หลังจากทำแผลเสร็จ ปิ่นปักยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เมื่อเห็นจอมทัพลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงปรี่ไปล็อกประตูอย่างมิดชิด ก่อนจะเดินกลับมาปิดม่านหน้าต่าง
ปิ่นปักเบิกตากว้างเมื่อร่างหนาเดินมาคว้าเอวเธอ ด้วยแขนที่แหลือของเขาอีกข้าง ก่อนจะทิ้งตัวเองลงนั่งบนโซฟา จากนั้นจึงจับร่างบางนั่งลงบนตักของเขาแทน แล้วล็อกกอดเธอไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว
“ไอ้จอม!..ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ปิ่นปักโวยวายนั่นแหละ แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังเท่าไหร่ ไม่งั้นใครต่อใครคงจะพากันแห่มาที่นี่แน่ ๆ
ยิ่งเวลาเกือบจะตีสามแล้วอย่างนี้ เป็นเวลานอนของผู้ป่วยใน รวมไปถึงญาติ ๆ ของคนไข้ มันทำให้เธอไว้ใจอะไรไม่ได้เลย
รอบ ๆ ตัวมีแต่ความเงียบสงัด แสงไฟก็เปิดเอาไว้บ้าง แต่เฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น
ฟ่อด!
“อื้ออ..ไอ้ทุเรศ!”
“ชู่ว์!..เงียบ ๆ ได้มั๊ยวะ..”
“แต่แผลแก..”
“ไม่เป็นไร..ฉันใช้แค่ปาก..อยากจูบแกว่ะ”
!!!
“กับจับอะไรบ้างงี้..นะ”
“มะ..ไม่...อื้ออ~~”
จอมทัพยื่นหน้าเขามาจูบปิ่นปักอย่างหนักหน่วง รุกเร้า อย่างรุนแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งจนอีกฝ่ายรู้สึกได้
แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากแต่ร่างกายของหญิงสาว กำลังถูกเขารุกล้ำไปทั้งตัวด้วยเช่นกัน
กองทัพจูบปิ่นปักอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ ผละออกอย่างเนิบนาบ…
สถานะแบบนี้ไงที่ทำให้ทั้งสองคนพูดได้อย่างไม่เต็มปาก หลังจากที่มีอะไรกันในคืนนั้น มากกว่าสิ่งที่กำลังทำร่วมกันอยู่ในตอนนี้
“ แผลขนาดนี้แล้ว แกยังจะมาซ่าอีก..”
หญิงสาวต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงหอบถี่เบา ๆ ผิดกับอีกคนที่ปรับจังหวะการหายใจ ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
ใช่สิ...ก็มันฝึกมานี่..
“ไม่เจ็บ..”
“แกมันหนังหนาว่างั้น?”
ปิ่นปักต่อว่า พลางขยับตัวเพื่อจะพาร่างของตัวเองออกมาจากตัก ของคนที่เรียกว่าเพื่อนรักอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ
แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอม...
“หน้าด้านให้อีกข้อด้วยก็ได้..ไม่เกี่ยง..”
ฟ่อด!
“อื้อ..พอแล้ว..ปล่อยฉันนะไอ้หมาจอม!”
เพราะถ้าหากว่าเดี๋ยวใครมาเรียกหญิงสาว แล้วเห็นประตูห้องล็อกแบบนี้เข้า หมอสาวคงตกเป็นข่าวขึ้นท๊อปไลน์แน่ ๆ เลย
“ขออีกนิดนะปิ่น...นิดหน่อยตรงนี้ก่อน..พอแกออกเวรเช้า เราค่อยไปต่อที่ห้องแก”
“ไอ้ทุเรศ!..ไม่...ไม่..ไม่...ไอ้จอม...อื้ออ~~”
ปิ่นปักร้องห้าม แต่นั่นไม่ใช่เพราะอยากจะขัดใจ เพียงแต่ห่วงบาดแผลที่มันยังสดใหม่
และเกรงว่าอาจจะเกิดฉีกขาดมากขึ้นไปกว่าเดิม แต่คนแบบจอมทัพ ยิ่งห้ามมันเท่าไหร่ ก็เหมือนมันอยากจะเอาชนะเราให้ได้มากเท่านั้น
กองทัพจับปิ่นปักให้นอนราบไปกับโซฟาตัวยาว แล้วถกชายเสื้อของหญิงสาว พร้อมกับชุดชั้นในขึ้นไปค้างไว้เหนือทรวงอก
“จอม..แผลแก..จะ..ฉีก..อ๊ะ!.อื้ออ~~”
ปิ่นปักครางอือเมื่อถูกริมฝีปากหยัก ก้มลงมาตรงส่วนก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองข้างอย่างโหยหา
และยิ่งพาให้สติของหญิงสาวเตลิดเปิดเปิงจนไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้วในตอนนี้
“....จอม!”
“เรียกชื่อฉันอีก..”
เสียงทุ้มแหบพร่าเงยหน้าขึ้นพูด ก่อนจะก้มต่ำลงไปจูบตรงหน้าท้องแบนราบแล้วเลื่อนกลับขึ้นมาที่เดิม
“จอม~..พอก่อน..อ๊า!”
ปากบอกว่าให้เขาพอ แต่หญิงสาวกลับทำทุกอย่างตรงกันข้ามซะงั้น ทั้งแอ่นอกให้เขาได้ดูดดึงบีบเคล้น กระทั่งกดหัวของอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อร่างหนาทำท่าจะผละออกไป
ปิ่นปักร้องครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้ความต้องการของร่างใหญ่ พุ่งทยานสูงขึ้นไปอย่างแทบจะยั้งตัวเองไว้ไม่ได้เลย
“แกทำฉันแข็งไปหมดแล้วปิ่น! เอาเลยนะงั้น?”
เมื่อได้ยินคำพูดของจอมทัพ มันช่วยเรียกสติของปิ่นปักให้กลับมา
“เฮ้ย!..ไม่เอา!..”
ปิ่นปักรีบปฏิเสธเขา ในจังหวะเดียวกันที่มีเสียงโทรศัพท์ภายในของโรงพยาบาล ดังเข้ามาขัดจังหวะไว้ได้พอดีRrr! Rrr! Rrr!จอมทัพจึงหยุดการรุกรานหญิงสาวเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะผละร่างหนาออกมาให้อีกฝ่ายได้ใส่เสื้อผ้า ที่ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะลนลาน เพราะต้องการรีบรับโทรศัพท์ ที่คิดว่าน่าจะมีเคสฉุกเฉิน“ปิ่น...แกอย่าลน..หันหลังมาสิฉันจะติดตะขอให้...”จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเชิงสั่งนั่นแหละ เพราะหากปล่อยให้หญิงสาวทำเอง คงต้องใช้เวลานานและอาจจะรับโทรศัพท์ที่กำลังดังอย่างต่อเนื่องนั่นไม่ทันหมอสาวตวัดสายตาหันมาตั้งท่าจะแหวใส่ แต่ก็รีบทำใจหันหลังให้อีกคนทำอย่างที่เจ้าตัวเขาต้องการหลังจากที่วางโทรศัพท์ ปิ่นปักจึงหยิบชุดกาวน์ที่แขวนไว้มาใส่ทับชุดไปรเวท ก่อนหันองศาไปหาอีกคน และเห็นสายตาของเขา ที่กำลังมองหญิงสาวอยู่ก่อนแล้วเช่นเดียวกัน“พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินโทรมาน่ะ มีเคสคนโดนตะขาบกัดมา แล้วน่าจะแพ้มาก ฉันต้องออกไปดูคนไข้ ว่าแต่แก....”“..ฉันจะนอนรอแกอยู่ที่นี่แหละ..แกไปเถอะ..ฉันง่วง!”จอมทัพรีบแทรกขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ...ไม่ไล่เขากลับ ก็อาจจะอ้างว่ามีธุระอะไรสักอย่างนั่นหละ เ
“แค่ฉันอยากจะเห็นหน้าแกก่อนไป...แล้วก็อื้ม~~”เป็นปิ่นปักเองที่เป็นคนรั้งต้นคอของจอมทัพ ลงมารับกับริมฝีปากของตัวเอง...เป็นฝ่ายจูบเขาก่อนอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยทำ...“อื้ออ~~”ปิ่นปักครางอือ เมื่อถูกอีกคนเป็นฝ่ายรุกกลับอย่างหนักหน่วง ทั้งดูดดึงขบเม้มริมฝีปากของหญิงสาว จนทำให้อีกฝ่ายหายใจตามแทบไม่ทัน แต่จอมทัพก็รู้จังหวะเป็นอย่างดี เขาผละออกให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้าง ก่อนจะเริ่มใหม่สลับกันอยู่อย่างนั้นฝ่ามือหนาลูบไล้เคล้นคลึงไปทั่วเนื้อตัวของเธอ จากนั้นจึงจัดการกับเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอย่างง่ายดายอื้อ~~”ร่างบางครางอืออีกครั้ง หลังจากถูกวางลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างหนาจะตามลงมาทาบทับ พร้อมกับริมฝากปากหยักที่กำลังสำรวจไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มอัตราความหนักหน่วง จนอีกคนต้องร้องประท้วงออกมา“อ๊ะ!เบาๆให้ฉันหน่อยสิวะ..แกนี่มันชอบเสพติดความรุนแรง..ทำฉันเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้วนะเว้ย!?”“ถามเพื่อ? ในเมื่อแกก็รู้ดี...แล้วฉันก็กำลังจะทำให้แกชอบเหมือนกับฉันด้วยไง...”!!!หงับ!“อ๊ะ!..ไอ้..อ๊า!..อื้ออ~~จอม~~”จอมทัพทำคล้ายกับจะรุนแรงเพื่อต้องการจะแกล้งหญิงสาว เพราะเขารู้สึกมันเขี้ยวเ
ปิ่นปักได้รับการ์ดเชิญงานแต่งของ สมาพร เพื่อนสาวที่เคยเรียนหมอรุ่นเดียวกัน และในการ์ดเชิญนั่นก็ระบุไว้ว่า ต้นนที คือชื่อของคนเป็นเจ้าบ่าว ซึ่งเขาเป็นหมอรุ่นพี่ ที่เคยมีสถานะเป็นแฟนเก่าของหญิงสาว แต่ก็ชั่วระยะเวลาไม่นานชายหนุ่มเป็นถึงเดือนมหาลัย เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงฐานะทางครอบครัวก็เข้าขั้นเศรษฐี มีผู้หญิงมากมายที่ต้องการมาอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่ต้นนทีก็เลือกเธอทั้งสองคนตกลงคบหาดูใจกันได้ไม่นานนัก หลังจากที่ปิ่นปักรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็เลยบอกเลิกเขาไปซะอย่างงั้นตอนนั้นต้นนทีโกรธเธอมาก เพราะเหมือนถูกปิ่นปักหักหน้าเขาอย่างแรง เขาจึงแกล้งปิ่นปักด้วยการเอาเรื่องของเธอไปพูดในทางเสียหายจนดังไปทั่วมหาลัยส่วนหญิงสาวก็ไม่ได้แก้ข่าวอะไรทั้งนั้น เพราะเพื่อนๆ ที่สนิทกันต่างก็รู้ดีว่าข่าวที่ต้นนทีปล่อยออกไปนั้นมันไม่ใช่ความจริง และมันก็ค่อยๆ ถูกลืมเมื่อมีเรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่าผุดขึ้นมาแทนผ่านมาหลายปี ต่างคนต่างก็ไปเป็นหมอตามโรงพยาบาลต่างๆ แต่ยังคงติดต่อกันทางกรุ๊ปไลน์เธอไม่ได้อยากรู้หรอกว่าสองคนนี่ พัฒนาความสัมพันธ์กันมายังไง แต่ก็ต้องไปร่วมงานตามมารยาทด้วยนั่นแหละเพราะเพื่อนห
ปิ่นปักยิ้มกับโทรศัพท์ เมื่อเห็นชื่อจอมทัพโทรเข้ามาปรากฏบนหน้าจอมือ เจ้าของโทรศัพท์ปล่อยให้เสียงโทรเข้าดังอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะกดรับสาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกอีกฝ่ายรัวคำพูดเข้ามาใส่โดยไม่เว้นช่องไฟให้อีกคน(“ปิ่น...ทำไมแกถึงไม่โทรหาฉันอีก ในเมื่อแกก็รู้ดีว่าบางทีฉันไม่ว่างจะอ่านข้อความ แล้วตอนนี้แกทำอะไรอยู่ที่ไหน แกห้ามกินเหล้าอย่างเด็ดขาดเลยนะก่อนที่ฉันจะไปถึง รู้ใช่มั๊ยว่าเวลาแกเมาน่ะรั่วมากขนาดไหน แกคงไม่อยากได้ผัวโดยไม่รู้ตัวตอนเมาหรอกนะ...ใช่ป่ะ?”)“โอ๊ยไอ้บ้าจอม!.ไอ้ปากหมา..แกพูดใส่หูฉันจนชาไปหมดแล้ว ฉันเพิ่งมาถึงเกาะพะงันเว้ย...แล้วหมาตัวไหนมันบอกให้ฉันทิ้งข้อความเอาไว้แล้วจะเข้ามาอ่านวะ นี่มันวันที่เจ็ดแล้วมั๊ย? ว่างแล้วว่างั้น? ถึงจะตามฉันมาถึงที่นี่ได้...หรือว่าแกอยากจะมาดูสาวๆ ใส่ทูพีชมากๆ ขนาดยอมทิ้งการทิ้งงาน ก็บอกกันมาตรงๆ ดี้ ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นเสียงแข็งใส่ฉันหรอกน่า แกเขินใช่ป่ะรู้หรอก ฮ่าๆ...” ปิ่นปักรีบพูดออกไปเมื่อได้โอกาส โดยไม่เว้นจังหวะให้เช่นเดียวกัน ก่อนจะกลั้วหัวเราะลั่นในตอนท้าย แต่อีกฝ่ายดันไม่ตลกตาม(“อย่าพูดมากได้ป่ะรำคาญว่ะ แกอยู่ส่วนไหนขอ
ไม่ถึงห้าชั่วโมงจอมทัพก็พาร่างสูงใหญ่พอๆ กับชาวต่างชาติ มาถึงที่พักติดกับชายหาดของปิ่นปักด้วยรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายไว้ทางด้านหลังเสียงเหมือนรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังทะลุข้างฝาวิ่งเข้ามาจอดหน้าบังกาโล ทำให้ปิ่นปักเปิดประตูแล้วโผล่หน้าออกไปดู ถึงได้รู้ว่าเป็นจอมทัพนั่นเอง“แกไปเอารถมอเตอร์ไซค์ของใครมาขี่อ่ะ? ไหนคนบนเกาะบอกว่าไม่มีให้เช่าแล้วไงวะ?”ปิ่นปักเอ่ยถามออกไป ในขณะที่เดินออกมายืนดูรถมอเตอร์ไชค์คันที่ว่า พลางกวาดสายตามองไปทั่วร่างหนา ว่ามีบาดแผลอะไรที่เกิดจากการทำงานเสี่ยงตายของชายหนุ่ม กลับมาให้ปิ่นปักรักษาเขาบ้างรึเปล่า ซึ่งแค่ได้สบตาจอมทัพก็พอจะเข้าใจก็บอกแล้วไงว่าจอมทัพเป็นคนฉลาด เขาสามารถอ่านสีหน้าของเพื่อนรักได้ โดยที่ไม่ต้องคาดเดา ซึ่งเป็นอะไรที่หญิงสาวไม่ชอบเอาเสียเลยจอมทัพยังไม่ตอบหญิงสาวกลับไปในทันที ชายหนุ่มบิดกุญแจรถเพื่อดับเครื่อง หลังจากที่เจ้าตัววาดขาลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วนั่นละ ถึงได้หันมาตอบ“คนร้ายยอมมอบตัวแต่โดยดี คราวนี้ฉันเลยไม่มีแผลมาให้แกทำ ส่วนมอเตอร์ไซค์คันนี้ฉันก็ไม่ได้เช่ามา...ก็แค่ขอยืมรถของตำรวจที่อยู่ในป้อมข้างหน้านั่นมาใช้ เผื
"ปิ่น..."“หือ~~~...”“ปิ่น!..”“อือ~~~”“ถ้าแกยังไม่ตื่นนะ...ฉันจะลักหลับแกตรงนี้เลย...อ่า..ซี๊ดด..เจ็บฉิบ!”เสียงเข้มห้าวทุ้มหู ฟังดูคุ้นเคยพูดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ร่างบางในชุดกาวน์ที่กำลังนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ ในห้องทำงานสำหรับหมอเวรในโรงพยาบาล ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง“ปิ่น...แกช่วยตื่นขึ้นมาทำแผลให้ฉันทีดิวะ...หลับซะนึกว่าซ้อมตาย!”ใบหน้าหล่อเหลาแต่ยียวนที่มาพร้อมกับคำพูดเชิงกวนกับปิ่นปักทุกครั้งที่ได้เจอกัน แล้วแต่ละครั้งของมันก็ต้องพาร่างใหญ่ ๆ มาให้เธอช่วยทำแผลให้ทุกทีรวมไปถึงครั้งนี้ด้วยไอ้เพื่อนเฮงซวย!“แกไปโดนอะไรมาอีกละ..”ปิ่นปักถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย พลางมองตามมือหนาที่กดทับบาดแผลนอกร่มผ้า บนต้นแขนของตัวเองเอาไว้“ถูกยิงแค่เฉียด ๆ..แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก.”นอกจากเลือดที่ทะลักออกมาจนชุ่มผ้าขนหนู ที่โปะบาดแผลเอาไว้นั่นยังไม่พอ มันยังไหลผ่านตามร่องนิ้วของคนร่างหนา แล้วยังมาปากแข็งบอกกับเธอว่า ไม่เจ็บเท่าไหร่นั่นอีกด้วยปิ่นปักเดินไปหยิบกระเป๋าร่วมยาในตู้ และเปิดเอาของที่อยู่ในนั้นออกมากองรวมกันไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงจับมือหนาของจอมทัพออกมาจากบาดแผล แล้วจึง
ไม่ถึงห้าชั่วโมงจอมทัพก็พาร่างสูงใหญ่พอๆ กับชาวต่างชาติ มาถึงที่พักติดกับชายหาดของปิ่นปักด้วยรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายไว้ทางด้านหลังเสียงเหมือนรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังทะลุข้างฝาวิ่งเข้ามาจอดหน้าบังกาโล ทำให้ปิ่นปักเปิดประตูแล้วโผล่หน้าออกไปดู ถึงได้รู้ว่าเป็นจอมทัพนั่นเอง“แกไปเอารถมอเตอร์ไซค์ของใครมาขี่อ่ะ? ไหนคนบนเกาะบอกว่าไม่มีให้เช่าแล้วไงวะ?”ปิ่นปักเอ่ยถามออกไป ในขณะที่เดินออกมายืนดูรถมอเตอร์ไชค์คันที่ว่า พลางกวาดสายตามองไปทั่วร่างหนา ว่ามีบาดแผลอะไรที่เกิดจากการทำงานเสี่ยงตายของชายหนุ่ม กลับมาให้ปิ่นปักรักษาเขาบ้างรึเปล่า ซึ่งแค่ได้สบตาจอมทัพก็พอจะเข้าใจก็บอกแล้วไงว่าจอมทัพเป็นคนฉลาด เขาสามารถอ่านสีหน้าของเพื่อนรักได้ โดยที่ไม่ต้องคาดเดา ซึ่งเป็นอะไรที่หญิงสาวไม่ชอบเอาเสียเลยจอมทัพยังไม่ตอบหญิงสาวกลับไปในทันที ชายหนุ่มบิดกุญแจรถเพื่อดับเครื่อง หลังจากที่เจ้าตัววาดขาลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วนั่นละ ถึงได้หันมาตอบ“คนร้ายยอมมอบตัวแต่โดยดี คราวนี้ฉันเลยไม่มีแผลมาให้แกทำ ส่วนมอเตอร์ไซค์คันนี้ฉันก็ไม่ได้เช่ามา...ก็แค่ขอยืมรถของตำรวจที่อยู่ในป้อมข้างหน้านั่นมาใช้ เผื
ปิ่นปักยิ้มกับโทรศัพท์ เมื่อเห็นชื่อจอมทัพโทรเข้ามาปรากฏบนหน้าจอมือ เจ้าของโทรศัพท์ปล่อยให้เสียงโทรเข้าดังอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะกดรับสาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกอีกฝ่ายรัวคำพูดเข้ามาใส่โดยไม่เว้นช่องไฟให้อีกคน(“ปิ่น...ทำไมแกถึงไม่โทรหาฉันอีก ในเมื่อแกก็รู้ดีว่าบางทีฉันไม่ว่างจะอ่านข้อความ แล้วตอนนี้แกทำอะไรอยู่ที่ไหน แกห้ามกินเหล้าอย่างเด็ดขาดเลยนะก่อนที่ฉันจะไปถึง รู้ใช่มั๊ยว่าเวลาแกเมาน่ะรั่วมากขนาดไหน แกคงไม่อยากได้ผัวโดยไม่รู้ตัวตอนเมาหรอกนะ...ใช่ป่ะ?”)“โอ๊ยไอ้บ้าจอม!.ไอ้ปากหมา..แกพูดใส่หูฉันจนชาไปหมดแล้ว ฉันเพิ่งมาถึงเกาะพะงันเว้ย...แล้วหมาตัวไหนมันบอกให้ฉันทิ้งข้อความเอาไว้แล้วจะเข้ามาอ่านวะ นี่มันวันที่เจ็ดแล้วมั๊ย? ว่างแล้วว่างั้น? ถึงจะตามฉันมาถึงที่นี่ได้...หรือว่าแกอยากจะมาดูสาวๆ ใส่ทูพีชมากๆ ขนาดยอมทิ้งการทิ้งงาน ก็บอกกันมาตรงๆ ดี้ ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นเสียงแข็งใส่ฉันหรอกน่า แกเขินใช่ป่ะรู้หรอก ฮ่าๆ...” ปิ่นปักรีบพูดออกไปเมื่อได้โอกาส โดยไม่เว้นจังหวะให้เช่นเดียวกัน ก่อนจะกลั้วหัวเราะลั่นในตอนท้าย แต่อีกฝ่ายดันไม่ตลกตาม(“อย่าพูดมากได้ป่ะรำคาญว่ะ แกอยู่ส่วนไหนขอ
ปิ่นปักได้รับการ์ดเชิญงานแต่งของ สมาพร เพื่อนสาวที่เคยเรียนหมอรุ่นเดียวกัน และในการ์ดเชิญนั่นก็ระบุไว้ว่า ต้นนที คือชื่อของคนเป็นเจ้าบ่าว ซึ่งเขาเป็นหมอรุ่นพี่ ที่เคยมีสถานะเป็นแฟนเก่าของหญิงสาว แต่ก็ชั่วระยะเวลาไม่นานชายหนุ่มเป็นถึงเดือนมหาลัย เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงฐานะทางครอบครัวก็เข้าขั้นเศรษฐี มีผู้หญิงมากมายที่ต้องการมาอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่ต้นนทีก็เลือกเธอทั้งสองคนตกลงคบหาดูใจกันได้ไม่นานนัก หลังจากที่ปิ่นปักรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็เลยบอกเลิกเขาไปซะอย่างงั้นตอนนั้นต้นนทีโกรธเธอมาก เพราะเหมือนถูกปิ่นปักหักหน้าเขาอย่างแรง เขาจึงแกล้งปิ่นปักด้วยการเอาเรื่องของเธอไปพูดในทางเสียหายจนดังไปทั่วมหาลัยส่วนหญิงสาวก็ไม่ได้แก้ข่าวอะไรทั้งนั้น เพราะเพื่อนๆ ที่สนิทกันต่างก็รู้ดีว่าข่าวที่ต้นนทีปล่อยออกไปนั้นมันไม่ใช่ความจริง และมันก็ค่อยๆ ถูกลืมเมื่อมีเรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่าผุดขึ้นมาแทนผ่านมาหลายปี ต่างคนต่างก็ไปเป็นหมอตามโรงพยาบาลต่างๆ แต่ยังคงติดต่อกันทางกรุ๊ปไลน์เธอไม่ได้อยากรู้หรอกว่าสองคนนี่ พัฒนาความสัมพันธ์กันมายังไง แต่ก็ต้องไปร่วมงานตามมารยาทด้วยนั่นแหละเพราะเพื่อนห
“แค่ฉันอยากจะเห็นหน้าแกก่อนไป...แล้วก็อื้ม~~”เป็นปิ่นปักเองที่เป็นคนรั้งต้นคอของจอมทัพ ลงมารับกับริมฝีปากของตัวเอง...เป็นฝ่ายจูบเขาก่อนอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยทำ...“อื้ออ~~”ปิ่นปักครางอือ เมื่อถูกอีกคนเป็นฝ่ายรุกกลับอย่างหนักหน่วง ทั้งดูดดึงขบเม้มริมฝีปากของหญิงสาว จนทำให้อีกฝ่ายหายใจตามแทบไม่ทัน แต่จอมทัพก็รู้จังหวะเป็นอย่างดี เขาผละออกให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้าง ก่อนจะเริ่มใหม่สลับกันอยู่อย่างนั้นฝ่ามือหนาลูบไล้เคล้นคลึงไปทั่วเนื้อตัวของเธอ จากนั้นจึงจัดการกับเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอย่างง่ายดายอื้อ~~”ร่างบางครางอืออีกครั้ง หลังจากถูกวางลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างหนาจะตามลงมาทาบทับ พร้อมกับริมฝากปากหยักที่กำลังสำรวจไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มอัตราความหนักหน่วง จนอีกคนต้องร้องประท้วงออกมา“อ๊ะ!เบาๆให้ฉันหน่อยสิวะ..แกนี่มันชอบเสพติดความรุนแรง..ทำฉันเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้วนะเว้ย!?”“ถามเพื่อ? ในเมื่อแกก็รู้ดี...แล้วฉันก็กำลังจะทำให้แกชอบเหมือนกับฉันด้วยไง...”!!!หงับ!“อ๊ะ!..ไอ้..อ๊า!..อื้ออ~~จอม~~”จอมทัพทำคล้ายกับจะรุนแรงเพื่อต้องการจะแกล้งหญิงสาว เพราะเขารู้สึกมันเขี้ยวเ
ปิ่นปักรีบปฏิเสธเขา ในจังหวะเดียวกันที่มีเสียงโทรศัพท์ภายในของโรงพยาบาล ดังเข้ามาขัดจังหวะไว้ได้พอดีRrr! Rrr! Rrr!จอมทัพจึงหยุดการรุกรานหญิงสาวเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะผละร่างหนาออกมาให้อีกฝ่ายได้ใส่เสื้อผ้า ที่ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะลนลาน เพราะต้องการรีบรับโทรศัพท์ ที่คิดว่าน่าจะมีเคสฉุกเฉิน“ปิ่น...แกอย่าลน..หันหลังมาสิฉันจะติดตะขอให้...”จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเชิงสั่งนั่นแหละ เพราะหากปล่อยให้หญิงสาวทำเอง คงต้องใช้เวลานานและอาจจะรับโทรศัพท์ที่กำลังดังอย่างต่อเนื่องนั่นไม่ทันหมอสาวตวัดสายตาหันมาตั้งท่าจะแหวใส่ แต่ก็รีบทำใจหันหลังให้อีกคนทำอย่างที่เจ้าตัวเขาต้องการหลังจากที่วางโทรศัพท์ ปิ่นปักจึงหยิบชุดกาวน์ที่แขวนไว้มาใส่ทับชุดไปรเวท ก่อนหันองศาไปหาอีกคน และเห็นสายตาของเขา ที่กำลังมองหญิงสาวอยู่ก่อนแล้วเช่นเดียวกัน“พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินโทรมาน่ะ มีเคสคนโดนตะขาบกัดมา แล้วน่าจะแพ้มาก ฉันต้องออกไปดูคนไข้ ว่าแต่แก....”“..ฉันจะนอนรอแกอยู่ที่นี่แหละ..แกไปเถอะ..ฉันง่วง!”จอมทัพรีบแทรกขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ...ไม่ไล่เขากลับ ก็อาจจะอ้างว่ามีธุระอะไรสักอย่างนั่นหละ เ
หลังจากทำแผลเสร็จ ปิ่นปักยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เมื่อเห็นจอมทัพลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงปรี่ไปล็อกประตูอย่างมิดชิด ก่อนจะเดินกลับมาปิดม่านหน้าต่างปิ่นปักเบิกตากว้างเมื่อร่างหนาเดินมาคว้าเอวเธอ ด้วยแขนที่แหลือของเขาอีกข้าง ก่อนจะทิ้งตัวเองลงนั่งบนโซฟา จากนั้นจึงจับร่างบางนั่งลงบนตักของเขาแทน แล้วล็อกกอดเธอไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว“ไอ้จอม!..ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”ปิ่นปักโวยวายนั่นแหละ แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังเท่าไหร่ ไม่งั้นใครต่อใครคงจะพากันแห่มาที่นี่แน่ ๆยิ่งเวลาเกือบจะตีสามแล้วอย่างนี้ เป็นเวลานอนของผู้ป่วยใน รวมไปถึงญาติ ๆ ของคนไข้ มันทำให้เธอไว้ใจอะไรไม่ได้เลยรอบ ๆ ตัวมีแต่ความเงียบสงัด แสงไฟก็เปิดเอาไว้บ้าง แต่เฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้นฟ่อด!“อื้ออ..ไอ้ทุเรศ!”“ชู่ว์!..เงียบ ๆ ได้มั๊ยวะ..”“แต่แผลแก..”“ไม่เป็นไร..ฉันใช้แค่ปาก..อยากจูบแกว่ะ”!!!“กับจับอะไรบ้างงี้..นะ”“มะ..ไม่...อื้ออ~~”จอมทัพยื่นหน้าเขามาจูบปิ่นปักอย่างหนักหน่วง รุกเร้า อย่างรุนแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งจนอีกฝ่ายรู้สึกได้แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากแต่ร่างกายของหญิงสาว กำลังถูกเขารุ
"ปิ่น..."“หือ~~~...”“ปิ่น!..”“อือ~~~”“ถ้าแกยังไม่ตื่นนะ...ฉันจะลักหลับแกตรงนี้เลย...อ่า..ซี๊ดด..เจ็บฉิบ!”เสียงเข้มห้าวทุ้มหู ฟังดูคุ้นเคยพูดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ร่างบางในชุดกาวน์ที่กำลังนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ ในห้องทำงานสำหรับหมอเวรในโรงพยาบาล ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง“ปิ่น...แกช่วยตื่นขึ้นมาทำแผลให้ฉันทีดิวะ...หลับซะนึกว่าซ้อมตาย!”ใบหน้าหล่อเหลาแต่ยียวนที่มาพร้อมกับคำพูดเชิงกวนกับปิ่นปักทุกครั้งที่ได้เจอกัน แล้วแต่ละครั้งของมันก็ต้องพาร่างใหญ่ ๆ มาให้เธอช่วยทำแผลให้ทุกทีรวมไปถึงครั้งนี้ด้วยไอ้เพื่อนเฮงซวย!“แกไปโดนอะไรมาอีกละ..”ปิ่นปักถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย พลางมองตามมือหนาที่กดทับบาดแผลนอกร่มผ้า บนต้นแขนของตัวเองเอาไว้“ถูกยิงแค่เฉียด ๆ..แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก.”นอกจากเลือดที่ทะลักออกมาจนชุ่มผ้าขนหนู ที่โปะบาดแผลเอาไว้นั่นยังไม่พอ มันยังไหลผ่านตามร่องนิ้วของคนร่างหนา แล้วยังมาปากแข็งบอกกับเธอว่า ไม่เจ็บเท่าไหร่นั่นอีกด้วยปิ่นปักเดินไปหยิบกระเป๋าร่วมยาในตู้ และเปิดเอาของที่อยู่ในนั้นออกมากองรวมกันไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงจับมือหนาของจอมทัพออกมาจากบาดแผล แล้วจึง