พอมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจาง อะไรที่ดาวไม่อยากรู้ก็ได้รู้ เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากบรรดาบ่าวไพร่ว่า หลังจากเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียได้ไม่นาน สามคุณชายก็วางแผนให้เมียแต่งที่ไม่ต้องการทนอยู่ไม่ได้ จนเลือกเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เองให้พ้น ๆ
และดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง เพราะต่อจากนั้นดาวิชก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ทั้งที่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดคอกม้า ทั้งที่ในนั้นไม่มีม้าสักตัว
คุณชายฝากให้บ่าวสักคนมาบอกดาวว่า
‘ฉันจะบูรณะคอกม้าใหม่ แล้วว่าจะซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยง แต่บ่าวไพร่คนอื่นมีงานล้นมืออยู่แล้ว เหลือแต่เธอคนเดียวแหละในบ้านนี้ที่ยังว่าง วัน ๆ เอาแต่เดินแกว่งแขนเล่นอยู่ได้!’
เมียแต่งผู้ไม่ถูกยอมรับฟังแล้วฉุนกึก แต่คำพูดนั่นก็ไม่เกินจริง เพราะดาวเองก็ไม่มีอะไรทำในบ้านหลังนี้จริง ๆ นั่นละ
แต่สะใภ้ไร้ศักดินาอดกระหยิ่มใจไม่ได้ว่า สามคุณชายนี้ไม่รู้อะไรเสียแล้ว งานเป็นคนใช้ต่างหากคือความตั้งใจจริงแท้แต่แรกของเขา งานใช้แรงไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเลย
‘สามคนนี้คิดจะใช้เรื่องนี้มาแกล้งงั้นเหรอ ไม่สำเร็จหรอก งานอย่างนี้ละคือความถนัดของเราเลย’ ดาวคิดในใจ
คนทำงานในคฤหาสน์คนต่อมาที่ดาวรู้จักคือแม่บ้านแตงโม หล่อนเป็นแม่บ้านประจำเรือนใหญ่ เป็นหญิงร่างท้วม ผิวขาวแบบคนเชื้อสายจีน ใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอดเวลาและชอบทาปากสีแดงแจ๊ด บุคลิกโดยรวมร่าเริงน่าคบหา แถมยังมีน้ำใจกับสมาชิกใหม่อย่างเมียแต่งหัวเดียวกระเทียมลีบคนนี้
ขณะดาวกวาดพื้นทำความสะอาดแถวคอกม้าและบริเวณใกล้เคียงนั่นเอง แม่บ้านแตงโมก็ปรากฏตัว
ดาวเห็นแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนส่งยิ้มให้
“แตงโมเอาหมวกกับปลอกแขนมาให้ค่ะ ไม่อยากให้คุณหนูดาวผิวเสีย”
ดาวรับไว้แล้วใช้งานทันที “ขอบใจจ้าพี่แตงโม”
“แล้วดื่มน้ำเย็น ๆ สิคะ” แม่บ้านถือกระติกมาด้วย ดาวเห็นแล้วถูกใจ เขานึกถึงตอนอยู่ที่บ้านเกิด แล้วเห็นแม่หิ้วกระติกน้ำให้พ่อติดไปดื่มในเรือ
“ขอโทษด้วยนะคะคุณหนู คือแตงโมคิดว่ากระติกมันดู…ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่บังเอิญว่ามันสะดวกใช้ดีค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่แตงโม ผมชอบกินน้ำจากกระติก มันกินง่ายแล้วก็เย็นชื่นใจดีด้วย” ว่าแล้วดาวก็ซดน้ำเปล่าอั้ก ๆ ด้วยความกระหาย
“คุณหนูกินน้ำเยอะจังค่ะ มิน่าผิวพรรณดี๊ดี”
พอดับกระหายเสร็จ ดาวก็ลงมือทำงานต่อ แม่บ้านแตงโมบิดปากแล้วเอ่ยอย่างอดใจไม่ไหว
หล่อนเดินมากระซิบบอกทั้งที่แถวนี้ไม่คนอยู่ว่า
“คือแตงโมว่าคุณดาวไม่ต้องทำความสะอาดอย่างจริงจังนักก็ได้ค่ะ ทำแค่ลวก ๆ ก็พอ ไม่มีใครมาตรวจความเรียบร้อยหรอก”
“ไม่ดีหรอกพี่แตงโม ไหน ๆ จะทำแล้วก็ทำให้ดีไปเลยดีกว่า ไม่แน่สามคุณชายอาจมาสุ่มตรวจเมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้”
คนเป็นแม่บ้านคันปากอยากพูดต่อว่า ‘เขาแค่คิดจะแกล้งให้คุณอยู่ไม่ได้เท่านั้น ไม่ได้อยากให้คอกม้าสะอาดเอี่ยมจริง ๆ สักหน่อย’
แต่ก็ได้แต่พูดให้กำลังใจไปก่อนว่า
“คุณหนูเนี่ยเอาจริงเอาจังเหลือเกิน ถ้าพี่ได้เป็นเมียแต่งของคุณชายและพวกเขาไม่แยแสพี่อย่างนี้นะ พี่จะไม่ทำตามคำสั่งหรอก ไหน ๆ ก็ไม่สนใจเราแล้ว เราเอาเวลาไปอย่างอื่นที่มีประโยชน์กับเรา อย่างการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ดีกว่า”
ดาวิชถึงกับต้องหยุดใช้หมวกพัดวีแก้ร้อน เขาไม่อยากเชื่อหูว่าประโยคนั้นมาจากแม่บ้านวัยกลางคนร่างท้วม “พี่แตงโมฝันอยากมีตัวตนในโลกออนไลน์งั้นเหรอ”
“แม่นค่ะ ก็พี่เป็นแม่บ้านสาวสวยโสด ลูกผัวไม่มี อะไรจะดีกว่าการหาเงินเองให้ได้เยอะ ๆ ละคะ และนั่นละคือคำตอบที่เวิร์กที่สุดที่จะอยู่รอดได้ในยุคนี้!”
“ว้าว พี่แตงโมนี่ทันสมัยไม่เบาเลย ถ้าพี่มีความมุ่งมั่นอย่างนี้เปิดช่องสอนเป็นโค้ชได้เลยนะเนี่ย”
“อุ๊ย จริงเหรอคะ ดีใจจัง”
ทั้งคู่หยอกล้อต่ออีกนิดหน่อย ก่อนแตงโมจะเตือนว่าดาวอย่าหักโหมเกินไป แล้วแม่บ้านก็ขอตัวไปทำงานต่อ
ดาวิชพักจากงาน เงยหน้ามองท้องฟ้า สายลมเย็นพัดโชย
เขายังดีใจว่าท่ามกลางคฤหาสน์ตระกูลจางที่ใหญ่โต อย่างน้อยเขาก็ยังมีแม่บ้านผู้อารีคนนี้เป็นพวก
+++++
อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวว่าท่านปู่ของสามคุณชายเดินทางกลับจากฮ่องกง ซึ่งดาวิชก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรหากท่านปู่ไม่ขอพบเขาเป็นการส่วนตัว
โอเมก้านายบำเรอที่สามีไม่ต้องการทำท่าประหม่าเมื่อได้รู้ แต่แม่บ้านแตงโมปลอบใจว่า
“ท่านปู่จางอี้เทาเป็นคนใจดีมาก ไม่ดุดันเข้มงวดและอารมณ์ร้อนเหมือนกับท่านจางเจี่ย”
“จางเจี่ยคือใครครับ” ดาวคุ้นหูชื่อนี้ มีการพูดถึงตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนี่ แต่เขาจำไม่ได้
แตงโมอธิบายว่า “บิดาของสามคุณชายที่จากไปค่ะ เป็นหลงโถวคนก่อน และท่านมีนิสัยตรงข้ามกับคุณนิดา เมียของท่าน ซึ่งเป็นฟูเหรินของตระกูลจางน่ะค่ะ”
ดาวตั้งข้อสังเกต “คุณนิดาเป็นคนไทยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ท่านเป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวานเรียบร้อย แต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร”
หนุ่มโอเมก้าจึงคิดว่างั้นสามคุณชายก็คงได้ดีเอ็นเอมาจากพ่อ ไม่ค่อยได้จากแม่สักเท่าไรกระมัง
และอีกไม่นานดาวก็ได้มาพบจางอี้เทาตัวเป็น ๆ ในห้องรับรองที่เล็กกว่าห้องไข่มุก ที่มีชื่อว่าห้องมรกต ซึ่งดาวทราบทีหลังว่าเป็นห้องพักผ่อนโปรดของท่านปู่
ท่านปู่อี้เทาเป็นชายชราดูสง่างาม เส้นผมเป็นสีขาวโพลนทั้งศีรษะก็จริงแต่ยังค่อนข้างดกหนาและหยักศกอย่างได้รูปได้ทรง เค้าโครงใบหน้าของท่านมีเค้าว่าตอนหนุ่มต้องเป็นคนที่หล่อเหลาเอาการไม่ใช่เล่น แถมด้วยรอยยิ้มกว้างที่ชุดฟันยังดูดีมาก ดวงตาฝ้าฟางเล็กน้อยจนตาดำเป็นสีเทาแต่มีแววใจดี รอยย่นจำนวนมากที่หน้าผากและหางตาเวลายิ้มกลับทำให้ท่านปู่ดูเป็นชายสูงวัยที่ดูน่ารักน่าอยู่ใกล้มากกว่าถอยหนี
และท่านปู่ก็เอ่ยทักทายดาวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ
“อ้อ เธอนั่นเองคือดาวิช หลานสะใภ้ของฉัน ดีใจจังที่ได้เจอตัวเป็น ๆ”
ดาวอยู่ในท่านั่งพับเพียบที่พื้นเพื่อให้เกียรติชายชรา อี้เทาลุกขึ้นยืนแล้วร้องเรียกดาวยืนขึ้นด้วย
“ไหนลุกขึ้นยืนให้ฉันดูหน่อยสิ”
ดาวปฏิบัติตาม
ด้วยวัยเจ็ดสิบกว่าทำให้ร่างกายของท่านปู่หดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย อย่างไรก็ตามท่านก็ยังสูงกว่าหนุ่มโอเมก้าร่างเล็กบางอย่างดาวอยู่ดี
และที่น่าไม่เชื่อคือมือหนึ่งของจางอี้เทายื่นมาจับคางเล็กของดาวไว้ ผิวที่มือของชายชราแห้งและเย็นจนดาวสะดุ้ง
หนุ่มโอเมก้าแทบไม่ได้หายใจ ในตอนที่ชายชรายื่นหน้าเข้ามาจนแทบชิด ท่านปู่หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก
คนเป็นสะใภ้ถึงกับขนลุกเพราะสิ่งที่ท่านปู่ทำไม่ต่างจากสิ่งที่กรรมการทำในวันที่เขาถูกทดสอบก่อนหน้านี้
แล้วอี้เทาก็รำพึงออกมาอย่างพอใจ แต่ดาวฟังแล้วไม่เข้าใจ
“อื้อ ดี เลือกได้ดีจริง ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีก”
พูดแล้วเหมือนท่านปู่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำให้คนฟังงง คนแก่กว่ารีบถอยตัวห่าง ดึงมือออกแล้วเก็บไปไพล่หลัง ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้คนอ่อนวัยกว่าสบายใจ
“ฉันชอบหนูนะ หน้าตาก็น่ารัก กิริยามารยาทก็เรียบร้อย”
“ขอบพระคุณครับนายท่าน”
“เฮ้ เรียกท่านปู่สิ”
“ครับ ท่านปู่”
แล้วอี้เทาก็ถอนใจเบา ๆ พูดต่อว่า “แต่การจะมีสามีเป็นไอ้สามคนนั้นน่ะ ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งฉันไม่อยากบังคับใจของไอ้สามคนนั้น เพราะรู้ดีกว่าพวกมันน่ะดื้ออย่างกับลา ยิ่งบังคับยิ่งไม่ทำ”
ฝ่ามือของท่านปู่บีบเบา ๆ ที่ไหล่ราวกับคลายความปวดเมื่อยตามประสาคนแก่แล้วเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นฉันเลยอยากให้หนูอดทนไปก่อน ถ้ามีอะไรที่ฉันพอช่วยได้ ฉันจะทำเต็มที่”
ดาวเงยหน้าขึ้น แอบเหลือบตามองแววตาของชายชราเพื่อดูว่าอีกคนจริงใจแค่ไหน แล้วเขาก็แปลกใจที่ชายชราผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก็ดูจริงใจไม่ต่างจากนายเดชผู้ช่วย
ดาวิชแค่ไม่แน่ใจว่าเหตุใดท่านจางอี้เทาจึงแสดงท่าทีเป็นพันธมิตรอย่างเปิดเผยกับสะใภ้ไร้สกุลอย่างเขานับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ยังไม่ทันได้คิดต่อชายชราก็หันหน้าไปทางอื่น พ่นลมออกจากจมูกเสียงดัง ในใจของอี้เทาคิดแต่ไม่ได้พูดว่า
‘เฮอะ คอยดูเหอะ ถ้าได้เมียสวยน่ารักขนาดนี้ เราคงไม่ต้องจัดการอะไรเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวไอ้พวกหัวดื้อสามคนก็หลงหัวปักหัวปำ ตอนนี้ให้มันทำเบ่งไปก่อน’
และหนุ่มโอเมก้าถึงกับงงงวย เมื่อชายชราผู้เคยยิ่งใหญ่เผลอพูดกับตัวเองแต่ดาวิชได้ยินว่า
“ไอ้พวกโง่นั่นไม่รู้อะไรซะแล้ว นี่ละเมียชั้นดี ดีมาก ๆ เลยด้วย!”
+++++
การทำงานใช้แรงดำเนินไป ทั้งที่ดาวคิดว่าตัวเองแข็งแรงมาตลอด แต่ภาระที่บรรดาคุณชายทั้งสามโยนลงมาบนบ่าของเขาคงหนักเกินไป
เช้าวันหนึ่ง เขาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย แถมยังเป็นวันที่มีฮีทด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะอ่อนแอที่สุดในรอบเดือน แต่เพราะใจสู้เขาจึงแข็งใจไปทำงานที่คอกม้าอย่างมีวินัย
หนึ่งในคุณชายสั่งผ่านบ่าวไพร่มาว่า
‘เสร็จจากงานที่คอกม้าแล้วมาทำกับข้าวที่โรงครัวด้วย ไม่ใช่ทำให้พวกฉันกินหรอกนะ แต่เป็นพวกบ่าวไพร่ต่างหาก เพราะฉันคงกินฝีมือห่วย ๆ ของเธอไม่ลง’
ตะวันบ่ายคล้อย หนุ่มโอเมก้าเพิ่งเสร็จจากงานที่คอกม้า เขาเดินขาลากกลับมาที่ครัวของเรือนคนใช้ น่าแปลกที่รู้สึกราวกับเรี่ยวแรงหายไปหมด เขาคงเหนื่อยเกินไปติดกันหลายวัน ต้องตื่นเช้าไปทำงานใช้แรงตอนกลางวัน ตกกลางคืนดาวต้องอ่านตำราและชีทสรุปเนื้อหาวิชาของเทอมที่แล้วที่ว่าจะเรียนแต่ไม่ได้เรียน และเทอมใหม่ใกล้เปิดเรียนแล้ว
เนื่องจากประมาณปีที่แล้ว ดาวเริ่มลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิดไว้ด้วยตามประสาคนรักเรียน แต่เรียนไปได้เทอมเดียวก็ต้องหยุด เพราะติดปัญหาเรื่องเงิน
‘เทอมนี้ต้องไม่พลาด ไหน ๆ กัดฟันจ่ายค่าลงทะเบียนไปแล้วต้องได้เรียน’
กลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่ก้าวจะถึงโรงครัว แต่จู่ ๆ ร่างบางกลับหยุดนิ่ง
ดาวยกมือกุมศีรษะ ร่างโอนเอนไปมาก่อนจะล้มลง ยังดีที่ตรงนี้คือพื้นหญ้า
และโชคดีที่แม่บ้านแตงโมผ่านมาพอดี แม่บ้านถึงกับทิ้งของในมือ แล้วรีบรุดมาช่วยเด็กหนุ่มที่นอนสลบไสลบนพื้น
“ว้ายตายแล้ว คุณหนูดาวเป็นลม!”
แม่บ้านร่างท้วมเอามืออังที่หน้าผากและซอกคอ จากนั้นก็ส่งเสียงลั่นสนามหญ้า
“ช่วยคุณหนูดาวด้วย คุณดาวตัวร้อนจี๋เลย ใครก็ได้มาช่วยหน่อย!”
ดาวิชรู้สึกตัวตื่นอีกทีในห้องนอนห้องหนึ่ง เขาเหลือบเห็นสายน้ำเกลือเสียบคาผิวที่หลังมือ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลจางนั่นล่ะความทรงจำก่อนหน้าคือกำลังเดินกลับมาที่โรงครัว แล้วภาพก็ตัดไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดาได้ว่าเขาอาจเป็นลมหมดสติไปดาวยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วชะโงกมองไปที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นกริ่งเรียกคนรับใช้ กับกระดาษเอสี่พับครึ่งที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือตัวใหญ่ ราวกับจะบอกให้เขารู้เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร‘คุณดาวเป็นลมแถวโรงครัว พวกคุณชายเลยจัดให้หมอประจำตระกูลจางมาดูแลแล้วก็ให้น้ำเกลือค่ะ อ้อแล้วถ้าคุณดาวอยากได้อะไรกดกริ่งเรียกพี่โมได้เลยนะคะ’หนุ่มจากเมืองไกลอ่านข้อความแล้วไม่อยากเชื่อ‘พวกคุณชายจอมโหดเป็นห่วงกูด้วยเหรอวะ’แต่พออ่านจนจบก็แอบยิ้ม อย่างน้อยในคฤหาสน์กว้างใหญ่และโอ่อ่าที่เขามาเป็นเมียที่คุณชายมาเฟียร้ายทั้งสามไม่ต้องการ ก็ยังมีน้ำใจเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำในทะเลทรายอันอ้างว้างจากแม่บ้านแตงโม จากผู้ช่วยส่วนตัวที่ชื่อเดชอ้อ...แล้วก็ท่านปู่อีกคนสิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีกำลังใจขึ้นมาพอได้นอนพักโอเมก้าก็รู้สึกแทบเป็นปกติแล้ว และตอนนี้ก็หิวด้วย พอมอง
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวและปิดประตูตามหลังแล้ว คุณชายมาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ก็ปล่อยร่างบางลง ก่อนจะใช้มือกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อั๊ก” ดาวรู้ตัวเลยว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้น แต่มันไม่หยุดแค่นั้น และตอนนี้ปลายเท้าไม่แตะพื้นแล้วด้วยด้วยความตกใจ เขาวางมือกุมมือใหญ่ที่คอเสื้ออีกที น้ำเสียงของเมียจ้างตื่นกลัว “อึก จะ…จะทำอะไรผม”เจียเหาแสยะปาก “มึงยังมีหน้ามาถาม ทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปได้!”ส่วนสองแฝดพูดเกือบพร้อมกัน “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร“อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอา ฮือ”“ทำไม ไม่ชอบรึไง พวกเราเป็นถึงสามคุณชายตระกูลจางเลยนะโว้ย!”“ที่จริงแกควรนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่เราลดตัวลงมาเล่นกับของเล่นบ้าน ๆ อย่างแก”คราวนี้ดวงตาของเหยื่อของเล่นเกือบถลน เขาไม่คิดว่าพี่น้องตระกูลจางจะรักใคร่สามัคคีกับทุกเรื่องอย่างนี้ “สะ…สาม หมายถึงพร้อมกันสามคนเลยเหรอ”“ทำไม รับไม่ได้รึไง”“ในเมื่อแกก็รู้ตั้งแต่แรก อาเชาว์ก็บอกในห้องว่าแกต้องเป็นเมียของพวกเราทุกคน”“ครับ นั่นก็ถูก” ดาวเถียงไม่ออก“ตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วไง”“แกแหละต้องเป็นคนรับให้ได้ สัญญาก็เซ็นไปแล้ว”“อ๊ะ คือว่าผม…” เ
เจียเหาคำราม เปลือกตาบีบเข้าหากัน ช่องทางของดาวิชทำเขาแทบคลั่ง หากเมื่อกี้ขยับเอวไวกว่านี้แค่นิดเดียว คงได้แตกเข้าไปข้างในของเล่นชิ้นนี้ตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าแน่และหากมันเกิดขึ้นจริง สองแฝดคงเก็บเรื่องของเขาไปล้อไม่เลิกแน่นอนว่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางเสียท่าให้กับโอเมก้าเด็กหนุ่ม ถึงกับทำเรือล่มปากอ่าว‘ไอ้เด็กคนนี้แม่งไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลยเหรอวะ’ช่องทางนั้นทั้งคับแน่น ทั้งตอดตุบ ดุ้นของคุณชายใหญ่เหมือนกับจะขาดแล้วติดค้างอยู่ข้างใน“แฮก ๆ อา” ดาวครางเสียงสั่น แม้ครั้งแรกจะไม่ยาก แต่น้ำหล่อลื่นในช่วงฮีทของโอเมก้านั้นหลั่งไหลเหมือนฝนตก มันช่วยให้การล่วงล้ำในสภาพนี้เกิดขึ้นได้“เป็นไงบ้างพี่เจียเหา ดีไหม” สองแฝดถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเจียเหาพยักหน้า แล้วพอเริ่มตั้งต่อได้ ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดอยู่ อัลฟ่าบ้ากามจับชายเสื้อของดาวิชไว้ ตามมาด้วยการกระแทกดุ้นกับก้นไม่ยั้งตับ ๆๆ พลัก ๆๆเพียะ ๆเสียงที่ว่าเกิดขึ้นเพราะสองแฝดที่ยังว่างงานเกิดอารมณ์เกินกลั้น จึงใช้ฝ่ามือหวดไปยังแก้มก้นขาวงอนจนเป็นปื้นแดง บางคนก็เอานิ้วแหย่เข้ามาในโพรงปาก ราวกับหากดุ้นยังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ขอเป็นส่วนอื่น
หลังผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนนั้น สามคุณชายมาเฟียมานั่งรวมหัวกันในห้องหยก ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งในห้องใช้สีเขียวตามชื่ออัญมณีที่ว่ามานั่นเองต่างคนต่างอยู่ในความเงียบ สุดท้ายจางหมิงทนไม่ไหว วางถ้วยชาลงกับโต๊ะดังกึก นิ้วโป้งคลึงที่รอยแผลตรงหว่างคิ้วขณะทำหน้าเคร่งเครียด แต่อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเคลิบเคลิ้ม ปากยิ้มทั้งที่ไม่มีสาเหตุใดให้ยิ้ม“เป็นอะไรจางหมิง” เจียเหาอดแขวะไม่ได้“อ๊ะ เปล่าครับ แค่นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมา”พี่ชายใหญ่ส่ายหน้าแล้วจิบชาร้อน หัวคิ้วยังมุ่นอย่างเคยที่น่าแปลกคือเช้านี้ทั้งสามตื่นด้วยความรู้สึกสดชื่นผิดปกติ ไม่มีอาการมึนหัวเวียนหัวหมดเรี่ยวแรงดังเช่นที่มักจะเป็นในช่วงสามสี่วันในห้วงของอาการรัทจางฉวนมองคู่แฝดของตนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หันไปมองเจียเหาที่ยังนั่งนิ่ง แต่สีหน้าของพี่ใหญ่มีแววครุ่นคิดจางฉวนรู้ดีว่าพี่ชายใหญ่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วางฟอร์มไม่เอ่ยเป็นคนแรก ในฐานะน้องชายผู้รู้ใจเขาจึงจัดการเปิดประเด็นให้“ทำไมผมถึงสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกจากหัวไม่ได้เลยน้า”เจียเหาติดกับทันที “หึ เอ็งติดใจยัยโอเมก้าเข้าให้เหรอ”“อ๊ะ หรือพี่ไม่ติดใจ
ดาวได้ฟังแล้วถึงกับกัดริมฝีปาก เรื่องประเภทนี้เขารู้ดี รู้ว่าสถานะนายบำเรอนั้นแตกต่างจากสถานะภรรยามากขนาดไหน เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราว“พวกเราน่ะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นจำไว้” จางหมิงเอ่ยซ้ำ แต่อาจเพื่อย้ำเตือนบอกตัวเองก็ได้ดาวเชิดหน้าขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นคนดื้อดึงขึ้นมา “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ!”คราวนี้ทั้งสามถึงกับอึ้งไปเลย“ถ้าให้ผมเป็นแค่ของเล่น ผมกลับไปทำงานใช้แรงงานเหมือนเดิมสบายใจกว่า หรือไม่ผมก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทนายสุเชาว์ก่อนถึงจะตอบตกลงได้”คราวนี้ถึงทีสามพี่น้องคิดหนัก หากเรื่องนี้ถึงหูของทนาย ก็อาจเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นจางฉวนรีบพูดต่อ “แล้วถ้าเราให้เงื่อนไขพิเศษล่ะ”“เงื่อนไข?”จางหมิงพูดต่อ “ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนายบำเรอ เราจะเซ็นเช็คให้เธอทันทีสามล้าน”คนฟังตาวาวทันที เงินสามล้านสำหรับเขาคือเงินจำนวนมหาศาลเจียเหาสอดนิ้วทั้งสิบหากัน เอ่ยเสียงเรียบสุขุมอย่างเคย “ฉันรู้ว่าเธอจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากการเป็นเมียปีละห้าล้านใช่ไหม”“ใช่ครับ”“ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่ครบหนึ่งปี”ดาวิชพยักหน้าอีก“แต่เงินสามล้านที่บอกเมื่อกี้จะได้เลยทันที จะไม่ดีก
“คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเป็นเมียพวกเราได้งั้นเหรอ!”“โอเมก้าไร้สกุลอย่างเธอ ใครจะอยากได้ แค่เป็นนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็เกินฝันแล้ว!”น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้คำพูดเสียดแทงเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเขาสักเท่าใดนัก แต่ในขณะที่ดาวกำลังกวาดคอกม้าอย่างขะมักเขม้นคำพูดเสียดแทงพวกนั้นมันย้อนมา อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่–การทำความสะอาดคอกม้า ได้กระตุ้นให้หวนนึกถึงการกดขี่จากคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าใครโอเมก้าหนุ่มน้อยไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำความสะอาดคอกม้า ตอนนี้ไม่มีม้าอยู่ในคอกหรอก แต่เขารู้มาว่าแต่ก่อนเคยมี นับเป็นบุญเหลือเกินที่ชาตินี้ได้ทำความสะอาดคอกที่ว่างเปล่าแห่งนี้สักครั้งดาว หรือดาวิช เขาเป็นโอเมก้าวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้น บ้านเกิดอยู่สงขลา และเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานทั้งที่จบแค่ระดับมัธยมนั่นเพราะความจำเป็นเรื่องเงินของที่บ้าน ที่บ้านของหนุ่มน้อยมีหนี้สินอันเกิดจากการทำประมงพื้นบ้านของพ่อกับแม่ แค่นั้นยังไม่หนำใจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สอง ส่วนแม่ ดวงตาของแม่เป็นต้อระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ตาจะบอดแม้อาการเจ็บป่วยร
จากความประทับใจแรกพบที่ยอดแย่ เพียงไม่กี่วันต่อมาที่คฤหาสน์ตระกูลจาง ดาวมีโอกาสได้รู้จักบรรดาคุณชายมาเฟียทั้งสามมากขึ้น แต่เป็นในแง่มุมที่เลวร้ายลงกว่าเดิมเขาพบกับคนที่วันนั้้นใส่เชิ้ตขาวตัวใหญ่บนทางเดินจากห้องตัวเองไปห้องรับประทานอาหารโดยบังเอิญ ตอนนี้ดาวจำได้แล้วว่าคือจางเจียเหา เป็นพี่ชายคนโตทั้งคู่กำลังเดินสวนกัน ดาวิชไม่แน่ใจว่าจะทำตัวยังไงดี จึงหยุดแล้วได้แต่ทำตัวลีบกับผนังทางเดิน เพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวใหญ่ไปก่อนแต่พอเดินมาในรัศมีเอื้อมถึง นิ้วมือใหญ่ของเจียเหากลับยื่นมาจิ้มเบา ๆ ที่หัวไหล่คนตัวเล็กจึก ๆแม้จะแค่ทำเบา ๆ แต่ก็ทำให้โอเมก้าร่างกระจ้อยร่อยอุทาน “โอ้ะ” ด้วยความตกใจ จากนั้นก็คลำที่หัวไหล่ป้อย ๆเจียเหาตวาดใส่ทันที “ถอยไป เกะกะทางจริง ๆ นังโอเมก้าซื่อบื้อ”“ขอ…ขอโทษครับ” ดาวว่าเขาก็หลีกทางให้แล้วนะแต่คุณชายใหญ่ยังไม่เลิกระราน“ไม่รู้หรือไงว่าคนใช้น่ะ มีทางเดินของตัวเอง อย่ามาสะเออะใช้ทางร่วมกับเจ้านายเด็ดขาดนะ ต่อไปนี้ห้ามแกมาเดินเพ่นพ่านในเรือนใหญ่ให้ฉันเห็น!” ประโยคสุดท้ายนั้นแทบเรียกได้ว่าตะโกนทีเดียวดาวอยากเถียงใจจะขาดว่า เขาเองก็อยากอยู่ที่เรือนคนใช้เพื่อควา
ดาวได้ฟังแล้วถึงกับกัดริมฝีปาก เรื่องประเภทนี้เขารู้ดี รู้ว่าสถานะนายบำเรอนั้นแตกต่างจากสถานะภรรยามากขนาดไหน เขาไม่ใช่คนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราว“พวกเราน่ะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นจำไว้” จางหมิงเอ่ยซ้ำ แต่อาจเพื่อย้ำเตือนบอกตัวเองก็ได้ดาวเชิดหน้าขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเป็นคนดื้อดึงขึ้นมา “แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ!”คราวนี้ทั้งสามถึงกับอึ้งไปเลย“ถ้าให้ผมเป็นแค่ของเล่น ผมกลับไปทำงานใช้แรงงานเหมือนเดิมสบายใจกว่า หรือไม่ผมก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทนายสุเชาว์ก่อนถึงจะตอบตกลงได้”คราวนี้ถึงทีสามพี่น้องคิดหนัก หากเรื่องนี้ถึงหูของทนาย ก็อาจเกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็นจางฉวนรีบพูดต่อ “แล้วถ้าเราให้เงื่อนไขพิเศษล่ะ”“เงื่อนไข?”จางหมิงพูดต่อ “ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนายบำเรอ เราจะเซ็นเช็คให้เธอทันทีสามล้าน”คนฟังตาวาวทันที เงินสามล้านสำหรับเขาคือเงินจำนวนมหาศาลเจียเหาสอดนิ้วทั้งสิบหากัน เอ่ยเสียงเรียบสุขุมอย่างเคย “ฉันรู้ว่าเธอจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากการเป็นเมียปีละห้าล้านใช่ไหม”“ใช่ครับ”“ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่ครบหนึ่งปี”ดาวิชพยักหน้าอีก“แต่เงินสามล้านที่บอกเมื่อกี้จะได้เลยทันที จะไม่ดีก
หลังผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนนั้น สามคุณชายมาเฟียมานั่งรวมหัวกันในห้องหยก ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งในห้องใช้สีเขียวตามชื่ออัญมณีที่ว่ามานั่นเองต่างคนต่างอยู่ในความเงียบ สุดท้ายจางหมิงทนไม่ไหว วางถ้วยชาลงกับโต๊ะดังกึก นิ้วโป้งคลึงที่รอยแผลตรงหว่างคิ้วขณะทำหน้าเคร่งเครียด แต่อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเคลิบเคลิ้ม ปากยิ้มทั้งที่ไม่มีสาเหตุใดให้ยิ้ม“เป็นอะไรจางหมิง” เจียเหาอดแขวะไม่ได้“อ๊ะ เปล่าครับ แค่นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมา”พี่ชายใหญ่ส่ายหน้าแล้วจิบชาร้อน หัวคิ้วยังมุ่นอย่างเคยที่น่าแปลกคือเช้านี้ทั้งสามตื่นด้วยความรู้สึกสดชื่นผิดปกติ ไม่มีอาการมึนหัวเวียนหัวหมดเรี่ยวแรงดังเช่นที่มักจะเป็นในช่วงสามสี่วันในห้วงของอาการรัทจางฉวนมองคู่แฝดของตนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หันไปมองเจียเหาที่ยังนั่งนิ่ง แต่สีหน้าของพี่ใหญ่มีแววครุ่นคิดจางฉวนรู้ดีว่าพี่ชายใหญ่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วางฟอร์มไม่เอ่ยเป็นคนแรก ในฐานะน้องชายผู้รู้ใจเขาจึงจัดการเปิดประเด็นให้“ทำไมผมถึงสลัดความคิดเรื่องเมื่อคืนออกจากหัวไม่ได้เลยน้า”เจียเหาติดกับทันที “หึ เอ็งติดใจยัยโอเมก้าเข้าให้เหรอ”“อ๊ะ หรือพี่ไม่ติดใจ
เจียเหาคำราม เปลือกตาบีบเข้าหากัน ช่องทางของดาวิชทำเขาแทบคลั่ง หากเมื่อกี้ขยับเอวไวกว่านี้แค่นิดเดียว คงได้แตกเข้าไปข้างในของเล่นชิ้นนี้ตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าแน่และหากมันเกิดขึ้นจริง สองแฝดคงเก็บเรื่องของเขาไปล้อไม่เลิกแน่นอนว่า คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางเสียท่าให้กับโอเมก้าเด็กหนุ่ม ถึงกับทำเรือล่มปากอ่าว‘ไอ้เด็กคนนี้แม่งไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลยเหรอวะ’ช่องทางนั้นทั้งคับแน่น ทั้งตอดตุบ ดุ้นของคุณชายใหญ่เหมือนกับจะขาดแล้วติดค้างอยู่ข้างใน“แฮก ๆ อา” ดาวครางเสียงสั่น แม้ครั้งแรกจะไม่ยาก แต่น้ำหล่อลื่นในช่วงฮีทของโอเมก้านั้นหลั่งไหลเหมือนฝนตก มันช่วยให้การล่วงล้ำในสภาพนี้เกิดขึ้นได้“เป็นไงบ้างพี่เจียเหา ดีไหม” สองแฝดถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเจียเหาพยักหน้า แล้วพอเริ่มตั้งต่อได้ ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดอยู่ อัลฟ่าบ้ากามจับชายเสื้อของดาวิชไว้ ตามมาด้วยการกระแทกดุ้นกับก้นไม่ยั้งตับ ๆๆ พลัก ๆๆเพียะ ๆเสียงที่ว่าเกิดขึ้นเพราะสองแฝดที่ยังว่างงานเกิดอารมณ์เกินกลั้น จึงใช้ฝ่ามือหวดไปยังแก้มก้นขาวงอนจนเป็นปื้นแดง บางคนก็เอานิ้วแหย่เข้ามาในโพรงปาก ราวกับหากดุ้นยังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ขอเป็นส่วนอื่น
พอเข้ามาในห้องส่วนตัวและปิดประตูตามหลังแล้ว คุณชายมาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ก็ปล่อยร่างบางลง ก่อนจะใช้มือกระชากคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อั๊ก” ดาวรู้ตัวเลยว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้น แต่มันไม่หยุดแค่นั้น และตอนนี้ปลายเท้าไม่แตะพื้นแล้วด้วยด้วยความตกใจ เขาวางมือกุมมือใหญ่ที่คอเสื้ออีกที น้ำเสียงของเมียจ้างตื่นกลัว “อึก จะ…จะทำอะไรผม”เจียเหาแสยะปาก “มึงยังมีหน้ามาถาม ทำตัวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปได้!”ส่วนสองแฝดพูดเกือบพร้อมกัน “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร“อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอา ฮือ”“ทำไม ไม่ชอบรึไง พวกเราเป็นถึงสามคุณชายตระกูลจางเลยนะโว้ย!”“ที่จริงแกควรนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่เราลดตัวลงมาเล่นกับของเล่นบ้าน ๆ อย่างแก”คราวนี้ดวงตาของเหยื่อของเล่นเกือบถลน เขาไม่คิดว่าพี่น้องตระกูลจางจะรักใคร่สามัคคีกับทุกเรื่องอย่างนี้ “สะ…สาม หมายถึงพร้อมกันสามคนเลยเหรอ”“ทำไม รับไม่ได้รึไง”“ในเมื่อแกก็รู้ตั้งแต่แรก อาเชาว์ก็บอกในห้องว่าแกต้องเป็นเมียของพวกเราทุกคน”“ครับ นั่นก็ถูก” ดาวเถียงไม่ออก“ตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วไง”“แกแหละต้องเป็นคนรับให้ได้ สัญญาก็เซ็นไปแล้ว”“อ๊ะ คือว่าผม…” เ
ดาวิชรู้สึกตัวตื่นอีกทีในห้องนอนห้องหนึ่ง เขาเหลือบเห็นสายน้ำเกลือเสียบคาผิวที่หลังมือ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลจางนั่นล่ะความทรงจำก่อนหน้าคือกำลังเดินกลับมาที่โรงครัว แล้วภาพก็ตัดไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดาได้ว่าเขาอาจเป็นลมหมดสติไปดาวยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วชะโงกมองไปที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นกริ่งเรียกคนรับใช้ กับกระดาษเอสี่พับครึ่งที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือตัวใหญ่ ราวกับจะบอกให้เขารู้เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร‘คุณดาวเป็นลมแถวโรงครัว พวกคุณชายเลยจัดให้หมอประจำตระกูลจางมาดูแลแล้วก็ให้น้ำเกลือค่ะ อ้อแล้วถ้าคุณดาวอยากได้อะไรกดกริ่งเรียกพี่โมได้เลยนะคะ’หนุ่มจากเมืองไกลอ่านข้อความแล้วไม่อยากเชื่อ‘พวกคุณชายจอมโหดเป็นห่วงกูด้วยเหรอวะ’แต่พออ่านจนจบก็แอบยิ้ม อย่างน้อยในคฤหาสน์กว้างใหญ่และโอ่อ่าที่เขามาเป็นเมียที่คุณชายมาเฟียร้ายทั้งสามไม่ต้องการ ก็ยังมีน้ำใจเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำในทะเลทรายอันอ้างว้างจากแม่บ้านแตงโม จากผู้ช่วยส่วนตัวที่ชื่อเดชอ้อ...แล้วก็ท่านปู่อีกคนสิ่งเหล่านั้นทำให้ดาวมีกำลังใจขึ้นมาพอได้นอนพักโอเมก้าก็รู้สึกแทบเป็นปกติแล้ว และตอนนี้ก็หิวด้วย พอมอง
พอมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจาง อะไรที่ดาวไม่อยากรู้ก็ได้รู้ เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากบรรดาบ่าวไพร่ว่า หลังจากเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียได้ไม่นาน สามคุณชายก็วางแผนให้เมียแต่งที่ไม่ต้องการทนอยู่ไม่ได้ จนเลือกเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เองให้พ้น ๆและดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง เพราะต่อจากนั้นดาวิชก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ทั้งที่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดคอกม้า ทั้งที่ในนั้นไม่มีม้าสักตัวคุณชายฝากให้บ่าวสักคนมาบอกดาวว่า‘ฉันจะบูรณะคอกม้าใหม่ แล้วว่าจะซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยง แต่บ่าวไพร่คนอื่นมีงานล้นมืออยู่แล้ว เหลือแต่เธอคนเดียวแหละในบ้านนี้ที่ยังว่าง วัน ๆ เอาแต่เดินแกว่งแขนเล่นอยู่ได้!’เมียแต่งผู้ไม่ถูกยอมรับฟังแล้วฉุนกึก แต่คำพูดนั่นก็ไม่เกินจริง เพราะดาวเองก็ไม่มีอะไรทำในบ้านหลังนี้จริง ๆ นั่นละแต่สะใภ้ไร้ศักดินาอดกระหยิ่มใจไม่ได้ว่า สามคุณชายนี้ไม่รู้อะไรเสียแล้ว งานเป็นคนใช้ต่างหากคือความตั้งใจจริงแท้แต่แรกของเขา งานใช้แรงไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเลย‘สามคนนี้คิดจะใช้เรื่องนี้มาแกล้งงั้นเหรอ ไม่สำเร็จหรอก งานอย่างนี้ละคือความถนัดของเราเลย’ ดาวคิดในใจคนทำงานในคฤห
จากความประทับใจแรกพบที่ยอดแย่ เพียงไม่กี่วันต่อมาที่คฤหาสน์ตระกูลจาง ดาวมีโอกาสได้รู้จักบรรดาคุณชายมาเฟียทั้งสามมากขึ้น แต่เป็นในแง่มุมที่เลวร้ายลงกว่าเดิมเขาพบกับคนที่วันนั้้นใส่เชิ้ตขาวตัวใหญ่บนทางเดินจากห้องตัวเองไปห้องรับประทานอาหารโดยบังเอิญ ตอนนี้ดาวจำได้แล้วว่าคือจางเจียเหา เป็นพี่ชายคนโตทั้งคู่กำลังเดินสวนกัน ดาวิชไม่แน่ใจว่าจะทำตัวยังไงดี จึงหยุดแล้วได้แต่ทำตัวลีบกับผนังทางเดิน เพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวใหญ่ไปก่อนแต่พอเดินมาในรัศมีเอื้อมถึง นิ้วมือใหญ่ของเจียเหากลับยื่นมาจิ้มเบา ๆ ที่หัวไหล่คนตัวเล็กจึก ๆแม้จะแค่ทำเบา ๆ แต่ก็ทำให้โอเมก้าร่างกระจ้อยร่อยอุทาน “โอ้ะ” ด้วยความตกใจ จากนั้นก็คลำที่หัวไหล่ป้อย ๆเจียเหาตวาดใส่ทันที “ถอยไป เกะกะทางจริง ๆ นังโอเมก้าซื่อบื้อ”“ขอ…ขอโทษครับ” ดาวว่าเขาก็หลีกทางให้แล้วนะแต่คุณชายใหญ่ยังไม่เลิกระราน“ไม่รู้หรือไงว่าคนใช้น่ะ มีทางเดินของตัวเอง อย่ามาสะเออะใช้ทางร่วมกับเจ้านายเด็ดขาดนะ ต่อไปนี้ห้ามแกมาเดินเพ่นพ่านในเรือนใหญ่ให้ฉันเห็น!” ประโยคสุดท้ายนั้นแทบเรียกได้ว่าตะโกนทีเดียวดาวอยากเถียงใจจะขาดว่า เขาเองก็อยากอยู่ที่เรือนคนใช้เพื่อควา
“คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเป็นเมียพวกเราได้งั้นเหรอ!”“โอเมก้าไร้สกุลอย่างเธอ ใครจะอยากได้ แค่เป็นนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็เกินฝันแล้ว!”น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้คำพูดเสียดแทงเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเขาสักเท่าใดนัก แต่ในขณะที่ดาวกำลังกวาดคอกม้าอย่างขะมักเขม้นคำพูดเสียดแทงพวกนั้นมันย้อนมา อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่–การทำความสะอาดคอกม้า ได้กระตุ้นให้หวนนึกถึงการกดขี่จากคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าใครโอเมก้าหนุ่มน้อยไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำความสะอาดคอกม้า ตอนนี้ไม่มีม้าอยู่ในคอกหรอก แต่เขารู้มาว่าแต่ก่อนเคยมี นับเป็นบุญเหลือเกินที่ชาตินี้ได้ทำความสะอาดคอกที่ว่างเปล่าแห่งนี้สักครั้งดาว หรือดาวิช เขาเป็นโอเมก้าวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้น บ้านเกิดอยู่สงขลา และเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานทั้งที่จบแค่ระดับมัธยมนั่นเพราะความจำเป็นเรื่องเงินของที่บ้าน ที่บ้านของหนุ่มน้อยมีหนี้สินอันเกิดจากการทำประมงพื้นบ้านของพ่อกับแม่ แค่นั้นยังไม่หนำใจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สอง ส่วนแม่ ดวงตาของแม่เป็นต้อระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ตาจะบอดแม้อาการเจ็บป่วยร