ดาวิชรู้สึกตัวตื่นอีกทีในห้องนอนห้องหนึ่ง เขาเหลือบเห็นสายน้ำเกลือเสียบคาผิวที่หลังมือ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลจางนั่นล่ะ
ความทรงจำก่อนหน้าคือกำลังเดินกลับมาที่โรงครัว แล้วภาพก็ตัดไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดาได้ว่าเขาอาจเป็นลมหมดสติไป
ดาวยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วชะโงกมองไปที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นกริ่งเรียกคนรับใช้ กับกระดาษเอสี่พับครึ่งที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือตัวใหญ่ ราวกับจะบอกให้เขารู้เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร
‘คุณดาวเป็นลมแถวโรงครัว พวกคุณชายเลยจัดให้หมอประจำตระกูลจางมาดูแลแล้วก็ให้น้ำเกลือค่ะ อ้อแล้วถ้าคุณดาวอยากได้อะไรกดกริ่งเรียกพี่โมได้เลยนะคะ’
หนุ่มจากเมืองไกลอ่านข้อความแล้วไม่อยากเชื่อ
‘พวกคุณชายจอมโหดเป็นห่วงกูด้วยเหรอวะ’
แต่พออ่านจนจบก็แอบยิ้ม อย่างน้อยในคฤหาสน์กว้างใหญ่และโอ่อ่าที่เขามาเป็นเมียที่คุณชายมาเฟียร้ายทั้งสามไม่ต้องการ ก็ยังมีน้ำใจเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำในทะเลทรายอันอ้างว้างจากแม่บ้านแตงโม จากผู้ช่วยส่วนตัวที่ชื่อเดช
อ้อ...แล้วก็ท่านปู่อีกคน
สิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีกำลังใจขึ้นมา
พอได้นอนพักโอเมก้าก็รู้สึกแทบเป็นปกติแล้ว และตอนนี้ก็หิวด้วย พอมองนาฬิกาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นของคฤหาสน์แล้ว
ดาวลังเลว่าจะกดกริ่งดีหรือไม่ ขอให้พี่แตงโมหาอะไรให้กินหน่อย แต่พอคิดอีกทีก็เกรงใจ จึงคิดว่าจะไปหาอะไรกินเอง
‘เดินไปหาอะไรกินที่ครัวดีกว่า’
เขามองเข็มน้ำเกลือที่ต้นแขน แปลกใจนิดหน่อยว่าคนรวยนี่รวยถึงกับเรียกให้หมอมารักษาถึงบ้านได้ด้วย
‘เป็นคนรวยนี่ดีจริง’
ดาวตัดสินใจดึงเข็มน้ำเกลือออกเพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงพอแล้ว เขาใช้สำลีบนโต๊ะกดแผลไว้ ก่อนจะออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ
+++++
ขณะเดินไปตามโถงทางเดิน เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
มีแสงประหลาดลอดจากห้องห้องหนึ่งที่บังเอิญแง้มประตูเปิดไว้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเสียงดนตรีบรรเลงแนวผ่อนคลายสมอง หรือที่เรียกกันว่า ‘ไวต์นอยซ์’ เล็ดลอดออกมาด้วย
แสงประหลาดที่ว่าเปลี่ยนสีไปมา คล้ายไฟในสถานบันเทิงยามราตรี แต่สีสันสบายตาชวนให้ผ่อนคลาย และมันก็ดึงดูดหนุ่มโอเมก้าให้เดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว
‘แสงอะไรวะเนี่ย สวยเหลือเกิน เหมือนรุ้งที่สะท้อนบนฟองสบู่กลางแดดเลย’
แล้วคำคำหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ‘สีเหลือบรุ้ง’ มันน่าสวยงามประมาณนี้ล่ะ
ห้องที่เป็นที่มาของแสงนั้นปิดไฟมืด ต้นตอของแสงเหลือบรุ้งสวยงามมาจากแท่งทรงกระบอกอันหนึ่งซึ่งดูเหมือนหลอดไฟขนาดใหญ่ มันปล่อยรังสีเหลือบรุ้งออกมาเป็นระลอก ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ดาวไม่อยากเชื่อคือบางอย่างที่อยู่รอบหลอดไฟนั่นต่างหาก
คุณชายมาเฟียทั้งสาม ผู้ชายปากร้ายและใจร้ายต่างนอนนิ่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ที่วางรายรอบ มือประสานกันวางไว้บนอกอย่างเรียบร้อย
ลมหายใจของพวกเขาเบาและเป็นจังหวะ เหมือนคนนอนหลับ ราวกับกำลังนอนอาบแสงเหลือบรุ้งยังไงยังงั้น
ดาวคิดในใจแบบขำ ๆ ‘พวกคุณชายมาเฟียทำสปาผิวเหรอวะ’
ที่คิดแบบนั้นเพราะเขาเคยได้ยินว่าสปาความงาม หรือคลินิกความงาม มีการใช้แสงบางอย่างเพื่ออาบผิว หรืออาบหนังศีรษะเพื่อหวังผลบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าจอมโหดมาดแมนทั้งสามจะเอาด้วย
และด้วยธรรมชาติของโอเมก้าในช่วงฮีท เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าอัลฟ่าทั้งสามเองก็รัท กลิ่นกับสารเคมีที่ฟุ้งในอากาศดึงดูดเขาเข้าไปหากลุ่มคนที่นอนอยู่
ดาวแอบคิดว่า
‘ตอนคุณชายจอมโหดทั้งสามนอนหลับดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัยเลย อยากให้นอนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องตื่นเลยก็คงดี’
โอเมก้าเดินไปหาสามร่างที่นอนทีละก้าว ๆ โดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นเขาก็สะดุดบางอย่าง
กึก
เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดสายของปลั๊กไฟของหลอดไฟเหลือบรุ้ง มันพันที่ข้อเท้าทำเอาเขาหกล้ม มือแกว่งไปปัดถูกหลอดไฟส่งผลให้มันฟาดลงกับพื้นอย่างแรง
เพล้ง
หลอดไฟที่ทำมาจากแก้วแตกเปรื่อง ไฟดับวูบลง แถมเสียงบรรเลงผ่อนคลายที่มาจากเครื่องก็ตกร่อง ตะกุกตะกักทันที กลไกที่ผลิตเสียงของหลอดไฟคงเสียหายไปด้วย
ดาวที่ก้นกระแทกกับพื้นไม่เจ็บแต่ตกใจมากกว่า โทษตัวเองที่เดินซุ่มซ่ามไม่ระวัง เขายังไม่ทันยืนขึ้น แค่ยันตัวเองขึ้นจากพื้น แสงเหลือบรุ้งอ่อนระโหยลำสุดท้ายสาดให้เห็นก่อนดับวูบ พอเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเขาก็แทบช็อก
‘ฉิบหายแล้วกู’
แต่ที่ฉิบหายกว่าคืออัลฟ่าที่เมื่อกี้หลับอยู่คงตื่นขึ้นมาทันที แถมส่งเสียงลั่นตามนิสัยเดิม
“ใครทำอะไรเสียงดังในห้องนี้วะ!”
+++++
ทั้งสามมีท่าทีงัวเงียเพียงเล็กน้อย ครั้นพอได้สติก็รีบยันตัวขึ้นจากเตียง หนึ่งในนั้นรีบเดินไปเปิดโคมไฟตั้งพื้นที่อยู่ไม่ไกล แสงสีส้มสาดให้เห็นทันทีว่าผู้บุกรุกคือใคร
พอพวกนั้นเห็นก็ย่างสามขุมมาหาโอเมก้าที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น
พอสองแฝดเห็นว่าเป็นใครแล้วอุทานลั่น “นังดาวเองเหรอ!”
ส่วนเจียเหาอึ้งพูดไม่ออก สุดท้ายก็หลุดเสียงพึมพำออกมาว่า “ฟื้นจากเป็นลมแล้วเหรอ”
“ชะ...ใช่ครับ”
ดาวไม่อยากเชื่อว่าเห็นแววสำนึกผิดอยู่ในดวงตาของทั้งสาม
แต่แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อฝาแฝดหันไปเห็นหลอดไฟปล่อยแสงเหลือบรุ้งที่นอนชะตาขาดบนพื้น ทั้งคู่ตะโกนลั่นเหมือนฟ้อง
“พี่เจียเหา มันทำหลอดรังสีรุ้งของเราแตก!”
แล้วจางฉวน แฝดคนที่ไม่มีแผลเป็นที่หว่างคิ้วก็ร้องขึ้นเหมือนนึกได้
“หรือว่ามันจะรู้ว่าเรานอนบำบัดอยู่ในห้องนี้ มันเลยเข้ามาแกล้ง!”
จางหมิงที่มีแผลเป็นที่หว่างคิ้วตะโกนลั่นอย่างคนมีชนักความผิดปักหลัง “แกคิดจะแก้แค้นคืนเรื่องที่พวกเราทำกับแกไว้อย่างนั้นหรือ!”
ส่วนเจียเหาคุณชายใหญ่พูดลอดไรฟัน “แกไปรู้มาจากไหนว่าพวกเรานอนอาบรังสีอยู่ในห้องนี้”
ดาวเห็นความเข้าใจผิดชนิดกู่ไม่กลับเลยรีบอธิบาย “ปะ...เปล่านะ ใครจะรู้ว่าพวกคุณนอนอาบแสงอยู่ในห้องนี้ล่ะ ผมแค่เดินเข้ามาในห้องนี้โดยบังเอิญ ประตูมันปิดไม่สนิทผมเลยเปิดเข้ามาดูแล้วก็…”
“โกหกหรือเปล่าเนี่ย”
“ผมพูดจริง พวกคุณลองคิดดูสิ แล้วผมจะเข้ามาในห้องนี้เพื่อมาเตะหลอดไฟให้พังเพื่ออะไรล่ะ”
“ก็เพื่อเอาคืนพวกเราที่พยายามแกล้งแกไงล่ะ” จางฉวนตอบโต้ทันที แต่การพูดแบบนั้นทำให้รู้สึกว่าพวกเขาแกล้งดาวด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่ใช่ด้วยนิสัยหรือด้วยความพอใจ
“หือ เอาคืน? งั้นแปลว่าพวกคุณก็รู้ตัวใช่ไหมว่าทำไม่ดีไว้กับผมจริง ๆ”
คำถามในเชิงหลอกด่านั้นแทงใจดำทั้งสามคนได้ชะงัด แต่คนที่ว่องไวที่สุดคือคนที่ใจร้อนที่สุด เจียเหาปราดเข้ามาถึงตัวดาวแล้วทรุดตัวลง ใช้มือข้างหนึ่งบีบหัวไหล่ อีกแขนข้างสอดเข้ามารอบลำคอ
โอเมก้าอุทานด้วยความตกใจ “โอ๊ะ”
“คนชั้นต่ำอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาพูดกับพวกฉันอย่างนี้นะ!”
“ปากสามหาวแบบนี้สั่งสอนมันเลยพี่” สองแฝดสนับสนุนเชียร์สุดใจ
เจียเหาในฐานะหัวหน้าทีมจึงก้มหน้าลงมา แต่จู่ ๆ เขาก็ชะงักไปทันที เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก
“กลิ่นอะไรวะเนี่ย โคตรหอมเลย”
คู่แฝดแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป “พี่เจียเหาเป็นอะไร”
พี่ชายใหญ่ส่ายหน้า “อึก ฉัน…รู้สึกมึนนิดหน่อย”
“หรือนังบ้านนอกมันทำอะไรใส่พี่
เจียเหาคลายนิ้วที่รอบลำคอเรียวของดาว เขาสลัดศีรษะไปมาสองสามทีเพื่อไล่ความมึนงง
สองแฝดล้อมวงเข้ามาบ้าง ก่อนจะย่อตัวลงมาหาต้นเหตุ แล้วจากนั้นทั้งสองก็ผงะหงาย
“กลิ่นนี่มัน…”
ที่แท้อัลฟ่าทั้งสามก็ถูกฟีโรโมนของโอเมก้าตกเข้าให้อย่างจัง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือฟีโรโมนของดาว หนุ่มบ้านนอกคนนี้ ช่างรุนแรงเกินกว่าโอเมก้าคนอื่น ๆ ที่บรรดาคุณชายมาเฟียเคยพบมาในชีวิต
จางฉวนคือคนที่ได้สติก่อน ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด เขาเสนอไอเดียหนึ่งขึ้นมา
“ไหน ๆ มันก็มาที่นี่เพื่อเป็นเมียพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ”
“เมียเมออะไรกันล่ะ ก็เป็นได้แค่ของเล่นคั่นเวลา เบื่อเมื่อไรก็เขี่ยทิ้ง” จางหมิงแสยะปากตอบ จากประโยคที่หนึ่งในคู่แฝดพูดสื่อได้ว่า ความเป็นเมียที่จะมอบให้โอเมก้าไร้สกุลคนนี้ได้ ก็แค่เมียชั่วครั้งชั่วคราว หาใช่เมียแต่งที่มีไว้เชิดหน้าชูตา
“นั่นละ ๆ” คู่แฝดจางฉวนเออออกับอีกคน ก่อนจะเอามือแตะไหล่พี่ชายใหญ่ในเชิงขอความเห็น “แต่ในเมื่อมันมาเพื่อเป็นเมียเรา งั้นทำไมเราไม่ลองยัดเยียดความเป็นผัวให้มันซะเลยล่ะ”
พี่ชายใหญ่เม้มปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วทั้งสามก็พยักหน้าให้กันอย่างสมรู้ร่วมคิด
ส่วนดาวได้แต่เบิกตากว้าง สัมผัสได้ชัดทีเดียวถึงความซวยที่จะบังเกิด
เจียเหาที่ร่างใหญ่ที่สุดอุ้มร่างเล็กพาดบ่าแล้วรีบเข้าไปในอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน
ดาวได้แต่ร้องโวยวาย เอามือทุบแผ่นหลังกว้างหนาดังอั้ก ๆ แต่คนตัวใหญ่ไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด
โอเมก้าเมียที่กลายเป็นแค่ของเล่นชั่วคราวอยู่ในสภาพห้อยหัว มองเห็นภาพสองแฝดกลับหัวกลับหาง แต่ก็ยังเห็นว่าริมฝีปากของทั้งคู่แสยะยิ้ม แววตาหื่นกระหาย
‘ฉิบหายจริง ๆ ละสิทีนี้!’
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวและปิดประตูตามหลังแล้ว คุณชายมาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ก็ปล่อยร่างบางลง ก่อนจะใช้มือกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อั๊ก” ดาวรู้ตัวเลยว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้น แต่มันไม่หยุดแค่นั้น และตอนนี้ปลายเท้าไม่แตะพื้นแล้วด้วยด้วยความตกใจ เขาวางมือกุมมือใหญ่ที่คอเสื้ออีกที น้ำเสียงของเมียจ้างตื่นกลัว “อึก จะ…จะทำอะไรผม”เจียเหาแสยะปาก “มึงยังมีหน้ามาถาม ทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปได้!”ส่วนสองแฝดพูดเกือบพร้อมกัน “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร“อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอา ฮือ”“ทำไม ไม่ชอบรึไง พวกเราเป็นถึงสามคุณชายตระกูลจางเลยนะโว้ย!”“ที่จริงแกควรนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่เราลดตัวลงมาเล่นกับของเล่นบ้าน ๆ อย่างแก”คราวนี้ดวงตาของเหยื่อของเล่นเกือบถลน เขาไม่คิดว่าพี่น้องตระกูลจางจะรักใคร่สามัคคีกับทุกเรื่องอย่างนี้ “สะ…สาม หมายถึงพร้อมกันสามคนเลยเหรอ”“ทำไม รับไม่ได้รึไง”“ในเมื่อแกก็รู้ตั้งแต่แรก อาเชาว์ก็บอกในห้องว่าแกต้องเป็นเมียของพวกเราทุกคน”“ครับ นั่นก็ถูก” ดาวเถียงไม่ออก“ตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วไง”“แกแหละต้องเป็นคนรับให้ได้ สัญญาก็เซ็นไปแล้ว”“อ๊ะ คือว่าผม…” เ
เจียเหาคำราม เปลือกตาบีบเข้าหากัน ช่องทางของดาวิชทำเขาแทบคลั่ง หากเมื่อกี้ขยับเอวไวกว่านี้แค่นิดเดียว คงได้แตกเข้าไปข้างในของเล่นชิ้นนี้ตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าแน่และหากมันเกิดขึ้นจริง สองแฝดคงเก็บเรื่องของเขาไปล้อไม่เลิกแน่นอนว่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางเสียท่าให้กับโอเมก้าเด็กหนุ่ม ถึงกับทำเรือล่มปากอ่าว‘ไอ้เด็กคนนี้แม่งไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลยเหรอวะ’ช่องทางนั้นทั้งคับแน่น ทั้งตอดตุบ ดุ้นของคุณชายใหญ่เหมือนกับจะขาดแล้วติดค้างอยู่ข้างใน“แฮก ๆ อา” ดาวครางเสียงสั่น แม้ครั้งแรกจะไม่ยาก แต่น้ำหล่อลื่นในช่วงฮีทของโอเมก้านั้นหลั่งไหลเหมือนฝนตก มันช่วยให้การล่วงล้ำในสภาพนี้เกิดขึ้นได้“เป็นไงบ้างพี่เจียเหา ดีไหม” สองแฝดถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเจียเหาพยักหน้า แล้วพอเริ่มตั้งต่อได้ ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดอยู่ อัลฟ่าบ้ากามจับชายเสื้อของดาวิชไว้ ตามมาด้วยการกระแทกดุ้นกับก้นไม่ยั้งตับ ๆๆ พลัก ๆๆเพียะ ๆเสียงที่ว่าเกิดขึ้นเพราะสองแฝดที่ยังว่างงานเกิดอารมณ์เกินกลั้น จึงใช้ฝ่ามือหวดไปยังแก้มก้นขาวงอนจนเป็นปื้นแดง บางคนก็เอานิ้วแหย่เข้ามาในโพรงปาก ราวกับหากดุ้นยังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ขอเป็นส่วนอื่น
หลังผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนนั้น สามคุณชายมาเฟียมานั่งรวมหัวกันในห้องหยก ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งในห้องใช้สีเขียวตามชื่ออัญมณีที่ว่ามานั่นเองต่างคนต่างอยู่ในความเงียบ สุดท้ายจางหมิงทนไม่ไหว วางถ้วยชาลงกับโต๊ะดังกึก นิ้วโป้งคลึงที่รอยแผลตรงหว่างคิ้วขณะทำหน้าเคร่งเครียด แต่อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเคลิบเคลิ้ม ปากยิ้มทั้งที่ไม่มีสาเหตุใดให้ยิ้ม“เป็นอะไรจางหมิง” เจียเหาอดแขวะไม่ได้“อ๊ะ เปล่าครับ แค่นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมา”พี่ชายใหญ่ส่ายหน้าแล้วจิบชาร้อน หัวคิ้วยังมุ่นอย่างเคยที่น่าแปลกคือเช้านี้ทั้งสามตื่นด้วยความรู้สึกสดชื่นผิดปกติ ไม่มีอาการมึนหัวเวียนหัวหมดเรี่ยวแรงดังเช่นที่มักจะเป็นในช่วงสามสี่วันในห้วงของอาการรัทจางฉวนมองคู่แฝดของตนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หันไปมองเจียเหาที่ยังนั่งนิ่ง แต่สีหน้าของพี่ใหญ่มีแววครุ่นคิดจางฉวนรู้ดีว่าพี่ชายใหญ่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วางฟอร์มไม่เอ่ยเป็นคนแรก ในฐานะน้องชายผู้รู้ใจเขาจึงจัดการเปิดประเด็นให้“ทำไมผมถึงสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกจากหัวไม่ได้เลยน้า”เจียเหาติดกับทันที “หึ เอ็งติดใจยัยโอเมก้าเข้าให้เหรอ”“อ๊ะ หรือพี่ไม่ติดใจ
ดาวได้ฟังแล้วถึงกับกัดริมฝีปาก เรื่องประเภทนี้เขารู้ดี รู้ว่าสถานะนายบำเรอนั้นแตกต่างจากสถานะภรรยามากขนาดไหน เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราว“พวกเราน่ะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นจำไว้” จางหมิงเอ่ยซ้ำ แต่อาจเพื่อย้ำเตือนบอกตัวเองก็ได้ดาวเชิดหน้าขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นคนดื้อดึงขึ้นมา “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ!”คราวนี้ทั้งสามถึงกับอึ้งไปเลย“ถ้าให้ผมเป็นแค่ของเล่น ผมกลับไปทำงานใช้แรงงานเหมือนเดิมสบายใจกว่า หรือไม่ผมก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทนายสุเชาว์ก่อนถึงจะตอบตกลงได้”คราวนี้ถึงทีสามพี่น้องคิดหนัก หากเรื่องนี้ถึงหูของทนาย ก็อาจเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นจางฉวนรีบพูดต่อ “แล้วถ้าเราให้เงื่อนไขพิเศษล่ะ”“เงื่อนไข?”จางหมิงพูดต่อ “ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนายบำเรอ เราจะเซ็นเช็คให้เธอทันทีสามล้าน”คนฟังตาวาวทันที เงินสามล้านสำหรับเขาคือเงินจำนวนมหาศาลเจียเหาสอดนิ้วทั้งสิบหากัน เอ่ยเสียงเรียบสุขุมอย่างเคย “ฉันรู้ว่าเธอจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากการเป็นเมียปีละห้าล้านใช่ไหม”“ใช่ครับ”“ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่ครบหนึ่งปี”ดาวิชพยักหน้าอีก“แต่เงินสามล้านที่บอกเมื่อกี้จะได้เลยทันที จะไม่ดีก
“คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเป็นเมียพวกเราได้งั้นเหรอ!”“โอเมก้าไร้สกุลอย่างเธอ ใครจะอยากได้ แค่เป็นนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็เกินฝันแล้ว!”น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้คำพูดเสียดแทงเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเขาสักเท่าใดนัก แต่ในขณะที่ดาวกำลังกวาดคอกม้าอย่างขะมักเขม้นคำพูดเสียดแทงพวกนั้นมันย้อนมา อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่–การทำความสะอาดคอกม้า ได้กระตุ้นให้หวนนึกถึงการกดขี่จากคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าใครโอเมก้าหนุ่มน้อยไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำความสะอาดคอกม้า ตอนนี้ไม่มีม้าอยู่ในคอกหรอก แต่เขารู้มาว่าแต่ก่อนเคยมี นับเป็นบุญเหลือเกินที่ชาตินี้ได้ทำความสะอาดคอกที่ว่างเปล่าแห่งนี้สักครั้งดาว หรือดาวิช เขาเป็นโอเมก้าวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้น บ้านเกิดอยู่สงขลา และเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานทั้งที่จบแค่ระดับมัธยมนั่นเพราะความจำเป็นเรื่องเงินของที่บ้าน ที่บ้านของหนุ่มน้อยมีหนี้สินอันเกิดจากการทำประมงพื้นบ้านของพ่อกับแม่ แค่นั้นยังไม่หนำใจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สอง ส่วนแม่ ดวงตาของแม่เป็นต้อระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ตาจะบอดแม้อาการเจ็บป่วยร
จากความประทับใจแรกพบที่ยอดแย่ เพียงไม่กี่วันต่อมาที่คฤหาสน์ตระกูลจาง ดาวมีโอกาสได้รู้จักบรรดาคุณชายมาเฟียทั้งสามมากขึ้น แต่เป็นในแง่มุมที่เลวร้ายลงกว่าเดิมเขาพบกับคนที่วันนั้้นใส่เชิ้ตขาวตัวใหญ่บนทางเดินจากห้องตัวเองไปห้องรับประทานอาหารโดยบังเอิญ ตอนนี้ดาวจำได้แล้วว่าคือจางเจียเหา เป็นพี่ชายคนโตทั้งคู่กำลังเดินสวนกัน ดาวิชไม่แน่ใจว่าจะทำตัวยังไงดี จึงหยุดแล้วได้แต่ทำตัวลีบกับผนังทางเดิน เพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวใหญ่ไปก่อนแต่พอเดินมาในรัศมีเอื้อมถึง นิ้วมือใหญ่ของเจียเหากลับยื่นมาจิ้มเบา ๆ ที่หัวไหล่คนตัวเล็กจึก ๆแม้จะแค่ทำเบา ๆ แต่ก็ทำให้โอเมก้าร่างกระจ้อยร่อยอุทาน “โอ้ะ” ด้วยความตกใจ จากนั้นก็คลำที่หัวไหล่ป้อย ๆเจียเหาตวาดใส่ทันที “ถอยไป เกะกะทางจริง ๆ นังโอเมก้าซื่อบื้อ”“ขอ…ขอโทษครับ” ดาวว่าเขาก็หลีกทางให้แล้วนะแต่คุณชายใหญ่ยังไม่เลิกระราน“ไม่รู้หรือไงว่าคนใช้น่ะ มีทางเดินของตัวเอง อย่ามาสะเออะใช้ทางร่วมกับเจ้านายเด็ดขาดนะ ต่อไปนี้ห้ามแกมาเดินเพ่นพ่านในเรือนใหญ่ให้ฉันเห็น!” ประโยคสุดท้ายนั้นแทบเรียกได้ว่าตะโกนทีเดียวดาวอยากเถียงใจจะขาดว่า เขาเองก็อยากอยู่ที่เรือนคนใช้เพื่อควา
พอมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจาง อะไรที่ดาวไม่อยากรู้ก็ได้รู้ เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากบรรดาบ่าวไพร่ว่า หลังจากเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียได้ไม่นาน สามคุณชายก็วางแผนให้เมียแต่งที่ไม่ต้องการทนอยู่ไม่ได้ จนเลือกเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เองให้พ้น ๆและดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง เพราะต่อจากนั้นดาวิชก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ทั้งที่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดคอกม้า ทั้งที่ในนั้นไม่มีม้าสักตัวคุณชายฝากให้บ่าวสักคนมาบอกดาวว่า‘ฉันจะบูรณะคอกม้าใหม่ แล้วว่าจะซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยง แต่บ่าวไพร่คนอื่นมีงานล้นมืออยู่แล้ว เหลือแต่เธอคนเดียวแหละในบ้านนี้ที่ยังว่าง วัน ๆ เอาแต่เดินแกว่งแขนเล่นอยู่ได้!’เมียแต่งผู้ไม่ถูกยอมรับฟังแล้วฉุนกึก แต่คำพูดนั่นก็ไม่เกินจริง เพราะดาวเองก็ไม่มีอะไรทำในบ้านหลังนี้จริง ๆ นั่นละแต่สะใภ้ไร้ศักดินาอดกระหยิ่มใจไม่ได้ว่า สามคุณชายนี้ไม่รู้อะไรเสียแล้ว งานเป็นคนใช้ต่างหากคือความตั้งใจจริงแท้แต่แรกของเขา งานใช้แรงไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเลย‘สามคนนี้คิดจะใช้เรื่องนี้มาแกล้งงั้นเหรอ ไม่สำเร็จหรอก งานอย่างนี้ละคือความถนัดของเราเลย’ ดาวคิดในใจคนทำงานในคฤห
ดาวได้ฟังแล้วถึงกับกัดริมฝีปาก เรื่องประเภทนี้เขารู้ดี รู้ว่าสถานะนายบำเรอนั้นแตกต่างจากสถานะภรรยามากขนาดไหน เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราว“พวกเราน่ะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นจำไว้” จางหมิงเอ่ยซ้ำ แต่อาจเพื่อย้ำเตือนบอกตัวเองก็ได้ดาวเชิดหน้าขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นคนดื้อดึงขึ้นมา “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ!”คราวนี้ทั้งสามถึงกับอึ้งไปเลย“ถ้าให้ผมเป็นแค่ของเล่น ผมกลับไปทำงานใช้แรงงานเหมือนเดิมสบายใจกว่า หรือไม่ผมก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทนายสุเชาว์ก่อนถึงจะตอบตกลงได้”คราวนี้ถึงทีสามพี่น้องคิดหนัก หากเรื่องนี้ถึงหูของทนาย ก็อาจเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นจางฉวนรีบพูดต่อ “แล้วถ้าเราให้เงื่อนไขพิเศษล่ะ”“เงื่อนไข?”จางหมิงพูดต่อ “ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนายบำเรอ เราจะเซ็นเช็คให้เธอทันทีสามล้าน”คนฟังตาวาวทันที เงินสามล้านสำหรับเขาคือเงินจำนวนมหาศาลเจียเหาสอดนิ้วทั้งสิบหากัน เอ่ยเสียงเรียบสุขุมอย่างเคย “ฉันรู้ว่าเธอจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากการเป็นเมียปีละห้าล้านใช่ไหม”“ใช่ครับ”“ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่ครบหนึ่งปี”ดาวิชพยักหน้าอีก“แต่เงินสามล้านที่บอกเมื่อกี้จะได้เลยทันที จะไม่ดีก
หลังผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนนั้น สามคุณชายมาเฟียมานั่งรวมหัวกันในห้องหยก ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งในห้องใช้สีเขียวตามชื่ออัญมณีที่ว่ามานั่นเองต่างคนต่างอยู่ในความเงียบ สุดท้ายจางหมิงทนไม่ไหว วางถ้วยชาลงกับโต๊ะดังกึก นิ้วโป้งคลึงที่รอยแผลตรงหว่างคิ้วขณะทำหน้าเคร่งเครียด แต่อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเคลิบเคลิ้ม ปากยิ้มทั้งที่ไม่มีสาเหตุใดให้ยิ้ม“เป็นอะไรจางหมิง” เจียเหาอดแขวะไม่ได้“อ๊ะ เปล่าครับ แค่นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมา”พี่ชายใหญ่ส่ายหน้าแล้วจิบชาร้อน หัวคิ้วยังมุ่นอย่างเคยที่น่าแปลกคือเช้านี้ทั้งสามตื่นด้วยความรู้สึกสดชื่นผิดปกติ ไม่มีอาการมึนหัวเวียนหัวหมดเรี่ยวแรงดังเช่นที่มักจะเป็นในช่วงสามสี่วันในห้วงของอาการรัทจางฉวนมองคู่แฝดของตนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หันไปมองเจียเหาที่ยังนั่งนิ่ง แต่สีหน้าของพี่ใหญ่มีแววครุ่นคิดจางฉวนรู้ดีว่าพี่ชายใหญ่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วางฟอร์มไม่เอ่ยเป็นคนแรก ในฐานะน้องชายผู้รู้ใจเขาจึงจัดการเปิดประเด็นให้“ทำไมผมถึงสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกจากหัวไม่ได้เลยน้า”เจียเหาติดกับทันที “หึ เอ็งติดใจยัยโอเมก้าเข้าให้เหรอ”“อ๊ะ หรือพี่ไม่ติดใจ
เจียเหาคำราม เปลือกตาบีบเข้าหากัน ช่องทางของดาวิชทำเขาแทบคลั่ง หากเมื่อกี้ขยับเอวไวกว่านี้แค่นิดเดียว คงได้แตกเข้าไปข้างในของเล่นชิ้นนี้ตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าแน่และหากมันเกิดขึ้นจริง สองแฝดคงเก็บเรื่องของเขาไปล้อไม่เลิกแน่นอนว่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางเสียท่าให้กับโอเมก้าเด็กหนุ่ม ถึงกับทำเรือล่มปากอ่าว‘ไอ้เด็กคนนี้แม่งไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลยเหรอวะ’ช่องทางนั้นทั้งคับแน่น ทั้งตอดตุบ ดุ้นของคุณชายใหญ่เหมือนกับจะขาดแล้วติดค้างอยู่ข้างใน“แฮก ๆ อา” ดาวครางเสียงสั่น แม้ครั้งแรกจะไม่ยาก แต่น้ำหล่อลื่นในช่วงฮีทของโอเมก้านั้นหลั่งไหลเหมือนฝนตก มันช่วยให้การล่วงล้ำในสภาพนี้เกิดขึ้นได้“เป็นไงบ้างพี่เจียเหา ดีไหม” สองแฝดถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเจียเหาพยักหน้า แล้วพอเริ่มตั้งต่อได้ ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดอยู่ อัลฟ่าบ้ากามจับชายเสื้อของดาวิชไว้ ตามมาด้วยการกระแทกดุ้นกับก้นไม่ยั้งตับ ๆๆ พลัก ๆๆเพียะ ๆเสียงที่ว่าเกิดขึ้นเพราะสองแฝดที่ยังว่างงานเกิดอารมณ์เกินกลั้น จึงใช้ฝ่ามือหวดไปยังแก้มก้นขาวงอนจนเป็นปื้นแดง บางคนก็เอานิ้วแหย่เข้ามาในโพรงปาก ราวกับหากดุ้นยังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ขอเป็นส่วนอื่น
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวและปิดประตูตามหลังแล้ว คุณชายมาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ก็ปล่อยร่างบางลง ก่อนจะใช้มือกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อั๊ก” ดาวรู้ตัวเลยว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้น แต่มันไม่หยุดแค่นั้น และตอนนี้ปลายเท้าไม่แตะพื้นแล้วด้วยด้วยความตกใจ เขาวางมือกุมมือใหญ่ที่คอเสื้ออีกที น้ำเสียงของเมียจ้างตื่นกลัว “อึก จะ…จะทำอะไรผม”เจียเหาแสยะปาก “มึงยังมีหน้ามาถาม ทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปได้!”ส่วนสองแฝดพูดเกือบพร้อมกัน “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร“อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอา ฮือ”“ทำไม ไม่ชอบรึไง พวกเราเป็นถึงสามคุณชายตระกูลจางเลยนะโว้ย!”“ที่จริงแกควรนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่เราลดตัวลงมาเล่นกับของเล่นบ้าน ๆ อย่างแก”คราวนี้ดวงตาของเหยื่อของเล่นเกือบถลน เขาไม่คิดว่าพี่น้องตระกูลจางจะรักใคร่สามัคคีกับทุกเรื่องอย่างนี้ “สะ…สาม หมายถึงพร้อมกันสามคนเลยเหรอ”“ทำไม รับไม่ได้รึไง”“ในเมื่อแกก็รู้ตั้งแต่แรก อาเชาว์ก็บอกในห้องว่าแกต้องเป็นเมียของพวกเราทุกคน”“ครับ นั่นก็ถูก” ดาวเถียงไม่ออก“ตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วไง”“แกแหละต้องเป็นคนรับให้ได้ สัญญาก็เซ็นไปแล้ว”“อ๊ะ คือว่าผม…” เ
ดาวิชรู้สึกตัวตื่นอีกทีในห้องนอนห้องหนึ่ง เขาเหลือบเห็นสายน้ำเกลือเสียบคาผิวที่หลังมือ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลจางนั่นล่ะความทรงจำก่อนหน้าคือกำลังเดินกลับมาที่โรงครัว แล้วภาพก็ตัดไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดาได้ว่าเขาอาจเป็นลมหมดสติไปดาวยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วชะโงกมองไปที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นกริ่งเรียกคนรับใช้ กับกระดาษเอสี่พับครึ่งที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือตัวใหญ่ ราวกับจะบอกให้เขารู้เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร‘คุณดาวเป็นลมแถวโรงครัว พวกคุณชายเลยจัดให้หมอประจำตระกูลจางมาดูแลแล้วก็ให้น้ำเกลือค่ะ อ้อแล้วถ้าคุณดาวอยากได้อะไรกดกริ่งเรียกพี่โมได้เลยนะคะ’หนุ่มจากเมืองไกลอ่านข้อความแล้วไม่อยากเชื่อ‘พวกคุณชายจอมโหดเป็นห่วงกูด้วยเหรอวะ’แต่พออ่านจนจบก็แอบยิ้ม อย่างน้อยในคฤหาสน์กว้างใหญ่และโอ่อ่าที่เขามาเป็นเมียที่คุณชายมาเฟียร้ายทั้งสามไม่ต้องการ ก็ยังมีน้ำใจเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำในทะเลทรายอันอ้างว้างจากแม่บ้านแตงโม จากผู้ช่วยส่วนตัวที่ชื่อเดชอ้อ...แล้วก็ท่านปู่อีกคนสิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีกำลังใจขึ้นมาพอได้นอนพักโอเมก้าก็รู้สึกแทบเป็นปกติแล้ว และตอนนี้ก็หิวด้วย พอมอง
พอมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจาง อะไรที่ดาวไม่อยากรู้ก็ได้รู้ เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากบรรดาบ่าวไพร่ว่า หลังจากเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียได้ไม่นาน สามคุณชายก็วางแผนให้เมียแต่งที่ไม่ต้องการทนอยู่ไม่ได้ จนเลือกเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เองให้พ้น ๆและดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง เพราะต่อจากนั้นดาวิชก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ทั้งที่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดคอกม้า ทั้งที่ในนั้นไม่มีม้าสักตัวคุณชายฝากให้บ่าวสักคนมาบอกดาวว่า‘ฉันจะบูรณะคอกม้าใหม่ แล้วว่าจะซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยง แต่บ่าวไพร่คนอื่นมีงานล้นมืออยู่แล้ว เหลือแต่เธอคนเดียวแหละในบ้านนี้ที่ยังว่าง วัน ๆ เอาแต่เดินแกว่งแขนเล่นอยู่ได้!’เมียแต่งผู้ไม่ถูกยอมรับฟังแล้วฉุนกึก แต่คำพูดนั่นก็ไม่เกินจริง เพราะดาวเองก็ไม่มีอะไรทำในบ้านหลังนี้จริง ๆ นั่นละแต่สะใภ้ไร้ศักดินาอดกระหยิ่มใจไม่ได้ว่า สามคุณชายนี้ไม่รู้อะไรเสียแล้ว งานเป็นคนใช้ต่างหากคือความตั้งใจจริงแท้แต่แรกของเขา งานใช้แรงไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเลย‘สามคนนี้คิดจะใช้เรื่องนี้มาแกล้งงั้นเหรอ ไม่สำเร็จหรอก งานอย่างนี้ละคือความถนัดของเราเลย’ ดาวคิดในใจคนทำงานในคฤห
จากความประทับใจแรกพบที่ยอดแย่ เพียงไม่กี่วันต่อมาที่คฤหาสน์ตระกูลจาง ดาวมีโอกาสได้รู้จักบรรดาคุณชายมาเฟียทั้งสามมากขึ้น แต่เป็นในแง่มุมที่เลวร้ายลงกว่าเดิมเขาพบกับคนที่วันนั้้นใส่เชิ้ตขาวตัวใหญ่บนทางเดินจากห้องตัวเองไปห้องรับประทานอาหารโดยบังเอิญ ตอนนี้ดาวจำได้แล้วว่าคือจางเจียเหา เป็นพี่ชายคนโตทั้งคู่กำลังเดินสวนกัน ดาวิชไม่แน่ใจว่าจะทำตัวยังไงดี จึงหยุดแล้วได้แต่ทำตัวลีบกับผนังทางเดิน เพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวใหญ่ไปก่อนแต่พอเดินมาในรัศมีเอื้อมถึง นิ้วมือใหญ่ของเจียเหากลับยื่นมาจิ้มเบา ๆ ที่หัวไหล่คนตัวเล็กจึก ๆแม้จะแค่ทำเบา ๆ แต่ก็ทำให้โอเมก้าร่างกระจ้อยร่อยอุทาน “โอ้ะ” ด้วยความตกใจ จากนั้นก็คลำที่หัวไหล่ป้อย ๆเจียเหาตวาดใส่ทันที “ถอยไป เกะกะทางจริง ๆ นังโอเมก้าซื่อบื้อ”“ขอ…ขอโทษครับ” ดาวว่าเขาก็หลีกทางให้แล้วนะแต่คุณชายใหญ่ยังไม่เลิกระราน“ไม่รู้หรือไงว่าคนใช้น่ะ มีทางเดินของตัวเอง อย่ามาสะเออะใช้ทางร่วมกับเจ้านายเด็ดขาดนะ ต่อไปนี้ห้ามแกมาเดินเพ่นพ่านในเรือนใหญ่ให้ฉันเห็น!” ประโยคสุดท้ายนั้นแทบเรียกได้ว่าตะโกนทีเดียวดาวอยากเถียงใจจะขาดว่า เขาเองก็อยากอยู่ที่เรือนคนใช้เพื่อควา
“คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเป็นเมียพวกเราได้งั้นเหรอ!”“โอเมก้าไร้สกุลอย่างเธอ ใครจะอยากได้ แค่เป็นนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็เกินฝันแล้ว!”น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้คำพูดเสียดแทงเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเขาสักเท่าใดนัก แต่ในขณะที่ดาวกำลังกวาดคอกม้าอย่างขะมักเขม้นคำพูดเสียดแทงพวกนั้นมันย้อนมา อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่–การทำความสะอาดคอกม้า ได้กระตุ้นให้หวนนึกถึงการกดขี่จากคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าใครโอเมก้าหนุ่มน้อยไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำความสะอาดคอกม้า ตอนนี้ไม่มีม้าอยู่ในคอกหรอก แต่เขารู้มาว่าแต่ก่อนเคยมี นับเป็นบุญเหลือเกินที่ชาตินี้ได้ทำความสะอาดคอกที่ว่างเปล่าแห่งนี้สักครั้งดาว หรือดาวิช เขาเป็นโอเมก้าวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้น บ้านเกิดอยู่สงขลา และเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานทั้งที่จบแค่ระดับมัธยมนั่นเพราะความจำเป็นเรื่องเงินของที่บ้าน ที่บ้านของหนุ่มน้อยมีหนี้สินอันเกิดจากการทำประมงพื้นบ้านของพ่อกับแม่ แค่นั้นยังไม่หนำใจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สอง ส่วนแม่ ดวงตาของแม่เป็นต้อระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ตาจะบอดแม้อาการเจ็บป่วยร