ในขณะที่คนหนึ่งกำลังจะมูปออนไปข้างหน้า แต่อีกคนกลับยังจมปลักวนเวียนอยู่กับอดีตที่ตัวเองทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย และโดนความสำนึกผิดโบยตีหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาเป็นเวลากว่าสี่ปีเข้าไปแล้วดิฐกรนั่งเหม่อลอยมองภาพถ่ายของเขากับมิรันดาในตอนที่ยังรักกันอยู่ ความรู้สึกคิดถึงโหยหาบาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจซ้ำๆ เจ็บจนเกินเจ็บไปนานแล้ว ตอนนี้ความเจ็บกลายเป็นด้านชานับจากวันที่พบกันครั้งสุดท้ายก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้พบมิรันดา ไม่ว่าจะตามหาแค่ไหนก็หาไม่พบ ราวกับว่าเธอล่องหนหายตัวไปจากโลกใบนี้แล้ว ไม่สิ ไม่ใช่โลกใบนี้ แต่เป็นโลกของเขาเองต่างหาก ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยละความพยายามที่จะตามหาเธอต่อไปไหนจะคอนโดรังรักเก่าที่เคยฝากเพื่อนสนิทขายให้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายตอนที่มีคนมาขอซื้อต่อเขาตัดใจขายที่นั่นไม่ได้ เพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่เก็บทุกความทรงจำระหว่างเราไว้ในตอนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งทุกข์ ทั้งสุข หรือกระทั่งความรัก และการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะสมหวังได้อีกหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงรอเธออยู่‘แกแน่ใจนะว่าจะเก็บที่นี่ไว้’‘อืม’‘เก็บทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาอาจไม่กลับมาแล้วงั้นเหรอ’คำถามของพิรามแท
ทว่าคราวนี้คงเลี่ยงยากหน่อย เพราะได้ยินว่าแม่หนูแคทของแม่คนนี้จะเป็นลูกสาวเพื่อนรักของพ่อ แถมตอนนี้แว่วว่ากำลังจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจรายใหม่ การแต่งงานของเขาถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่สองฝั่ง ฉะนั้นหากเขาหนีการดูตัวอีกครั้ง มีหวังโดนพ่อกับแม่ไล่ออกจากกองมรดกแน่ๆแล้วจะหาข้ออ้างอะไรดี นอกจากเรื่องงาน เขาก็ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาอ้างเพื่อเลี่ยงการดูตัวครั้งนี้ได้อีก หรือจะแกล้งป่วยดีวะ หรือจะใช้แผนแกล้งอาละวาดให้สาวหนีอีกดีในเวลาเข้าตาจนแบบนี้ ที่ปรึกษาคนเดียวที่เขาคิดถึงคือ...“ฮัลโหล ไอ้ราม มึงอยู่ไหนวะ”“กูพาลูกมาเที่ยวห้างว่ะ มึงมีอะไรว่ามา”“ห้างไหน กูอยากเจอหลาน” เขารีบเอาลูกเพื่อนมาอ้าง“ชิชะ ผีเข้าเหรอมึง อยู่ดีๆ ก็รักเด็ก อยากเจอลูกกูซะงั้น วันหยุดทำไมไม่นอนพัก หรือไปเที่ยวหาความสุขวะ เงินก็มีตั้งเยอะ ลูกเมียช่วยใช้ก็ไม่มี เป็นกูหน่อยไม่ได้ จะเปย์ให้หนำใจ ไหน...มีอะไรแอบแฝงสารภาพมา”“มึงจะตอบได้หรือยังว่าห้างไหน โยกโย้ทำไมวะเนี่ย”คนโดนแทงใจดำเรื่องลูกเมียแหวใส่เสียงเขียว แว่วได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย ปนกับเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ“เออๆ เดี๋ยวกูส่งโลเกช
“ตายจริง งั้นรีบไปห้องน้ำกันดีกว่านะคะ ถ้าอย่างนั้นมี่ขอตัวก่อนนะคะพี่ราม”“อะ เอ่อ เอางั้นเหรอ”“น้องมิวลาคุณลุงรามกับเพื่อนก่อนสิคะคนเก่ง”“สวัสดีค่ะคุณลุงราม บ้ายบายนะน้องธาน”พิรามหันรีหันขวาง ตามองหาเพื่อนรักที่ยังไม่มาสักที แต่เขาก็ไม่อาจถ่วงเวลาคนตรงหน้าได้อีก เมื่อเห็นคนทั้งสามหันหลังทำท่าจะเดินจากไป เขาก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายภาพมิรันดากับลูกสาวไว้ แล้วรีบโทรหาเพื่อนรักทันที“ฮัลโหล ว่าไงวะไอ้ราม”“ไอ้ดิว มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย ถึงห้างหรือยัง”“เออ ถึงแล้ว รถติดชิบหาย กำลังหาที่จอดรถอยู่เนี่ย”“งั้นมึงรีบขึ้นมาที่สวนสนุกชั้นสี่เดี๋ยวนี้เลย”“รีบทำไมวะ เกิดอะไรขึ้น”“กูเจอเมียเก่ามึง!”คำนั้นทำให้คนฟังนิ่งอึ้งไปในทันใด“มี่! มึงเจอมี่เหรอ เจอที่ไหน”“เออ เจอทั้งน้องมี่กับลูกเลย”ดิฐกรตกใจแทบช็อกทันทีที่ได้ยินคำนั้น จนเผลอเหยียบเบรกกะทันหันจนรถที่ตามมาต้องเบรกตาม กดแตรด่ากันจ้าละหวั่น“มี่...กับลูก ลูกใครวะ”“กูจะไปรู้เหรอ แต่เขามากับแฟนใหม่ด้วย”“แฟนใหม่...”พลันใบหน้าของผู้ชายที่เขาเคยพบว่าอยู่กับมิรันดาหลายปีก่อนก็โผล่ขึ้นมาในสมองหรือจะเป็นหมอนั่น“เออสิ เดี๋ยวกูส่งรูปให้ดู แต่
แล้วสิ่งที่มิรันดาคิดนั้นมาไวกว่าที่คาด ดวงตาคมเข้มทอดมองไปที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเอกชนตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เด็กๆ ตัวน้อยในชุดนักเรียนน่ารักน่าเอ็นดูถูกผู้ปกครองจูงมือเดินมาส่งให้กับคุณครูสาวที่ยืนรอรับหน้าทางเข้าโรงเรียนคนแล้วคนเล่า แต่ทว่ากลับไม่มีแม้เงาของคนที่ทำให้เขาอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เพื่อมารอพบหลังจากที่ติดสินบนลูกชายของเพื่อนรักด้วยไอศกรีมถ้วยยักษ์และของเล่นชุดใหญ่ไฟกะพริบ ดิฐกรก็ได้รู้ว่าลูกสาวของมิรันดาเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1/4 โรงเรียนเดียวกับที่พิธานลูกชายของพิรามเรียนอยู่ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมไม่ใช่จะถูกๆ มิรันดาที่เขารู้จักไม่น่าจะมีเงินมากพอจะส่งลูกเรียนในที่ดีๆ แบบนี้ ในเมื่อตอนอยู่ด้วยกันเขายังต้องคอยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน ถึงแม้เธอจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนที่บริษัทนั่นก็ไม่น่าจะจ่ายไหวหรือเธอจะมีคนช่วยจ่ายนะหากนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่เขาต้องสนใจตอนนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อได้รู้ชื่อของเด็กหญิงผู้นั้นเด็กหญิงของขวัญ ชื่อเล่นคือ...น้องมิวเขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะลองผสมคำดูเล่นๆ
เพียงไม่นานรถของผู้จัดการหนุ่มก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของมิรันดา เธอหันไปเอ่ยกับเขาอย่างเกรงใจ“จริงๆ พี่คิมไม่ต้องแวะมารับมี่ไปส่งน้องมิวที่โรงเรียนทุกเช้าก็ได้นะคะ มี่เกรงใจ เทียวไปเทียวมาเดี๋ยวพี่ก็ไปทำงานสายกันพอดี”“ก็พี่อยากเจอมี่กับลูกก่อนไปทำงานไง มาหามี่พี่ก็ได้เสบียงอร่อยๆ กลับไปกินที่ออฟฟิศด้วย” มิรันดาค้อนคนพูดอย่างอ่อนใจ“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้รอพี่นะ จะได้ไปรับลูกด้วยกัน”“ไหนว่ามีประชุมไงคะ ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ เดี๋ยวมี่ไปรับลูกเองก็ได้ค่ะ”“งั้นก็ตามใจครับ เดี๋ยวเลิกงานพี่แวะมากินข้าวเย็นด้วยแล้วกัน เอ หรือเราจะพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านดี มี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำเองไง” คีรินถามเสร็จก็นึกขำ ตอนนี้พวกเขาเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันไม่มีผิด เขาใฝ่ฝันถึงครอบครัวอบอุ่นแบบนี้มาตลอด“กินที่บ้านดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมี่เตรียมของโปรดพี่คิมไว้ให้ รับรองอร่อยเหาะ”“ขอบคุณครับ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะครับ”“เดี๋ยวค่ะพี่คิม” หญิงสาวร้องเรียก พร้อมกับยื่นมือไปที่เนกไทของเขาเพื่อจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง คีรินก้มมองสิ่งที่เธอทำให้ด้วยหัวใจที่พองโตคับอก อยากที่จะโน้มลงไปหอมแก้มใสๆ นั่นเพื่อเป็นการตอบ
หลังจากที่ตกลงเจรจาซื้อบ้านข้างๆ มิรันดาเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ดิฐกรก็วางแผนขั้นต่อไปเพื่อจะไปพบลูกสาวโดยใช้ตัวช่วยอย่างพิรามที่ต้องไปรับลูกชายตามหน้าที่พ่อแสนดี เขาจึงขอตามไปด้วย แม้จะงงๆ แต่พิรามก็ยอมช่วยเพื่อนแต่โดยดี“เมื่อไหร่จะออกมาสักทีวะ” คนใจร้อนบ่นอุบ สายตามองหาท่ามกลางเด็กๆ มากมายพิรามมองเพื่อนรักอย่างระอา แต่ก็พอเข้าใจได้“ใจเย็นๆ สิวะเพื่อน เดี๋ยวก็มา อ้าว นั่นไงมาแล้ว”“พ่อราม!” เสียงเด็กชายดังมาก่อนตัว ทำให้ดิฐกรรีบชะเง้อมอง แล้วหัวใจก็พลันกระตุกอย่างแรง เมื่อได้เห็นคนที่เดินมาพร้อมเด็กชายพิธานข้างๆดิฐกรก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อเช้าเห็นไกลๆ ก็ว่าน่าเอ็นดูมากแล้ว พอได้มาเห็นใกล้ๆ เขาก็แทบใจละลายอยากคว้าคนแก้มยุ้ยมากอดไว้“พ่อราม...”คำนั้นทำให้ดิฐกรอยากได้ยินเด็กหญิงตรงหน้าเรียกเขาแบบนั้นเช่นกันพ่อดิว...แค่คิดก็ใจพองฟูแล้ว“สวัสดีอาดิวก่อนสิเจ้าธาน”“สวัสดีครับอาดิว”“ว่าไงคะน้องมิว”เจ้าของชื่อยิ้มแฉ่ง พลางยกมือไหว้ชายทั้งสองตามที่แม่สอน นั่นทำให้ดิฐกรยิ่งใจเหลว มิรันดาสอนลูกสาวมาดีไม่น้อย“รอคุณแม่รับเหรอคะลูก”“ค่ะ เดี๋ยวแม่มี่มาค่ะ”“กลับด้วยกันไหมลูก” อะไรบางอย่างผลัก
แม้จะเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่เจอพิรามที่ห้างว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องบอกดิฐกรเรื่องเธอกับลูก เธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับผู้ชายเส็งเคร็งคนนี้นานแล้ว สำหรับมิรันดาเขาไม่ได้สำคัญกับชีวิต และจะไม่สำคัญต่อไป“ม...มี่...ไม่เจอกันนานเลยนะ ยังจำพี่ได้ไหม”ทักอะไรแบบนั้นวะกู ไม่คูลเลยให้ตายสิอากาศไม่ร้อนแต่ดิฐกรกลับเหงื่อแตก เพราะความประหม่าทำให้เขาหลุดปากถามอะไรไม่เข้าท่าออกไป ทั้งที่ในใจเขามีเป็นหมื่นล้านคำที่อยากพูดอยากบอกกับเธอมาตลอด แต่มันพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้บึ้งสนิทและสายตาเย็นชาที่มองมาคู่นั้นที่บ่งบอกว่าหญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้วมิรันดาที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่เมียแสนดีคนเดิมที่รักและเทิดทูนบูชาเขายิ่งกว่าสิ่งใด จะโทษใครได้เล่า นอกจากความโง่ของตัวเอง“มาทำไม” เธอถามเสียงเย็นชา หน้าเขาก็ไม่อยากมองด้วยซ้ำ“มี่จ๋า เราคุยกันดีๆ ก่อนได้ไหม”“รีบพูดมา หรือไม่ก็ไสหัวไปซะ” ดิฐกรกลืนน้ำลายฝืดคอ ยิ้มเกร็งเสียจนหน้ากระตุก เมื่อเห็นมุมไม่ไยดีจากเมียที่เขาแสนคิดถึงทำไมดุจังวะ จะกินหัวกูก่อนไหมเนี่ย“เอ่อ...คือ พี่มาเรื่องลูก”คำนั้นทำให้มิรันดาใจหายวาบ แต่ยังฝืนทำหน้านิ่งขึงไว้ไม่ยอมให
“น้องมิว นี่พ่ะ...อ้าก!!”คำว่าพ่อยังไม่ทันหลุดจากปาก ดิฐกรก็แหกปากลั่นเมื่อโดนลูกสาวอ้าปากงับที่ข้อมือของเขาสุดแรงเกิด จะสะบัดก็เกรงลูกจะเจ็บ ครั้นจะปล่อยมือมิรันดาไป ก็กลัวจะไม่มีโอกาสเข้าใกล้เธออีก“ฮือๆ อ่อยแอ่หนูนะ อ่อย”“น้องมิว...อย่าทำแบบนั้นลูก” มิรันดาร้องบอกลูกสาวอย่างเป็นห่วงจับใจ แม้เธอจะโกรธดิฐกรแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้อยากดึงลูกน้อยเข้ามาในสงครามครั้งนี้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่สามีของเธอแล้ว แต่เขาก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูก“ปล่อยก่อน เดี๋ยวลูกเจ็บ...”เพราะคำนั้นทำให้ดิฐกรได้สติจำต้องปล่อยมือเธอไป เพราะเกรงลูกสาวตัวน้อยจะได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็ฟันน้ำนมหลุดติดมือเขามาทั้งแผงเสียก่อน กัดแรงขนาดนี้ มิรันดาให้อะไรลูกกินเป็นอาหารเนี่ยพอเห็นอีกฝ่ายปล่อยมือจากแม่ หนูน้อยก็คลายฟันออกจากข้อมือ มิรันดาจึงรีบฉวยโอกาสผลักชายหนุ่มออกไปสุดแรง แล้วรีบกระชากประตูปิดโดยไม่เห็นมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาพอดีปึง!“โอ๊ย!” ดิฐกรแหกปากร้องลั่น เมื่อถูกประตูปิดกระแทกหนีบมืออย่างจัง จนเขาคิดว่ามือคงขาดคาประตูเสียแล้วเพราะความเจ็บจี๊ดไปถึงแกนสมองจนเห็นเดือนเห็นดาวนั่นแม้จะตกใจ แต่มิรันดารีบผลักอีกฝ่ายออกไป ก่
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของดิฐกรและลูกสาวเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้นคิดถึงวันเกิดครั้งแรกที่เขาเคยจัดให้“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของมิรันดา“อธิษฐานสิมี่”มิรันดาหันไปมองคนรอบข้างทั้งเพื่อนเธอแล้วยังมีครอบครัวของดิฐกรพร้อมหน้า ทำให้เธออดคิดถึงวันเกิดของดิฐกรในปีนั้นที่เธอต้องนั่งรอเขาคนเดียว ก่อนเลิกกัน มาวันนี้เขากลับเป็นคนถือเค้กออกมาให้เธออีกครั้งพร้อมกับลูกสาวสุดที่รักชีวิตเธอควรจะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีแล้ว แต่ทว่ายังมีใครอีกคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ และอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาคนนั้นจะยอมมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอไหมมิรันดาหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะเป่าเค้กวันเกิดจนดับ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน“สุขสันต์วันเกิดครับมี่” ดิฐกรอวยพร พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ใบหนึ่งให้“อะไรคะ”“ลองเปิดดูสิครับ”มิรันดาทำตามที่เขาบอกและพบว่าของในกล่องคือ...สร้อยแทนใจเส้นนั้น“นี่มัน!”“ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้มี่ไง” คำนั้นทำใ
แม้ชีวิตของเธอกับลูกจะมีสีสันมากขึ้น ทว่ากลับมีบางสิ่งที่หายไปแทน แม้กระทั่งคนรอบข้างเองก็ยังรู้สึก“แม่มี่ขา...” เจ้าของขวัญวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามากอดเอวอ้อนแม่ หลังจากที่เพิ่งส่งคุณปู่คุณย่าและลุงดลกลับไปเมื่อครู่“ขา...คนเก่ง”“เมื่อไหร่ลุงคิมจะมาบ้านเราอีกคะ น้องมิวคิดถึงม้ากมาก ทำไมคราวนี้ลุงคิมไปเมืองนอกนานจังคะ” คำถามนั้นทำให้เธอสะอึกอึ้งไป เพราะรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปดีกว่าใคร“นั่นสิแก นี่มันก็นานแล้วนะ คุณคิมเขาไม่บอกแกเหรอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ถามยายดาวก็บอกไม่รู้” “เปล่า ไม่ได้บอก” หลังจากวันที่เขาบอกรักและจูบเธอวันนั้น คีรินก็หายหน้าไป หรือเขาจะถอดใจเสียแล้วนะ หรือเธอเล่นตัวมากไป“ยัยนิ ฉันถามหน่อยสิ”“อะไร ถามอะไร ทำหน้าเครียดแบบนี้ เรื่องใหญ่ล่ะสิ” “คือ...จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องฉันหรอก แต่เป็นเรื่องคนอื่นอีกที คือเขามีผู้ชายมาสารภาพรัก แล้วก็ขอแต่งงานน่ะ แต่เขายังเข็ดกับความรักที่โดนแฟนเก่าทิ้งจนกลัวจะมีรักใหม่เลยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นไป”“นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว คุณคิมหายไปเพราะโดนแกปฏิเสธนี่เอง”“เฮ้ย! ไม่ใช่ฉัน”“แหม แต่สตอรี่ตรงเชียวนะยะ เฮ้อ...” นิลุบลค้อนเพื่อน “แล้วไง เขาหาย
“คุณ!” มิรันดาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเพื่อนบ้านผู้ลึกลับตัวจริง ไม่ใช่คุณป้าที่เธอเคยพบแต่กลับเป็น...อดีตผัวเก่า!“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” คนถูกจับได้เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เอาอาหารเช้ามาให้มี่กับลูก” คนฟังได้แต่กลอกตาไปมา เชื่อเขาเลย “ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ แล้วบ้านหลังนั้นของใครกันแน่”เมื่อถึงคราวจนมุม จำเลยจึงต้องยอมรับสารภาพ“ของพี่เอง” “ว่าไงนะ แล้ววันนั้นคุณป้าที่ออกมารับขนมหน้าบ้านล่ะใครกัน”“นั่นแม่บ้านที่พี่จ้างมาทำความสะอาดน่ะ” เขาสารภาพเสียงอ่อย หน้าจ๋อยสนิทมิรันดาได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ก็ไม่นานนะ ยังไม่ถึงปี แค่เกือบๆ เอง” คนฟังเริ่มกำหมัด กัดฟันกรอด“มี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมี่และลูกของเราเลยนะ” “แล้วทำไปทำไม”“พี่ก็แค่อยากชดเชยความผิดที่ผ่านมาให้มี่กับลูกบ้าง แต่ถ้ามี่ไม่ต้องการพี่ก็จะไม่ทำอีกก็ได้นะ” มิรันดามองคนพูดที่ตอนนี้อ่อนเป็นงูกลัวเชือกกล้วย “มี่จ๋า...พี่สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่มี่จะยอมให้อภัยพี่สักที อย่างน้อยก็ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อบ้าง น้องมิวเป็นลูกพี่ ขนาดพ่อแม่พี่น้องของพี่ มี่ก
เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยทำให้ดิฐกรสะดุ้งหันขวับ หัวใจพองฟูอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง“คุณพ่อให้แคทมาเยี่ยมพี่ดิวค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ดิฐกรมองน้องสาวของศัตรูหัวใจที่มาเยี่ยมเขาเกือบทุกวัน พลางแอบบ่นในใจคนที่อยากให้มาก็ดันไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากเจอกลับขยันมาเสียจริงๆ ทำไมเขาจะไม่รู้แผนของบิดาสุดที่รักกับเพื่อนสนิทของท่านที่ต้องการจับคู่ให้เขากับผู้หญิงสุดเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าก็ถ้าหัวใจมันมูปออนกันได้ง่ายๆ เขาคงหาเมียใหม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอเมียเก่าใจอ่อนให้อภัยมาจนถึงวันนี้รอเหมือนโดนสาป ขนาดเจอแล้วก็ยังต้องรอเหมือนเดิม“ผมดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คุณแคทไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้นะครับ”แคทรียาถอนใจอย่างลำไย เธอเองก็ใช่ว่าอยากมา แต่เพราะโดนพ่อกับแม่บังคับให้มาหรอก จะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวระเบิดลง แล้วเธอก็จะโดนตัดออกจากกองมรดกเสียก่อนแถมเรื่องราวของดิฐกรในงานวันเกิดของคุณเมธาก็ดังกระฉ่อนเข้าหูเธอขนาดนั้น ทำให้รู้ว่าที่แท
ฝ่ายคีรินที่พาสองแม่ลูกกลับมาส่งถึงบ้าน เขาก็ช่วยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปส่งถึงห้องนอน โดยมีมิรันดาเดินตามมาด้านหลัง“ขอบคุณพี่คิมมากนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้มี่ทำให้พี่ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”“พี่ยินดีวุ่นวาย หากเป็นเรื่องของมี่กับลูก แล้วมี่ล่ะ...”“มี่ทำไมเหรอคะ”“มี่จะยอมให้พี่ผ่านโปรของเราได้หรือยังครับ” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง“พี่รอได้ แต่ไม่อยากรอแล้ว เรื่องวันนี้ทำให้พี่อยากได้สิทธิ์ในการปกป้องดูแลมี่กับน้องมิว ไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจได้อีก พี่รักมี่ แต่งงานกับพี่นะครับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้น คำที่เธอเคยอยากให้ดิฐกรพูดกับเธอมาตลอด แต่แล้วกลับเป็นผู้ชายตรงหน้าที่พูดมันออกมา เขาขอเธอแต่งงาน และบอกรัก ถึงจะไม่โรแมนติก แต่เมื่อมองสบตากันเธอก็รับรู้ได้ถึงความจริงในที่เขามีให้“มี่รังเกียจพี่หรือเปล่า หรือว่า...ยังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ มี่ไม่ได้รักพี่ดิวแล้ว ไม่ได้รักนานแล้ว” คราวนี้หญิงสาวตอบอย่างมั่นใ
ดิฐกรถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา มิรันดาและคีรินที่พาเขามาส่งโรงพยาบาลนั่งรอหน้าห้อง ชุดเดรสแสนสวยตอนนี้มีคราบเลือดคราบเลอะติดเป็นหย่อมๆ หากเจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจ ในสมองยังคงคิดถึงภาพตอนที่คนเจ็บนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอย่างน่าตกใจเมื่อครู่ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คีรินจึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับได้ไว ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนย้ายเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักกว่าเดิม“แม่คะ คุณลุงคนนั้นจะตายไหมคะ” คำถามของลูกน้อย ทำให้ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจของมิรันดาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างเธอเกลียดในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอจนไม่อยากให้อภัยก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายตายจริงอย่างที่ลั่นปากไป“ไม่หรอกลูก คุณลุงต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” คีรินปลอบขวัญ“คุณลุงคนนั้นเขาเป็นพ่อน้องมิว จริงๆ เหรอคะแม่มี่”คำถามนั้นเสียดลึกเข้าไปในอก กับความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเลิกกันแล้ว แม้เขาจะเคยไม่ต้องการมีลูกกับเธอ แต่เด็กหญิงของขวัญก็คือลูกสาวของดิฐกร ไม่ม
“ทำไมหนูถึงว่าคุณลุงคนนั้นใจร้ายล่ะคะลูก” “ก็เขาเคยมาที่บ้านน้องมิว แล้วก็รังแกแม่มี่ของหนูจนร้องไห้เลย น้องมิวไม่ชอบเขา เขานิสัยไม่ดี” คุณดารณีได้ฟังก็งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้อง หันไปมองหน้าลูกชายคนกลางอย่างคาดคั้น“นี่มันเรื่องอะไรกันตาดิว ลูกทำแบบที่น้องมิวว่าจริงเหรอ ทำไปทำไม” “ผม...เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” คำนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไป “มี่คือเมียผม แล้วก็น้องมิวก็เป็นลูกของผมแล้วก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณแม่ครับ” “หา! ว่าไงนะตาดิว” คุณดารณีเบิกตาค้างอย่างตื่นตะลึง โชคดีที่แขกเหรื่อเข้างานกันหมดแล้วเหลือแต่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” คีรินกุมมือหญิงสาวไว้แน่น มืออีกข้างก็เอื้อมไปจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไว้ “มี่คือคนที่ผมเคยบอกแม่ เธอเป็นเมียผม แต่เราเลิกกันไปเพราะเข
“ตาคิมเขาพาแฟนมาอวดน่ะสิคุณดา คนนั้นไง” คำนั้นทำให้คุณดารณีหันไปมองที่หญิงสาวข้างกายคีรินทันที “เอ๊ะ! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะหนู” มิรันดาเองก็จำได้ตั้งแต่เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน“ใช่ค่ะ เจอกันที่โรงพยาบาล” “จริงด้วย ป้าจำได้แล้ว นี่ไงคะแม่หนูที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าช่วยฉันตอนโดนชนจนล้มข้อเท้าพลิกที่โรงพยาบาลไง ตายจริงโลกกลมเหลือเกิน ตาดลลูกก็จำน้องได้ใช่ไหม”“จำได้ครับแม่” ดลธวัชส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้มีพระคุณของแม่“แล้วเจ้าแก้มยุ้ยคนนี้ใครจ๊ะ หน้าตาน่าเอ็นดูจริงเชียว” คนอยากมีหลานสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก “แต่เอ...แม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” คุณดารณีครุ่นคิด หากแล้วสายตาก็หันไปเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาพอดีจึงคิดออก“นึกออกแล้ว หน้าเหมือนตาดิวตอนเด็
เขาอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่คีรินเหลือเกิน แต่ยิ่งทำอย่างที่ใจต้องการ ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนเธอจะยิ่งไกลห่างออกไปทุกที ดูจากที่ร้านไอศกรีมวันนี้ ขนาดนั่งใกล้กันมิรันดายังแทบไม่มองหน้า ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เธอทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศไร้ตัวตน แล้วจู่ๆ คำพูดของพิรามก็ดังขึ้นในหู‘มูปออนง่ายกว่ามั้งเพื่อน’หรือเขาควรทำเช่นนั้น แต่จะให้ตัดใจจากเธอและลูกยังไง มือหนาหยิบสร้อยรูปจี้หัวใจขึ้นมาดูอย่างปวดใจ“ต้องทำยังไง มี่ถึงจะให้อภัยพี่เสียที พี่ต้องทำยังไง...” เย็นวันต่อมา คีรินก็มาถึงบ้านของหญิงสาวตรงตามเวลานัดเป๊ะ“ลุงคิมมาแล้ว โห...วันนี้หล่อจัง” เด็กหญิงของขวัญทำตาโตมอง ปกติเวลามาหาสองแม่ลูก เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตแบบไม่สวมสูทเพื่อเป็นกันเอง แต่วันนี้เขาใส่ทักซิโด้หล่อเต็มยศ“ไงครับคนสวยของลุง ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยได้ไหม”