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยคุณ”ขณะที่ภาย
Chapter 2[2/1]หลังเลิกงานตอนเย็นวันนี้เช่นเดียวกับทุกๆ วันที่ญารินจะต้องนั่งงมอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์และแฟ้มเอกสารต่างๆ มากมายที่กองวางไว้ตรงหน้า ขณะที่พนักงานและผู้บริหารคนอื่นๆ ในชั้นนี้ต่างก็ทยอยกันกลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วโดยเฉพาะกับเจ้านายที่ไม่เอาอ่าวของเธอ ออกจากบริษัทไปตั้งแต่บ่ายสองครึ่งแล้วไม่รู้ว่าชีวิตของเขามันมีอะไรให้ทำอีกมากหรืออย่างไร ถึงชอบหายตัวไปแล้วทิ้งงานที่ตัวเองจะต้องเซ็นกองไว้ให้เธออยู่แบบนี้มันก็เลยกลายเป็นเคลียร์งานส่งให้อีกฝ่ายไม่ได้ เพราะยังติดต่อณัฐกานต์กลับมาเซ็นให้ไม่ได้อีกเพียงแค่งานของตัวเธอเองก็ยังทำไม่เสร็จอยู่เลย ยิ่งถูกตำหนิจากฝ่ายอื่นอยู่ว่าฝ่ายของเธอปัญหาเยอะบกพร่องตรงนั้นตรงนี้บ้าง ทว่าก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำตำหนิจากฝ่ายอื่นได้เลยก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงทั้งเธอและณัฐกานต์ต่างก็มือใหม่กันทั้งคู่ เธอเองถึงแม้จะมาทำงานที่ตรงไม่กับสายที่เรียนแต่เธอก็กำลังพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ในทุกๆ วันอย่างเช่นเดียวกับวันนี้ที่ญารินก็ต้องมานั่งทำงานล่วงเลยเวลาถึงแม้จะไม่ได้ค่าโอทีเนื่องจากเป็นความล่าช้าของเธอเองแต่กระนั้นเธอเองก็ต้องมีความรับผิดชอบเพ
Chapter 2[2/2]20.30 น.หลังจากที่ออกมาจากบริษัทได้แล้วร่างเพรียวบางก็ไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารสำคัญออกมาด้วยเพื่อที่จะให้ณัฐกานต์เซ็นอนุมัติญารินสรุปได้จากคำพูดของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นได้แล้วว่าเธอจะไปตามหาณัฐกานต์ที่คลับของเขาซึ่งเธอก็ได้ข้อมูลมาจากพนักงานคนนั้นอีกเช่นเคย อยากจะรู้จริงๆ ว่ายามคนนั้นมีอาชีพเป็นยามหรือเป็นกองสอดแนมชาวบ้านกันแน่หญิงสาวเดินเข้ามาภายในสถานบันเทิงเป็นที่เรียบร้อยได้สักพัก จากนั้นมีพนักงานบริการเดินเข้ามายื่นเมนูเครื่องดื่มให้เธอก่อนบนโต๊ะ“อืม เอาเป็นตัวนี้ค่ะ อย่างเดียวก่อน”นิ้วเรียวจิ้มลงบนรูปภาพเมนูเครื่องดื่มสักอย่างไปมั่วๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่ม ขณะที่สายตาสวยว่อกแว่กไปมามองหาจุดมุ่งหมาย“ครับ”“เอ่อ น้องคะ พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”“ได้ครับ”“ที่นี่คุณณัฐเค้าเป็นเจ้าของใช่ไหม? เอ่อ คือพี่เป็นพนักงานที่บริษัทของเค้าน่ะค่ะ พอจะตามตัวเค้ามาเจอพี่ได้ไหมเอ่ย พี่มีธุระสำคัญจริงๆ ค่ะ”“อ่อครับ ตอนนี้พี่ณัฐเค้าคงไม่ว่างหรอกครับพี่ อีกอย่างผมคงไปตามเค้ามาให้พี่ไม่ได้หรอกครับ”“ทำไม? งั้นแสดงวันนี้เค้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” ญารินคิดสงสัยว่าทำไมจะต้องเ
Chapter 3[3/1]หลังจากที่เดินลงไปหยิบเอกสารมาแล้ว เลขาฯ สาวอย่างญารินก็รีบหอบแฟ้มต่างๆ ขึ้นมายังห้องเดิมของชั้นบนสุด“อ่ะนี่! คุณรีบอ่านรีบเซ็นซะ ฉันจะได้รีบกลับซักที”“รีบนักทำไมไม่มาให้เซ็นตั้งแต่เมื่อวานเลยล่ะ”“อย่ามากวนประสาทนะคุณ”หญิงสาวยื่นแฟ้มเอกสารให้เจ้านายหนุ่มพร้อมปากกา ทว่ายังไม่เซ็นก็โดนยั่วโมโหขึ้นมาเสียดื้อๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอและเขาจะพูดจากันอย่างเป็นมิตร“คุณไม่คิดจะอ่านมันซักหน่อยหรอ? พรุ่งนี้คุณเองก็ต้องตอบคำถามทุกคนในห้องประชุมด้วยนะ”เจ้านายหนุ่มลงมือเซ็นทุกฉบับตามที่มีรอยปากกาสีจางมาร์คเอาไว้ อย่างไม่ทันได้อ่านรายละเอียดงานเลยแม้แต่น้อยจนทำให้ญารินอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นเอกสารอย่างอื่นที่จะนำความเดือดร้อนมาให้เขา แล้วดันมาเซ็นรับสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่อ่านให้ไตร่ตรองแบบนี้ ก็คงจะวุ่นวายน่าดู“พรุ่งนี้ฉันไม่เข้า เธอก็ทำหน้าที่แทนฉันก็แล้วกัน”“เดี๋ยวนะ! ได้ไงอ่ะคุณ? ยังไงก็ไม่ได้”“ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้” ณัฐกานต์ไหวไหล่เล็กน้อยใส่คนตรงหน้าพรุ่งนี้มีนัดแข่งสำคัญที่สนามแข่งรถเขาจะพลาดได้อย่างไร ถึงจะแข่งตอนบ่ายอย่างไรเสียเขาก็ต้องเตรียมรถให้พร้อมก่อนลงสนาม“ถ้าเกิด
Chapter 3[3/2]ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตามโชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใสตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็นคร่อกกก~เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลยญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่ จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแ
Chapter 4[4/1]@The Willington N group10.00 น.ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ บรรยากาศรอบๆ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับญารินอยู่ไม่ใช่น้อย การประชุมงานในครั้งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่การประชุมงานทั่วไปที่จะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงแต่วันนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายจากภายนอกองค์กร ที่เสียสละเวลามาฟังบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อที่จะเสนอร่างงบประมาณและจัดแผนการระดมทุนเพิ่มจากเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่างเพรียวบางยืนเตรียมสคริปต์มากมายที่จะใช้ในการนำเสนอสำหรับวันนี้ด้วยความตื่นเต้นและปนไปด้วยความกดดัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อจากนี้จะออกมาดีหรือไม่ที่จริงแล้วเธอไม่ควรได้รับเกียรตินี้ด้วยซ้ำ ทว่าคนที่จะต้องนำเสนอมันจริงๆ กลับผลักภาระมาให้ลูกน้องอย่างเธอแทน ส่วนตนเองน่ะเหรอก็คงจะไปมีความสุขอยู่แถวๆ สนามแข่งรถแล้ว“คุณญารินพร้อมไหมคะ?” เลขาฯ ของท่านประธานบริษัทเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของร่างเพรียวบางผู้เป็นเลขาฯ หน้าใหม่“พอไหวอยู่ค่ะพี่วจี ขอบคุณนะคะ”“ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็ออกไปเถอะ ทุกคนพร้อมแล้ว”“ค่ะ!!” ใบหน้าที่
Chapter 4[4/2]@สนามแข่งรถกว่าที่ญารินจะหาตำแหน่งที่ณัฐกานต์อยู่ได้ก็ใช้เวลาเกือบเป็นชั่วโมงเลย โชคดีที่วจีเลขาฯ สาวรุ่นใหญ่ของภัทรกาฬเป็นคนให้ข้อมูลกับเธอมา ไม่อย่างนั้นญารินคงจะหาไม่เจอและคงไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายแน่นอน“นี่ค่ะพี่ ไม่ต้องทอนนะคะ”“จะทอนได้ไงล่ะน้อง ก็มันพอดีแล้วนี่ ฮ่าๆๆ”“อู๊ยย! แฮร่ๆ” ร่างเพรียวบางกำลังเดินลงจากรถแท็กซี่มาหลังจากที่ชำระค่าเดินทางเสร็จแล้ว จะบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ขายขำแต่อย่างใด เพราะเธอเองก็ไม่ทันรู้เลยปล่อยไก่ตัวโตใส่คนขับไปเลยตอนนี้ญารินเข้ามาด้านในสนามแข่งรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในงานก็ต้องเสียเงินอีกรอบ เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นงานแข่งรถด้วยหญิงสาวเองก็เพิ่งรู้จากพนักงานขายบัตรด้านหน้าร่างเพรียวบางกำลังมองหาที่นั่งตามเลขบัตรที่ตนเองได้มา แสงแดดส่องลงกลางหัวแบบนี้ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ยังจะต้องทนแบกหน้าหาที่นั่งอีกเธอเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วแต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลับฉุดคิดได้ว่าหากมัวแต่รอให้ถึงเวลาเริ่มแข่งก็คงจะเลยเวลางานหรือไม่ ญารินจึงเกิดความคิดว่าจะต้องไปหาเจ้านายหนุ่มของตนก่อนที่งานจะเริ่มให้ได้ และแล้วขาเรียวย
Chapter 7[7/2]Line~~เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’‘จะมาหรอ?’‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วยจากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ“เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน“ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม“คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ”ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 6[6/1]หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตามร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเองเธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้วพอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ“หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ”ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว“อ่ะนี่! เรื่องเสื้
Chapter 5[5/2]ทางฝั่งของณัฐกานต์เองหลังจากที่เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนลงสนามแข่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามแข่งกันแบบจริงจังเสียที ระหว่างเตรียมพร้อมในจุดสตาร์ทคนนั่งอยู่ด้านใน Ford Mustang TA2 ม้าเหล็กคู่ใจคันนี้ ที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ 5.2 ลิตร ฝีมือจากวิศวะกรคนเก่งของเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากเจ้าของรถคันนี้เอง ....แข่งเองแต่งเองไปเลยสิครับด้วยความที่ณัฐกานต์เองก็เรียนจบด้านวิศวะฯ เครื่องกล มาเองกับมือ ทุกอย่างที่อยู่บนรถคันนี้เขาเป็นคนสรรหามาใส่เพิ่มความแรงของรถหมดทุกสิ่งอย่าง โดยมีลูกมืออย่างอัครเดชเพื่อนที่เรียนด้วยมาด้วยกันเป็นคนช่วยอีกแรง“แกล้งแพ้บ้างก็ได้นะมึง กูสงสารสปอนเซอร์คู่แข่งว่ะ” อัครเดชที่ยืนอยู่นอกรถแซวเพื่อนอย่างเซ็งๆ“แสดงว่ามึงอยากเสียตังค์?”“หึ! เบื่อแม่ง มึงแข่งทีไรกูไม่มีลุ้นเลย วินตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทเครื่องแล้วไอ้สัสณัฐ”เป็นอย่างที่อัครเดชพูดทุกอย่างเลย ตั้งแต่ที่จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกสนามและทุกรายการณัฐกานต์ไม่เคยแพ้เลยแม้ครั้งเดียว คู่แข่งขันจะชนะก็ต่อเมื่อเขาจะยอมสละสิทธิ์ไม่ลงแข่งก็เท่านั้น“เหอะ! งั้นพ
Chapter 5[5/1]เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัวร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านในเธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว“เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?”“กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?”ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคยญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม“พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากย
Chapter 4[4/2]@สนามแข่งรถกว่าที่ญารินจะหาตำแหน่งที่ณัฐกานต์อยู่ได้ก็ใช้เวลาเกือบเป็นชั่วโมงเลย โชคดีที่วจีเลขาฯ สาวรุ่นใหญ่ของภัทรกาฬเป็นคนให้ข้อมูลกับเธอมา ไม่อย่างนั้นญารินคงจะหาไม่เจอและคงไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายแน่นอน“นี่ค่ะพี่ ไม่ต้องทอนนะคะ”“จะทอนได้ไงล่ะน้อง ก็มันพอดีแล้วนี่ ฮ่าๆๆ”“อู๊ยย! แฮร่ๆ” ร่างเพรียวบางกำลังเดินลงจากรถแท็กซี่มาหลังจากที่ชำระค่าเดินทางเสร็จแล้ว จะบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ขายขำแต่อย่างใด เพราะเธอเองก็ไม่ทันรู้เลยปล่อยไก่ตัวโตใส่คนขับไปเลยตอนนี้ญารินเข้ามาด้านในสนามแข่งรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในงานก็ต้องเสียเงินอีกรอบ เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นงานแข่งรถด้วยหญิงสาวเองก็เพิ่งรู้จากพนักงานขายบัตรด้านหน้าร่างเพรียวบางกำลังมองหาที่นั่งตามเลขบัตรที่ตนเองได้มา แสงแดดส่องลงกลางหัวแบบนี้ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ยังจะต้องทนแบกหน้าหาที่นั่งอีกเธอเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วแต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลับฉุดคิดได้ว่าหากมัวแต่รอให้ถึงเวลาเริ่มแข่งก็คงจะเลยเวลางานหรือไม่ ญารินจึงเกิดความคิดว่าจะต้องไปหาเจ้านายหนุ่มของตนก่อนที่งานจะเริ่มให้ได้ และแล้วขาเรียวย
Chapter 4[4/1]@The Willington N group10.00 น.ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ บรรยากาศรอบๆ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับญารินอยู่ไม่ใช่น้อย การประชุมงานในครั้งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่การประชุมงานทั่วไปที่จะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงแต่วันนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายจากภายนอกองค์กร ที่เสียสละเวลามาฟังบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อที่จะเสนอร่างงบประมาณและจัดแผนการระดมทุนเพิ่มจากเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่างเพรียวบางยืนเตรียมสคริปต์มากมายที่จะใช้ในการนำเสนอสำหรับวันนี้ด้วยความตื่นเต้นและปนไปด้วยความกดดัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อจากนี้จะออกมาดีหรือไม่ที่จริงแล้วเธอไม่ควรได้รับเกียรตินี้ด้วยซ้ำ ทว่าคนที่จะต้องนำเสนอมันจริงๆ กลับผลักภาระมาให้ลูกน้องอย่างเธอแทน ส่วนตนเองน่ะเหรอก็คงจะไปมีความสุขอยู่แถวๆ สนามแข่งรถแล้ว“คุณญารินพร้อมไหมคะ?” เลขาฯ ของท่านประธานบริษัทเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของร่างเพรียวบางผู้เป็นเลขาฯ หน้าใหม่“พอไหวอยู่ค่ะพี่วจี ขอบคุณนะคะ”“ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็ออกไปเถอะ ทุกคนพร้อมแล้ว”“ค่ะ!!” ใบหน้าที่
Chapter 3[3/2]ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตามโชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใสตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็นคร่อกกก~เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลยญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่ จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแ