ดาวิชรู้สึกตัวตื่นอีกทีในห้องนอนห้องหนึ่ง เขาเหลือบเห็นสายน้ำเกลือเสียบคาผิวที่หลังมือ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลจางนั่นล่ะ
ความทรงจำก่อนหน้าคือกำลังเดินกลับมาที่โรงครัว แล้วภาพก็ตัดไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดาได้ว่าเขาอาจเป็นลมหมดสติไป
ดาวยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วชะโงกมองไปที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นกริ่งเรียกคนรับใช้ กับกระดาษเอสี่พับครึ่งที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือตัวใหญ่ ราวกับจะบอกให้เขารู้เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร
‘คุณดาวเป็นลมแถวโรงครัว พวกคุณชายเลยจัดให้หมอประจำตระกูลจางมาดูแลแล้วก็ให้น้ำเกลือค่ะ อ้อแล้วถ้าคุณดาวอยากได้อะไรกดกริ่งเรียกพี่โมได้เลยนะคะ’
หนุ่มจากเมืองไกลอ่านข้อความแล้วไม่อยากเชื่อ
‘พวกคุณชายจอมโหดเป็นห่วงกูด้วยเหรอวะ’
แต่พออ่านจนจบก็แอบยิ้ม อย่างน้อยในคฤหาสน์กว้างใหญ่และโอ่อ่าที่เขามาเป็นเมียที่คุณชายมาเฟียร้ายทั้งสามไม่ต้องการ ก็ยังมีน้ำใจเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำในทะเลทรายอันอ้างว้างจากแม่บ้านแตงโม จากผู้ช่วยส่วนตัวที่ชื่อเดช
อ้อ...แล้วก็ท่านปู่อีกคน
สิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีกำลังใจขึ้นมา
พอได้นอนพักโอเมก้าก็รู้สึกแทบเป็นปกติแล้ว และตอนนี้ก็หิวด้วย พอมองนาฬิกาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นของคฤหาสน์แล้ว
ดาวลังเลว่าจะกดกริ่งดีหรือไม่ ขอให้พี่แตงโมหาอะไรให้กินหน่อย แต่พอคิดอีกทีก็เกรงใจ จึงคิดว่าจะไปหาอะไรกินเอง
‘เดินไปหาอะไรกินที่ครัวดีกว่า’
เขามองเข็มน้ำเกลือที่ต้นแขน แปลกใจนิดหน่อยว่าคนรวยนี่รวยถึงกับเรียกให้หมอมารักษาถึงบ้านได้ด้วย
‘เป็นคนรวยนี่ดีจริง’
ดาวตัดสินใจดึงเข็มน้ำเกลือออกเพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงพอแล้ว เขาใช้สำลีบนโต๊ะกดแผลไว้ ก่อนจะออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ
+++++
ขณะเดินไปตามโถงทางเดิน เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
มีแสงประหลาดลอดจากห้องห้องหนึ่งที่บังเอิญแง้มประตูเปิดไว้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเสียงดนตรีบรรเลงแนวผ่อนคลายสมอง หรือที่เรียกกันว่า ‘ไวต์นอยซ์’ เล็ดลอดออกมาด้วย
แสงประหลาดที่ว่าเปลี่ยนสีไปมา คล้ายไฟในสถานบันเทิงยามราตรี แต่สีสันสบายตาชวนให้ผ่อนคลาย และมันก็ดึงดูดหนุ่มโอเมก้าให้เดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว
‘แสงอะไรวะเนี่ย สวยเหลือเกิน เหมือนรุ้งที่สะท้อนบนฟองสบู่กลางแดดเลย’
แล้วคำคำหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ‘สีเหลือบรุ้ง’ มันน่าสวยงามประมาณนี้ล่ะ
ห้องที่เป็นที่มาของแสงนั้นปิดไฟมืด ต้นตอของแสงเหลือบรุ้งสวยงามมาจากแท่งทรงกระบอกอันหนึ่งซึ่งดูเหมือนหลอดไฟขนาดใหญ่ มันปล่อยรังสีเหลือบรุ้งออกมาเป็นระลอก ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ดาวไม่อยากเชื่อคือบางอย่างที่อยู่รอบหลอดไฟนั่นต่างหาก
คุณชายมาเฟียทั้งสาม ผู้ชายปากร้ายและใจร้ายต่างนอนนิ่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ที่วางรายรอบ มือประสานกันวางไว้บนอกอย่างเรียบร้อย
ลมหายใจของพวกเขาเบาและเป็นจังหวะ เหมือนคนนอนหลับ ราวกับกำลังนอนอาบแสงเหลือบรุ้งยังไงยังงั้น
ดาวคิดในใจแบบขำ ๆ ‘พวกคุณชายมาเฟียทำสปาผิวเหรอวะ’
ที่คิดแบบนั้นเพราะเขาเคยได้ยินว่าสปาความงาม หรือคลินิกความงาม มีการใช้แสงบางอย่างเพื่ออาบผิว หรืออาบหนังศีรษะเพื่อหวังผลบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าจอมโหดมาดแมนทั้งสามจะเอาด้วย
และด้วยธรรมชาติของโอเมก้าในช่วงฮีท เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าอัลฟ่าทั้งสามเองก็รัท กลิ่นกับสารเคมีที่ฟุ้งในอากาศดึงดูดเขาเข้าไปหากลุ่มคนที่นอนอยู่
ดาวแอบคิดว่า
‘ตอนคุณชายจอมโหดทั้งสามนอนหลับดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัยเลย อยากให้นอนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องตื่นเลยก็คงดี’
โอเมก้าเดินไปหาสามร่างที่นอนทีละก้าว ๆ โดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นเขาก็สะดุดบางอย่าง
กึก
เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดสายของปลั๊กไฟของหลอดไฟเหลือบรุ้ง มันพันที่ข้อเท้าทำเอาเขาหกล้ม มือแกว่งไปปัดถูกหลอดไฟส่งผลให้มันฟาดลงกับพื้นอย่างแรง
เพล้ง
หลอดไฟที่ทำมาจากแก้วแตกเปรื่อง ไฟดับวูบลง แถมเสียงบรรเลงผ่อนคลายที่มาจากเครื่องก็ตกร่อง ตะกุกตะกักทันที กลไกที่ผลิตเสียงของหลอดไฟคงเสียหายไปด้วย
ดาวที่ก้นกระแทกกับพื้นไม่เจ็บแต่ตกใจมากกว่า โทษตัวเองที่เดินซุ่มซ่ามไม่ระวัง เขายังไม่ทันยืนขึ้น แค่ยันตัวเองขึ้นจากพื้น แสงเหลือบรุ้งอ่อนระโหยลำสุดท้ายสาดให้เห็นก่อนดับวูบ พอเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเขาก็แทบช็อก
‘ฉิบหายแล้วกู’
แต่ที่ฉิบหายกว่าคืออัลฟ่าที่เมื่อกี้หลับอยู่คงตื่นขึ้นมาทันที แถมส่งเสียงลั่นตามนิสัยเดิม
“ใครทำอะไรเสียงดังในห้องนี้วะ!”
+++++
ทั้งสามมีท่าทีงัวเงียเพียงเล็กน้อย ครั้นพอได้สติก็รีบยันตัวขึ้นจากเตียง หนึ่งในนั้นรีบเดินไปเปิดโคมไฟตั้งพื้นที่อยู่ไม่ไกล แสงสีส้มสาดให้เห็นทันทีว่าผู้บุกรุกคือใคร
พอพวกนั้นเห็นก็ย่างสามขุมมาหาโอเมก้าที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น
พอสองแฝดเห็นว่าเป็นใครแล้วอุทานลั่น “นังดาวเองเหรอ!”
ส่วนเจียเหาอึ้งพูดไม่ออก สุดท้ายก็หลุดเสียงพึมพำออกมาว่า “ฟื้นจากเป็นลมแล้วเหรอ”
“ชะ...ใช่ครับ”
ดาวไม่อยากเชื่อว่าเห็นแววสำนึกผิดอยู่ในดวงตาของทั้งสาม
แต่แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อฝาแฝดหันไปเห็นหลอดไฟปล่อยแสงเหลือบรุ้งที่นอนชะตาขาดบนพื้น ทั้งคู่ตะโกนลั่นเหมือนฟ้อง
“พี่เจียเหา มันทำหลอดรังสีรุ้งของเราแตก!”
แล้วจางฉวน แฝดคนที่ไม่มีแผลเป็นที่หว่างคิ้วก็ร้องขึ้นเหมือนนึกได้
“หรือว่ามันจะรู้ว่าเรานอนบำบัดอยู่ในห้องนี้ มันเลยเข้ามาแกล้ง!”
จางหมิงที่มีแผลเป็นที่หว่างคิ้วตะโกนลั่นอย่างคนมีชนักความผิดปักหลัง “แกคิดจะแก้แค้นคืนเรื่องที่พวกเราทำกับแกไว้อย่างนั้นหรือ!”
ส่วนเจียเหาคุณชายใหญ่พูดลอดไรฟัน “แกไปรู้มาจากไหนว่าพวกเรานอนอาบรังสีอยู่ในห้องนี้”
ดาวเห็นความเข้าใจผิดชนิดกู่ไม่กลับเลยรีบอธิบาย “ปะ...เปล่านะ ใครจะรู้ว่าพวกคุณนอนอาบแสงอยู่ในห้องนี้ล่ะ ผมแค่เดินเข้ามาในห้องนี้โดยบังเอิญ ประตูมันปิดไม่สนิทผมเลยเปิดเข้ามาดูแล้วก็…”
“โกหกหรือเปล่าเนี่ย”
“ผมพูดจริง พวกคุณลองคิดดูสิ แล้วผมจะเข้ามาในห้องนี้เพื่อมาเตะหลอดไฟให้พังเพื่ออะไรล่ะ”
“ก็เพื่อเอาคืนพวกเราที่พยายามแกล้งแกไงล่ะ” จางฉวนตอบโต้ทันที แต่การพูดแบบนั้นทำให้รู้สึกว่าพวกเขาแกล้งดาวด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่ใช่ด้วยนิสัยหรือด้วยความพอใจ
“หือ เอาคืน? งั้นแปลว่าพวกคุณก็รู้ตัวใช่ไหมว่าทำไม่ดีไว้กับผมจริง ๆ”
คำถามในเชิงหลอกด่านั้นแทงใจดำทั้งสามคนได้ชะงัด แต่คนที่ว่องไวที่สุดคือคนที่ใจร้อนที่สุด เจียเหาปราดเข้ามาถึงตัวดาวแล้วทรุดตัวลง ใช้มือข้างหนึ่งบีบหัวไหล่ อีกแขนข้างสอดเข้ามารอบลำคอ
โอเมก้าอุทานด้วยความตกใจ “โอ๊ะ”
“คนชั้นต่ำอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาพูดกับพวกฉันอย่างนี้นะ!”
“ปากสามหาวแบบนี้สั่งสอนมันเลยพี่” สองแฝดสนับสนุนเชียร์สุดใจ
เจียเหาในฐานะหัวหน้าทีมจึงก้มหน้าลงมา แต่จู่ ๆ เขาก็ชะงักไปทันที เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก
“กลิ่นอะไรวะเนี่ย โคตรหอมเลย”
คู่แฝดแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป “พี่เจียเหาเป็นอะไร”
พี่ชายใหญ่ส่ายหน้า “อึก ฉัน…รู้สึกมึนนิดหน่อย”
“หรือนังบ้านนอกมันทำอะไรใส่พี่
เจียเหาคลายนิ้วที่รอบลำคอเรียวของดาว เขาสลัดศีรษะไปมาสองสามทีเพื่อไล่ความมึนงง
สองแฝดล้อมวงเข้ามาบ้าง ก่อนจะย่อตัวลงมาหาต้นเหตุ แล้วจากนั้นทั้งสองก็ผงะหงาย
“กลิ่นนี่มัน…”
ที่แท้อัลฟ่าทั้งสามก็ถูกฟีโรโมนของโอเมก้าตกเข้าให้อย่างจัง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือฟีโรโมนของดาว หนุ่มบ้านนอกคนนี้ ช่างรุนแรงเกินกว่าโอเมก้าคนอื่น ๆ ที่บรรดาคุณชายมาเฟียเคยพบมาในชีวิต
จางฉวนคือคนที่ได้สติก่อน ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด เขาเสนอไอเดียหนึ่งขึ้นมา
“ไหน ๆ มันก็มาที่นี่เพื่อเป็นเมียพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ”
“เมียเมออะไรกันล่ะ ก็เป็นได้แค่ของเล่นคั่นเวลา เบื่อเมื่อไรก็เขี่ยทิ้ง” จางหมิงแสยะปากตอบ จากประโยคที่หนึ่งในคู่แฝดพูดสื่อได้ว่า ความเป็นเมียที่จะมอบให้โอเมก้าไร้สกุลคนนี้ได้ ก็แค่เมียชั่วครั้งชั่วคราว หาใช่เมียแต่งที่มีไว้เชิดหน้าชูตา
“นั่นละ ๆ” คู่แฝดจางฉวนเออออกับอีกคน ก่อนจะเอามือแตะไหล่พี่ชายใหญ่ในเชิงขอความเห็น “แต่ในเมื่อมันมาเพื่อเป็นเมียเรา งั้นทำไมเราไม่ลองยัดเยียดความเป็นผัวให้มันซะเลยล่ะ”
พี่ชายใหญ่เม้มปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วทั้งสามก็พยักหน้าให้กันอย่างสมรู้ร่วมคิด
ส่วนดาวได้แต่เบิกตากว้าง สัมผัสได้ชัดทีเดียวถึงความซวยที่จะบังเกิด
เจียเหาที่ร่างใหญ่ที่สุดอุ้มร่างเล็กพาดบ่าแล้วรีบเข้าไปในอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน
ดาวได้แต่ร้องโวยวาย เอามือทุบแผ่นหลังกว้างหนาดังอั้ก ๆ แต่คนตัวใหญ่ไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด
โอเมก้าเมียที่กลายเป็นแค่ของเล่นชั่วคราวอยู่ในสภาพห้อยหัว มองเห็นภาพสองแฝดกลับหัวกลับหาง แต่ก็ยังเห็นว่าริมฝีปากของทั้งคู่แสยะยิ้ม แววตาหื่นกระหาย
‘ฉิบหายจริง ๆ ละสิทีนี้!’
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวและปิดประตูตามหลังแล้ว คุณชายมาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ก็ปล่อยร่างบางลง ก่อนจะใช้มือกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อั๊ก” ดาวรู้ตัวเลยว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้น แต่มันไม่หยุดแค่นั้น และตอนนี้ปลายเท้าไม่แตะพื้นแล้วด้วยด้วยความตกใจ เขาวางมือกุมมือใหญ่ที่คอเสื้ออีกที น้ำเสียงของเมียจ้างตื่นกลัว “อึก จะ…จะทำอะไรผม”เจียเหาแสยะปาก “มึงยังมีหน้ามาถาม ทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปได้!”ส่วนสองแฝดพูดเกือบพร้อมกัน “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร“อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอา ฮือ”“ทำไม ไม่ชอบรึไง พวกเราเป็นถึงสามคุณชายตระกูลจางเลยนะโว้ย!”“ที่จริงแกควรนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่เราลดตัวลงมาเล่นกับของเล่นบ้าน ๆ อย่างแก”คราวนี้ดวงตาของเหยื่อของเล่นเกือบถลน เขาไม่คิดว่าพี่น้องตระกูลจางจะรักใคร่สามัคคีกับทุกเรื่องอย่างนี้ “สะ…สาม หมายถึงพร้อมกันสามคนเลยเหรอ”“ทำไม รับไม่ได้รึไง”“ในเมื่อแกก็รู้ตั้งแต่แรก อาเชาว์ก็บอกในห้องว่าแกต้องเป็นเมียของพวกเราทุกคน”“ครับ นั่นก็ถูก” ดาวเถียงไม่ออก“ตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วไง”“แกแหละต้องเป็นคนรับให้ได้ สัญญาก็เซ็นไปแล้ว”“อ๊ะ คือว่าผม…” เ
เจียเหาคำราม เปลือกตาบีบเข้าหากัน ช่องทางของดาวิชทำเขาแทบคลั่ง หากเมื่อกี้ขยับเอวไวกว่านี้แค่นิดเดียว คงได้แตกเข้าไปข้างในของเล่นชิ้นนี้ตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าแน่และหากมันเกิดขึ้นจริง สองแฝดคงเก็บเรื่องของเขาไปล้อไม่เลิกแน่นอนว่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางเสียท่าให้กับโอเมก้าเด็กหนุ่ม ถึงกับทำเรือล่มปากอ่าว‘ไอ้เด็กคนนี้แม่งไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลยเหรอวะ’ช่องทางนั้นทั้งคับแน่น ทั้งตอดตุบ ดุ้นของคุณชายใหญ่เหมือนกับจะขาดแล้วติดค้างอยู่ข้างใน“แฮก ๆ อา” ดาวครางเสียงสั่น แม้ครั้งแรกจะไม่ยาก แต่น้ำหล่อลื่นในช่วงฮีทของโอเมก้านั้นหลั่งไหลเหมือนฝนตก มันช่วยให้การล่วงล้ำในสภาพนี้เกิดขึ้นได้“เป็นไงบ้างพี่เจียเหา ดีไหม” สองแฝดถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเจียเหาพยักหน้า แล้วพอเริ่มตั้งต่อได้ ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดอยู่ อัลฟ่าบ้ากามจับชายเสื้อของดาวิชไว้ ตามมาด้วยการกระแทกดุ้นกับก้นไม่ยั้งตับ ๆๆ พลัก ๆๆเพียะ ๆเสียงที่ว่าเกิดขึ้นเพราะสองแฝดที่ยังว่างงานเกิดอารมณ์เกินกลั้น จึงใช้ฝ่ามือหวดไปยังแก้มก้นขาวงอนจนเป็นปื้นแดง บางคนก็เอานิ้วแหย่เข้ามาในโพรงปาก ราวกับหากดุ้นยังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ขอเป็นส่วนอื่น
หลังผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนนั้น สามคุณชายมาเฟียมานั่งรวมหัวกันในห้องหยก ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งในห้องใช้สีเขียวตามชื่ออัญมณีที่ว่ามานั่นเองต่างคนต่างอยู่ในความเงียบ สุดท้ายจางหมิงทนไม่ไหว วางถ้วยชาลงกับโต๊ะดังกึก นิ้วโป้งคลึงที่รอยแผลตรงหว่างคิ้วขณะทำหน้าเคร่งเครียด แต่อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเคลิบเคลิ้ม ปากยิ้มทั้งที่ไม่มีสาเหตุใดให้ยิ้ม“เป็นอะไรจางหมิง” เจียเหาอดแขวะไม่ได้“อ๊ะ เปล่าครับ แค่นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมา”พี่ชายใหญ่ส่ายหน้าแล้วจิบชาร้อน หัวคิ้วยังมุ่นอย่างเคยที่น่าแปลกคือเช้านี้ทั้งสามตื่นด้วยความรู้สึกสดชื่นผิดปกติ ไม่มีอาการมึนหัวเวียนหัวหมดเรี่ยวแรงดังเช่นที่มักจะเป็นในช่วงสามสี่วันในห้วงของอาการรัทจางฉวนมองคู่แฝดของตนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หันไปมองเจียเหาที่ยังนั่งนิ่ง แต่สีหน้าของพี่ใหญ่มีแววครุ่นคิดจางฉวนรู้ดีว่าพี่ชายใหญ่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วางฟอร์มไม่เอ่ยเป็นคนแรก ในฐานะน้องชายผู้รู้ใจเขาจึงจัดการเปิดประเด็นให้“ทำไมผมถึงสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกจากหัวไม่ได้เลยน้า”เจียเหาติดกับทันที “หึ เอ็งติดใจยัยโอเมก้าเข้าให้เหรอ”“อ๊ะ หรือพี่ไม่ติดใจ
ดาวได้ฟังแล้วถึงกับกัดริมฝีปาก เรื่องประเภทนี้เขารู้ดี รู้ว่าสถานะนายบำเรอนั้นแตกต่างจากสถานะภรรยามากขนาดไหน เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราว“พวกเราน่ะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นจำไว้” จางหมิงเอ่ยซ้ำ แต่อาจเพื่อย้ำเตือนบอกตัวเองก็ได้ดาวเชิดหน้าขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นคนดื้อดึงขึ้นมา “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ!”คราวนี้ทั้งสามถึงกับอึ้งไปเลย“ถ้าให้ผมเป็นแค่ของเล่น ผมกลับไปทำงานใช้แรงงานเหมือนเดิมสบายใจกว่า หรือไม่ผมก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทนายสุเชาว์ก่อนถึงจะตอบตกลงได้”คราวนี้ถึงทีสามพี่น้องคิดหนัก หากเรื่องนี้ถึงหูของทนาย ก็อาจเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นจางฉวนรีบพูดต่อ “แล้วถ้าเราให้เงื่อนไขพิเศษล่ะ”“เงื่อนไข?”จางหมิงพูดต่อ “ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนายบำเรอ เราจะเซ็นเช็คให้เธอทันทีสามล้าน”คนฟังตาวาวทันที เงินสามล้านสำหรับเขาคือเงินจำนวนมหาศาลเจียเหาสอดนิ้วทั้งสิบหากัน เอ่ยเสียงเรียบสุขุมอย่างเคย “ฉันรู้ว่าเธอจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากการเป็นเมียปีละห้าล้านใช่ไหม”“ใช่ครับ”“ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่ครบหนึ่งปี”ดาวิชพยักหน้าอีก“แต่เงินสามล้านที่บอกเมื่อกี้จะได้เลยทันที จะไม่ดีก
ดาวถามว่าเป็นอะไร เมื่อเห็นว่า จู่ ๆ เพื่อนหนุ่มทำตัวแข็ง รอนตอบว่า“ดาว มีหนุ่มสองเดินตรงมาหาพวกเราแน่ะ มองเป๋งมาทางนี้เลย เราไม่รู้จักดังนั้นน่าจะเป็นคนรู้จักของดาวมากกว่า”“อ๊ะ”“แต่อย่าเพิ่งหันไปนะ”“หน้าตายังไงน่ะ”“ก็หล่อดีทีเดียว ตัวสูงใหญ่ อ้อ แล้วก็เป็นคู่แฝดกันด้วย”ดวงตาของหนุ่มโอเมก้าเบิ่งกว้าง ชาวาบตั้งแต่ศีรษะจดเท้าทีเดียวดาวก้มดูวันที่ในมือถือ วันนี้คือวันที่ 21 วันเลขคี่แต่ก่อนจะได้ทำอะไร ก็มีรถตู้อัลพาร์ดคันงามขับปราดมาจอดเทียบฟุตบาทห่างออกไปจากจุดที่ดาวยืนคุยกับรอนสองหนุ่มหันไปดู แล้วกระจกรถก็ค่อย ๆ เลื่อนลง แล้วใบหน้าเล็กที่เห็นจากที่ไกล ๆ แต่ดาวจำได้ว่าคือเดชก็โบกมือแล้วยิ้มให้ดาวทำหน้าสงสัยใส่ผู้ช่วย ‘เดชเป็นคนขับรถด้วยหรือนี่’ผู้ช่วยเห็นแล้วเข้าใจจึงส่ายหน้า ชูสองกำปั้นขึ้นมาแถวดวงตาแล้วหมุน ๆ สัญลักษณ์ของคนกำลังเศร้า บ่งบอกว่า เขาไม่ได้เต็มใจมาด้วย น่าจะถูกเจ้านายบังคับให้มาทำหน้าที่ขับรถคันงามคันนี้แ
พอลงจากรถ ดาวทำท่าจะเอาของตัวเองไปเก็บที่ห้องแต่เดชรีบกุลีกุจออาสาเอาของชอปปิงไปเก็บให้แทนส่วนดาวถูกคู่แฝดสั่งห้ามอย่าเพิ่งไปไหน ทำเอาเขางงหนักที่ทั้งคู่มาแปลกจนชวนสับสนแล้วหนุ่มโอเมก้าก็นึกประเด็นที่สงสัยได้จึงเอ่ยปากถาม“นี่...คุณจางฉวน คุณจางหมิง”“หือ”“ผมมีเรื่องถาม”“ว่ามาสิ”“คืนนั้นพวกคุณนอนอาบไฟสีรุ้ง ๆ ที่ผมทำหลอดไฟแตก...”“อื้อ แล้วไง”“คุณนอนอาบแสงไปเพื่ออะไรครับ”สองแฝดนิ่งไป ก่อนจางฉวนจะตอบว่า“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน“อ้าว” ดาวไม่คิดว่าคำตอบจะเป็นอย่างนี้“รู้แค่แสงของมันช่วยทำให้ร่างกายของอัลฟ่าแข็งแรงขึ้นได้”ดาวไม่เห็นด้วย “ฮึ แต่พวกคุณก็แข็งอย่างกับหมีอยู่แล้วนะ อุ๊บ ขอโทษครับ”สองคนนั้นรู้ดีว่าหนุ่มของเล่นจิกกัดความแข็งแรงในแง่ไหนของพวกเขา เลยส่งเสียง “หึ” กับกระตุกมุมปากคล้ายรอยยิ้มจางหมิงยอมบอกในที่สุด ซึ่งที่จริ
“อ๊า อา”แผล็บ ๆ เสียงลิ้นสองอันทำงานกับหน้าอกคนละข้าง ลีลาโฉบชิมของฝาแฝดแลดูน่าเอร็ดอร่อยหนึ่งในนั้นคราง “ทำไมนมของเธอถึงหวานแบบนี้วะ”“อา ผมเสียว อย่าแกล้งผม”คำห้ามปรามลักษณะนั้นย่อมไม่ช่วยอะไร หนึ่งในนั้นเปลี่ยนมาเป็นใช้ฟันครูดตรงหัวนม ตามมาด้วยส่งลิ้นเข้ามาดูด ตอนนี้ผิวเนื้อเรียบเนียนที่หน้าอกของโอเมก้าของเล่นเป็นจ้ำแดงหมดแล้ว“อา อื้อ อื้อ โอย”แล้วในจังหวะอันราบรื่นไร้รอยต่อ สองคนนั้นรูดกางเกงในของดาวออกทางปลายเท้าพอปราการด่านสุดท้ายหายไป แก่นกายของโอเมก้าก็ชี้พุ่งอย่างหน้าไม่อาย น้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มเป็นสาย“เฮ้ย โอเมก้ามีน้ำหล่อลื่นทั้งจากข้างหน้าและข้างหลังเลยเหรอวะ”“เหมือนเบต้าผู้หญิงน่ะเหรอ”“บ้าสิ เหมือนเบต้าผู้ชายต่างหาก”ส่วนดาว เขารู้สึกอายที่สองแฝดศึกษาตัวเขาราวกับนี่คือวิชากายวิภาคศาสตร์หรือ Anatomyแล้วจากนั้นไม่นานดาวก็กรีดร้องลั่นเพราะสองคนนั้นย้ายตัวลงไปใช้ปากเล่นกับดุ้นเนื้อ‘อ๊า ไ
อีกสามวันต่อมา เป็นวันเลขคู่ วันนี้หนุ่มโอเมก้าต้องเป็นของเล่นของพี่ใหญ่เจียเหาด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงใช้เวลาด้วยกันตั้งแต่เช้า ดาวกับพี่ชายใหญ่นั่งด้วยกันในห้องดื่มชาจางเจียเหาดื่มชาหมดถ้วยแล้วลุกขึ้น เขาไม่กินข้าวเช้า ในขณะที่ดาวยังค่อย ๆ ละเลียดโจ๊กหมูที่แม่บ้านแตงโมยกมาเสิร์ฟคุณชายใหญ่มาเฟียเห็นหนุ่มของเล่นกินอาหารเช้าอย่างอร่อยแต่ไม่อิ่มเสียทีจึงเดินมาถึงตัวตอนแรกดาวิชคิดว่ามาเฟียอาจไม่พอใจที่เขาชักช้า เพราะเจียเหาก้าวมาหาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยการวางมือบนกลุ่มเส้นผมนุ่ม ก่อนจะขยุ้มขึ้นมาหนึ่งกำมือดาวตกใจจนทิ้งช้อนดังแกร๊ก แต่สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น เมื่อเจียเหาก้มหลังลงมาแล้วจุ๊บดาวเบา ๆ ที่กลางกระหม่อมดาวสังเกตวิธีการจับเส้นผมของคนร่างยักษ์ มันหนักแน่นไม่นุ่มนวลก็จริง แต่ไม่ได้เป็นไปในเชิงทำร้ายร่างกาย ทว่าเป็นบางอารมณ์บางอย่างที่หนุ่มน้อยอ่อนต่อโลกอย่างเขายังไม่เคยสัมผัส‘เฮ้ย อะไรวะ หรือนี่เป็นการเล่นของเล่นรูปแบบหนึ่งของตายักษ์’แต่ที่ทำให้ดาวตกใจจนเกือบช็อกคือคำพูดว่า“ผมหอมจัง&rdq
ที่ห้องส่วนตัวของดาว หนุ่มโอเมก้าเดินกลับมาหาสามอัลฟ่าคุณชายที่แทบนั่งไม่ติดด้วยความกระวนกระวายพอเห็นหน้าเจ้าของห้องก็รีบถามทันที“เป็นไง เธอเข้าใจพวกเราแล้วใช่ไหม”ดาวพยักหน้าเร็ว ๆ “ครับ”ภรรยาเดินมานั่งเก้าอี้ที่หนึ่งในแฝดรีบสละให้ทันที พอนั่งลงดาวเขาก็ยังก้มหน้านิ่ง ไร้คำพูดคำจาสามคุณชายทนไม่ไหว รีบผลัดกันถามภรรยาของพวกเขา“เป็นยังไงบ้างล่ะดาว ท่านปู่ว่าอย่างไรบ้าง”“เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากคุณปู่แล้วใช่ไหม”“ถ้าเธอได้รู้จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของพวกเราทั้งหมด…ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบเธอในตอนแรก”เมียที่กลายเป็นของเล่นตอบแต่ไม่เงยหน้า “สำหรับเรื่องนั้นท่านปู่จางอี้เทาเล่าให้ผมฟังแล้วเหมือนกันครับ”ดาวทราบแล้วและเข้าใจเหตุผลว่าทำไมทั้งสามถึงอาละวาดและตามมาข่มเหงเขาแทบแย่เมื่อรู้ว่าเมียแต่งของพวกตนเป็นโอเมก้า แต่ถ้าพูดอย่างยุติธรรม การกลั่นแกล้งก็คือการกลั่นแกล้ง ไม่อาจซักฟอกให้เป็นสิ่งถูกต้องได้นั่นคือสิ่งที่ดาวคิด แต่แล้วก็ถอ
สามคุณชายยอมให้ดาวใช้เวลาส่วนตัวคุยกับท่านปู่จางอี้เทาโดยพวกเขาไม่เข้ามารบกวนสองแฝดออกตัวว่า‘เผื่อเมียของเราอาจมีเรื่องลับ ๆ อยากคุยกับท่านปู่’‘หรือในทางกลับกันท่านปู่ก็อาจมีอะไรลับ ๆ อยากบอกหลานสะใภ้ก็ได้’‘เอ๊ะ คุณสองคนพูดอย่างนี้แปลว่าอะไรแน่!’ ดาวทำเสียงดุใส่ เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่สถานะระหว่างเขากับสามคุณชายดูจะสลับบทกันอย่างไรบอกไม่ถูกส่วนเจียเหาได้แต่ยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าแล้วกอดไหล่น้องชายแฝดเดินหลบมุมไปเงียบ ๆดาวรู้ว่า ก่อนหน้านั้นคุณชายใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อี้เทาฟังคร่าว ๆ แล้วว่า ที่คฤหาสน์หลานสะใภ้ได้ยินเรื่องที่ปู่เล่าให้พวกหลาน ๆ ฟัง และไม่พอใจอย่างรุนแรงจนหนีกลับบ้านดาวได้ยินแล้วทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากชูกำปั้นใส่ด้วยที่คุณชายยังใช้คำว่าหนีกลับบ้านไม่เลิก มันฟังเหมือนดาวเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจไม่มีผิดตอนนี้ในโทรศัพท์ของเจียเหามีหน้าคุณปู่อยู่ในนั้น ใบหน้าของท่านยังใจดีอย่างเคย[หนูดาวสบายดีไหม][สบายดีครับ แล้วท่านปู่ละครับ]หนุ่มน้อยโอเมก้าว่าที
สามคุณชายเอ่ยเสียงลั่นเกือบพร้อมกันว่า “แล้วเราต้องขอโทษยังไงเธอถึงจะเชื่อล่ะ”แล้ว ณ ตอนนั้นสะใภ้จากสงขลาไม่รู้นึกอย่างไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโพล่งไปว่า“ตามธรรมเนียมคนบ้านผม ถ้าเราอยากให้คนที่เราตั้งใจขอโทษรู้ว่าเราสำนึกผิดจริง ๆ จากใจ ไม่มีทางอื่นเว้นแต่เราต้องกราบขอโทษแทบเท้าคนสำคัญของเขา”สามอัลฟ่าได้ยินแล้วถึงกับทำตาเบิกโพลง “ฮะ?! นั่นหมายถึง…”ดาวิชพยักหน้าแล้วเม้มปากล่าง “หมายถึงเท้าพ่อกับแม่ของผม”คราวนี้ถึงตาสามคุณชายไฮโซถึงกับอึ้งไปนานเลยแต่แล้วก็มีเสียงขัดจังหวะ เมื่อพ่อกับแม่ร้องบอกอย่างร่าเริงว่า“อาหารเย็นพร้อมแล้วมากินข้าวกันเถอะ”+++++อีกไม่นานอาหารง่าย ๆ ข้าวสวยร้อน ๆ น้ำพริกกับผัก และกับข้าวอีกสามสี่จาน–ยำกุ้งหวาน ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ กับไข่เจียวใบโหระพาฟูนุ่มก็พร้อมเสิร์ฟ“กินสิขรับคุณ ๆ อาจไม่ถูกปากนัก เพราะของสดที่เอามาทำก็ของพื้น ๆ ชาวประมงแถวนี้ พวกเราจับเอง เหลือก็เอาแบ่งกันกิน
ดาวกลับมาอยู่ที่อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของเขาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วการตัดสินใจแค่ไม่กี่นาทีส่งผลให้ชีวิตของดาวเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นอยู่ที่นี่สงบเงียบเรียบร้อย จนหนุ่มโอเมก้าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชีวิตเดียวกับตอนที่เป็นของเล่นของสามคุณชายที่คฤหาสน์และวันธรรมดาวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อกับแม่นั่งกินข้าวกลางวัน ส่วนดาวล้างจาน พ่อกับแม่ถามคำถามกับลูกเพราะเพิ่งนึกได้“ดาวเอ๊ย ตกลงแกไม่ได้ทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเหรอ”ลูกชายหรี่ก๊อกน้ำแล้วหันมาตอบ “เปล่าแล้วจ้ะแม่”พ่อกับแม่มองด้วยสีหน้านิ่งอย่างสงสัย แต่ไม่ถามอะไรที่กดดันอย่างเช่น ‘แล้วจะทำอะไรต่อ’ ทั้งคู่รู้ดีกว่าลูกชายของพวกตนไม่ใช่คนหลักลอยเหลวไหลคราวนี้เป็นตาพ่อถามบ้าง “เอ้อ พ่อว่าจะถามเรื่องค่ารักษาของพ่อ หนูไปเอาเงินมาจากไหน”“อ๋อ” ดาวชะงัก แต่ก็รีบแก้ตัวว่า “หนูไปคุยกับหมอและเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลมาแล้วจ้ะ ใช้สิทธิบัตรทองได้ ของแม่ก็เหมือนกันนะ ไม่ต้องกังวล”พ่อกับแม่กลืนอาหา
“นั่นเลยเป็นที่มาตั้งแต่ก่อนพ่อแกจะตาย เราถึงเฝ้าเพียรพยายามหาคนที่ใช่ และมันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลานานหลายปี หลายคนที่คุณสมบัติใช่แต่เขาไม่ร้อนเงิน ไม่มีเหตุผลที่จะยอมลำบากมาแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลจาง มีหนูดาวนี่ละลงตัวที่สุด เป็นดอกบัวขาวอย่างที่เรามองหา แถมฐานะที่บ้านยังขัดสน”ชายชราเว้นช่วงเพื่อให้ความจริงตกตะกอนในสมองทึบ ๆ ของสามหลายชาย ก่อนจะย้ำด้วยประโยคอันเด็ดขาดและเสียงดังว่า“แกคิดว่าจะหาโอเมก้าคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างนี้ได้ง่าย ๆ หรือไง!”สามคุณชายพูดอุบอิบ รู้สึกผิดหวังอะไรสักอย่างกับตัวผู้ให้กำเนิด “แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยบอกพวกเราเรื่องนี้เลย”“พ่อแกเคยมาปรึกษาฉัน แล้วเราก็ตกลงว่า จะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับ”สามคนถามโดยพร้อมเพรียง “ทำไมล่ะครับ”“การรู้จุดด้อยของตัวเองเร็วเกินไปส่งผลไม่ดีต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงที่แกเปลี่ยนจากวัยรุ่นกลายเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัว พ่อแกรู้ว่าสักวันตำแหน่งหลงโถวของเขาจะต้องถูกส่งต่อให้พวกแกคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นย่อมไม่ดีแน่ถ้า
เจียเหาในฐานะพี่ใหญ่รวบรวมความกล้าเอ่ยถามท่านปู่ตรง ๆ“ดะ…ดาวเอาเรื่องนี้มาบอกคุณปู่เหรอครับ”“เปล่า ฉันรู้เอง ดังนั้นพวกแกอย่าเอาเรื่องนี้ไปโทษเขาล่ะ เขาไม่ได้เอามาฟ้องฉัน”ตอนแรกอี้เทากระหยิ่มในใจ แผนการโยนหินถามทางกับสามคุณชายปากแข็งน่าจะสำเร็จ ชายชราแค่ลองปะติดปะต่อเรื่องเอาเองแล้วเอ่ยโพล่งออกไป ซึ่งพอเห็นปฏิกิริยาของสามคุณชายเลยฟันธงว่าน่าจะเข้าใจถูกในประเด็นที่ทั้งสามคงตกลงอะไรบางอย่างกับดาวเกี่ยวกับสถานะความเป็นเมียแต่อี้เทาเป็นคนยุติธรรม เขาอยากให้ทั้งสามคุณชายเป็นผู้ใหญ่ เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่กล้ายอมรับเองว่าพวกตนทำอะไรไว้ทั้งสามนั่งตัวลีบแต่ยังปากแข็งไม่ยอมรับเวลาผ่านไป เข็มนาฬิกาของนาฬิกาคุณปู่ หรือนาฬิกาโบราณตั้งพื้นเรือนใหญ่ดังติ๊ก ๆ อย่างต่อเนื่องขนาดอี้เทาเป็นคนอารมณ์เย็นยังหมดความอดทน“ไอ้พวกหลานโง่ นี่ฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้วนะ!”สามคนทำหน้าซีด แต่ยังปากแข็งไม่ยอมพูดสักคำท่านปู่จางอี้เทาทนไม่ไหวอีกจึงกระชากเสียงถามหลานชายจอมมึน“แกรู้ไหมว่า
หวังหงถามดาวว่า “...ว่าแต่เธอเป็นคู่รัก หรือคู่หมั้นของคุณชายมาเฟียตระกูลจางคนไหนนะ”พอดาวได้ยินคำถามนั้น เขาก็ทำหน้าเศร้าอย่างไม่ปิดบัง น่าแปลกที่เขารู้สึกว่าหนุ่มใหญ่ตรงหน้าคือคนที่เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งหรือระมัดระวังความรู้สึกเท่าใดนัก“ผมมาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัยเท่านั้นครับ ไม่ได้เป็นคู่รักของใคร”หวังหงมองออก เขาเห็นสายตาของสามคุณชายที่มีต่อตนตั้งแต่ตอนกินมื้อกลางวันในห้องมรกตแล้ว ด้วยสายตาของหนุ่มใหญ่ผู้มีประสบการณ์ แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสามคนนั้นหึงเขา อาจกลัวว่าเขาจะมาจีบหรือเกี้ยวพาใครสักคนในคฤหาสน์หลังงามนี้ และสาเหตุแห่งความหวงก็คงมาจากหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้านั่นเองหวังหงกระแอมเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน“เธอคงรู้แล้วว่าฉันเคยเป็นมาเฟียมาก่อน”“ทราบมาบ้างจากท่านปู่ครับ”“และไม่ใช่แค่มาเฟียด้วย แต่เป็นหัวหน้ามาเฟียเลยทีเดียว”คราวนี้หนุ่มน้อยดาวิชทำตาโตหวังหงเห็นแล้วหัวเราะ “เป็นแค่อดีตน่ะ แต่ที่ฉันจะบอกคือ เวลามองหน้าเ
การปรากฏกายของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าคนหนึ่งที่คฤหาสน์ตระกูลจางได้เปลี่ยนเรื่องราวของสมาชิกในคฤหาสน์ตระกูลจางไปจากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือที่ห้องมรกต ห้องพักผ่อนโปรดของท่านปู่จางอี้เทา ต่อหน้าหลานชายทั้งสาม ชายชราพูดเสียงดังฟังชัดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า“คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นน้องของปู่เอง ชื่อว่าคุณหวังหง[1]”ขณะสามคุณชายทำหน้าแปลกใจอยู่ว่าทำไมคุณปู่ถึงแนะนำชายแปลกหน้าคนนี้ให้รู้จัก ก็พอดีที่ชายชราเล่าต่อว่า หวังหงเป็นเพื่อนเก่าแก่ของเขา เคยเป็นหัวหน้าใหญ่ของมาเฟียตระกูลหวังก่อนจะรามือลงจากบัลลังก์พร้อมทรัพย์สินมากมาย ตอนนี้เป็นนักธุรกิจ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และทำอะไรที่ดีงามมีคุณค่าอีกหลายอย่างผิดไปจากตอนที่เป็นมาเฟียสามคุณชายมองหนุ่มใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ ต่างสัมผัสได้ว่าหวังหงมีอะไรบางอย่างที่เหนือกว่าพวกเขา และนั่นเป็นอะไรที่ทั้งสามไม่ชินและรับไม่ได้เอาเสียเลย ไม่ว่าจะในสถานที่ไหนหรือเมื่อไร พวกเขาจะต้องโดดเด่นเหนือคนอื่นเสมอหวังหงเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่า แต่เรือนร่างยังสมบูรณ์แบบในชุดเสื้อเชิ้ตสีสะอาดที่ทับด้วยเสื้อตัวนอก
ผ่านไปอีกสองเดือน นายดาวิชคนเดิมยังอยู่ที่คฤหาสน์เดิมของสามคุณชายมาเฟีย และสิ่งที่ยังเหมือนเดิมนับตั้งแต่เขาได้เป็นของเล่นของทั้งสาม คือทั้งสามยังเปย์ให้เขาอย่างไม่อั้น ทั้งเงินและข้าวของ ดาวนำเงินที่ได้ส่งให้ทางบ้าน นี่นับเป็นเรื่องดี มารดาของเขาได้คิวการผ่าตัดจากโรงพยาบาลที่ค่อนข้างมีชื่อที่หาดใหญ่แล้ว และดาวก็มีเงินจ้างคนดูแลพ่อในช่วงพักฟื้นหลังให้คีโมอย่างไรก็ตามดาวก็ยังคงสถานะเป็นของเล่นที่มีชีวิต ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น เขายังทำหน้าที่ภาชนะรองรับความใคร่ให้สามพี่น้อง และทั้งสามก็ยังโปรดปรานที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขาตามวันคู่และวันคี่สิ่งหนึ่งที่หนุ่มโอเมก้าสงสัย ตอนแรกดาวคาดว่าหลังจากทั้งสามได้เสพสมกับร่างกายของเขามาสักระยะ อัลฟ่าพวกนั้นคงเบื่อของเล่นชิ้นนี้ แต่กลายเป็นว่าร่างกายของดาวประดุจสิ่งเสพติดของอัลฟ่า ยิ่งได้บ่อยเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งอยากได้มากขึ้น ดาวตกเป็นของทั้งสามทั้งในแบบหนึ่งต่อหนึ่ง สองต่อหนึ่ง หรือบางทีก็สามต่อหนึ่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันและยังมีอีกอย่างที่น่าประหลาดใจ คือเริ่มมีประโยคเพราะ ๆ หวานหูให้ได้ยินบ่อยขึ้นจากทั้งสามในระหว่างการร่วมรัก