“จอม!...แกตั้งใจจะเซอร์ไพร์สฉันใช่มั๊ยละเนี่ย? ถึงได้ไม่ยอมบอกกัน แล้วปล่อยให้ฉันเข้ามาเห็นเองงี้เหรอ...งื้อ...มันน่ารักมากเลยว่ะ”ปิ่นปักอุทานตั้งแต่เห็นบ้านดินมาแต่ไกลๆ และกระโดดลงไปจากรถในทันที โดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เลยด้วยซ้ำเจ้าของร่างบางวิ่งเข้าไปสำรวจภายในบ้านดินที่ปลูกเอาไว้ได้อย่างน่ารัก หลังจากที่หญิงสาวดูทุกอย่างจนทั่วแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้เปิดหน้าต่างออกไป ในขณะที่เห็นร่างหนากำลังถือข้าวของเดินเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี“ที่แกจ้างเขาทำไปทั้งหมดเนี่ย เสียเงินไปเท่าไหร่วะ แพงมากป่ะ?”“ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินคุณนายจันทรา” จอมทัพตอบพร้อมกับยิ้มขำรับ ในขณะที่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ติดกันกับหน้าต่าง พลางหันไปถามเจ้าของร่างบาง“แล้วไม่คิดจะช่วยกันขนของ?”“ฉันเป็นผู้หญิงต้องอ่อนแอป่ะ? แกทำไปคนเดียวเลยนะอย่ามาบ่น!” แล้วจอมทัพก็ถูกย้อนกลับมาทันทีอย่างที่เห็นว่าเขาแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินสำรวจไปทั่วๆ อีกรอบอย่างรู้สึกชอบใจเพราะช่วงหลังๆ ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ถูกถ่ายเทมาจากที่อื่นค่อนข้างมาก ปิ่นปักจึงไม่มีเวลาได้มาพักที่นี่สัก
ปิ่นปักรีบผละออกมาก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกับเธอมากเกินไป แต่มันก็ไม่น่าจะทันแล้วมั๊ย? เพราะจอมทัพเป็นคนที่รู้สึกไวต่อสัมผัสของคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟหญิงสาวก็คือน้ำมันชั้นดีนั่นเลย“เรามาฉลองครัวใหม่กันมั๊ย?”เหมือนที่ปิ่นปักคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดไง ก็คนมันรู้ใจแล้วก็เห็นขี้เห็นไส้กันมานานก็อย่างงี้นี่แหละ...“กินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะผู้กอง?...แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ...จากนั้นก็บอกตัวเองว่ายุบหนอๆ เป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็ช่วยทำตามที่คุณหมอแนะนำนะ...”จอมทัพหัวเราะพรืดออกมาทันที ที่เห็นคนตรงหน้ายกฝ่ามือบางขึ้นมาตบกลางอกเขาเบาๆ ในตอนที่บอกกับเขาว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ นั่นแต่มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อฝ่ามือบางเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงช่วงล่างแล้วก็สั่งให้มันยุบลงหมับ!จอมทัพจับหมับลงมาบนข้อมือของคนตัวเล็กกว่า เพราะรู้นะสิว่าเธอจงใจจะแกล้งกัน แล้วมันก็ทำให้เขาอยากจะแกล้งเจ้าตัวกลับไปบ้าง...อย่างงี้...“พอดีผมเป็นเด็กดื้อนะครับ ก็คุณหมอเล่นลูบคลำมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีแต่พองหนอๆ อย่างเดียว...เป็นงั้นผมก็จะขอเอาคุณหมอตรงนี้เลยน่าจะดีกว่ามั๊ย
“ฉันรักแก อยากแต่งงานกับแกแล้วก็มีลูกกับแก กับแกคนเดียวเท่านั้น...แต่ฉัน..แค่ไม่อยากทำลายความฝันของแก...แล้วแกก็...”“แกยังมีต่ออีกเหรอวะ! ฉันกำลังอินเลย...”ปิ่นปักแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ เพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะทันละมั้งก็ตั้งแต่ได้ผัวเป็นมัน นั่นน่ะทำลายความฝันของเธอไปแล้วหนึ่งข้อ ส่วนข้อที่สองมาบอกรักกันแถมยังขอแต่งงาน ความฝันห่าอะไรนั่นก็ลืมมันไปได้เลย“มีอีกนิด”“งั้นเชิญแกพูดออกมาให้หมดเลย...ฉันกำลังรอฟัง”พอได้ยินอย่างนั้นจอมทัพจึงยอมพูดความในใจออกมาให้เธอได้ฟังทั้งหมดว่า... “แล้วแกก็กำลังจะไปเรียนต่ออเมริกาตั้งหลายปี ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับแกสองคนให้มากที่สุด เพราะฉันคงจะตามไปดูแลแกที่นั่นไม่ได้ ระยะเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนไป เพราะเราอยู่ไกลกันมาก แล้วอีกอย่างที่นั่นมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น มันอาจจะทำให้แกเขว เพราะแกเองก็อยากจะได้ผัวฝรั่งอยู่แล้วนี่ แล้วฉันก็ดันเบิกทางให้พวกมันไปแล้วด้วย ฉันคงทนไม่ได้เวลาที่นึกภาพว่าแกกำลังเอากับมัน...ปิ่นแก...”แป่ะ!“ไอ้บ้า! เดี๋ยวๆๆ นะ แกช่วยหยุดพูดก่อนได้มั๊ยวะ? ปิ่นปักรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอาฝ่ามือเข้าไปปิดปากอีกคนหนึ
"ปิ่น..."“หือ~~~...”“ปิ่น!..”“อือ~~~”“ถ้าแกยังไม่ตื่นนะ...ฉันจะลักหลับแกตรงนี้เลย...อ่า..ซี๊ดด..เจ็บฉิบ!”เสียงเข้มห้าวทุ้มหู ฟังดูคุ้นเคยพูดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ร่างบางในชุดกาวน์ที่กำลังนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ ในห้องทำงานสำหรับหมอเวรในโรงพยาบาล ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง“ปิ่น...แกช่วยตื่นขึ้นมาทำแผลให้ฉันทีดิวะ...หลับซะนึกว่าซ้อมตาย!”ใบหน้าหล่อเหลาแต่ยียวนที่มาพร้อมกับคำพูดเชิงกวนกับปิ่นปักทุกครั้งที่ได้เจอกัน แล้วแต่ละครั้งของมันก็ต้องพาร่างใหญ่ ๆ มาให้เธอช่วยทำแผลให้ทุกทีรวมไปถึงครั้งนี้ด้วยไอ้เพื่อนเฮงซวย!“แกไปโดนอะไรมาอีกละ..”ปิ่นปักถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย พลางมองตามมือหนาที่กดทับบาดแผลนอกร่มผ้า บนต้นแขนของตัวเองเอาไว้“ถูกยิงแค่เฉียด ๆ..แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก.”นอกจากเลือดที่ทะลักออกมาจนชุ่มผ้าขนหนู ที่โปะบาดแผลเอาไว้นั่นยังไม่พอ มันยังไหลผ่านตามร่องนิ้วของคนร่างหนา แล้วยังมาปากแข็งบอกกับเธอว่า ไม่เจ็บเท่าไหร่นั่นอีกด้วยปิ่นปักเดินไปหยิบกระเป๋าร่วมยาในตู้ และเปิดเอาของที่อยู่ในนั้นออกมากองรวมกันไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงจับมือหนาของจอมทัพออกมาจากบาดแผล แล้วจึง
หลังจากทำแผลเสร็จ ปิ่นปักยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เมื่อเห็นจอมทัพลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงปรี่ไปล็อกประตูอย่างมิดชิด ก่อนจะเดินกลับมาปิดม่านหน้าต่างปิ่นปักเบิกตากว้างเมื่อร่างหนาเดินมาคว้าเอวเธอ ด้วยแขนที่แหลือของเขาอีกข้าง ก่อนจะทิ้งตัวเองลงนั่งบนโซฟา จากนั้นจึงจับร่างบางนั่งลงบนตักของเขาแทน แล้วล็อกกอดเธอไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว“ไอ้จอม!..ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”ปิ่นปักโวยวายนั่นแหละ แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังเท่าไหร่ ไม่งั้นใครต่อใครคงจะพากันแห่มาที่นี่แน่ ๆยิ่งเวลาเกือบจะตีสามแล้วอย่างนี้ เป็นเวลานอนของผู้ป่วยใน รวมไปถึงญาติ ๆ ของคนไข้ มันทำให้เธอไว้ใจอะไรไม่ได้เลยรอบ ๆ ตัวมีแต่ความเงียบสงัด แสงไฟก็เปิดเอาไว้บ้าง แต่เฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้นฟ่อด!“อื้ออ..ไอ้ทุเรศ!”“ชู่ว์!..เงียบ ๆ ได้มั๊ยวะ..”“แต่แผลแก..”“ไม่เป็นไร..ฉันใช้แค่ปาก..อยากจูบแกว่ะ”!!!“กับจับอะไรบ้างงี้..นะ”“มะ..ไม่...อื้ออ~~”จอมทัพยื่นหน้าเขามาจูบปิ่นปักอย่างหนักหน่วง รุกเร้า อย่างรุนแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งจนอีกฝ่ายรู้สึกได้แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากแต่ร่างกายของหญิงสาว กำลังถูกเขารุ
ปิ่นปักรีบปฏิเสธเขา ในจังหวะเดียวกันที่มีเสียงโทรศัพท์ภายในของโรงพยาบาล ดังเข้ามาขัดจังหวะไว้ได้พอดีRrr! Rrr! Rrr!จอมทัพจึงหยุดการรุกรานหญิงสาวเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะผละร่างหนาออกมาให้อีกฝ่ายได้ใส่เสื้อผ้า ที่ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะลนลาน เพราะต้องการรีบรับโทรศัพท์ ที่คิดว่าน่าจะมีเคสฉุกเฉิน“ปิ่น...แกอย่าลน..หันหลังมาสิฉันจะติดตะขอให้...”จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเชิงสั่งนั่นแหละ เพราะหากปล่อยให้หญิงสาวทำเอง คงต้องใช้เวลานานและอาจจะรับโทรศัพท์ที่กำลังดังอย่างต่อเนื่องนั่นไม่ทันหมอสาวตวัดสายตาหันมาตั้งท่าจะแหวใส่ แต่ก็รีบทำใจหันหลังให้อีกคนทำอย่างที่เจ้าตัวเขาต้องการหลังจากที่วางโทรศัพท์ ปิ่นปักจึงหยิบชุดกาวน์ที่แขวนไว้มาใส่ทับชุดไปรเวท ก่อนหันองศาไปหาอีกคน และเห็นสายตาของเขา ที่กำลังมองหญิงสาวอยู่ก่อนแล้วเช่นเดียวกัน“พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินโทรมาน่ะ มีเคสคนโดนตะขาบกัดมา แล้วน่าจะแพ้มาก ฉันต้องออกไปดูคนไข้ ว่าแต่แก....”“..ฉันจะนอนรอแกอยู่ที่นี่แหละ..แกไปเถอะ..ฉันง่วง!”จอมทัพรีบแทรกขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ...ไม่ไล่เขากลับ ก็อาจจะอ้างว่ามีธุระอะไรสักอย่างนั่นหละ เ
“แค่ฉันอยากจะเห็นหน้าแกก่อนไป...แล้วก็อื้ม~~”เป็นปิ่นปักเองที่เป็นคนรั้งต้นคอของจอมทัพ ลงมารับกับริมฝีปากของตัวเอง...เป็นฝ่ายจูบเขาก่อนอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยทำ...“อื้ออ~~”ปิ่นปักครางอือ เมื่อถูกอีกคนเป็นฝ่ายรุกกลับอย่างหนักหน่วง ทั้งดูดดึงขบเม้มริมฝีปากของหญิงสาว จนทำให้อีกฝ่ายหายใจตามแทบไม่ทัน แต่จอมทัพก็รู้จังหวะเป็นอย่างดี เขาผละออกให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้าง ก่อนจะเริ่มใหม่สลับกันอยู่อย่างนั้นฝ่ามือหนาลูบไล้เคล้นคลึงไปทั่วเนื้อตัวของเธอ จากนั้นจึงจัดการกับเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอย่างง่ายดายอื้อ~~”ร่างบางครางอืออีกครั้ง หลังจากถูกวางลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างหนาจะตามลงมาทาบทับ พร้อมกับริมฝากปากหยักที่กำลังสำรวจไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มอัตราความหนักหน่วง จนอีกคนต้องร้องประท้วงออกมา“อ๊ะ!เบาๆให้ฉันหน่อยสิวะ..แกนี่มันชอบเสพติดความรุนแรง..ทำฉันเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้วนะเว้ย!?”“ถามเพื่อ? ในเมื่อแกก็รู้ดี...แล้วฉันก็กำลังจะทำให้แกชอบเหมือนกับฉันด้วยไง...”!!!หงับ!“อ๊ะ!..ไอ้..อ๊า!..อื้ออ~~จอม~~”จอมทัพทำคล้ายกับจะรุนแรงเพื่อต้องการจะแกล้งหญิงสาว เพราะเขารู้สึกมันเขี้ยวเ
ปิ่นปักได้รับการ์ดเชิญงานแต่งของ สมาพร เพื่อนสาวที่เคยเรียนหมอรุ่นเดียวกัน และในการ์ดเชิญนั่นก็ระบุไว้ว่า ต้นนที คือชื่อของคนเป็นเจ้าบ่าว ซึ่งเขาเป็นหมอรุ่นพี่ ที่เคยมีสถานะเป็นแฟนเก่าของหญิงสาว แต่ก็ชั่วระยะเวลาไม่นานชายหนุ่มเป็นถึงเดือนมหาลัย เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงฐานะทางครอบครัวก็เข้าขั้นเศรษฐี มีผู้หญิงมากมายที่ต้องการมาอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่ต้นนทีก็เลือกเธอทั้งสองคนตกลงคบหาดูใจกันได้ไม่นานนัก หลังจากที่ปิ่นปักรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็เลยบอกเลิกเขาไปซะอย่างงั้นตอนนั้นต้นนทีโกรธเธอมาก เพราะเหมือนถูกปิ่นปักหักหน้าเขาอย่างแรง เขาจึงแกล้งปิ่นปักด้วยการเอาเรื่องของเธอไปพูดในทางเสียหายจนดังไปทั่วมหาลัยส่วนหญิงสาวก็ไม่ได้แก้ข่าวอะไรทั้งนั้น เพราะเพื่อนๆ ที่สนิทกันต่างก็รู้ดีว่าข่าวที่ต้นนทีปล่อยออกไปนั้นมันไม่ใช่ความจริง และมันก็ค่อยๆ ถูกลืมเมื่อมีเรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่าผุดขึ้นมาแทนผ่านมาหลายปี ต่างคนต่างก็ไปเป็นหมอตามโรงพยาบาลต่างๆ แต่ยังคงติดต่อกันทางกรุ๊ปไลน์เธอไม่ได้อยากรู้หรอกว่าสองคนนี่ พัฒนาความสัมพันธ์กันมายังไง แต่ก็ต้องไปร่วมงานตามมารยาทด้วยนั่นแหละเพราะเพื่อนห
“ฉันรักแก อยากแต่งงานกับแกแล้วก็มีลูกกับแก กับแกคนเดียวเท่านั้น...แต่ฉัน..แค่ไม่อยากทำลายความฝันของแก...แล้วแกก็...”“แกยังมีต่ออีกเหรอวะ! ฉันกำลังอินเลย...”ปิ่นปักแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ เพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะทันละมั้งก็ตั้งแต่ได้ผัวเป็นมัน นั่นน่ะทำลายความฝันของเธอไปแล้วหนึ่งข้อ ส่วนข้อที่สองมาบอกรักกันแถมยังขอแต่งงาน ความฝันห่าอะไรนั่นก็ลืมมันไปได้เลย“มีอีกนิด”“งั้นเชิญแกพูดออกมาให้หมดเลย...ฉันกำลังรอฟัง”พอได้ยินอย่างนั้นจอมทัพจึงยอมพูดความในใจออกมาให้เธอได้ฟังทั้งหมดว่า... “แล้วแกก็กำลังจะไปเรียนต่ออเมริกาตั้งหลายปี ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับแกสองคนให้มากที่สุด เพราะฉันคงจะตามไปดูแลแกที่นั่นไม่ได้ ระยะเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนไป เพราะเราอยู่ไกลกันมาก แล้วอีกอย่างที่นั่นมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น มันอาจจะทำให้แกเขว เพราะแกเองก็อยากจะได้ผัวฝรั่งอยู่แล้วนี่ แล้วฉันก็ดันเบิกทางให้พวกมันไปแล้วด้วย ฉันคงทนไม่ได้เวลาที่นึกภาพว่าแกกำลังเอากับมัน...ปิ่นแก...”แป่ะ!“ไอ้บ้า! เดี๋ยวๆๆ นะ แกช่วยหยุดพูดก่อนได้มั๊ยวะ? ปิ่นปักรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอาฝ่ามือเข้าไปปิดปากอีกคนหนึ
ปิ่นปักรีบผละออกมาก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกับเธอมากเกินไป แต่มันก็ไม่น่าจะทันแล้วมั๊ย? เพราะจอมทัพเป็นคนที่รู้สึกไวต่อสัมผัสของคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟหญิงสาวก็คือน้ำมันชั้นดีนั่นเลย“เรามาฉลองครัวใหม่กันมั๊ย?”เหมือนที่ปิ่นปักคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดไง ก็คนมันรู้ใจแล้วก็เห็นขี้เห็นไส้กันมานานก็อย่างงี้นี่แหละ...“กินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะผู้กอง?...แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ...จากนั้นก็บอกตัวเองว่ายุบหนอๆ เป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็ช่วยทำตามที่คุณหมอแนะนำนะ...”จอมทัพหัวเราะพรืดออกมาทันที ที่เห็นคนตรงหน้ายกฝ่ามือบางขึ้นมาตบกลางอกเขาเบาๆ ในตอนที่บอกกับเขาว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ นั่นแต่มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อฝ่ามือบางเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงช่วงล่างแล้วก็สั่งให้มันยุบลงหมับ!จอมทัพจับหมับลงมาบนข้อมือของคนตัวเล็กกว่า เพราะรู้นะสิว่าเธอจงใจจะแกล้งกัน แล้วมันก็ทำให้เขาอยากจะแกล้งเจ้าตัวกลับไปบ้าง...อย่างงี้...“พอดีผมเป็นเด็กดื้อนะครับ ก็คุณหมอเล่นลูบคลำมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีแต่พองหนอๆ อย่างเดียว...เป็นงั้นผมก็จะขอเอาคุณหมอตรงนี้เลยน่าจะดีกว่ามั๊ย
“จอม!...แกตั้งใจจะเซอร์ไพร์สฉันใช่มั๊ยละเนี่ย? ถึงได้ไม่ยอมบอกกัน แล้วปล่อยให้ฉันเข้ามาเห็นเองงี้เหรอ...งื้อ...มันน่ารักมากเลยว่ะ”ปิ่นปักอุทานตั้งแต่เห็นบ้านดินมาแต่ไกลๆ และกระโดดลงไปจากรถในทันที โดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เลยด้วยซ้ำเจ้าของร่างบางวิ่งเข้าไปสำรวจภายในบ้านดินที่ปลูกเอาไว้ได้อย่างน่ารัก หลังจากที่หญิงสาวดูทุกอย่างจนทั่วแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้เปิดหน้าต่างออกไป ในขณะที่เห็นร่างหนากำลังถือข้าวของเดินเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี“ที่แกจ้างเขาทำไปทั้งหมดเนี่ย เสียเงินไปเท่าไหร่วะ แพงมากป่ะ?”“ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินคุณนายจันทรา” จอมทัพตอบพร้อมกับยิ้มขำรับ ในขณะที่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ติดกันกับหน้าต่าง พลางหันไปถามเจ้าของร่างบาง“แล้วไม่คิดจะช่วยกันขนของ?”“ฉันเป็นผู้หญิงต้องอ่อนแอป่ะ? แกทำไปคนเดียวเลยนะอย่ามาบ่น!” แล้วจอมทัพก็ถูกย้อนกลับมาทันทีอย่างที่เห็นว่าเขาแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินสำรวจไปทั่วๆ อีกรอบอย่างรู้สึกชอบใจเพราะช่วงหลังๆ ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ถูกถ่ายเทมาจากที่อื่นค่อนข้างมาก ปิ่นปักจึงไม่มีเวลาได้มาพักที่นี่สัก
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านของหญิงสาว พร้อมกับหิ้วกระเป๋าให้เจ้าตัวที่เดินตามหลังเขาไปติดๆเมื่อมาถึงห้องรับแขก เจ้าของร่างใหญ่จึงเข้าไปกราบทักทายบิดามารดาของปิ่นปักที่กำลังนั่งรอลูกสาว จากนั้นเขาจึงขอตัวกลับบ้านที่อยู่ติดกันหลังถัดมาเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ก็เห็นคนเป็นมารดานั่งรอเขาอยู่ก่อนหน้านั้น เพราะรู้ว่าลูกชายจะกลับมาหาท่านในวันนี้เจ้าของร่างหนายกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะกวาดสายตามองหาน้องสาว ต่อเมื่อไม่เห็นเจ้าจันทร์นั่นละเขาจึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมา“ไอ้เจ้ามันไปไหนละครับแม่ ป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้ามันเลย”“เจ้ามันรู้ว่าจอมจะกลับมาบ้านวันนี้ไง ก็เลยขอแม่ไปค้างบ้านครูตาลสักสามวันเพื่อติวข้อสอบกับเพื่อน ๆ ของมันนั่นแหละ คราวนี้จะกลับมาอยู่กับแม่สักกี่วันละ? เห็นน้องมันบอกว่าหนูปิ่นก็กลับมาพร้อมกันนี่ใช่มั๊ยลูก?”นางจันทราถามลูกชายในสองประโยคหลัง นัยน์ตาสีเจือจางบ่งบอกวัยมองหน้าลูกชายนิ่งๆ เชิงรอคำตอบจากเจ้าของร่างใหญ่ในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างกัน“ครับแม่..ผมได้กลับมาอยู่กับแม่อาทิตย์หนึ่งครับ”“เห็นเจ้ามันเล่าให้แม่ฟังอีกว่า หนูปิ่นน่ะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเ
จอมทัพขับรถมารับปิ่นปักช่วงเย็น หลังเวลาเลิกงานเพื่อเดินทางกลับบ้านของทั้งคู่ที่อยู่ต่างจังหวัดพร้อมกันด้วยระยะทางที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก จอมทัพจึงใช้เวลาในการขับรถไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วบ้านของทั้งคู่มีรั้วอยู่ติดกันแต่คนละสไตล์ บ้านของจอมทัพเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ ห่างออกไปในบริเวณเดียวกันเป็นโรงงานทำขนมไทย ที่ใช้แรงงานจากคนในหมู่บ้านทั้งนั้น และเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยตายาย และขนมที่ทำทั้งหลายจะถูกส่งไปขายทั่วประเทศไทย มีทั้งที่ส่งให้และมารับไปขายเองพื้นที่ทางด้านหลังยาวออกไปคือสวนผลไม้ ที่นางจันทราปลูกเอาไว้มากมายหลากหลายชนิดอยู่ติดกับบึงใหญ่ และมันก็เป็นสถานที่ที่จอมทัพมักจะพาปิ่นปักเข้าไปยิงนกตกปลาเล่นๆ กันเป็นประจำส่วนบ้านของปิ่นปักจะเป็นบ้านทันสมัยสไตล์ยุโรป ทั้งพ่อและแม่ของหญิงสาวมีอาชีพเดียวกันนั่นก็คือเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเปิดคลีนิครักษาคนไข้ในช่วงเวลานอกราชการทั้งสองครอบครัวสนิทกันมากเนื่องจากนางจันทราซึ่งเป็นมารดาของจอมทัพ เป็นเพื่อนสนิทกับแพทย์หญิงสมฤทัยแม่ของปิ่นปักนั่นเองอีกทั้งนางจันทรายังได้แบ่งที่ทางด้านข้าง ขายให้กับสมฤทัยใน
เพียงแต่...วันนี้มันมีอะไรที่ต่างไปจากเดิม...ต่อให้จอมทัพจะจาบจ้วงอย่างหนักหน่วงหรือล่วงล้ำหญิงสาวมากแค่ไหน แต่ในวันนี้มันกลับทำให้เธอรู้สึกลึกซึ้ง มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยคำพูดที่ว่า เธอคือคนพิเศษอีกทั้งยังเป็นที่รักของมันเพียงคนเดียว...และอ้อมกอดจากร่างใหญ่ ที่มีให้กันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งทุกอย่างได้จบลง...“จอม...ตื่นเถอะ”“......”มือบางเขย่าร่างหนาที่นอนซุกใบหน้าคมคายเอาไว้ตรงสองเต้าที่เจ้าตัวโปรดปราน ในขณะเดียวกันร่างใหญ่ก็ใช้วงแขนกอดรัดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนแทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้เลยถึงปิ่นปักจะเรียกยังไงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงตัดสินใจเรียกมันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม“ไอ้จอม!...ตื่น!...”“......”ไม่มีสัญญาณตอบรับจากร่างหนา ถึงแม้ว่าเธอจะเรียกมันอยู่ข้างหู แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ พอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงตัดสินทำอะไรบางอย่างกับเจ้าของร่างใหญ่...แบบนี้ไง...หงับๆ!“โอ๊ย!..ไอ้หมาปิ่น!...แกกล้ากัดหูฉันเหรอ!?”จอมทัพสะดุ้งโหยง ก่อนจะร้องเสียงหลงโวยวาย จากนั้นจึงก้มลงไปงับหัวนมของอีกฝ่ายเพื่อเอาคืนในเวลาอันรวดเร็ว“นี่แน่ะ!...”หงับ!
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ปิ่นปักก็ถูกร่างใหญ่ดันให้ถอยล่นจนติดฝาผนัง พร้อมกับใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างเธอเอาไว้“แกมองฉัน ราวกับว่าฉันเป็นไอ้บ้าหื่นกาม?...”จอมทัพโน้มหน้าลงมาถามคนตัวเล็กว่า ในขณะที่อีกฝ่ายช้อนสายตาขึ้นมอง ก่อนจะย้อนคำถามกลับไปทันที“รึไม่ใช่...?”เธอว่าในขณะที่ยกแขนทั้งสองข้างดันร่างเขาออกห่างพลางเดินหนี แต่วงแขนแกร่งก็ตามมาคว้าร่างบางแล้วรั้งเข้ามาหาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มใส ก่อนจะสูดหายใจเข้าไปเต็มแรง นั่นทำให้ใบหน้าของคนที่อยู่ในวงแขนแกร่ง เห่อแดงขึ้นมาอย่างฉับพลันเพราะการกอดของเขาครั้งนี้นั้น มันทำให้ช่องว่างระหว่างกันหายไปทันที และมีเพียงเสียงของลมหายใจที่กำลังปะทะกัน ก่อนที่มันจะเพิ่มระดับขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจของทั้งคู่ ที่ต่างก็รู้ว่าต้องการกันและกันมากแค่ไหน“ไม่ได้เหรอ? ”จอมทัพก้มลงมากระซิบเป็นประโยคคำถาม พลางจับมือเรียวบางยกขึ้นมาคล้องคอของเจ้าตัวเอาไว้ก่อนจะพูดในประโยคต่อไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เงียบฟัง“ฉันก็เป็นแบบนี้กับแกแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ หรือว่าแกไม่อยากจะให้ฉันทำ?”“......”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามเมื่อเห็นว่าเจ้
“ปิ่น!”“โธ่โว้ย! เรียกอยู่นั่น?...แกรีบออกไปจากรถเลยนะฉันรำคาญ! ”ปิ่นปักหันมาตวาดใส่ ในขณะที่ยกมือบางขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง พลางเบี่ยงองศาหน้าหันไปท่าเดิม แต่ถูกมือใหญ่กว่ารั้งร่างของเธอให้หันกลับมาประจันหน้ากัน แล้วพอชายหนุ่มทำอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าก็ทำหน้าดื้อใส่และตั้งท่าจะโวยวายกลับไปให้อีกรอบไง“ไอ้!...”“แกเงียบ!...แล้วฟังฉัน!”!!!“แล้วถ้าฉันไม่ฟัง! แกจะทำไม!?”“ต้องฟัง!”“ไม่ฟัง!”“ฟัง!”หากเป็นในหนัง ถ้านางเอกดื้อใส่มากขนาดนั้น มันก็ต้องมีวิธีทำให้เงียบเสียงของตัวเองลง ด้วยการจูบปิดปากจากตัวพระเอกนั่นแหละ แต่ทว่าท่าทีของคนตัวใหญ่กว่า ก็ไม่เห็นว่าจะทำแบบนั้นกับปิ่นปักเลยสักทีก็เพราะเจ้าของร่างใหญ่ไม่เคยดูหนังแบบนี้เลยไง ถึงไม่เข้าใจฟีลของนางเอกว่าต้องการอะไรบ้างอย่างจอมทัพหากไม่ใช่หนังผจญภัย ก็ต้องเป็นหนังสงคราม มีอยู่สองสามอย่างเท่านั้นละมั้งในชีวิตของมันเนี่ยหนังรักๆ ใคร่ๆ นะเหรอลืมไปได้เลย ก็ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยดูมันเลยด้วยซ้ำ ถึงไม่รู้ว่าเขาต้องทำกันยังไง?ควายเรียกพี่ก็ต้องเป็นมันด้วยนั่นแหละ!ปิ่นปักดื้อดึงและพยายามจะขืนตัวออกมา แต่ก็ถูกร่างหนาจับต้นแขนของเธอยึดเอาไว
ปิ่นปักเดินผ่านโต๊ะทำงานของนายตำรวจหลายๆ นาย ที่ส่วนใหญ่หญิงสาวจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่นัก นั่นอาจเป็นเพราะว่าเจ้าตัวย่างกรายเข้ามาที่โรงพักแทบจะนับครั้งได้อีกทั้งจอมทัพมักจะออกไปทำงานนอกพื้นที่นั่นซะมากกว่า หรือบางครั้งบางคราอาจจะต้องแอบซุ่มดูผู้ต้องสงสัยอยู่นานหลายวัน หรือไม่ก็จนกว่าจะปิดคดีได้แล้วนั่นแหละแต่ที่เธอมาหามันได้ในตอนนี้ก็เพราะรู้นะสิว่าจอมทัพเพิ่งจะปิดคดี และวันนี้ชายหนุ่มก็แค่เข้าไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่เท่านั้น หากว่าไม่เจอมันอยู่ที่โรงพัก ปิ่นปักก็แค่กลับห้องเท่านั้นเองก็กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ แต่ทว่าเมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไป กลับกลายเป็นเธอที่ต้องถูกมันเซอร์ไพรส์แทนเพราะภายในห้องทำงานของผู้กองไม่ได้มีแค่เจ้าของห้องอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวสายตาของคนทั้งคู่หันไปมองทางประตูห้องที่ถูกเปิดออก โดยร่างบางที่กำลังยืนมองจอมทัพจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบเช่นเดียวกันกับเขา เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นเธอใส่กระโปรงสั้น และที่สำคัญเครื่องหมายที่ติดอยู่บนบ่า เชิงบอกสัญลักษณ์ให้รู้ ว่าผู้หญิงคนนั้นมียศเดียวกันกับคนของเธอ“ปิ่น!....”จอมทัพเรียกชื่อปิ่นปัก