เพียงไม่นานรถของผู้จัดการหนุ่มก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของมิรันดา เธอหันไปเอ่ยกับเขาอย่างเกรงใจ“จริงๆ พี่คิมไม่ต้องแวะมารับมี่ไปส่งน้องมิวที่โรงเรียนทุกเช้าก็ได้นะคะ มี่เกรงใจ เทียวไปเทียวมาเดี๋ยวพี่ก็ไปทำงานสายกันพอดี”“ก็พี่อยากเจอมี่กับลูกก่อนไปทำงานไง มาหามี่พี่ก็ได้เสบียงอร่อยๆ กลับไปกินที่ออฟฟิศด้วย” มิรันดาค้อนคนพูดอย่างอ่อนใจ“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้รอพี่นะ จะได้ไปรับลูกด้วยกัน”“ไหนว่ามีประชุมไงคะ ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ เดี๋ยวมี่ไปรับลูกเองก็ได้ค่ะ”“งั้นก็ตามใจครับ เดี๋ยวเลิกงานพี่แวะมากินข้าวเย็นด้วยแล้วกัน เอ หรือเราจะพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านดี มี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำเองไง” คีรินถามเสร็จก็นึกขำ ตอนนี้พวกเขาเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันไม่มีผิด เขาใฝ่ฝันถึงครอบครัวอบอุ่นแบบนี้มาตลอด“กินที่บ้านดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมี่เตรียมของโปรดพี่คิมไว้ให้ รับรองอร่อยเหาะ”“ขอบคุณครับ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะครับ”“เดี๋ยวค่ะพี่คิม” หญิงสาวร้องเรียก พร้อมกับยื่นมือไปที่เนกไทของเขาเพื่อจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง คีรินก้มมองสิ่งที่เธอทำให้ด้วยหัวใจที่พองโตคับอก อยากที่จะโน้มลงไปหอมแก้มใสๆ นั่นเพื่อเป็นการตอบ
หลังจากที่ตกลงเจรจาซื้อบ้านข้างๆ มิรันดาเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ดิฐกรก็วางแผนขั้นต่อไปเพื่อจะไปพบลูกสาวโดยใช้ตัวช่วยอย่างพิรามที่ต้องไปรับลูกชายตามหน้าที่พ่อแสนดี เขาจึงขอตามไปด้วย แม้จะงงๆ แต่พิรามก็ยอมช่วยเพื่อนแต่โดยดี“เมื่อไหร่จะออกมาสักทีวะ” คนใจร้อนบ่นอุบ สายตามองหาท่ามกลางเด็กๆ มากมายพิรามมองเพื่อนรักอย่างระอา แต่ก็พอเข้าใจได้“ใจเย็นๆ สิวะเพื่อน เดี๋ยวก็มา อ้าว นั่นไงมาแล้ว”“พ่อราม!” เสียงเด็กชายดังมาก่อนตัว ทำให้ดิฐกรรีบชะเง้อมอง แล้วหัวใจก็พลันกระตุกอย่างแรง เมื่อได้เห็นคนที่เดินมาพร้อมเด็กชายพิธานข้างๆดิฐกรก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อเช้าเห็นไกลๆ ก็ว่าน่าเอ็นดูมากแล้ว พอได้มาเห็นใกล้ๆ เขาก็แทบใจละลายอยากคว้าคนแก้มยุ้ยมากอดไว้“พ่อราม...”คำนั้นทำให้ดิฐกรอยากได้ยินเด็กหญิงตรงหน้าเรียกเขาแบบนั้นเช่นกันพ่อดิว...แค่คิดก็ใจพองฟูแล้ว“สวัสดีอาดิวก่อนสิเจ้าธาน”“สวัสดีครับอาดิว”“ว่าไงคะน้องมิว”เจ้าของชื่อยิ้มแฉ่ง พลางยกมือไหว้ชายทั้งสองตามที่แม่สอน นั่นทำให้ดิฐกรยิ่งใจเหลว มิรันดาสอนลูกสาวมาดีไม่น้อย“รอคุณแม่รับเหรอคะลูก”“ค่ะ เดี๋ยวแม่มี่มาค่ะ”“กลับด้วยกันไหมลูก” อะไรบางอย่างผลัก
แม้จะเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่เจอพิรามที่ห้างว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องบอกดิฐกรเรื่องเธอกับลูก เธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับผู้ชายเส็งเคร็งคนนี้นานแล้ว สำหรับมิรันดาเขาไม่ได้สำคัญกับชีวิต และจะไม่สำคัญต่อไป“ม...มี่...ไม่เจอกันนานเลยนะ ยังจำพี่ได้ไหม”ทักอะไรแบบนั้นวะกู ไม่คูลเลยให้ตายสิอากาศไม่ร้อนแต่ดิฐกรกลับเหงื่อแตก เพราะความประหม่าทำให้เขาหลุดปากถามอะไรไม่เข้าท่าออกไป ทั้งที่ในใจเขามีเป็นหมื่นล้านคำที่อยากพูดอยากบอกกับเธอมาตลอด แต่มันพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้บึ้งสนิทและสายตาเย็นชาที่มองมาคู่นั้นที่บ่งบอกว่าหญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้วมิรันดาที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่เมียแสนดีคนเดิมที่รักและเทิดทูนบูชาเขายิ่งกว่าสิ่งใด จะโทษใครได้เล่า นอกจากความโง่ของตัวเอง“มาทำไม” เธอถามเสียงเย็นชา หน้าเขาก็ไม่อยากมองด้วยซ้ำ“มี่จ๋า เราคุยกันดีๆ ก่อนได้ไหม”“รีบพูดมา หรือไม่ก็ไสหัวไปซะ” ดิฐกรกลืนน้ำลายฝืดคอ ยิ้มเกร็งเสียจนหน้ากระตุก เมื่อเห็นมุมไม่ไยดีจากเมียที่เขาแสนคิดถึงทำไมดุจังวะ จะกินหัวกูก่อนไหมเนี่ย“เอ่อ...คือ พี่มาเรื่องลูก”คำนั้นทำให้มิรันดาใจหายวาบ แต่ยังฝืนทำหน้านิ่งขึงไว้ไม่ยอมให
“น้องมิว นี่พ่ะ...อ้าก!!”คำว่าพ่อยังไม่ทันหลุดจากปาก ดิฐกรก็แหกปากลั่นเมื่อโดนลูกสาวอ้าปากงับที่ข้อมือของเขาสุดแรงเกิด จะสะบัดก็เกรงลูกจะเจ็บ ครั้นจะปล่อยมือมิรันดาไป ก็กลัวจะไม่มีโอกาสเข้าใกล้เธออีก“ฮือๆ อ่อยแอ่หนูนะ อ่อย”“น้องมิว...อย่าทำแบบนั้นลูก” มิรันดาร้องบอกลูกสาวอย่างเป็นห่วงจับใจ แม้เธอจะโกรธดิฐกรแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้อยากดึงลูกน้อยเข้ามาในสงครามครั้งนี้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่สามีของเธอแล้ว แต่เขาก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูก“ปล่อยก่อน เดี๋ยวลูกเจ็บ...”เพราะคำนั้นทำให้ดิฐกรได้สติจำต้องปล่อยมือเธอไป เพราะเกรงลูกสาวตัวน้อยจะได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็ฟันน้ำนมหลุดติดมือเขามาทั้งแผงเสียก่อน กัดแรงขนาดนี้ มิรันดาให้อะไรลูกกินเป็นอาหารเนี่ยพอเห็นอีกฝ่ายปล่อยมือจากแม่ หนูน้อยก็คลายฟันออกจากข้อมือ มิรันดาจึงรีบฉวยโอกาสผลักชายหนุ่มออกไปสุดแรง แล้วรีบกระชากประตูปิดโดยไม่เห็นมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาพอดีปึง!“โอ๊ย!” ดิฐกรแหกปากร้องลั่น เมื่อถูกประตูปิดกระแทกหนีบมืออย่างจัง จนเขาคิดว่ามือคงขาดคาประตูเสียแล้วเพราะความเจ็บจี๊ดไปถึงแกนสมองจนเห็นเดือนเห็นดาวนั่นแม้จะตกใจ แต่มิรันดารีบผลักอีกฝ่ายออกไป ก่
“มาค่ะคนดี มากินข้าวก่อน เดี๋ยวจะได้ออกไปรอลุงคิมมารับที่หน้าบ้านกัน”หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จสองแม่ลูกจูงมือไปที่ประตู หากแล้วเมื่อเปิดประตูออกไป มิรันดาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างใครคนหนึ่งนั่งพิงประตูหลับอยู่“แม่มี่ขา! นั่นลุงคนแปลกหน้านี่คะ” เด็กหญิงตัวน้อยเอะอะลั่น พลางโผเข้ามากอดคนเป็นแม่แน่นมิรันดาเกือบอุ้มลูกเข้าบ้านอีกรอบแล้ว แต่ไม่วายหันไปมองดิฐกรที่นอนแน่นิ่งไม่มีทีท่าว่าจะตื่นหรือขยับไหวติง มือที่โดนประตูหนีบบวมเป่งอย่างน่ากลัวตายหรือยังเนี่ย“หนูอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่มา”หญิงสาวหันไปบอกลูก ก่อนเหลียวซ้ายแลขวา เจอไม้กวาดอันหนึ่งเลยฉวยติดมือมา“แกล้งหลับหรือเปล่าเนี่ย” มองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนใช้ด้ามไม้กวาดเขี่ยปลุกแรงๆ แต่ก็ไม่ได้ผล เขาไม่ยอมขยับ ใบหน้าหล่อซีดเผือด ทำให้เธอลองยื่นมือไปอังที่จมูกโด่งๆ นั่น ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอ่อนๆก็แปลว่ายังไม่ตาย จึงยื่นมือไปตบที่ใบหน้าเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น แต่ทว่าเธอกลับต้องสะดุดโหยง เ
“อุ๊ย!”“คนใจร้าย...” เสียงแหบพร่าตัดพ้อ แต่ยังเทียบไม่ได้กับดวงตาอิดโรยที่มองมาอย่างเว้าวอนคู่นั้น“ใจคอจะทิ้งคนป่วยใกล้ตายอย่างพี่ไว้คนเดียวจริงๆ เหรอ”มิรันดาเหยียดปากกับความสำออยของคนตรงหน้า“ใกล้ตายงั้นเหรอ ฮึ สำออยสิไม่ว่า ทำไมฉันจะทิ้งไม่ได้ล่ะในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เดี๋ยวแม่คุณก็มาเฝ้าแล้วนี่”“มี่ก็อยู่ก่อนสิ จะได้เจอแม่พี่ไง เมื่อก่อนมี่ก็อยากให้พาไปรู้จักกับครอบครัวพี่ไม่ใช่เหรอ”“เหอะ! นั่นมันเมื่อก่อนย่ะ แต่ตอนนี้ไม่อยากรู้จัก ไม่อยากข้องแวะด้วยแล้ว ปล่อยมือฉันเสียทีเดี๋ยวสายน้ำเกลือก็หลุดหรอก”“เป็นห่วงพี่ด้วยเหรอ”“อย่าสำคัญตัวผิด ฉันเป็นห่วงสายน้ำเกลือต่างหาก” มิรันดาตอกกลับไม่ไว้หน้า“พี่ขอโทษ...”มิรันดาชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำนั้นจากปากเขา“พี่ผิดไปแล้ว ผิดที่ทิ้งเธอไปในวันนั้น พี่มันโง่มากที่ทำแบบนั้น มี่จะยกโทษให้คนโง่ๆ อย่างพี่สักครั้งไม่ได้เหรอ เรากลับมาเป็นเหม
“เดินไหวไหมคะ” คนถูกถามส่ายหน้าน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ “ข้อเท้าน่าจะพลิก เดี๋ยวหนูเรียกรถเข็นให้ดีกว่านะคะ ให้คุณหมอดูอาการสักนิด”ว่าแล้วมิรันดาก็จัดการเป็นธุระให้และอยู่เป็นเพื่อนรอ จนหญิงผู้นั้นได้พบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการเบื้องต้น“โชคดีกระดูกไม่หัก แต่ข้อเท้าพลิกนิดหน่อยครับ เดี๋ยวประคบเย็นให้หลอดเลือดรอบๆ ข้อเท้าหดตัว อาการบวมก็จะลดลง และให้พันผ้ายืดไว้ที่ข้อเท้า อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองครับภายในไม่กี่วัน แต่ระหว่างนี้คนไข้อย่าเพิ่งเดินมากนะครับ ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติก็ให้ลูกคุณป้าพามาพบหมอที่โรงพยาบาลทันที”“เอ่อ...ฉันไม่ใช่ลูกของคุณป้าหรอกค่ะ” มิรันดารีบออกตัว“งั้นคุณก็ช่วยบอกลูกของคุณป้าตามนี้แล้วกันครับ เดี๋ยวหมอจะจัดพวกยานวดกับผ้ายืดพันข้อเท้าให้ คุณไปรอรับที่ห้องยาได้เลย”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”หลังจากออกจากห้องตรวจ มิรันดาก็จัดการไปรอรับยาให้จนเสร็จเรียบร้อย คนป่วยมองหญิงสาวหน้าหวานที่ช่วยตนไว้อย่างซาบซึ้งใจ“นี่ค่ะยาของคุณป้า หนูต้องกลับแล้ว
“ลูกผมครับแม่”“แน่เหรอ แกเลิกกับเขาไปกี่ปีแล้วล่ะ ระหว่างที่เลิกกันเขาอาจมีผัวใหม่แล้วก็ได้นี่”“ลูกผมแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ผมตรวจดีเอ็นเอลูกเรียบร้อยแล้ว”คนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีหลานเพิ่มถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ถามว่าอยากได้หลานไหม ก็ตอบว่าอยากได้ แต่ความกังขาเรื่องแม่ของหลานนี่สิ“งั้นก็โทรตามเมียแกมา คุยกันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไง เขาอยากได้เท่าไหร่แลกกับการโอนสิทธิ์การดูแลมาให้เรา”“แม่ครับ!” สองหนุ่มประสานเสียงขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ“ก็ถ้าเป็นหลานแม่จริง แม่ก็ไม่อยากให้ไปลำบากนี่ ว่าแต่หลานสาวหรือหลานชายล่ะลูกแกน่ะ”“หลานสาวครับ ลูกผมน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด” ตอนที่เอ่ยถึงลูก ทำให้หัวใจของดิฐกรชุ่นชื่นขึ้นทันตา สีหน้าก็พลอยละมุนขึ้นมาทันที ส่วนคนที่อยากได้หลานสาวมาตลอดถึงกับตาโต“แม่จะเอามาเลี้ยงเอง ถามเมียแกว่าอยากได้เท่าไหร่”“แม่ครับ...”ดลธวัชถึงกับส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของแม่ ไอ้ที่เขากับภรรยาต้
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ
ไม่มีข่าวคราว ไม่กลับบ้าน ไม่ไปที่ร้าน โทรไปก็ปิดเครื่อง กระทั่งข้อความที่เขาส่งไปหานับร้อยนับพันก็ไม่ยอมเปิดอ่านตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะ เป็นตายร้ายดีอย่างไร “แล้วลูกล่ะ”“เข้านอนไปแล้วค่ะ พี่คิมเล่านิทานกล่อมก็พลอยหลับไปด้วย”“งั้นเหรอ” น้ำเสียงอ่อนล้าจนน่าใจหาย ทำให้มิรันดามองอดีตคนรักอย่างเห็นใจ“พี่ดิวก็กินข้าวกินปลาแล้วนอนพักเสียบ้างเถอะค่ะ”“อืม พี่ไม่หิว นอนไม่หลับด้วย เป็นห่วง...”“ห่วงตัวเองก่อนดีไหมคะ ดูหน้าเข้าซูบตอบเหมือนซอมบี้แล้วเนี่ย”คนหน้าเหมือนซอมบี้ลูบหน้าตัวเอง“ไม่เป็นไร พี่ยังไหว”มิรันดาได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของคนตรงหน้า“มี่ถามจริงๆ เถอะค่ะ ที่พี่ดิวกำลังทำอยู่ตอนนี้ เพราะอะไรกันแน่ แล้วถ้าพี่ดิวหาตัวน้องแคทเจอแล้วจะทำยังไงต่อคะ”“พี่...”คนถูกถามนิ่งไปเมื่อเจอคำถามแทงใจดำจนพูดไม่ออก“จริงๆ แล้วพี่แค่ห่วงลูกในท้องน้องแคทเท่านั้นใช่ไหมคะ แล้วถ้าน้องแคทไม่ได้ท้องกับพี่ล่ะ พี่ดิวจะยังตามหาน้องแบบนี้หรือเปล่า ไม่ต้องตอบมี่ก็ได้ แต่พี่ตอบตัวเองแล้วกันว่าต้องการอะไรกันแน่”“มี่...”“ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะไ
ดิฐกรรีบไปที่บ้านมิรันดาตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งที่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่คิดฟุ้งซ่านเรื่องของเขากับแคทรียาจนนอนไม่หลับ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องอกแตกตายแน่แต่ทว่า...“น้องแคทไปแล้วค่ะ”ดิฐกรหัวใจกระตุกวูบอย่างแรง“ไป...ไปไหน”“มี่ก็ไม่รู้ค่ะ พอตื่นมาน้องก็ไม่อยู่แล้ว นี่พี่คิมก็โทรไปถามที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าไม่ได้กลับไป ทางนั้นเองก็กำลังร้อนใจเหมือนกัน” มิรันดาตอบด้วยสีหน้าหนักใจ“แล้วที่ร้านเขาล่ะ” ชายหนุ่มหมายถึงร้านเวดดิ้งสตูดิโอ เธออาจจะมีงานด่วนต้องรีบไปที่ร้านแต่เช้าก็ได้“มี่โทรเช็กแล้วค่ะ น้องก็ไม่ได้ไปเหมือนกันค่ะเห็นพนักงานบอกว่าน้องแคทเขาพักร้อน อ้าว นั่นพี่คิมมาพอดี” ดิฐกรหันขวับไปมองคนเพิ่งลงจากรถด้วยสีหน้าตึงเครียดผิดจากที่เคย“เป็นไงบ้างคะพี่คิม หาน้องแคทเจอไหม”“ไม่เจอเลย พี่ลองถามรปภ.ที่หน้าหมู่บ้าน เห็นว่ามีรถแท็กซี่เข้ามาตอนตีสี่ แล้วตอนออกไปก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งด้านหลัง พี่คิดว่าน่าจะเป็นน้องแคท ก็เลยจดทะเบียนรถแท็กซี่นั่นให้ตำรวจช่วยตามหาตัวคนขับอยู่”“แล้วบ้านเพื่อนล่ะ เขาอาจจะนั่งแท็กซี่ไปหาเพื่อนสักคนก็ได้”“
“งั้นน้องมิวจะช่วยอาแคทซ่อนไม่ให้พ่อดิวหาเจอ ไม่สิ น้องมิวไปซ่อนในห้องกับอาแคทด้วยดีกว่า” ว่าแล้วเด็กน้อยก็วิ่งตื๋อเข้าไปในห้องอีกคนจนทำให้คนเป็นแม่ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่หันไปสบตาสามีเป็นเชิงปรึกษา“เอาไงดีคะพี่คิม”“เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูเอง มี่ดูแลทางนี้แล้วกัน”คีรินบอกพลางเดินตรงไปเปิดประตูบ้านให้แขกไม่ได้รับเชิญ“คุณคิม แคทล่ะ แคทอยู่ที่นี่ใช่ไหม”แทนที่จะถามถึงลูกสาวหรือมิรันดาก่อนเหมือนเช่นทุกครั้ง อีกฝ่ายกลับถามหาน้องสาวของเขาแทนเสียนี่“ทำไมเหรอครับ คุณมีธุระอะไรกับน้องสาวผมงั้นหรือ” ดิฐกรสะอึกอึ้งไปเมื่อเจอคำถามจากอีกฝ่าย“แคทอยู่ด้านในใช่ไหม”“ครับ” คีรินพยักหน้ารับ“งั้นผมขอเข้าไปคุยกับเขาหน่อย”“ผมว่าวันนี้คุณกลับไปก่อนดีกว่านะ”ดิฐกรรับรู้ได้ถึงความตึงในน้ำเสียงที่ผิดไปของชายหนุ่มผู้เป็นศัตรูหัวใจ หรือว่าแคทรียาจะบอกอะไรกับพี่ชายตัวเองไปแล้ว“แคทบอกพวกคุณแล้วใช่ไหม”“บอกเรื่องอะไรเหรอครับ” คีรินย้อนถามหน้าตาย“ก็เรื่อง...”“ท้อง...” ดิฐกรชะงักกึก“คุณรู้แล้วเหรอ”“ครับ ผมกับมี่รู้แล้ว แล้วน้องแคทบอกคุณหรือเปล่าล่ะว่าใครเป็นพ่อของเด็ก หรือว่าจะเป็นเจ้าแฟนเก่าที่เลิกไปนั่น”