ร่างกายมันกำลังพาจิตใจของจอมทัพ ให้เขวไปกับสิ่งที่หญิงสาวกำลังกระตุ้นอารมณ์เขา ให้พุ่งทะยานสูงขึ้นไปจนแทบระงับเอาไว้ไม่ได้เลย..บัดซบเอ้ย!...เป็นเพื่อนแล้วไงวะ!?ตื่นขึ้นมาอาจจะถูกเจ้าตัวโวยลั่น ก็ช่างห่ามันไปก่อนตอนนี้น่ะ...ร่างหนาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกในระหว่างที่ทิ้งให้ปิ่นปักได้พักหายใจ ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาหญิงสาวอีกที และคราวนี้เขาคงจะหยุดตัวเองไว้...ไม่ได้แล้ว...จูบครั้งนี้ของจอมทัพมันทำให้ปิ่นปัก ที่คล้ายจะจำได้บ้างไม่ได้บ้างรู้สึกลึกซึ้งเนิ่นนาน และแสนหวานกว่าทุกครั้งที่สัมผัสได้ เพราะเขาต้องการให้หญิงสาวรู้ว่า ตัวเองกำลังต้องการอะไร?“แกอยากให้ฉันไปต่อรึเปล่าฮึ?”จอมทัพเอ่ยถามเสียงแหบพร่า ในขณะที่ยังซุกไชร้ใบหน้าตรงซอกคอหอมกรุ่น ก่อนจะค้างทุกอย่างเอาไว้ แล้วผละออกมากวาดสายตามองหน้าของหญิงสาว เพื่อรั้งรอคำตอบรับนั่น ท่ามกลางความเงียบงันของทั้งสองคนและปิ่นปักก็ตอบรับเขา ด้วยริมฝีปากของเจ้าตัว...แต่ถึงอย่างนั้นจอมทัพก็ยังอยากจะได้ยินคำพูด ที่ออกมาจากปากของคนใต้ร่างนั่นมากกว่า“ฉันอยากให้แกพูด...บอกกับฉันสิว่าแกต้องการฉัน เหมือนกับที่ฉันกำลังต้องการแกอยู่ตอนนี้...”ปิ่นปักจ
เจ็บจัง!ทำไมถึงได้เจ็บงี้วะ?ปิ่นปักรู้สึกปวดร้าวยามที่ขยับเคลื่อนไหวร่างกาย ถึงแม้ว่าจะขยับได้เพียงแค่นิดหน่อย โดยเฉพาะตรงท้องน้อยที่รู้สึกปวดหน่วงจนลามพ่วงลงไปถึงซึ่งความเป็นหญิงของเธอนั่นก็ด้วยสมองน้อยๆ ของปิ่นปัก กำลังประมวลภาพเหตุการณ์ตามลำดับก่อนจะขยับเปลือกตา จากนั้นจึงค่อยๆ เปิดขึ้นมาแล้วถึงเห็นว่า คนตรงหน้าที่กำลังกอดเธอไว้ จนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลยนั่นมันคือผู้ใด?ฉิบหายเหอะ!จอร์แดน! ที่หญิงสาวคิดว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ แล้วยอมมีอะไรด้วยกันเมื่อคืน แต่พอตื่นขึ้นมาเลยกลายเป็นไอ้จอมทัพเพื่อนรักของเธอเองอย่างงั้นเหรอ?เออ!..จอร์แดน...จอมทัพ!...จอร์แดน...จอมทัพ!..แล้วมันคล้ายกันตรงไหนวะ?ปิ่นปักท่องสองชื่อนี้สลับกับไปมา ซะจนรู้สึกว่าใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวราวกับไข้จะจับเธอซะให้ได้...โวยวายก็ไม่ได้ด้วยสินะ เพราะคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่า เธอนั่นละที่เป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าไปยั่วมันเอง...เวรเอ้ย!หากมันตื่นขึ้นมาแล้วจะมองหน้ากันยังไงวะเนี่ย?หรือจะแกล้งตีเนียน ด้วยการโวยวายหาว่ามันขืนใจงี้?ก็ได้เหรอ?..หรือทางเลือกสุดท้ายก็คือยอมรับความจริงไปเลยไง...แต่ปิ่นปักก็ยอมรับว่าจอมทัพ
“กะ...แกจะทำอะไรฉัน?”หญิงสาวเบิกตากว้างพลางเอ่ยถามและพยายามขืนตัว เพราะกลัวคนตรงหน้าจะทำตามที่ปากว่าจริงๆ นั่นละ“ทายาให้แกไง...”จอมทัพบอก ในขณะที่หยิบหลอดยาออกมาบีบใส่ปลายนิ้วชี้ ที่เจ้าตัวล้างด้วยแอลกอฮอล์มาแล้วก่อนหน้านั้น แล้วป้ายมันลงไปตรงจุดเกิดเหตุของร่างบางอย่างแผ่วเบา ราวกับไม่ต้องการให้หญิงสาวต้องมาเจ็บตัวเพราะเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว“อ๊ะ!..เจ็บ!”ปิ่นปักสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกข้อนิ้วหยาบกร้านสัมผัสโดนตรงนั้นของเธอเข้า หญิงสาวสูดปากเบาๆ พร้อมกับขยับก้นหนี และพยายามที่จะหนีบขาเข้าหากัน แต่มันก็ถูกอีกฝ่ายสอดมือเข้าไปใต้สะโพก เพื่อดึงร่างเล็กกว่าให้เข้ามาหาตัวเอง“อยู่เฉยๆ ดิวะ!” จอมทัพดุให้ทั้งคำพูดและสายตา พลางคิดในใจว่า...หมอห่าอะไรวะ! นอกจากจะกินยายากแล้ว เจ้าตัวยังใจเสาะอีกต่างหากเลยด้วยปิ่นปักดันตัวลุกขึ้นนั่ง โดยใช้แขนทั้งสองข้างยันกับที่นอน ก่อนจะพยุงร่างกายที่ถูกอีกฝ่ายกระทำให้รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว สองมือบางยกขึ้นมาปิดใบหน้า ก่อนจะเบี่ยงองศาหันไปด้านข้าง เมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างใหญ่จ้องมองเข้าไปตรงจุดเกิดเหตุของเธอโดยไม่ละสายตาไปทางไหน แต่ชายหนุ่มกลับเข้าใจไปอีกอย
แค่ได้ฟังเพียงสองประโยค แล้วเสียงต่อจากนั้นก็เป็นเสียงร้องครางของเธอ นั่นมันก็ทำให้หญิงสาวไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว...อยากจะดิ้นตายแม่งตรงนี้เลย...พระเจ้า!....ช่วยทำให้ปิ่นปัก....หายตัวไปจากตรงนี้เลยจะได้มั๊ย!?“ปิดๆ ๆ แกรีบลบเสียงนั่นทิ้งไปเลยนะ”ปิ่นปักรีบบอกร่างใหญ่กว่าในขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนสีไปหมดแล้วทั้งหน้าจากนั้นจึงตีเนียนด้วยการทิ้งตัวหงายหลังลงไปบนที่นอน ก่อนจะลากผ้าห่มผืนหนาแล้วตวัดมันขึ้นมาคลุมโปงอยากจะขอเวลาเพื่อรักษาสภาพจิตใจกับใบหน้าที่กำลังแตกยับนั่นสักพักจะได้มั๊ย?“ไม่ลบ!...ฉันจะเอาไว้ฟังเอง ส่วนภาพประกอบนั่นฉันได้บันทึกมันเอาไว้ในหัวของฉันหมดแล้ว”พรึ่บ!ปิ่นปักตวัดผ้าห่มเปิดออกไปให้เห็นเฉพาะแค่เพียงใบหน้า แล้วผงกหัวขึ้นมามองเจ้าของร่างใหญ่กว่าที่ยังนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงจอมทัพปฏิเสธเธอกลับมา พร้อมกับเหตุผลบ้าๆ อย่างจงใจให้เธอได้ยิน“ไอ้บ้าจอม! แกมันเป็นพวกโรคจิตรึเปล่าวะ?” “ไม่รู้สิ...แต่เมื่อกี้พอได้ยินเสียงแกร้องคราง ฉันก็ดันมีอารมณ์ขึ้นมาทันทีเลยว่ะ ในเมื่อช่วงล่างของแกยังใช้งานไม่ได้ งั้นแกก็ช่วยใช้ปากดูด..เอ๊ย!ไม่ใช่คำน
Rrr!! Rrr!! Rrr!!ในขณะที่ปิ่นปักยังจัดการธุระของตัวเองอยู่ในห้องน้ำ จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัว ที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้นมา มันดึงสายตาของจอมทัพให้หันองศาหน้ามาจ้องมองเจ้าของชื่อว่า 'จอร์แดน' ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือชื่อของผู้ใดเขาไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ดูชื่อที่ว่าเหมือนจะเคยผ่านหูของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามที่จะนึกถึงมันให้ได้ อีกทั้งหมายเลขที่โชว์ขึ้นมาให้เห็น ส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวเลขที่ใช้กันมากในต่างประเทศนั่นเองเจ้าของร่างใหญ่ไม่ยอมกดรับสาย จนกระทั่งเสียงนั่นเงียบหายไปเองแน่นอนว่ามันจะต้องมีปัญหา เพราะคนที่โทรเข้ามานั้น ดันเสือกเป็น 'ผู้ชาย' นั่นแหละแต่ก็ยังไม่มีเวลามาคิดอะไรมากนัก เพราะเสียงของโทรศัพท์เจ้ากรรมมันเสือกดังขึ้นมาอีกทีคิ้วเข้มขมวดเป็นปมผสมกับความสงสัย แล้วมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ ซะจนต้องคว้ามันมากดรับสายเอง“ สวัสดีครับ พอดีปิ่นอาบน้ำอยู่ เลยไม่ว่างมารับสาย มีอะไรฝากบอกผมไว้ได้ แล้วผมจะบอกเขาให้เอง”เสียงปลายสายเหมือนจะอึ้งไปสักพัก เมื่อได้ยินเสียงของคนรับสาย หลังจากที่ตั้งสติได้จึงเอ่ยทักทายกลับมา(“ครับ...กรุณาช่วยบอกคุณปิ่นด้ว
ปิ่นปักคิดก่อนตัดสินใจยอมเล่าความจริงที่เก็บเอาไว้ให้จอมทัพฟัง ในระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ในขณะที่เขากำลังพาหญิงสาวมาส่งที่โรงพยาบาล เพื่อทำงานในตอนเช้าของอีกวัน“จอม...”“......”เสียงหวานหันมาเรียก ทำให้เจ้าของชื่อละสายตาจากถนนข้างหน้า แล้วหันมาเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงเชิงถาม จากนั้นจึงเลื่อนสายตากลับไปมองทางข้างหน้าตามเดิม“ฉันยังไม่ได้บอกแกเรื่องหนึ่ง”ปิ่นปักเว้นจังหวะเพื่อรอให้ร่างหนาหันมาถาม ชายหนุ่มแค่ปรายหางตาเชิงรอให้เธอพูดต่อจากนั้น“ฉันสมัครสอบแข่งขันชิงทุนไปเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกาว่ะ แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ได้หรอก ฉันก็เลยไม่ได้บอกแก”“แล้วถ้าแกสอบได้ละ?” จอมทัพถามกลับไป โดยไม่ละสายตาจากถนนด้านหน้า“ก็ต้องไปเรียนอยู่ที่นั่นประมาณสี่ปีอ่ะดิ...ตอนจบหมอมาใหม่ๆ ฉันก็คิดว่าจะไปเรียนต่อที่นั่นแหละ โดยใช้ทุนของพ่อกับแม่ แต่มันก็ต้องใช้เงินมาก แล้วอีกอย่างฉันอยากจะสะสมประสบการณ์ และทำรายงานทางด้านการวิจัยเก็บไว้สักสองปี มันง่ายมากหากใช้รายงานวิจัย ให้เขาเอามาพิจารณาความสามารถของฉัน ที่ต้องแข่งขันกับหมอคนอื่นๆ ฉันเลยเพิ่งมาสอบชิงทุนเอาปีนี้ หรือหากสอบไม่ได้จริงๆ ก็กะว่าจะขอใช้เงินข
"ปิ่น...”เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถค้างไว้ ก่อนจะหันมาตามเสียงเรียกของอีกฝ่าย ที่ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดจะพูดไม่ได้ตามนิสัยของเจ้าตัว“ฉันยินดีกับแกด้วยนะ ที่ฝันของแกเป็นจริง...”“......”ไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากความเงียบของปิ่นปัก กับสีหน้าและสายตาที่แสดงออกมาว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรสักอย่าง ทั้งๆ ที่เจ้าของร่างบางเพิ่งจะผ่านความดีใจมาได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีตอนที่รู้ตัวว่าสอบชิงทุนได้ หญิงสาวดีใจมากจนลืมคนที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่พอหันมาเห็นหน้าของจอมทัพ มันกลับทำให้ความรู้สึกนั้นมลายหายไปในทันทีมันไม่คิดจะรั้งกันไว้บ้างเลยหรือไง?แล้วอยู่ๆ คำพูดที่ว่า ‘ก็ไปดิ’ ของเจ้าตัวก็ดังก้องขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง กระทั่งทำให้สมองของปิ่นปักคล้ายจะหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะดึงสติกลับมาได้“ปิ่น..”“อืม...ขอบใจนะ...แกไปทำงานของแกเถอะ แกต้องรีบไปรายงานตัวไม่ใช่?”ปิ่นปักหันมาตอบรับ พร้อมกับคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบกลับในประโยคสุดท้าย ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จากนั้นจึงผลักประตูแล้วเดินออกไป โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองคนข้างใน ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงเปิดประตูรถของอีกฝั่ง
“ไอ้ปิ่น ไอ้จอม แกสองคนมีอะไรกันวะ!?” “......”“......”กวินเจ้าของเสียงที่สาม ตะโกนเรียกชื่อคนทั้งคู่ ในขณะที่เจ้าตัวรีบวิ่งเข้ามาหยุดยืนหอบอยู่ใกล้ๆ เพราะมองจากระยะไกลเหมือนกับทั้งสองฝ่ายกำลังทะเลาะกันอยู่ และมันก็ดังซะจนไปถึงหูของกวินที่กำลังเดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี แล้วก็พอจะจับใจความได้ว่าทั้งคู่กำลังเถียงกันอยู่นั่นแหละ ถึงได้รีบใส่เกียร์หมาแล้วรีบวิ่งเข้ามาห้ามเมื่อร่างใหญ่ปรับจังหวะการหายใจได้ เจ้าตัวจึงพูดยาวๆ ต่อจากนั้นทันที“พวกแกสองคนช่วยไปทะเลาะกันที่อื่นได้ป่ะวะ เสียงดังไปจนถึงปากประตูทางเข้าโน่นเลย คนไข้เริ่มทยอยเข้ามาในโรงพยาบาลกันแล้วนะเว้ย"ปิ่นปักถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินกวินพูดจบ แล้วหันมาสบตากับจอมทัพ จากนั้นจึงเลื่อนสายตามองไปอีกทาง พลางเม้มริมฝีปากในขณะที่ดึงสายตากลับมามองคนตรงหน้าเหมือนเดิม ก่อนจะพูดกับจอมทัพด้วยน้ำเสียงที่เจ้าตัวพยายามปรับมันให้เบาลง“จอม...แกรีบไปทำงานของแกได้แล้วไป๊ ส่วนฉันจะเดินเข้าไปทำงานกับไอ้วินมันเอง”“แต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง...”“ฉันรู้เรื่องแล้ว!”“รู้ว่า?”จอมทัพย้อนถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามแถออกไปเรื่อยๆส่วนกวินได้แต่กรอกต
“ฉันรักแก อยากแต่งงานกับแกแล้วก็มีลูกกับแก กับแกคนเดียวเท่านั้น...แต่ฉัน..แค่ไม่อยากทำลายความฝันของแก...แล้วแกก็...”“แกยังมีต่ออีกเหรอวะ! ฉันกำลังอินเลย...”ปิ่นปักแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ เพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะทันละมั้งก็ตั้งแต่ได้ผัวเป็นมัน นั่นน่ะทำลายความฝันของเธอไปแล้วหนึ่งข้อ ส่วนข้อที่สองมาบอกรักกันแถมยังขอแต่งงาน ความฝันห่าอะไรนั่นก็ลืมมันไปได้เลย“มีอีกนิด”“งั้นเชิญแกพูดออกมาให้หมดเลย...ฉันกำลังรอฟัง”พอได้ยินอย่างนั้นจอมทัพจึงยอมพูดความในใจออกมาให้เธอได้ฟังทั้งหมดว่า... “แล้วแกก็กำลังจะไปเรียนต่ออเมริกาตั้งหลายปี ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับแกสองคนให้มากที่สุด เพราะฉันคงจะตามไปดูแลแกที่นั่นไม่ได้ ระยะเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนไป เพราะเราอยู่ไกลกันมาก แล้วอีกอย่างที่นั่นมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น มันอาจจะทำให้แกเขว เพราะแกเองก็อยากจะได้ผัวฝรั่งอยู่แล้วนี่ แล้วฉันก็ดันเบิกทางให้พวกมันไปแล้วด้วย ฉันคงทนไม่ได้เวลาที่นึกภาพว่าแกกำลังเอากับมัน...ปิ่นแก...”แป่ะ!“ไอ้บ้า! เดี๋ยวๆๆ นะ แกช่วยหยุดพูดก่อนได้มั๊ยวะ? ปิ่นปักรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอาฝ่ามือเข้าไปปิดปากอีกคนหนึ
ปิ่นปักรีบผละออกมาก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกับเธอมากเกินไป แต่มันก็ไม่น่าจะทันแล้วมั๊ย? เพราะจอมทัพเป็นคนที่รู้สึกไวต่อสัมผัสของคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟหญิงสาวก็คือน้ำมันชั้นดีนั่นเลย“เรามาฉลองครัวใหม่กันมั๊ย?”เหมือนที่ปิ่นปักคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดไง ก็คนมันรู้ใจแล้วก็เห็นขี้เห็นไส้กันมานานก็อย่างงี้นี่แหละ...“กินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะผู้กอง?...แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ...จากนั้นก็บอกตัวเองว่ายุบหนอๆ เป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็ช่วยทำตามที่คุณหมอแนะนำนะ...”จอมทัพหัวเราะพรืดออกมาทันที ที่เห็นคนตรงหน้ายกฝ่ามือบางขึ้นมาตบกลางอกเขาเบาๆ ในตอนที่บอกกับเขาว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ นั่นแต่มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อฝ่ามือบางเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงช่วงล่างแล้วก็สั่งให้มันยุบลงหมับ!จอมทัพจับหมับลงมาบนข้อมือของคนตัวเล็กกว่า เพราะรู้นะสิว่าเธอจงใจจะแกล้งกัน แล้วมันก็ทำให้เขาอยากจะแกล้งเจ้าตัวกลับไปบ้าง...อย่างงี้...“พอดีผมเป็นเด็กดื้อนะครับ ก็คุณหมอเล่นลูบคลำมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีแต่พองหนอๆ อย่างเดียว...เป็นงั้นผมก็จะขอเอาคุณหมอตรงนี้เลยน่าจะดีกว่ามั๊ย
“จอม!...แกตั้งใจจะเซอร์ไพร์สฉันใช่มั๊ยละเนี่ย? ถึงได้ไม่ยอมบอกกัน แล้วปล่อยให้ฉันเข้ามาเห็นเองงี้เหรอ...งื้อ...มันน่ารักมากเลยว่ะ”ปิ่นปักอุทานตั้งแต่เห็นบ้านดินมาแต่ไกลๆ และกระโดดลงไปจากรถในทันที โดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เลยด้วยซ้ำเจ้าของร่างบางวิ่งเข้าไปสำรวจภายในบ้านดินที่ปลูกเอาไว้ได้อย่างน่ารัก หลังจากที่หญิงสาวดูทุกอย่างจนทั่วแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้เปิดหน้าต่างออกไป ในขณะที่เห็นร่างหนากำลังถือข้าวของเดินเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี“ที่แกจ้างเขาทำไปทั้งหมดเนี่ย เสียเงินไปเท่าไหร่วะ แพงมากป่ะ?”“ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินคุณนายจันทรา” จอมทัพตอบพร้อมกับยิ้มขำรับ ในขณะที่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ติดกันกับหน้าต่าง พลางหันไปถามเจ้าของร่างบาง“แล้วไม่คิดจะช่วยกันขนของ?”“ฉันเป็นผู้หญิงต้องอ่อนแอป่ะ? แกทำไปคนเดียวเลยนะอย่ามาบ่น!” แล้วจอมทัพก็ถูกย้อนกลับมาทันทีอย่างที่เห็นว่าเขาแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินสำรวจไปทั่วๆ อีกรอบอย่างรู้สึกชอบใจเพราะช่วงหลังๆ ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ถูกถ่ายเทมาจากที่อื่นค่อนข้างมาก ปิ่นปักจึงไม่มีเวลาได้มาพักที่นี่สัก
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านของหญิงสาว พร้อมกับหิ้วกระเป๋าให้เจ้าตัวที่เดินตามหลังเขาไปติดๆเมื่อมาถึงห้องรับแขก เจ้าของร่างใหญ่จึงเข้าไปกราบทักทายบิดามารดาของปิ่นปักที่กำลังนั่งรอลูกสาว จากนั้นเขาจึงขอตัวกลับบ้านที่อยู่ติดกันหลังถัดมาเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ก็เห็นคนเป็นมารดานั่งรอเขาอยู่ก่อนหน้านั้น เพราะรู้ว่าลูกชายจะกลับมาหาท่านในวันนี้เจ้าของร่างหนายกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะกวาดสายตามองหาน้องสาว ต่อเมื่อไม่เห็นเจ้าจันทร์นั่นละเขาจึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมา“ไอ้เจ้ามันไปไหนละครับแม่ ป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้ามันเลย”“เจ้ามันรู้ว่าจอมจะกลับมาบ้านวันนี้ไง ก็เลยขอแม่ไปค้างบ้านครูตาลสักสามวันเพื่อติวข้อสอบกับเพื่อน ๆ ของมันนั่นแหละ คราวนี้จะกลับมาอยู่กับแม่สักกี่วันละ? เห็นน้องมันบอกว่าหนูปิ่นก็กลับมาพร้อมกันนี่ใช่มั๊ยลูก?”นางจันทราถามลูกชายในสองประโยคหลัง นัยน์ตาสีเจือจางบ่งบอกวัยมองหน้าลูกชายนิ่งๆ เชิงรอคำตอบจากเจ้าของร่างใหญ่ในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างกัน“ครับแม่..ผมได้กลับมาอยู่กับแม่อาทิตย์หนึ่งครับ”“เห็นเจ้ามันเล่าให้แม่ฟังอีกว่า หนูปิ่นน่ะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเ
จอมทัพขับรถมารับปิ่นปักช่วงเย็น หลังเวลาเลิกงานเพื่อเดินทางกลับบ้านของทั้งคู่ที่อยู่ต่างจังหวัดพร้อมกันด้วยระยะทางที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก จอมทัพจึงใช้เวลาในการขับรถไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วบ้านของทั้งคู่มีรั้วอยู่ติดกันแต่คนละสไตล์ บ้านของจอมทัพเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ ห่างออกไปในบริเวณเดียวกันเป็นโรงงานทำขนมไทย ที่ใช้แรงงานจากคนในหมู่บ้านทั้งนั้น และเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยตายาย และขนมที่ทำทั้งหลายจะถูกส่งไปขายทั่วประเทศไทย มีทั้งที่ส่งให้และมารับไปขายเองพื้นที่ทางด้านหลังยาวออกไปคือสวนผลไม้ ที่นางจันทราปลูกเอาไว้มากมายหลากหลายชนิดอยู่ติดกับบึงใหญ่ และมันก็เป็นสถานที่ที่จอมทัพมักจะพาปิ่นปักเข้าไปยิงนกตกปลาเล่นๆ กันเป็นประจำส่วนบ้านของปิ่นปักจะเป็นบ้านทันสมัยสไตล์ยุโรป ทั้งพ่อและแม่ของหญิงสาวมีอาชีพเดียวกันนั่นก็คือเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเปิดคลีนิครักษาคนไข้ในช่วงเวลานอกราชการทั้งสองครอบครัวสนิทกันมากเนื่องจากนางจันทราซึ่งเป็นมารดาของจอมทัพ เป็นเพื่อนสนิทกับแพทย์หญิงสมฤทัยแม่ของปิ่นปักนั่นเองอีกทั้งนางจันทรายังได้แบ่งที่ทางด้านข้าง ขายให้กับสมฤทัยใน
เพียงแต่...วันนี้มันมีอะไรที่ต่างไปจากเดิม...ต่อให้จอมทัพจะจาบจ้วงอย่างหนักหน่วงหรือล่วงล้ำหญิงสาวมากแค่ไหน แต่ในวันนี้มันกลับทำให้เธอรู้สึกลึกซึ้ง มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยคำพูดที่ว่า เธอคือคนพิเศษอีกทั้งยังเป็นที่รักของมันเพียงคนเดียว...และอ้อมกอดจากร่างใหญ่ ที่มีให้กันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งทุกอย่างได้จบลง...“จอม...ตื่นเถอะ”“......”มือบางเขย่าร่างหนาที่นอนซุกใบหน้าคมคายเอาไว้ตรงสองเต้าที่เจ้าตัวโปรดปราน ในขณะเดียวกันร่างใหญ่ก็ใช้วงแขนกอดรัดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนแทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้เลยถึงปิ่นปักจะเรียกยังไงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงตัดสินใจเรียกมันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม“ไอ้จอม!...ตื่น!...”“......”ไม่มีสัญญาณตอบรับจากร่างหนา ถึงแม้ว่าเธอจะเรียกมันอยู่ข้างหู แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ พอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงตัดสินทำอะไรบางอย่างกับเจ้าของร่างใหญ่...แบบนี้ไง...หงับๆ!“โอ๊ย!..ไอ้หมาปิ่น!...แกกล้ากัดหูฉันเหรอ!?”จอมทัพสะดุ้งโหยง ก่อนจะร้องเสียงหลงโวยวาย จากนั้นจึงก้มลงไปงับหัวนมของอีกฝ่ายเพื่อเอาคืนในเวลาอันรวดเร็ว“นี่แน่ะ!...”หงับ!
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ปิ่นปักก็ถูกร่างใหญ่ดันให้ถอยล่นจนติดฝาผนัง พร้อมกับใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างเธอเอาไว้“แกมองฉัน ราวกับว่าฉันเป็นไอ้บ้าหื่นกาม?...”จอมทัพโน้มหน้าลงมาถามคนตัวเล็กว่า ในขณะที่อีกฝ่ายช้อนสายตาขึ้นมอง ก่อนจะย้อนคำถามกลับไปทันที“รึไม่ใช่...?”เธอว่าในขณะที่ยกแขนทั้งสองข้างดันร่างเขาออกห่างพลางเดินหนี แต่วงแขนแกร่งก็ตามมาคว้าร่างบางแล้วรั้งเข้ามาหาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มใส ก่อนจะสูดหายใจเข้าไปเต็มแรง นั่นทำให้ใบหน้าของคนที่อยู่ในวงแขนแกร่ง เห่อแดงขึ้นมาอย่างฉับพลันเพราะการกอดของเขาครั้งนี้นั้น มันทำให้ช่องว่างระหว่างกันหายไปทันที และมีเพียงเสียงของลมหายใจที่กำลังปะทะกัน ก่อนที่มันจะเพิ่มระดับขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจของทั้งคู่ ที่ต่างก็รู้ว่าต้องการกันและกันมากแค่ไหน“ไม่ได้เหรอ? ”จอมทัพก้มลงมากระซิบเป็นประโยคคำถาม พลางจับมือเรียวบางยกขึ้นมาคล้องคอของเจ้าตัวเอาไว้ก่อนจะพูดในประโยคต่อไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เงียบฟัง“ฉันก็เป็นแบบนี้กับแกแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ หรือว่าแกไม่อยากจะให้ฉันทำ?”“......”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามเมื่อเห็นว่าเจ้
“ปิ่น!”“โธ่โว้ย! เรียกอยู่นั่น?...แกรีบออกไปจากรถเลยนะฉันรำคาญ! ”ปิ่นปักหันมาตวาดใส่ ในขณะที่ยกมือบางขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง พลางเบี่ยงองศาหน้าหันไปท่าเดิม แต่ถูกมือใหญ่กว่ารั้งร่างของเธอให้หันกลับมาประจันหน้ากัน แล้วพอชายหนุ่มทำอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าก็ทำหน้าดื้อใส่และตั้งท่าจะโวยวายกลับไปให้อีกรอบไง“ไอ้!...”“แกเงียบ!...แล้วฟังฉัน!”!!!“แล้วถ้าฉันไม่ฟัง! แกจะทำไม!?”“ต้องฟัง!”“ไม่ฟัง!”“ฟัง!”หากเป็นในหนัง ถ้านางเอกดื้อใส่มากขนาดนั้น มันก็ต้องมีวิธีทำให้เงียบเสียงของตัวเองลง ด้วยการจูบปิดปากจากตัวพระเอกนั่นแหละ แต่ทว่าท่าทีของคนตัวใหญ่กว่า ก็ไม่เห็นว่าจะทำแบบนั้นกับปิ่นปักเลยสักทีก็เพราะเจ้าของร่างใหญ่ไม่เคยดูหนังแบบนี้เลยไง ถึงไม่เข้าใจฟีลของนางเอกว่าต้องการอะไรบ้างอย่างจอมทัพหากไม่ใช่หนังผจญภัย ก็ต้องเป็นหนังสงคราม มีอยู่สองสามอย่างเท่านั้นละมั้งในชีวิตของมันเนี่ยหนังรักๆ ใคร่ๆ นะเหรอลืมไปได้เลย ก็ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยดูมันเลยด้วยซ้ำ ถึงไม่รู้ว่าเขาต้องทำกันยังไง?ควายเรียกพี่ก็ต้องเป็นมันด้วยนั่นแหละ!ปิ่นปักดื้อดึงและพยายามจะขืนตัวออกมา แต่ก็ถูกร่างหนาจับต้นแขนของเธอยึดเอาไว
ปิ่นปักเดินผ่านโต๊ะทำงานของนายตำรวจหลายๆ นาย ที่ส่วนใหญ่หญิงสาวจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่นัก นั่นอาจเป็นเพราะว่าเจ้าตัวย่างกรายเข้ามาที่โรงพักแทบจะนับครั้งได้อีกทั้งจอมทัพมักจะออกไปทำงานนอกพื้นที่นั่นซะมากกว่า หรือบางครั้งบางคราอาจจะต้องแอบซุ่มดูผู้ต้องสงสัยอยู่นานหลายวัน หรือไม่ก็จนกว่าจะปิดคดีได้แล้วนั่นแหละแต่ที่เธอมาหามันได้ในตอนนี้ก็เพราะรู้นะสิว่าจอมทัพเพิ่งจะปิดคดี และวันนี้ชายหนุ่มก็แค่เข้าไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่เท่านั้น หากว่าไม่เจอมันอยู่ที่โรงพัก ปิ่นปักก็แค่กลับห้องเท่านั้นเองก็กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ แต่ทว่าเมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไป กลับกลายเป็นเธอที่ต้องถูกมันเซอร์ไพรส์แทนเพราะภายในห้องทำงานของผู้กองไม่ได้มีแค่เจ้าของห้องอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวสายตาของคนทั้งคู่หันไปมองทางประตูห้องที่ถูกเปิดออก โดยร่างบางที่กำลังยืนมองจอมทัพจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบเช่นเดียวกันกับเขา เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นเธอใส่กระโปรงสั้น และที่สำคัญเครื่องหมายที่ติดอยู่บนบ่า เชิงบอกสัญลักษณ์ให้รู้ ว่าผู้หญิงคนนั้นมียศเดียวกันกับคนของเธอ“ปิ่น!....”จอมทัพเรียกชื่อปิ่นปัก